Masuk“แม่ชักไม่มั่นใจแล้วว่านี่แกจะไปแค่ 3-4 วัน หรือกะจะย้ายบ้านถาวรกันแน่”
เสียงผู้เป็นแม่พูดขึ้นหลังจากเห็นลูกสาวตัวเองเดินหอบของมาพะรุงพะรัง ทั้งกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าผ้าใบใหญ่ และกระเป๋าสะพายที่บังมิดจนมองแทบไม่เห็นตัวเลยหันไปเรียกให้คนงานที่บ้านมาช่วยลูกสาวยกของใส่เข้ารถ เพราะเท่าที่ดูถ้าไม่ช่วยคงได้มีหวังล้มกลิ้งแน่ในอีกไม่กี่ก้าว
“ขอบคุณค่ะ”
เมจิหันไปขอบคุณคนงานที่มาช่วยเธอยกของก่อนจะเดินไปหาพ่อกับแม่ที่ยืนรอส่งแบบนี้เป็นประจำเวลาเธอจะออกจากบ้าน
“งั้นเมไปแล้วน้า นัดยัยไลลาไว้เดี๋ยวไปช้ายัยนั่นบ่นหูชาแน่ๆ”
คนตัวเล็กไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้าไปหอมแก้มพ่อกับแม่คนละฟอดพร้อมกับยกมือไหว้…ส่วนเธอก็ทำแบบนี้เป็นประจำเหมือนกันไม่ว่าจะไปไหน
“เดินทางปลอดภัยขับรถดีๆ นะไอ้ดื้อ”
“จ้าพ่อ”
ดา ดี้ ดั๊ด ดา ~
มือเรียวของเมจิจับที่พวงมาลัยอยู่แต่นิ้วขยับยุกยิกไปมาตามจังหวะเพลงพร้อมกับหัวที่โยกเบาๆ และปากบางที่คอยพึมพำร้องเพลงไปด้วยก่อนที่เท้าจะค่อยๆ แตะเบรกชะลอความเร็วรถลงเพราะมีไฟแดงอยู่ด้านหน้า
ครืด ~
ตาสวยเหลือบมองโทรศัพท์คู่ใจที่สั่นเมื่อสักครู่ก่อนจะหยิบขึ้นมาเปิดการแจ้งเตือนดู
พี่วิน : เดินทางปลอดภัยขับรถดีๆ นะครับ สาวน้อยเข้าเมือง…
รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยแต่ไม่ทันได้ตอบอะไรสัญญาณไฟจราจรก็เขียวซะก่อน…
สามชั่วโมงกว่าๆ หลังจากนั้น
เมจิขับเข้ามาจอดที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งหนึ่งตามที่ไลลาส่งโลเคชั่นมาให้…เห็นว่าไม่ไกลจากที่ทำงานของยัยเพื่อนตัวแสบมากนัก ขาเรียวก้าวลงจากรถโดยไม่ลืมหยิบข้าวเกรียบออแกนิกของฝากสุดโปรดที่เพื่อนรักชอบติดมือไปด้วย
มือเล็กดันประตูเข้าร้านไปพร้อมกับมองหาเพื่อนตัวเองที่นัดกันไว้ เธอหันซ้ายหันขวาไม่นานก็เจอไลลาที่ทำท่าทางโบกไม้โบกมือส่งยิ้มมาแต่ไกล
เมจิกับไลลาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ช่วงมัธยมจนถึงปัจจุบันก็สิบกว่าปีได้แล้ว ถ้าคนภายนอกมองส่วนใหญ่จะคิดว่าไม่น่าคบกันได้ด้วยบุคลิกที่แตกต่างกันแบบสุดขั้วเพราะเมจิภายนอกจะดูเหมือนแรงด้วยความที่เป็นคนหน้าเหวี่ยงถ้าไม่ยิ้มหน้าจะดูดุซึ่งตรงข้ามกับนิสัยที่จะค่อนข้างระวังตัวค่อนไปทางเรียบร้อยกว่าที่คนอื่นคิด มั้ง… ส่วนไลลาจะดูใจดี ยิ้มง่ายประกอบกับหน้าตาที่ดูสวยหวานซึ่งเอาเข้าจริงๆ แล้วรายนี้บู๊สุดใจไม่ยอมคนง่ายๆ และหัวรั้นสุดๆ ไม่สมกับหุ่นเพรียวบางอ้อนแอ้นเลยสักนิด
“อะนี่ ข้าวเกรียบออแกนิกสุดโปรดให้เพื่อนคนโปรดจ้ะ”
“ขอบคุณค่า เชิญนั่งเลยค่ะสาว”
“นี่แกมารอฉันนานหรือเปล่าเนี่ยไลลา”
“ไม่เลย เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง…เราสั่งอาหารกันก่อนดีกว่า”
ไลลาพูดขึ้นก่อนจะส่งเมนูอีกอันให้เมจิดู
“เอาบรูเชตตา ลาซานญ่า พาสต้า คาโบนาร่า อืม…แล้วก็”
เสียงหวานจากเพื่อนสาวฝั่งตรงข้ามหันไปสั่งออเดอร์กับพนักงานที่ยืนรออยู่แบบรัวๆ
“ริซอตโตกุ้ง กับ ทีรามิสุสองที่ค่ะ”
เมจิสั่งเสริมอีกสองอย่างก่อนจะปิดเมนูแล้วรีบดึงเมนูออกจากมือไลลาไม่งั้นเพื่อนเธอคงได้สั่งจนล้นโต๊ะแน่ๆ
“ไม่ได้เจอแกนานคิดถึงชะมัดเลย ~”
“อย่ามาเว่อร์ แกเพิ่งมาหาฉันเมื่อสัปดาห์ก่อนไลลา”
คนตัวเล็กหรี่ตามองเพื่อนสาวตรงหน้าแบบหมดคำจะพูดกับท่าทางที่พยายามจะทำให้แอ๊บแบ๊วน่ารัก ขนลุก!
“55555 ก็อยากลองอ้อนผู้ชายแบบอ้อนเพื่อนบ้างอะซ้อมๆ ไว้ก่อนไง”
รอไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟจนครบ ทั้งคู่ก็ลงมือกินพร้อมพูดคุยกันไปสัพเพเหระหลักๆ ก็เรื่องงานเพราะปัจจุบันไลลารับช่วงต่อธุรกิจที่บ้านซึ่งเกี่ยวกับไนท์คลับและบาร์กลางคืนประมาณอีกสองสามที่ช่วงนี้ก็เลยค่อนข้างชีวิตวุ่นวายมากกว่าปกติ
“นี่ แล้วสรุปแกลงมากรุงเทพฯ มาทำอะไร”
ไลลาเอ่ยถามพลางมือก็ตักทีรามิสุเข้าปากไปด้วย
“ก็อยากมาเที่ยวเล่นบ้างไม่ได้หรอ อีกอย่างว่าจะมาลองๆ หางานทำด้วยแล้วก็…นัดเจอกับพี่วิน”
“ห๊ะ พี่วินงั้นหรอ ผู้ชายสิ อย่าบอกนะว่าคนนั้นที่แกเคยบอกฉันเมื่อเดือนก่อนที่เป็นวิศวะอะไรนั่น?”
“นี่! แกจะเสียงดังทำไมเล่าพูดเบาๆ สิ”
“อายุเท่าไหร่นะ โปรไฟล์ดีไหม?”
นี่ยัยเพื่อนตัวดีมันฟังฉันบ้างไหมนะ…
“อายุ 30 พี่เขาเรียนที่เยอรมันตั้งแต่เด็กเพิ่งกลับมาไทยได้ปีกว่าเอง ทำงานอยู่เดย์ไลต์น่ะ”
“แหมมมม…เรียกพี่เขาซะด้วยธรรมดาที่ไหน นี่แต่ทำงานเดย์ไลต์ก็ไม่ธรรมดานะ บริษัทนั้นเพิ่งก่อตั้งแต่เห็นว่าผลประกอบการขึ้นแท่นอันดับ 1 ของเอเชียไปแล้ว”
เมจิก็ได้แต่กรอกตามองบนไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับเพื่อนสาวไม่งั้นโดนแซวไม่รู้จบแน่ๆ ส่วนเรื่องบริษัทที่พี่วินทำงานเธอก็พอจะรู้อยู่ว่ากำลังเป็นที่จับตามองของนักลงทุนมากๆ
“ว้ายตายแล้ว! ฉันว่าฉันต้องไปก่อนละยัยเมเดี๋ยวชนกับช่วงคนเลิกงานมีหวังรถติดเข้าร้านไม่ทันแน่ๆ”
“เออๆ ไปๆ แกจะโวยวายทำไมเนี่ยแก้วในร้านแตกหมดแล้วมั้งเจอเสียงแหลมๆ เนี่ย -.-”
“ชิ กับผู้ชายบ่นให้ได้แบบนี้นะ แล้วนี่แกจะไปไหนต่อ?”
“อืม วันนี้ว่าจะไปเดินเล่นตลาดกลางคืนนะ ไม่ได้เดินนานละสมัยที่เราเรียนมหาลัยอะ”
“โหยยย เสียดายอ่า ฉันก็อยากเดินนะหนีงานดีไหม?”
นี่เพื่อนฉันอายุกี่ขวบกันนะงอแงเป็นเด็กเลย หัวจะปวด!
“ไปๆ ไปได้แล้วเดี๋ยวก็เข้าร้านไม่ทันหรอกขับรถดีๆ ล่ะ ไว้ค่อยนัดเจอกันใหม่”
ร่างบางโบกมือไล่ส่งไลลาก่อนจะแยกย้ายกันที่ร้านอาหาร ส่วนเมจิพอออกจากร้านก็ขับรถไปที่พักที่จองไว้เพราะว่ากะจะกลับไปอาบน้ำแต่งตัวซะหน่อย ถึงจะเดินตลาดแต่เราก็ต้องสวยไว้ก่อนล่ะน่า…
ครืด กึก กึก ครืด ~ เสียงล้อกระเป๋าเดินทางครูดไปกับพื้นตามแรงดึงของแขนเรียวที่กำลังเดินมุ่งหน้าตรงไปยังลิฟต์ก่อนที่จะเดินไปยังเคาน์เตอร์เพื่อเช็กเอาต์ออกจากที่พัก“เรียบร้อยค่ะคุณผู้หญิง ขอบพระคุณนะคะ”“ขอบคุณค่ะ”เสียงพนักงานสาวเอ่ยขึ้นก่อนที่เมจิจะเอ่ยขอบคุณตอบกลับแล้วเดินลากกระเป๋าออกมาตรงไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ภายในอาคารจอดรถของโรงแรม“ฮึบ! โอเคเรียบร้อย…ออกเดินทางกันดีกว่า”ร่างบางพูดขึ้นหลังจากยกกระเป๋าเดินทางและสัมภาระของตัวเองขึ้นท้ายรถเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะก้าวขาเข้าไปนั่งบนรถโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกที่บ้าน ยัยไลลา และพี่วินว่าเธอกำลังออกเดินทางรถคันสีขาวคู่ใจขับเคลื่อนออกไปจากตัวอาคารมุ่งหน้าไปยังบ้านอันแสนอบอุ่นของเธอ…14:40 น.ณ บ้านสวนเคียงดาวรถคันสีขาวที่คุ้นเคยขับเข้ามาจอดยังที่จอดรถประจำ ไม่นานนักคนตัวเล็กก็ลงมาจากรถก่อนจะยืดแขนบิดตัวไปมาพร้อมกับสูดลมหายใจเอาอากาศสดชื่นเข้าไปเต็มปอด…อากาศบริสุทธิ์แบบนี้หาในเมืองไม่ได้จริงๆ“เฮ้อออ ต้องแบบนี้สิ” เมจิหลับตาพริ้ม ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากได้ยืดเส้นยืดสายเพราะโดยปกติถ้าเธอเดินทางคนเดียวจะชอบขับรถยิ
ปี๊นนๆๆ เฟี้ยว! แง้นนน ~ เสียงจากการจราจรที่คับคั่งด้านนอกไม่ว่าจะรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือรถโดยสารสาธารณะดังเล็ดลอดเข้ามาภายในรถญี่ปุ่นที่กำลังมีสองหนุ่มสาวนั่งติดแหง็กอยู่กับไฟแดงบนแยกนี้มาได้ไม่ต่ำกว่าสามสิบนาทีแล้ว“นั่นไฟเขียวแล้วหรอ…ตดยังไม่ทันหายเหม็นเลยหมดละ” เสียงทุ้มพูดขึ้นหลังจากรถเคลื่อนตัวไปได้เพียงนิดและดูทรงแล้วว่าน่าจะต้องติดอีกรอบ“5555 พี่ตดหรอ…” เมจิขำกับการเปรียบเปรยของคนข้างๆ“งืมมม…เมว่าจะถามพี่อยู่” เสียงหวานเอ่ยต่อนัยน์ตาคมเลยหันมามองอย่างรอฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูด“พี่เจอเมแล้วพี่โอเคไหมหรือมีอะไรที่ไม่ชอบบอกได้เลยนะ”เธอถามออกไปตามตรงก่อนจะสบสายตากับเขาที่ก็กำลังมองเธออยู่เหมือนกัน“ไม่มี…ไม่มีอะไรที่ไม่ชอบ” เสียงทุ้มตอบกลับแล้วจ้องมองเข้ามาในตาของเธอนิ่ง“อ่อ…พี่ไฟเขียวแล้ว!”เมจิที่กำลังจะตอบกลับแต่ตาดันเหลือบไปเห็นไฟที่ถูกเปลี่ยนเป็นสีเขียวก่อนเลยรีบสะกิดบอกพี่วินว่าถึงนาทีทองแล้ว!ทำให้รถที่จอดนิ่งอยู่เคลื่อนตัวออกไปและแน่นอนว่าเราสองคนผ่านไฟแดงมาได้แบบหวุดหวิดชนิดที่ว่าลุ้นจนแทบลืมหายใจก็ไม่เกินจริงเพราะขนาดตอนดูหนังก็ยังไม่ตื่นเต้นเท่านี้เลย…แต๊ก แต๊ก แต๊ก
เช้าวันต่อมาติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนจากมือถือของเมจิดังขึ้นพี่วิน : พี่ถึงแล้ว จอดรอด้านล่างนะเมจิ : ค่ะ เมกำลังลงไปตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของร่างบางที่เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์ก่อนจะเปิดประตูออกไปหน้าที่พักแล้วเดินเลี้ยวไปยังลานจอดรถของโรงแรม เมจิที่อยู่ในชุดเสื้อลายทางสีเข้มแขนยาวกับกระโปรงสีดำและรองเท้าผ้าใบคู่ใจเดินตรงไปยังรถญี่ปุ่นคันสีดำที่จอดอยู่ใกล้กับบันไดหนีไฟใบหน้าสวยก้มหัวลงมองนิดนึงเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าคนขับด้านในเป็นชายหนุ่มที่เธอนัดไว้ก่อนจะเปิดประตูรถและขึ้นไปนั่ง หลังจากเมื่อวานที่ทั้งคู่กลับมาถึงยังห้างสรรพสินค้าที่ต่างคนต่างจอดรถทิ้งไว้เลยได้มีการคุยกันว่าวันนี้จะไปทำอะไรบ้างจนได้ข้อสรุปว่าพี่วินจะมารับเธอที่โรงแรมจะได้ไม่ต้องนั่งรถสาธารณะไปกลับ… ประหยัดทั้งเวลาแล้วก็สะดวกกว่าด้วยไปคันเดียวจบแล้วก็หาสถานที่ที่คนไม่เยอะแทน“หวัดดีค่ะ :) ”คนตัวเล็กที่เพิ่งขึ้นรถมาหันไปกล่าวทักทายร่างหนาก่อนจะใช้สายตาลอบสังเกตการแต่งกายที่ดูธรรมดาเหมือนเดิม…แต่ก็ยังคงหล่อกระแทกตาไม่ต่างจากเดิม!กริ๊ก! เสียงล็อคประตูรถจากฝั่งคนขับดังขึ้น“คิดยังไงยอมขึ้นรถมากับผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก…หื้ม”“
ติ๊ด! แกร๊ก! ร่างบางที่ยังคงอยู่ในเสื้อสีแดงเปิดประตูเข้าห้องมาก่อนจะถอดรองเท้าและเดินเลยเอากระเป๋าสะพายไปวางไว้บนโต๊ะหน้าทีวีโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกพี่วินและแม่ของเธอว่าถึงที่พักแล้วจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเมจิเดินไปที่หน้ากระจกมองภาพสะท้อนตรงหน้า ตาเรียวสวยมองตัวเองชัดๆ อีกทีแล้วก็ได้แต่คิดในใจเหมือนเดิมว่ามันเด่นน้อยลงกว่าเดิมตรงไหนก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แล้วใช้มือจับชายเสื้อยกถอดออกจากตัว มือบางพลิกเสื้อที่ถอดออกมาดูเลยเห็นว่ามีป้ายแท็กห้อยอยู่ด้านในตรงคอปก…เสื้อใหม่นี่ถึงว่าล่ะตอนใส่ทำไมเหมือนมีอะไรขูดบนผิวจนรู้สึกคันยิบๆ“เดี๋ยวค่อยเอาไปซักพรุ่งนี้แล้วกัน” ปากเล็กพึมพำบอกกับตัวเองก่อนจะพับเสื้อให้เรียบร้อยและวางไว้บนโต๊ะใกล้ตัวครืดดด ครืดด ~“ว่าไงจ๊ะมัมหมี ~” เธอกดรับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นแม่ของตนโทรมาพร้อมกับเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงกวนๆ อย่างต้องการหยอกล้อคนปลายสาย(อารมณ์ดีสินะลูกสาวฉัน)“55555 แค่อยากแกล้งแม่เฉยๆ …โทรมาคิดถึงหนูหรอ?”(งั้นแม่วางสายเลยนะ…)“โห่ๆๆ เดี๋ยวสิ…มีเรื่องจะบอกแม่อยู่พอดี”(แกไปทำอะไรไม่ดีมาหรือไง!)“แม่ใจเย็นนะ…เมจะบอกเฉยๆ ว่าจะลองหางานทำดูไหนๆ พี่โมก็กลับมา
“อื้ม! ชุดนี้แหละ น่ารักมากยัยเม”คนตัวเล็กหมุนตัวไปมาหน้ากระจกผมที่ลอนคลายๆ ไว้ก็สยายไปมาตามทิศทางการหมุน พร้อมกับเอ่ยชมตัวเองไม่ขาดปาก ร่างบางที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อเกาะอกสีขาวคลุมด้วยเสื้อครอปแขนยาวพอดีตัวสีเขียวอ่อนกับท่อนล่างเป็นกระโปรงสั้นอัดกลีบสีเทา ยิ่งขับให้ผิวตัวและใบหน้าดูผ่องเข้าไปกันใหญ่ติ๊ง ติ๊ง! เสียงข้อความจากมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น“งืมมม…ใครส่งอะไรมาน้า”พี่วิน : พี่เพิ่งเลิกงานพี่วิน : นี่เราอยู่ไหนแล้ว?เมจิ : อยู่ที่พักค่ะ เพิ่งแต่งตัวเสร็จRrrrrrr ~ เมจิไม่ทันได้พิมพ์อะไรต่อพี่วินก็โทรเข้ามาก่อน(แต่งตัวเสร็จแล้วจะไปไหน)เสียงทุ้มคุ้นหูพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เธอกดรับสาย“เมว่าจะไปเดินตลาดนัดกลางคืนหน่อย ไม่ห่างจากที่พักเท่าไหร่ ของกินเยอะด้วยงะ”(ไปกับเพื่อนเราอะหรอ)“เปล่านะ เมไปคนเดียว เพื่อนกลับไปทำงานแล่ววว”(อืม…หิวพอดีเลยงั้นพี่ไปเจอเราที่นู่นนะ ยังไงแชร์โลเคชั่นมาให้ด้วย ติ๊ด!)มะ เมื่อกี้ คืออะไรนะ น่ะ นี่ อยู่ดีๆ ก็ต้องเจอกะทันหันแบบนี้เลยหรอ เรานัดกับไว้พรุ่งนี้ไม่ใช่หรือไงพี่วิน! โอ้ยตายแล้ว ฉันไม่มีเวลาเตรียมใจเลย…T-Tพอตั้งสติได้เมจิก็รีบเด
“แม่ชักไม่มั่นใจแล้วว่านี่แกจะไปแค่ 3-4 วัน หรือกะจะย้ายบ้านถาวรกันแน่”เสียงผู้เป็นแม่พูดขึ้นหลังจากเห็นลูกสาวตัวเองเดินหอบของมาพะรุงพะรัง ทั้งกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าผ้าใบใหญ่ และกระเป๋าสะพายที่บังมิดจนมองแทบไม่เห็นตัวเลยหันไปเรียกให้คนงานที่บ้านมาช่วยลูกสาวยกของใส่เข้ารถ เพราะเท่าที่ดูถ้าไม่ช่วยคงได้มีหวังล้มกลิ้งแน่ในอีกไม่กี่ก้าว“ขอบคุณค่ะ”เมจิหันไปขอบคุณคนงานที่มาช่วยเธอยกของก่อนจะเดินไปหาพ่อกับแม่ที่ยืนรอส่งแบบนี้เป็นประจำเวลาเธอจะออกจากบ้าน“งั้นเมไปแล้วน้า นัดยัยไลลาไว้เดี๋ยวไปช้ายัยนั่นบ่นหูชาแน่ๆ”คนตัวเล็กไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้าไปหอมแก้มพ่อกับแม่คนละฟอดพร้อมกับยกมือไหว้…ส่วนเธอก็ทำแบบนี้เป็นประจำเหมือนกันไม่ว่าจะไปไหน“เดินทางปลอดภัยขับรถดีๆ นะไอ้ดื้อ”“จ้าพ่อ”ดา ดี้ ดั๊ด ดา ~มือเรียวของเมจิจับที่พวงมาลัยอยู่แต่นิ้วขยับยุกยิกไปมาตามจังหวะเพลงพร้อมกับหัวที่โยกเบาๆ และปากบางที่คอยพึมพำร้องเพลงไปด้วยก่อนที่เท้าจะค่อยๆ แตะเบรกชะลอความเร็วรถลงเพราะมีไฟแดงอยู่ด้านหน้าครืด ~ตาสวยเหลือบมองโทรศัพท์คู่ใจที่สั่นเมื่อสักครู่ก่อนจะหยิบขึ้นมาเปิดการแจ้งเตือนดูพี่วิน : เดินทางปลอดภัย







