Masukติ๊ด! แกร๊ก! ร่างบางที่ยังคงอยู่ในเสื้อสีแดงเปิดประตูเข้าห้องมาก่อนจะถอดรองเท้าและเดินเลยเอากระเป๋าสะพายไปวางไว้บนโต๊ะหน้าทีวีโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกพี่วินและแม่ของเธอว่าถึงที่พักแล้วจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
เมจิเดินไปที่หน้ากระจกมองภาพสะท้อนตรงหน้า ตาเรียวสวยมองตัวเองชัดๆ อีกทีแล้วก็ได้แต่คิดในใจเหมือนเดิมว่ามันเด่นน้อยลงกว่าเดิมตรงไหนก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แล้วใช้มือจับชายเสื้อยกถอดออกจากตัว มือบางพลิกเสื้อที่ถอดออกมาดูเลยเห็นว่ามีป้ายแท็กห้อยอยู่ด้านในตรงคอปก…เสื้อใหม่นี่ถึงว่าล่ะตอนใส่ทำไมเหมือนมีอะไรขูดบนผิวจนรู้สึกคันยิบๆ
“เดี๋ยวค่อยเอาไปซักพรุ่งนี้แล้วกัน” ปากเล็กพึมพำบอกกับตัวเองก่อนจะพับเสื้อให้เรียบร้อยและวางไว้บนโต๊ะใกล้ตัว
ครืดดด ครืดด ~
“ว่าไงจ๊ะมัมหมี ~” เธอกดรับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นแม่ของตนโทรมาพร้อมกับเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงกวนๆ อย่างต้องการหยอกล้อคนปลายสาย
(อารมณ์ดีสินะลูกสาวฉัน)
“55555 แค่อยากแกล้งแม่เฉยๆ …โทรมาคิดถึงหนูหรอ?”
(งั้นแม่วางสายเลยนะ…)
“โห่ๆๆ เดี๋ยวสิ…มีเรื่องจะบอกแม่อยู่พอดี”
(แกไปทำอะไรไม่ดีมาหรือไง!)
“แม่ใจเย็นนะ…เมจะบอกเฉยๆ ว่าจะลองหางานทำดูไหนๆ พี่โมก็กลับมาช่วยที่บ้านแล้วงานเมคงไม่มีอะไรมากน่ะ”
นี่ฉันเกือบลืมบอกแม่ไปเลยนะเนี่ยเพราะพี่สาวฉันหรือพี่โมนากลับมาช่วยงานที่บ้านได้เต็มตัวแล้วหลังจากขอตัวไปเลี้ยงลูกมาสามสี่ปี ฉันก็เลยว่าจะหาเรื่องออกไปเจอสังคมสักหน่อยแหะๆ
(อืม ก็แล้วแต่แกตัดสินใจอย่าไปทำงานหนักๆ ก็พอ…เดี๋ยวแม่บอกพ่อไว้ให้ แต่ไม่ใช่ว่าติดผู้ชายหรอกนะ?)
“โห เห็นลูกสาวคนสวยเป็นคนแบบไหนเนี่ย ที่แม่โทรมาเพราะอยากรู้อะสิว่าไปเจอผู้ชายมาเป็นไงบ้าง”
เธอคุยหยอกล้อกับคนปลายสายอย่างแม่ลูกที่สนิทกันเพราะก่อนจะออกไปเจอกับเขาเธอก็ส่งข้อความบอกแม่ไว้ด้วยเพราะรายนี้ชอบกังวลกลัวลูกสาวตัวเองจะไปทำมิดีมิร้ายผู้ชาย…นี่ฉันต้องดูเป็นคนยังไงกันนะ 55555
(แล้วเป็นไงบ้างพี่วินไรของแกนั่น เขาโอเคไหม แกลวนลามเขาหรือเปล่า?)
“นี่แม่เห็นเมเป็นคนยังไงเนี่ยยยย” เมจิแทบอยากจะกรี๊ดออกมาจริงๆ ที่แม่ของเธอยังคงพูดออกมาแบบนั้นแต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายเบ่าออกไปเองอยู่ดี
“อืมมม…เมว่าเขาก็น่ารักดีถ้าดูจากแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ได้เจอกันนะ ถึงเขาจะดูขี้เล่นกะล่อนแต่เอาเข้าจริงๆ ก็ดูเป็นคนจริงจังอยู่ดูเป็นผู้ใหญ่ดี” เธอบอกแม่ไปตามความรู้สึก
(งั้นก็ดีแล้วใช้เวลาค่อยๆ ดูไปอย่ารีบร้อนละกันนะเรา) น้ำเสียงจากปลายสายที่ตอบกลับมาแฝงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน
“ไม่รีบ…แต่แอบแต๊ะอั๋งผู้ชายหน่อยได้เปล่า อิอิ”
(แกมันก็ดีแต่ปากนั่นแหละเลี้ยงมาทำไมจะไม่รู้…งั้นแม่วางละนะรายการโปรดมาแล้ว ส่วนแกก็ไปอาบน้ำนอนได้แล้วดึกแล้ว)
“จ้าๆ ฝันดีนะจ๊ะ จุ๊บบบบๆๆ” หมดเรื่องสนใจก็ไปเลยนะเนี่ยแม่ฉัน
07:30 น. เช้าอีกวัน
กริ๊งงง ~ กริ๊งงงง ~
“งืมมม…” เมจิที่กำลังซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มดึงมือออกมาก่อนจะควานหามือถือที่อยู่ข้างตัวแล้วกดปิดนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้เมื่อคืนให้เงียบลง
หาวววว ~ ปากเล็กอ้ากว้างก่อนจะค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นมานั่งด้วยความทุลักทุเล ทำไมรู้สึกปวดเมื่อยตามตัวแบบนี้นะเหมือนคนแก่เลยสงสัยเป็นเพราะตีกอล์ฟเมื่อวานแน่ๆ ต้องขยันออกกำลังกายให้มากกว่านี้สักหน่อยแล้วมั้งยัยเม
เท้าเรียวเล็กหย่อนลงจากที่นอนก่อนจะทำท่าทางยืดเส้นยืดสายแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำสักพักหนึ่งถึงได้ออกมาแต่งหน้าแต่งตัวพร้อมกับหาอะไรรองท้องนิดหน่อยยามเช้า
“ออกไปเลยดีกว่า…เราจะประมาทการจราจรในกรุงเทพฯไม่ได้”
เสียงหวานพูดขึ้นบอกกับตัวเองหลังจากเพิ่งแต่งตัวเสร็จแล้วเหลือบตามองเวลาที่ปาไปเก้าโมงกว่าแล้ว ถึงแม้วันนี้เธอจะมีนัดกับพี่วินตอนสิบโมงเช้าและเป็นห้างที่ไม่ห่างจากที่พักของเธอมากเท่าไหร่แต่เผื่อเวลาไว้หน่อยก็น่าจะดีกว่าล่ะนะ
ใช้เวลาไม่นานเมจิก็มาถึงห้างที่นัดกันไว้ ขาเรียวสวยเดินเข้าไปในห้างพลางหันหัวมองซ้ายขวาหาจุดสังเกตก่อนจะส่งข้อความบอกพี่วินว่าเธอรอเขาอยู่ตรงไหนชั้นไหน พอส่งข้อความเรียบร้อยก็หย่อนมือถือเก็บลงกระเป๋าตามเดิมก่อนจะชะเง้อมองซ้ายมองขวาก็เห็นร้านขายชุดชั้นในสตรีที่มีป้ายโฆษณาลดราคา 70% เด่นดึงดูดสายตา…อืม ระหว่างรอพี่วินมาเดินเข้าไปดูหน่อยดีกว่า
เมจิเดินดูไปเรื่อยๆ จับตัวนั้นทีตัวนี้ทีก่อนจะมาหยุดที่ชุดชั้นในเข้าเซตลายลูกไม้สีขาว นิ้วเรียวไล่หาไซซ์ของตัวเองก่อนจะหยิบขึ้นมาดูพลิกด้านหน้าด้านหลังด้วยความสนใจ
“ขนาดนี้นี่เอง…พี่ว่าก็กำลังพอดีมือนะ”
“!!!”
ร่างบางสะดุ้งทันทีที่อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มติดขี้เล่นพูดขึ้นชิดใบหู ทำให้เธอรีบวางสิ่งที่ถืออยู่ในมือกลับเข้าที่เดิมด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับมาหาต้นตอของเสียงก็เห็นหนุ่มแว่นตัวสูงยืนอยู่พร้อมกับโน้มตัวเข้ามาหาเธอด้วยท่าเอามือไพล่หลังก่อนจะลากตาคมมองเลยไปที่เสื้อชั้นในที่เพิ่งถูกเธอวางกลับเข้าชั้นไปเมื่อสักครู่
“ไม่ซื้อหรอ?”
“เมหิวข้าวแล้วไปกินข้าวกันดีกว่า” คนตัวเล็กไม่ตอบแต่รีบเบี่ยงประเด็นคว้าแขนชายหนุ่มเดินออกมานอกร้านทันที
“สรุปไม่ซื้อจริงๆ หรอพี่ว่าสวยดีนะ” วินยังคงถามย้ำ
“โอ๊ย พี่ก็…เดี๋ยวเมค่อยมาซื้อ”
“55555 โถ่ก็นึกว่าเขินแล้วจะไม่เอา” เขาปล่อยเสียงหัวเราะออกมากับความน่าแกล้งของหญิงสาวข้างกาย
นัยน์ตาสวยได้แต่มองผู้ชายตรงหน้าที่ยืนขำใส่เธอด้วยความชอบอกชอบใจกับคำตอบ…เขินมันก็เขินอยู่หรอกแต่ลดขนาดนี้กับคุณภาพดีแบบนั้นต้องเอาไว้ก่อนแหละไว้ค่อยเขินทีหลังแล้วกัน
ร้านอาหารญี่ปุ่น
“ข้าวหน้าเนื้อวากิวกับชุดเบนโตะซาซิมิ ทานให้อร่อยนะคะ” เสียงพนักงานเอ่ยขึ้นหลังจากเสิร์ฟอาหารลงบนโต๊ะเรียบร้อยก่อนจะเดินจากไป
“ว่าแต่วันนี้เราจะไปไหนกันหรอพี่” เสียงหวานถามคนที่นั่งตรงข้ามเธอแล้วก็เริ่มจัดการกับอาหารที่อยู่ตรงหน้าไปด้วย
“อืม…ไปปั่นเป็ดไหม? วันนี้น่าจะพอเดินเล่นข้างนอกได้นะแดดไม่จัดเท่าไหร่”
“ได้ค่ะ เอ้อ จริงสิ เมว่าจะลองหางานทำดูด้วยช่วงนี้งานที่บ้านไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่” เธอบอกเขาทันทีที่นึกออก
“จริงหรอ…แล้วมีดูๆ ไว้บ้างไหม ทำเรซูเม่หรือยัง” ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมาจากอาหารตรงหน้าแล้วมองเธอด้วยสายตาจริงจัง
“ก็ดูๆ ไว้บ้างแล้วนะ เมมีเรซูเม่อยู่แล้วอีกอย่างเมจบบริหารก็คงหางานได้ค่อนข้างหลากหลายอยู่มั้ง”
“แล้วสนใจงานประเภทไหนเป็นพิเศษไหม เช่น เป็นเด็กเอ็นให้พี่?”
“เฮ้อออออ!” เมจิถอนหายใจออกมาเสียงดังอย่างต้องการให้คนตรงข้ามรับรู้ถึงความรู้สึกภายในใจ…
ขอถอนคำพูดที่ว่าพี่เขาดูเป็นคนจริงจังออกละกัน!
“5555 โอเคๆ ไม่เล่นแล้ว พี่พอจะมีคนรู้จักอยู่ยังไงเดี๋ยวบอกอีกที”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกสาวน้อยตรงหน้าก่อนจะตักอาหารในจานเข้าปากไปอีกคำ หลังจากนั้นทั้งสองคนก็นั่งกินอาหารกันจนเกลี้ยงโดยที่เมจิก็เริ่มคุ้นชิ้นกับเขามากขึ้นแล้ว
“เมว่าเราไปรถไฟฟ้าก็ได้นะแถวนั้นน่าจะหาที่จอดยากด้วย”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นหลังจากที่เดินออกมาจากร้านอาหาร…
“พี่ไม่มีปัญหา…แต่เมอะไหวไหม” คนตัวสูงตอบก่อนจะใช้สายตามองเมจิที่วันนี้ใส่สูทโอเวอร์ไซซ์ด้านในเป็นครอปทอปสีดำกับกางเกงยีนส์ขายาวที่ผ้าก็ดูจะหนาอยู่
“ไหวสิ ทำไมจะไม่ไหวเห็นงี้เมแกร่งมากนะ” คนตัวเล็กกว่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมยักคิ้วให้อีกที เธอพอจะรู้อยู่ว่าจากห้างเดินไปสถานีรถไฟฟ้าไม่ใกล้เท่าไหร่…สบายมาก!
15 นาทีผ่านไป
“แฮ่ก แฮ่ก เฮ้อออ ถึงส๊ากที!” เมจิหอบหายใจก่อนจะพูดออกมาพร้อมกับยกหลังมือขึ้นซับเหงื่อตรงขมับของตนเอง
“หึ ไหนบอกว่า ไหวสิ ทำไมจะไม่ไหว” วินพูดพร้อมทำเสียงล้อเลียนร่างบางก่อนจะยักคิ้วให้หนึ่งที
“ก็ไหวไงแต่ขอบ่นหน่อยไม่ได้หรอ” หน้าสวยๆ หันไปทำหน้ามุ่ยใส่คนที่แกล้งล้อเลียนเธอ
“อ่อครับๆ ครับผมๆ”
“พี่ นั่นเสียงรถไฟนี่ เรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวไม่ทันขบวนนี้”
เมจิพูดขึ้นหลังจากได้ยินเสียงรถไฟที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสถานีพร้อมกับขาเรียวรีบก้าวออกไปโดยไม่ลืมคว้าแขนของชายหนุ่มให้เดินตามมาด้วยเพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นมีหวังได้พลัดหลงกันแน่ๆ
ใช้เวลาอีกประมาณเกือบสามสิบนาทีทั้งคู่ก็มาถึงสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองถึงแม้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แต่ด้วยความที่พื้นที่ค่อนข้างกว้างคนเลยดูไม่ค่อยพลุกพล่านมากนัก ภายในสวนอากาศถ่ายเทร่มรื่นเพราะมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเกือบทั่วทั้งบริเวณ มีพื้นที่สำหรับให้นั่งปิกนิก ปั่นจักรยาน และ แบ่งเป็นสัดเป็นส่วนระหว่างโซนสัตว์เลี้ยงกับโซนกิจกรรมไว้อย่างเป็นระเบียบ
“อากาศดีกว่าที่คิดนะเนี่ย…เราไปตรงซุ้มปั่นเป็ดก่อนเลยดีไหม” เสียงทุ้มพูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองคนตัวเล็กกว่าที่เดินอยู่ข้างๆ
“อื้ม! พี่ว่าไงเมก็ตามนั้น”
ร่างสูงพอได้ยินแบบนั้นก็พาเมจิเดินตรงไปยังซุ้มกิจกรรมด้านหน้าที่อยู่ห่างไปไม่มากจากจุดที่ทั้งสองคนยืนอยู่ พอเดินมาถึงก็มีเจ้าหน้าที่กำลังนำเสื้อชูชีพออกมาเรียงพร้อมกับลากเจ้าเรือเป็ดขึ้นมาตั้งรอไว้บนแพทุ่นลอยน้ำ
“ขอโทษนะครับ…อันนี้เปิดหรือยังครับ” วินเอ่ยถามเจ้าหน้าที่หญิงคนนึงที่กำลังเอาสมุดรายชื่อออกมาวาง
“เปิดแล้วค่ะพี่…เขียนชื่อลงสมุดนี่ได้เลยนะคะ” เจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นตอบพร้อมกับส่งสายตาให้หนุ่มหล่อที่เอ่ยถามเธอ
วินเขียนเพียงชื่อเล่นของตนเองกับเมจิลงไปโดยไม่รู้ตัวว่ามีคนตัวเล็กคอยแอบสังเกตการณ์เงียบๆ ว่าเขาได้เล่นหูเล่นตากับผู้หญิงคนนั้นไหม…
ไม่ได้หรอกฉันต้องเก็บทุกรายละเอียดอีกอย่างเขาก็ดูจะกะล่อนอยู่เผื่อเป็นเสือตัวพ่อขึ้นมาเธอจะได้เผ่นทันยังไงล่ะ!
“เดี๋ยวโดนัทไปหยิบชูชีพให้นะคะ” บริการดีเชียวนะหล่อน…
“นี่ค่ะ…ของพี่”
“ขอบคุณครับ”
วินรับชูชีพมาก่อนจะหันมาหาเมจิที่ยืนอยู่ด้านหลังแล้วจัดการใส่ชูชีพให้เธอเสร็จสรรพก่อนจะใส่ของตัวเอง
“ยินดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยบอกคนตรงหน้า
“ถ้าเรียบร้อยแล้วมาทางนี้เลยครับขึ้นเป็ดเลยๆ” เสียงตะโกนดังมาจากแพทุ่นลอยน้ำด้านนอกเรียกให้ทั้งสองคนเดินไปขึ้นเรือเป็ดที่จอดรออยู่ซึ่งเธอกับพี่วินก็เดินไปตามที่เขาเรียก
“โอเค…น้องผู้ชายเข้าไปก่อนเลยครับ ระวังหัวนะ น้องผู้หญิงยกขาดีๆ”
พอทั้งคู่เข้าไปนั่งบนเรือเป็ดเป็นที่เรียบร้อยพี่ผู้ชายก็บอกวิธีการบังคับทิศทางซึ่งแน่นอนว่าเป็นพี่วินรับผิดชอบหน้าที่นี้ ส่วนเธอจะช่วยออกแรงขาอย่างเต็มกำลังก็แล้วกัน!
“เอาล่ะจับแน่นๆ ผมจะดันลงแล้วนะ”
ตู้มมมม!!! ว้ายยยย แน่นอนว่าเสียงกรี๊ดเมื่อกี้เป็นของฉันเอง
“หึ โอเคไหมสาวน้อย” วินกระตุกยิ้มมุมปากกับท่าทางของเมจิเมื่อสักครู่
“สบายดีค่ะลุง อิอิ” มัวแต่เรียกเธอว่าสาวน้อยอยู่ได้ก็ต้องตอบแบบนี้แหละถูกต้อง!
“ปากดีจริงๆ ช่วยปั่นเลยอย่าอู้ๆ”
เอี๊ยด แอ๊ด อี๊ด ~ เสียงเรือเป็ดที่กำลังมุ่งหน้าไปตรงเกาะกลางเพื่อหามุมร่มๆ หลบแดด
“จริงสิ น้องโดนัทอะไรนั่นดูท่าจะสนใจพี่นะ”
“อืม…พอดีพี่ไม่ชอบกินขนมน่ะ ชอบกินนมเมจิมากกว่า”
ใบหน้าหล่อคมของคนที่นั่งข้างๆ หันกลับมาตอบก่อนจะจ้องเธอตาไม่กระพริบ…นี่มันเป็นประโยคที่เธอควรจะใจฟูหรือต้องระวังตัวก่อนดี?
บุ๋ม บุ๋ม ~ ไม่ทันได้คิดอะไรต่อใบหน้าสวยก็ต้องหันหน้ามองตามเสียงที่ดังขึ้นจากฝั่งข้างตัวเธอทำให้สายตาปะทะเข้ากับ…ตะ ตะ ตัว เหี้ย!!!!
“พี่วิน!! เหี้ย!! ไปเร็ว!!!” เธอหันไปบอกเขาพร้อมกับเอามือเขย่าแขนคนข้างๆ ไปด้วยเป็นการเร่งให้ไปจากตรงนี้ไวๆ
“แฮ่ก เมื่อกี้เราแอบด่าพี่เปล่าอะ?” วินเอ่ยถามติดหอบหลังจากที่เพิ่งเดินมาถึงสถานีรถไฟฟ้าเพื่อกลับไปยังห้างที่จอดรถทิ้งไว้
จะไม่ให้เขาเหนื่อยได้ยังไงพอเมจิตกใจก็ลืมช่วยเขาปั่นเลยน่ะสินั่งเขย่าแขนส่งกำลังใจอย่างเดียว…ยัยตัวแสบ!
“ด่าอะไรเมตกใจเฉยๆ พี่คิดมาก…นี่คนเยอะกว่าขามาอีกนะเนี่ย” เมจิตอบโดยไม่มองหน้าแต่เลือกที่จะมองความแออัดของผู้คนในสถานีแทน
“อืม เชื่อก็ได้ รถไฟมานู่นแล้วสงสัยเราต้องใช้วิชาลีบตัวเข้าไปแล้วล่ะ” คนตัวสูงไม่พูดเปล่าแต่ยกมือหนาจับไหล่บางไว้มั่นไม่ให้หลงกัน
ครืดดดด ~ เสียงประตูรถไฟฟ้าเปิดออกก่อนที่คนจากด้านในจะพรั่งพรูกันออกมาพอเริ่มมีพื้นที่ว่างบางคนที่พอแทรกเข้าไปได้ก็เดินสวนเข้าไป เมจิค่อยๆ เดินเข้าไปโดยพยายามไม่ดันหรือเบียดใคร แต่ด้วยความหนาแน่นของคนทำให้ตัวเธอโดนเบียดกระแทกจนเซแต่เพราะมีพี่วินจับไหล่ประคองไว้ทำให้ไม่ล้มลงไป จนในที่สุดเธอก็พาร่างเข้ามายืนมุมที่ว่างด้านข้างประตูจนได้ก่อนจะรีบหันตัวกลับไปหาคนด้านหลังเพื่อรอให้เขาเข้ามา
ปึง!! ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เป็นจังหวะเดียวกับที่ตาเรียวหันไปเห็นคนตัวสูงกำลังแทรกตัวเองเข้ามาแต่ถูกประตูรถไฟฟ้าหนีบเข้าใส่อย่างจังจนตัวของเขากระเด็นออกไปด้านนอกรถไฟฟ้า
เมจิตกใจกับภาพที่เห็นแต่ทันทีที่ประตูเลื่อนเปิดออกอีกครั้งเธอก็รีบเอื้อมมือออกไปดึงเขาให้เข้ามาก่อนจะใช้มือพลิกแขนแกร่งของชายหนุ่มเพื่อดูว่าเขาได้รับบาดเจ็บอะไรไหม
“พี่เจ็บไหม เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
เธอถามขึ้นโดยไม่ได้มองหน้าเขาเพราะตายังคงมองสำรวจไปทั่วตัวของชายหนุ่มก่อนจะจับมือหนาให้จับกับที่จับด้านข้างไว้จะได้ไม่เสียหลัก…คนตัวเล็กแอบรู้สึกผิดอยู่ในใจที่เขาต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอจนสีหน้าและแววตาฉายแววความกังวลออกมาโดยไม่รู้เลยว่ามีนัยน์ตาคมของวินสังเกตทุกกิริยาท่าทางของเธออยู่ตลอด
ครืด กึก กึก ครืด ~ เสียงล้อกระเป๋าเดินทางครูดไปกับพื้นตามแรงดึงของแขนเรียวที่กำลังเดินมุ่งหน้าตรงไปยังลิฟต์ก่อนที่จะเดินไปยังเคาน์เตอร์เพื่อเช็กเอาต์ออกจากที่พัก“เรียบร้อยค่ะคุณผู้หญิง ขอบพระคุณนะคะ”“ขอบคุณค่ะ”เสียงพนักงานสาวเอ่ยขึ้นก่อนที่เมจิจะเอ่ยขอบคุณตอบกลับแล้วเดินลากกระเป๋าออกมาตรงไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ภายในอาคารจอดรถของโรงแรม“ฮึบ! โอเคเรียบร้อย…ออกเดินทางกันดีกว่า”ร่างบางพูดขึ้นหลังจากยกกระเป๋าเดินทางและสัมภาระของตัวเองขึ้นท้ายรถเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะก้าวขาเข้าไปนั่งบนรถโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกที่บ้าน ยัยไลลา และพี่วินว่าเธอกำลังออกเดินทางรถคันสีขาวคู่ใจขับเคลื่อนออกไปจากตัวอาคารมุ่งหน้าไปยังบ้านอันแสนอบอุ่นของเธอ…14:40 น.ณ บ้านสวนเคียงดาวรถคันสีขาวที่คุ้นเคยขับเข้ามาจอดยังที่จอดรถประจำ ไม่นานนักคนตัวเล็กก็ลงมาจากรถก่อนจะยืดแขนบิดตัวไปมาพร้อมกับสูดลมหายใจเอาอากาศสดชื่นเข้าไปเต็มปอด…อากาศบริสุทธิ์แบบนี้หาในเมืองไม่ได้จริงๆ“เฮ้อออ ต้องแบบนี้สิ” เมจิหลับตาพริ้ม ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากได้ยืดเส้นยืดสายเพราะโดยปกติถ้าเธอเดินทางคนเดียวจะชอบขับรถยิ
ปี๊นนๆๆ เฟี้ยว! แง้นนน ~ เสียงจากการจราจรที่คับคั่งด้านนอกไม่ว่าจะรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือรถโดยสารสาธารณะดังเล็ดลอดเข้ามาภายในรถญี่ปุ่นที่กำลังมีสองหนุ่มสาวนั่งติดแหง็กอยู่กับไฟแดงบนแยกนี้มาได้ไม่ต่ำกว่าสามสิบนาทีแล้ว“นั่นไฟเขียวแล้วหรอ…ตดยังไม่ทันหายเหม็นเลยหมดละ” เสียงทุ้มพูดขึ้นหลังจากรถเคลื่อนตัวไปได้เพียงนิดและดูทรงแล้วว่าน่าจะต้องติดอีกรอบ“5555 พี่ตดหรอ…” เมจิขำกับการเปรียบเปรยของคนข้างๆ“งืมมม…เมว่าจะถามพี่อยู่” เสียงหวานเอ่ยต่อนัยน์ตาคมเลยหันมามองอย่างรอฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูด“พี่เจอเมแล้วพี่โอเคไหมหรือมีอะไรที่ไม่ชอบบอกได้เลยนะ”เธอถามออกไปตามตรงก่อนจะสบสายตากับเขาที่ก็กำลังมองเธออยู่เหมือนกัน“ไม่มี…ไม่มีอะไรที่ไม่ชอบ” เสียงทุ้มตอบกลับแล้วจ้องมองเข้ามาในตาของเธอนิ่ง“อ่อ…พี่ไฟเขียวแล้ว!”เมจิที่กำลังจะตอบกลับแต่ตาดันเหลือบไปเห็นไฟที่ถูกเปลี่ยนเป็นสีเขียวก่อนเลยรีบสะกิดบอกพี่วินว่าถึงนาทีทองแล้ว!ทำให้รถที่จอดนิ่งอยู่เคลื่อนตัวออกไปและแน่นอนว่าเราสองคนผ่านไฟแดงมาได้แบบหวุดหวิดชนิดที่ว่าลุ้นจนแทบลืมหายใจก็ไม่เกินจริงเพราะขนาดตอนดูหนังก็ยังไม่ตื่นเต้นเท่านี้เลย…แต๊ก แต๊ก แต๊ก
เช้าวันต่อมาติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนจากมือถือของเมจิดังขึ้นพี่วิน : พี่ถึงแล้ว จอดรอด้านล่างนะเมจิ : ค่ะ เมกำลังลงไปตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของร่างบางที่เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์ก่อนจะเปิดประตูออกไปหน้าที่พักแล้วเดินเลี้ยวไปยังลานจอดรถของโรงแรม เมจิที่อยู่ในชุดเสื้อลายทางสีเข้มแขนยาวกับกระโปรงสีดำและรองเท้าผ้าใบคู่ใจเดินตรงไปยังรถญี่ปุ่นคันสีดำที่จอดอยู่ใกล้กับบันไดหนีไฟใบหน้าสวยก้มหัวลงมองนิดนึงเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าคนขับด้านในเป็นชายหนุ่มที่เธอนัดไว้ก่อนจะเปิดประตูรถและขึ้นไปนั่ง หลังจากเมื่อวานที่ทั้งคู่กลับมาถึงยังห้างสรรพสินค้าที่ต่างคนต่างจอดรถทิ้งไว้เลยได้มีการคุยกันว่าวันนี้จะไปทำอะไรบ้างจนได้ข้อสรุปว่าพี่วินจะมารับเธอที่โรงแรมจะได้ไม่ต้องนั่งรถสาธารณะไปกลับ… ประหยัดทั้งเวลาแล้วก็สะดวกกว่าด้วยไปคันเดียวจบแล้วก็หาสถานที่ที่คนไม่เยอะแทน“หวัดดีค่ะ :) ”คนตัวเล็กที่เพิ่งขึ้นรถมาหันไปกล่าวทักทายร่างหนาก่อนจะใช้สายตาลอบสังเกตการแต่งกายที่ดูธรรมดาเหมือนเดิม…แต่ก็ยังคงหล่อกระแทกตาไม่ต่างจากเดิม!กริ๊ก! เสียงล็อคประตูรถจากฝั่งคนขับดังขึ้น“คิดยังไงยอมขึ้นรถมากับผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก…หื้ม”“
ติ๊ด! แกร๊ก! ร่างบางที่ยังคงอยู่ในเสื้อสีแดงเปิดประตูเข้าห้องมาก่อนจะถอดรองเท้าและเดินเลยเอากระเป๋าสะพายไปวางไว้บนโต๊ะหน้าทีวีโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกพี่วินและแม่ของเธอว่าถึงที่พักแล้วจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเมจิเดินไปที่หน้ากระจกมองภาพสะท้อนตรงหน้า ตาเรียวสวยมองตัวเองชัดๆ อีกทีแล้วก็ได้แต่คิดในใจเหมือนเดิมว่ามันเด่นน้อยลงกว่าเดิมตรงไหนก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แล้วใช้มือจับชายเสื้อยกถอดออกจากตัว มือบางพลิกเสื้อที่ถอดออกมาดูเลยเห็นว่ามีป้ายแท็กห้อยอยู่ด้านในตรงคอปก…เสื้อใหม่นี่ถึงว่าล่ะตอนใส่ทำไมเหมือนมีอะไรขูดบนผิวจนรู้สึกคันยิบๆ“เดี๋ยวค่อยเอาไปซักพรุ่งนี้แล้วกัน” ปากเล็กพึมพำบอกกับตัวเองก่อนจะพับเสื้อให้เรียบร้อยและวางไว้บนโต๊ะใกล้ตัวครืดดด ครืดด ~“ว่าไงจ๊ะมัมหมี ~” เธอกดรับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นแม่ของตนโทรมาพร้อมกับเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงกวนๆ อย่างต้องการหยอกล้อคนปลายสาย(อารมณ์ดีสินะลูกสาวฉัน)“55555 แค่อยากแกล้งแม่เฉยๆ …โทรมาคิดถึงหนูหรอ?”(งั้นแม่วางสายเลยนะ…)“โห่ๆๆ เดี๋ยวสิ…มีเรื่องจะบอกแม่อยู่พอดี”(แกไปทำอะไรไม่ดีมาหรือไง!)“แม่ใจเย็นนะ…เมจะบอกเฉยๆ ว่าจะลองหางานทำดูไหนๆ พี่โมก็กลับมา
“อื้ม! ชุดนี้แหละ น่ารักมากยัยเม”คนตัวเล็กหมุนตัวไปมาหน้ากระจกผมที่ลอนคลายๆ ไว้ก็สยายไปมาตามทิศทางการหมุน พร้อมกับเอ่ยชมตัวเองไม่ขาดปาก ร่างบางที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อเกาะอกสีขาวคลุมด้วยเสื้อครอปแขนยาวพอดีตัวสีเขียวอ่อนกับท่อนล่างเป็นกระโปรงสั้นอัดกลีบสีเทา ยิ่งขับให้ผิวตัวและใบหน้าดูผ่องเข้าไปกันใหญ่ติ๊ง ติ๊ง! เสียงข้อความจากมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น“งืมมม…ใครส่งอะไรมาน้า”พี่วิน : พี่เพิ่งเลิกงานพี่วิน : นี่เราอยู่ไหนแล้ว?เมจิ : อยู่ที่พักค่ะ เพิ่งแต่งตัวเสร็จRrrrrrr ~ เมจิไม่ทันได้พิมพ์อะไรต่อพี่วินก็โทรเข้ามาก่อน(แต่งตัวเสร็จแล้วจะไปไหน)เสียงทุ้มคุ้นหูพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เธอกดรับสาย“เมว่าจะไปเดินตลาดนัดกลางคืนหน่อย ไม่ห่างจากที่พักเท่าไหร่ ของกินเยอะด้วยงะ”(ไปกับเพื่อนเราอะหรอ)“เปล่านะ เมไปคนเดียว เพื่อนกลับไปทำงานแล่ววว”(อืม…หิวพอดีเลยงั้นพี่ไปเจอเราที่นู่นนะ ยังไงแชร์โลเคชั่นมาให้ด้วย ติ๊ด!)มะ เมื่อกี้ คืออะไรนะ น่ะ นี่ อยู่ดีๆ ก็ต้องเจอกะทันหันแบบนี้เลยหรอ เรานัดกับไว้พรุ่งนี้ไม่ใช่หรือไงพี่วิน! โอ้ยตายแล้ว ฉันไม่มีเวลาเตรียมใจเลย…T-Tพอตั้งสติได้เมจิก็รีบเด
“แม่ชักไม่มั่นใจแล้วว่านี่แกจะไปแค่ 3-4 วัน หรือกะจะย้ายบ้านถาวรกันแน่”เสียงผู้เป็นแม่พูดขึ้นหลังจากเห็นลูกสาวตัวเองเดินหอบของมาพะรุงพะรัง ทั้งกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าผ้าใบใหญ่ และกระเป๋าสะพายที่บังมิดจนมองแทบไม่เห็นตัวเลยหันไปเรียกให้คนงานที่บ้านมาช่วยลูกสาวยกของใส่เข้ารถ เพราะเท่าที่ดูถ้าไม่ช่วยคงได้มีหวังล้มกลิ้งแน่ในอีกไม่กี่ก้าว“ขอบคุณค่ะ”เมจิหันไปขอบคุณคนงานที่มาช่วยเธอยกของก่อนจะเดินไปหาพ่อกับแม่ที่ยืนรอส่งแบบนี้เป็นประจำเวลาเธอจะออกจากบ้าน“งั้นเมไปแล้วน้า นัดยัยไลลาไว้เดี๋ยวไปช้ายัยนั่นบ่นหูชาแน่ๆ”คนตัวเล็กไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้าไปหอมแก้มพ่อกับแม่คนละฟอดพร้อมกับยกมือไหว้…ส่วนเธอก็ทำแบบนี้เป็นประจำเหมือนกันไม่ว่าจะไปไหน“เดินทางปลอดภัยขับรถดีๆ นะไอ้ดื้อ”“จ้าพ่อ”ดา ดี้ ดั๊ด ดา ~มือเรียวของเมจิจับที่พวงมาลัยอยู่แต่นิ้วขยับยุกยิกไปมาตามจังหวะเพลงพร้อมกับหัวที่โยกเบาๆ และปากบางที่คอยพึมพำร้องเพลงไปด้วยก่อนที่เท้าจะค่อยๆ แตะเบรกชะลอความเร็วรถลงเพราะมีไฟแดงอยู่ด้านหน้าครืด ~ตาสวยเหลือบมองโทรศัพท์คู่ใจที่สั่นเมื่อสักครู่ก่อนจะหยิบขึ้นมาเปิดการแจ้งเตือนดูพี่วิน : เดินทางปลอดภัย







