Masukเช้าวันต่อมา
ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนจากมือถือของเมจิดังขึ้น
พี่วิน : พี่ถึงแล้ว จอดรอด้านล่างนะ
เมจิ : ค่ะ เมกำลังลงไป
ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของร่างบางที่เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์ก่อนจะเปิดประตูออกไปหน้าที่พักแล้วเดินเลี้ยวไปยังลานจอดรถของโรงแรม เมจิที่อยู่ในชุดเสื้อลายทางสีเข้มแขนยาวกับกระโปรงสีดำและรองเท้าผ้าใบคู่ใจเดินตรงไปยังรถญี่ปุ่นคันสีดำที่จอดอยู่ใกล้กับบันไดหนีไฟ
ใบหน้าสวยก้มหัวลงมองนิดนึงเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าคนขับด้านในเป็นชายหนุ่มที่เธอนัดไว้ก่อนจะเปิดประตูรถและขึ้นไปนั่ง หลังจากเมื่อวานที่ทั้งคู่กลับมาถึงยังห้างสรรพสินค้าที่ต่างคนต่างจอดรถทิ้งไว้เลยได้มีการคุยกันว่าวันนี้จะไปทำอะไรบ้างจนได้ข้อสรุปว่าพี่วินจะมารับเธอที่โรงแรมจะได้ไม่ต้องนั่งรถสาธารณะไปกลับ… ประหยัดทั้งเวลาแล้วก็สะดวกกว่าด้วยไปคันเดียวจบแล้วก็หาสถานที่ที่คนไม่เยอะแทน
“หวัดดีค่ะ :) ”
คนตัวเล็กที่เพิ่งขึ้นรถมาหันไปกล่าวทักทายร่างหนาก่อนจะใช้สายตาลอบสังเกตการแต่งกายที่ดูธรรมดาเหมือนเดิม…แต่ก็ยังคงหล่อกระแทกตาไม่ต่างจากเดิม!
กริ๊ก! เสียงล็อคประตูรถจากฝั่งคนขับดังขึ้น
“คิดยังไงยอมขึ้นรถมากับผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก…หื้ม”
“โอเค งั้นเดี๋ยวเมลงเลยตอนนี้” เมจิไม่พูดเฉยแต่มือหันไปปลดล็อคประตูทำท่าจะลง
“หึ หึ ล้อเล่นครับ”
คนตัวสูงพูดพร้อมกับคว้าข้อมือเมจิไว้ไม่ให้ลงก่อนที่ดวงตาสวยจะเหลือบมองมือหนาที่จับข้อมือเธอไว้ทำให้วินที่เห็นดังนั้นก็คลายมือออกเพราะรู้ดีว่าสาวน้อยตรงหน้าเป็นคนระวังตัวออกจะไปทางขี้ระแวงเสียด้วยซ้ำ…เพราะเมื่อวานที่ต้องไปใช้ขนส่งสาธารณะแทนการขับรถหลักๆ ก็เพราะเมจิไม่กล้าขึ้นรถไปกับคนแปลกหน้าอย่างเขาเนี่ยแหละ โถ่…แม่สาวน้อยช่างน่าเอ็นดู
“เดี๋ยวแวะไปบ้านพี่ใกล้ๆ ตรงนี้ก่อน…ต้องไปเอาของหน่อยน่ะ”
“เอ่อ…ได้ค่ะ”
เมจิพยักหน้าตอบคนใส่แว่นก่อนที่รถจะออกตัวมุ่งหน้าไปยังย่านใจกลางเมือง ระหว่างทางเธอกับเขาก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนักจนรถเลี้ยวเข้ามายังซอยแคบๆ ที่เต็มไปด้วยบ้านหลังใหญ่ ถึงแม้จะดูค่อนข้างแออัดเพราะบ้านหลายหลังเรียงติดกันแต่ดูจากทำเลแถวนี้แล้วราคาที่ดินคงสูงลิ่วน่าดู
“ใกล้ถึงแล้วล่ะแต่ต้องเดินลัดเข้าไปหน่อย” เขาเอ่ยบอกเพราะเห็นคนตัวเล็กชะเง้อใบหน้ามองไปรอบๆ อย่างคนสงสัย
ใช้เวลาไม่นานหลังจากที่พี่วินบอกรถก็มาจอดอยู่ริมถนนในซอยเล็กๆ ที่หนึ่งก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายเดินนำไปตรงทางเดินเลียบคลองด้านหลัง
“บ้านพี่อยู่นี่หรอ?”
“ก็ไม่เชิง เป็นตึกที่ที่บ้านซื้อเก็บไว้ แต่ตอนนี้ให้เขาเช่า…แวะมาอยู่บ้างเวลาต้องไปทำงานใกล้ๆ แถวนี้”
อ๋อ…อย่างนี้สินะ
ทั้งคู่ใช้เวลาเดินต่อไม่ถึงสามนาทีก็มาหยุดยืนอยู่หน้าตึกสูง 5 ชั้นที่มีโกดังและพื้นที่โดยรอบอีกพอสมควร
“เข้ามาสิ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกคนตัวเล็กที่ยังคงยืนอยู่ด้านนอกไม่ยอมตามเขาเข้ามา
มันจะปลอดภัยไหมนะ…เกิดพี่วินลากฉันเข้าไปปล้ำทำไง!?
“เข้ามาเร็ว ข้างนอกมันร้อน พี่ไม่จับเราปล้ำหรอก หึ”
อ่านใจได้หรือเปล่านะ…
เมจิลังเลชั่วครู่ก่อนจะสาวเท้าเดินตามคนตัวสูงเข้าไปโดยจับโทรศัพท์มือถือไว้กับตัวแน่น ขาเรียวเดินตามชายหนุ่มขึ้นบันไดไปแล้วหยุดยืนนิ่งมองเขาที่กำลังขึ้นไปอีกชั้น
“ไม่ขึ้นมาหรอ…จะได้ดูห้องพี่” เสียงเข้มตะโกนลงมาจากชั้นบน
“ไม่!!!” เธอตะโกนตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่น…ใครจะไปเดินเข้าถ้ำเสือกันล่ะ จริงไหม แค่ตอนนี้ก็เหมือนมายืนอยู่ปากถ้ำละ -.-
“ปะ เรียบร้อยแล้ว” วินเอ่ยขึ้นหลังจากเพิ่งเดินกลับลงมาพร้อมกับเสื้อสูทในมือ
เมจิพยักหน้าก่อนจะหมุนตัวเตรียมก้าวลงบันได
หมับ! แต่ทว่าอยู่ดีๆ มือหนาก็คว้าข้อมือเธอไว้ก่อนจะทำสายตาแพรวพราววิบวับ ทำให้คนตัวเล็กที่เห็นสถานการณ์ดูไม่น่าไว้วางใจเลยสะบัดข้อมือตัวเองแล้วรีบวิ่งลงมา
“ว้ายยยย อะไรของพี่!!” เธอวิ่งไปแหกปากไป
“วิ่งทำไม เดี๋ยวก็ตกบันได ระวังหน่อย!”
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ร่างแกร่งรีบสาวเท้าวิ่งตามร่างบางลงมาจนถึงด้านนอกตึก…
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก เสียงคนทั้งคู่หอบหายใจออกมาเสียงดัง
“อย่าเข้าใกล้เมนะ!” เสียงหวานพยายามทำเสียงเข้มข่มขู่
“55555 โอ๊ย พี่ล้อเล่นไม่คิดว่าเราจะกลัวจริงจังขนาดนี้”
“นี่แกล้งเมงั้นหรอ?”
“อือ ก็ทำตัวน่าแกล้งทำไมอะ ระแวงพี่ซะเว่อร์”
“ก็ใครให้พี่เล่นอะไรแบบนั้นเล่า…” หัวใจกระเด็นกระดอนหมดเลย…อย่าให้มีโอกาสได้เอาคืนบ้างนะ!
“โอ๋ๆ นะ งั้นไปหาอะไรกินปลอบใจเมดีกว่าๆ”
“…” จริงๆ เลยนะผู้ชายคนนี้
15 นาทีหลังจากนั้น…
สุดท้ายทั้งคู่ก็มานั่งอยู่ในร้านชาบูภายในห้างที่แอร์เย็นฉ่ำ ผิดแผนไปจากเดิมที่แพลนกันไว้ว่าจะไปเดินเล่นย่านดังที่กำลังเป็นกระแสฮิตของวัยรุ่นเพราะสู้แสงแดดอันแรงกล้าของประเทศไทยไม่ไหวจริงๆ เลยต้องขอยอมแพ้ยกทัพหาห้องแอร์แทน
หลังจากออเดอร์อาหารกันไป รอไม่กี่สิบนาทีพนักงานก็นำเมนูที่สั่งมาเสิร์ฟ ทั้งเมจิและวินจัดการกับอาหารตรงหน้าด้วยความหิวโหยเพราะปาเข้าไปบ่ายกว่าแล้วแต่คนทั้งคู่เพิ่งได้กินอาหารมื้อแรกของวัน…
“ที่เมบอกพี่เมื่อวานว่าหางาน…” พี่วินพูดขึ้นก่อนจะหันหน้าจอมือถือของตัวเองให้เมดู
เมจิเงยหน้าขึ้นมาแล้วใช้ตาเรียวสวยไล่มองจอตรงหน้า
“รับสมัครตำแหน่ง All-Day Representative…ของบริษัทออลเดย์งั้นหรอ?”
“อืม เดี๋ยวพี่ส่งรายละเอียดให้เราในแชทแล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะ แต่เมว่าเขาไม่น่าจะรับเมหรอกไหม ประสบการณ์การทำงานเมไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น”
เธอพูดออกไปตามจริงเพราะออลเดย์คือบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของประเทศ ประสบความสำเร็จจากการทำคอมมูนิตี้มอลล์ขึ้นแท่นเป็นศูนย์การค้าที่ครบครันและใหญ่ที่สุดในเอเชียและเห็นว่าเจ้าของก็เป็นตระกูลเดียวกับบริษัทเดย์ไลต์ที่พี่วินทำงานอยู่ด้วย ซึ่งใครๆ ต่างก็อยากทำงานกับสองบริษัทนี้ทั้งนั้นใช้คำว่าคู่แข่งคงมีไม่น้อยกว่าหลักแสนคนแน่ๆ
“ลองดูก่อน…พี่ถามมาให้จากพี่ที่รู้จักที่ทำงานที่ออลเดย์อีกทีน่ะ”
“อืม ได้ค่ะ งั้นเมจะลองส่งเรซูเม่ไปดู” ใบหน้าสวยพยักน้อยๆ ใจก็อยากได้งานในบริษัทดีๆ แต่ก็ไม่อยากคาดหวังมากเพราะที่ผ่านมาเธอทำธุรกิจของที่บ้านเลยไม่ได้มีประสบการณ์การทำงานสักเท่าไหร่
สองหนุ่มสาวช่วยกันมองซ้ายมองขวาทีเพราะตอนนี้ทั้งคู่กำลังเดินหาร้านไอติมเนื่องจากคนตัวสูงที่บ่นอยากกินของหวานล้างปากสักหน่อยทั้งๆ ที่เพิ่งจะเดินออกมาจากร้านชาบูได้ไม่นานก็ตาม…
“นั่นไง! ตรงนู้น!” เสียงหวานโพล่งขึ้นก่อนจะหันไปมองคนตัวสูงที่เดินชิลๆ อยู่ด้านข้าง
“พี่เดินเร็วๆ สิ ตามมาๆ” เมจิเอ่ยขึ้นอีกพร้อมกับคว้าแขนแกร่งแล้วมุ่งหน้าไปที่ร้าน
พอเดินมาถึงหน้าร้านมือเล็กก็เตรียมจะปล่อยแขนของเขาแต่คนตัวสูงที่ไวกว่ารีบคว้าแล้วพลิกกลับมาเป็นคนกุมมือของเธอไว้แทน
“เอาไอติมโคน ดิปช็อกโกแลต โรยถั่วครับ…เมเอาไร?” พี่วินสั่งของตัวเองก่อนจะหันมาถามเธอ
“เมไม่เอาค่ะ อยากกินน้ำร้านข้างๆ”
“งั้นรอแปปนึง”
“ได้แล้วค่ะ” เสียงพนักงานพูดขึ้นก่อนจะยื่นไอศกรีมโคนที่สั่งมาให้
“ขอบคุณครับ…กินน้ำร้านนั้นใช่ไหม” วินรับของหวานที่ตั้งใจซื้อมาล้างปากก่อนจะจูงมือเมจิเดินไปที่ร้านข้างๆ
ปากอวบอิ่มได้รูปที่กำลังดูดชานมเข้าคอค่อยๆ ยกแขนตัวเองที่ยังคงมีมือหนาจับมือไว้ไม่ยอมปล่อยชูขึ้นตรงหน้า
“อันนี้คือ?” เสียงหวานเอ่ยถาม
“จับมือไง…”
“ปล่อยได้แล้ว”
“ไม่ได้ เดี๋ยวไม่ครบสูตรการเดท” คนตัวสูงไม่ให้เธอได้พูดอะไรต่อก็เดินนำหน้าพร้อมกับลากเธอไปด้วย…เชื่อเขาเลย!
19:30 น.
“พี่ว่าเรากลับกันเลยดีกว่า…กว่าจะถึงที่พักเมก็น่าจะใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมงเลย”
พี่วินพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งสองคนเพิ่งเดินออกมาจากโรงหนังหลังจากที่ก่อนหน้านั้นเขาพาเธอไปโยนโบว์ลิ่งแล้วก็คีบตุ๊กตา… ครบถ้วนการเดทแบบสุดๆ
“อื้ม เอางั้นก็ได้ค่ะ”
ครืด กึก กึก ครืด ~ เสียงล้อกระเป๋าเดินทางครูดไปกับพื้นตามแรงดึงของแขนเรียวที่กำลังเดินมุ่งหน้าตรงไปยังลิฟต์ก่อนที่จะเดินไปยังเคาน์เตอร์เพื่อเช็กเอาต์ออกจากที่พัก“เรียบร้อยค่ะคุณผู้หญิง ขอบพระคุณนะคะ”“ขอบคุณค่ะ”เสียงพนักงานสาวเอ่ยขึ้นก่อนที่เมจิจะเอ่ยขอบคุณตอบกลับแล้วเดินลากกระเป๋าออกมาตรงไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ภายในอาคารจอดรถของโรงแรม“ฮึบ! โอเคเรียบร้อย…ออกเดินทางกันดีกว่า”ร่างบางพูดขึ้นหลังจากยกกระเป๋าเดินทางและสัมภาระของตัวเองขึ้นท้ายรถเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะก้าวขาเข้าไปนั่งบนรถโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกที่บ้าน ยัยไลลา และพี่วินว่าเธอกำลังออกเดินทางรถคันสีขาวคู่ใจขับเคลื่อนออกไปจากตัวอาคารมุ่งหน้าไปยังบ้านอันแสนอบอุ่นของเธอ…14:40 น.ณ บ้านสวนเคียงดาวรถคันสีขาวที่คุ้นเคยขับเข้ามาจอดยังที่จอดรถประจำ ไม่นานนักคนตัวเล็กก็ลงมาจากรถก่อนจะยืดแขนบิดตัวไปมาพร้อมกับสูดลมหายใจเอาอากาศสดชื่นเข้าไปเต็มปอด…อากาศบริสุทธิ์แบบนี้หาในเมืองไม่ได้จริงๆ“เฮ้อออ ต้องแบบนี้สิ” เมจิหลับตาพริ้ม ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากได้ยืดเส้นยืดสายเพราะโดยปกติถ้าเธอเดินทางคนเดียวจะชอบขับรถยิ
ปี๊นนๆๆ เฟี้ยว! แง้นนน ~ เสียงจากการจราจรที่คับคั่งด้านนอกไม่ว่าจะรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือรถโดยสารสาธารณะดังเล็ดลอดเข้ามาภายในรถญี่ปุ่นที่กำลังมีสองหนุ่มสาวนั่งติดแหง็กอยู่กับไฟแดงบนแยกนี้มาได้ไม่ต่ำกว่าสามสิบนาทีแล้ว“นั่นไฟเขียวแล้วหรอ…ตดยังไม่ทันหายเหม็นเลยหมดละ” เสียงทุ้มพูดขึ้นหลังจากรถเคลื่อนตัวไปได้เพียงนิดและดูทรงแล้วว่าน่าจะต้องติดอีกรอบ“5555 พี่ตดหรอ…” เมจิขำกับการเปรียบเปรยของคนข้างๆ“งืมมม…เมว่าจะถามพี่อยู่” เสียงหวานเอ่ยต่อนัยน์ตาคมเลยหันมามองอย่างรอฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูด“พี่เจอเมแล้วพี่โอเคไหมหรือมีอะไรที่ไม่ชอบบอกได้เลยนะ”เธอถามออกไปตามตรงก่อนจะสบสายตากับเขาที่ก็กำลังมองเธออยู่เหมือนกัน“ไม่มี…ไม่มีอะไรที่ไม่ชอบ” เสียงทุ้มตอบกลับแล้วจ้องมองเข้ามาในตาของเธอนิ่ง“อ่อ…พี่ไฟเขียวแล้ว!”เมจิที่กำลังจะตอบกลับแต่ตาดันเหลือบไปเห็นไฟที่ถูกเปลี่ยนเป็นสีเขียวก่อนเลยรีบสะกิดบอกพี่วินว่าถึงนาทีทองแล้ว!ทำให้รถที่จอดนิ่งอยู่เคลื่อนตัวออกไปและแน่นอนว่าเราสองคนผ่านไฟแดงมาได้แบบหวุดหวิดชนิดที่ว่าลุ้นจนแทบลืมหายใจก็ไม่เกินจริงเพราะขนาดตอนดูหนังก็ยังไม่ตื่นเต้นเท่านี้เลย…แต๊ก แต๊ก แต๊ก
เช้าวันต่อมาติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนจากมือถือของเมจิดังขึ้นพี่วิน : พี่ถึงแล้ว จอดรอด้านล่างนะเมจิ : ค่ะ เมกำลังลงไปตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของร่างบางที่เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์ก่อนจะเปิดประตูออกไปหน้าที่พักแล้วเดินเลี้ยวไปยังลานจอดรถของโรงแรม เมจิที่อยู่ในชุดเสื้อลายทางสีเข้มแขนยาวกับกระโปรงสีดำและรองเท้าผ้าใบคู่ใจเดินตรงไปยังรถญี่ปุ่นคันสีดำที่จอดอยู่ใกล้กับบันไดหนีไฟใบหน้าสวยก้มหัวลงมองนิดนึงเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าคนขับด้านในเป็นชายหนุ่มที่เธอนัดไว้ก่อนจะเปิดประตูรถและขึ้นไปนั่ง หลังจากเมื่อวานที่ทั้งคู่กลับมาถึงยังห้างสรรพสินค้าที่ต่างคนต่างจอดรถทิ้งไว้เลยได้มีการคุยกันว่าวันนี้จะไปทำอะไรบ้างจนได้ข้อสรุปว่าพี่วินจะมารับเธอที่โรงแรมจะได้ไม่ต้องนั่งรถสาธารณะไปกลับ… ประหยัดทั้งเวลาแล้วก็สะดวกกว่าด้วยไปคันเดียวจบแล้วก็หาสถานที่ที่คนไม่เยอะแทน“หวัดดีค่ะ :) ”คนตัวเล็กที่เพิ่งขึ้นรถมาหันไปกล่าวทักทายร่างหนาก่อนจะใช้สายตาลอบสังเกตการแต่งกายที่ดูธรรมดาเหมือนเดิม…แต่ก็ยังคงหล่อกระแทกตาไม่ต่างจากเดิม!กริ๊ก! เสียงล็อคประตูรถจากฝั่งคนขับดังขึ้น“คิดยังไงยอมขึ้นรถมากับผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก…หื้ม”“
ติ๊ด! แกร๊ก! ร่างบางที่ยังคงอยู่ในเสื้อสีแดงเปิดประตูเข้าห้องมาก่อนจะถอดรองเท้าและเดินเลยเอากระเป๋าสะพายไปวางไว้บนโต๊ะหน้าทีวีโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกพี่วินและแม่ของเธอว่าถึงที่พักแล้วจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเมจิเดินไปที่หน้ากระจกมองภาพสะท้อนตรงหน้า ตาเรียวสวยมองตัวเองชัดๆ อีกทีแล้วก็ได้แต่คิดในใจเหมือนเดิมว่ามันเด่นน้อยลงกว่าเดิมตรงไหนก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แล้วใช้มือจับชายเสื้อยกถอดออกจากตัว มือบางพลิกเสื้อที่ถอดออกมาดูเลยเห็นว่ามีป้ายแท็กห้อยอยู่ด้านในตรงคอปก…เสื้อใหม่นี่ถึงว่าล่ะตอนใส่ทำไมเหมือนมีอะไรขูดบนผิวจนรู้สึกคันยิบๆ“เดี๋ยวค่อยเอาไปซักพรุ่งนี้แล้วกัน” ปากเล็กพึมพำบอกกับตัวเองก่อนจะพับเสื้อให้เรียบร้อยและวางไว้บนโต๊ะใกล้ตัวครืดดด ครืดด ~“ว่าไงจ๊ะมัมหมี ~” เธอกดรับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นแม่ของตนโทรมาพร้อมกับเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงกวนๆ อย่างต้องการหยอกล้อคนปลายสาย(อารมณ์ดีสินะลูกสาวฉัน)“55555 แค่อยากแกล้งแม่เฉยๆ …โทรมาคิดถึงหนูหรอ?”(งั้นแม่วางสายเลยนะ…)“โห่ๆๆ เดี๋ยวสิ…มีเรื่องจะบอกแม่อยู่พอดี”(แกไปทำอะไรไม่ดีมาหรือไง!)“แม่ใจเย็นนะ…เมจะบอกเฉยๆ ว่าจะลองหางานทำดูไหนๆ พี่โมก็กลับมา
“อื้ม! ชุดนี้แหละ น่ารักมากยัยเม”คนตัวเล็กหมุนตัวไปมาหน้ากระจกผมที่ลอนคลายๆ ไว้ก็สยายไปมาตามทิศทางการหมุน พร้อมกับเอ่ยชมตัวเองไม่ขาดปาก ร่างบางที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อเกาะอกสีขาวคลุมด้วยเสื้อครอปแขนยาวพอดีตัวสีเขียวอ่อนกับท่อนล่างเป็นกระโปรงสั้นอัดกลีบสีเทา ยิ่งขับให้ผิวตัวและใบหน้าดูผ่องเข้าไปกันใหญ่ติ๊ง ติ๊ง! เสียงข้อความจากมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น“งืมมม…ใครส่งอะไรมาน้า”พี่วิน : พี่เพิ่งเลิกงานพี่วิน : นี่เราอยู่ไหนแล้ว?เมจิ : อยู่ที่พักค่ะ เพิ่งแต่งตัวเสร็จRrrrrrr ~ เมจิไม่ทันได้พิมพ์อะไรต่อพี่วินก็โทรเข้ามาก่อน(แต่งตัวเสร็จแล้วจะไปไหน)เสียงทุ้มคุ้นหูพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เธอกดรับสาย“เมว่าจะไปเดินตลาดนัดกลางคืนหน่อย ไม่ห่างจากที่พักเท่าไหร่ ของกินเยอะด้วยงะ”(ไปกับเพื่อนเราอะหรอ)“เปล่านะ เมไปคนเดียว เพื่อนกลับไปทำงานแล่ววว”(อืม…หิวพอดีเลยงั้นพี่ไปเจอเราที่นู่นนะ ยังไงแชร์โลเคชั่นมาให้ด้วย ติ๊ด!)มะ เมื่อกี้ คืออะไรนะ น่ะ นี่ อยู่ดีๆ ก็ต้องเจอกะทันหันแบบนี้เลยหรอ เรานัดกับไว้พรุ่งนี้ไม่ใช่หรือไงพี่วิน! โอ้ยตายแล้ว ฉันไม่มีเวลาเตรียมใจเลย…T-Tพอตั้งสติได้เมจิก็รีบเด
“แม่ชักไม่มั่นใจแล้วว่านี่แกจะไปแค่ 3-4 วัน หรือกะจะย้ายบ้านถาวรกันแน่”เสียงผู้เป็นแม่พูดขึ้นหลังจากเห็นลูกสาวตัวเองเดินหอบของมาพะรุงพะรัง ทั้งกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าผ้าใบใหญ่ และกระเป๋าสะพายที่บังมิดจนมองแทบไม่เห็นตัวเลยหันไปเรียกให้คนงานที่บ้านมาช่วยลูกสาวยกของใส่เข้ารถ เพราะเท่าที่ดูถ้าไม่ช่วยคงได้มีหวังล้มกลิ้งแน่ในอีกไม่กี่ก้าว“ขอบคุณค่ะ”เมจิหันไปขอบคุณคนงานที่มาช่วยเธอยกของก่อนจะเดินไปหาพ่อกับแม่ที่ยืนรอส่งแบบนี้เป็นประจำเวลาเธอจะออกจากบ้าน“งั้นเมไปแล้วน้า นัดยัยไลลาไว้เดี๋ยวไปช้ายัยนั่นบ่นหูชาแน่ๆ”คนตัวเล็กไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้าไปหอมแก้มพ่อกับแม่คนละฟอดพร้อมกับยกมือไหว้…ส่วนเธอก็ทำแบบนี้เป็นประจำเหมือนกันไม่ว่าจะไปไหน“เดินทางปลอดภัยขับรถดีๆ นะไอ้ดื้อ”“จ้าพ่อ”ดา ดี้ ดั๊ด ดา ~มือเรียวของเมจิจับที่พวงมาลัยอยู่แต่นิ้วขยับยุกยิกไปมาตามจังหวะเพลงพร้อมกับหัวที่โยกเบาๆ และปากบางที่คอยพึมพำร้องเพลงไปด้วยก่อนที่เท้าจะค่อยๆ แตะเบรกชะลอความเร็วรถลงเพราะมีไฟแดงอยู่ด้านหน้าครืด ~ตาสวยเหลือบมองโทรศัพท์คู่ใจที่สั่นเมื่อสักครู่ก่อนจะหยิบขึ้นมาเปิดการแจ้งเตือนดูพี่วิน : เดินทางปลอดภัย







