LOGINเคยได้ยินมาว่าอะไรที่ได้มายากๆ มักมีค่าเสมอ ไม่รู้ว่าเชื่อได้มากหรือน้อยแค่ไหน แต่ก็เอาเถอะ! เพราะเป้าหมายของเธอคือเขา 'พาลัน' หนุ่มวิศวะคนนั้น คนที่แสนจะเย็นชาไม่เคยมีใครเคยเห็นแม้แต่รอยยิ้ม แต่ถึงอย่างนั้นบรรดาสาวๆ ก็พากันส่งสายตาวิบวับทุกครั้งที่เขาเดินผ่าน ก็แค่...สูง 185 เซนติเมตร ตาคมดูดุ จมูกมีสันจนน่ากัด ผิวขาวใสเหมือนบอยแบรนด์เกาหลี ชอบปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาสีขาวลงมาสามเม็ดให้ลุคกร้าวใจ เท่านั้นเอง จะจีบยากสักเท่าไหร่กัน เธอเป็นถึงดาวมหาวิทยาลัยเชียวนะ ต้องมีหวั่นไหวกันบ้างแหละหน่า... "ละเมอ?" "ละเมอว่ารักแถบได้ป่ะ" "เพ้อเจ้อ" "อุ้ย! เจ็บอะ" "ไปเล่นตรงโน้นไป" "ทำไม กลัวหวั่นไหวหรอ" "อยากมีผัวขนาดนั้นเลย" "อืม อยากมีผัวชื่อพาลัน"
View More1.รับงานเดินแบบ 10 งาน
2.มีแฟน 3.ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแฟน นี่คือเป้าหมายที่ฉันแพลนเอาไว้ในปีนี้ สวัสดีค่ะ พริบพราวคนสวยนะคะ ฉันหน่ะชอบเขียนไดอารี่เอามากๆ เลยหล่ะ และในแต่ละปีก็จะต้องเขียนเป้าหมายเอาไว้แบบนี้เสมอเพื่อเป็นชาเลนจ์ให้ตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำได้นะ แต่ปีนี้นี่หน่ะสิ ไม่รู้ว่าจะเป็นปีแรกที่ทำไม่ได้หรือเปล่า เรื่องรับงานไม่เท่าไหร่หรอกไม่ได้ทำให้ฉันหนักใจเท่ากับข้อสองเลยสักนิด ใครจะเชื่อว่าพริบพราวคนนี้เกิดมายี่สิบปีแล้วแต่ยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ขนาดมีตำแหน่งดาวคณะพ่วงท้ายชื่อด้วยนะ แม้แต่คนคุยก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเลย น่าห่อเหี่ยวใช่มั้ยละ? (เสียงแจ้งเตือนสายเรียกเข้า) "ฮัลโหล คุณพริบพราว" "ว่าไงยะ คุณแพรนวล" แพรนวลนางเป็นเพื่อนสนิทในรั้วมหาวิทยาลัยคนเดียวของฉัน ไม่สิ! เราสองคนสนิทกันตั้งแต่มัธยมปลายเลยต่างหากหล่ะ "ไปดื่มไปแดนซ์กันป่ะ" "เบาเบาพอนะ พรุ่งนี้ฉันมีถ่ายงานตอนบ่ายหน่ะ" "ได้สิจ๊ะสาว" "โอเค เจอกัน" ว่าแล้วมาส์กหน้าสักหน่อยดีกว่าจะได้ดูผิวอิ่มน้ำสุขภาพดี ยังพอมีเวลาถมเถ และชุดที่ฉันเลือกใส่ในวันนี้เป็นสายเดี่ยวสีดำตัวสั้นกับกางเกงยีนส์ขายาวธรรมดาๆ เพราะตั้งใจจะไปนั่งดื่มเบาเบาฟังเพลงสบายๆ เอาบรรยากาศกับเพื่อนเท่านั้น "ฮัลโหลแก อยู่ตรงไหน" "กำลังจอดรถ" "โอเค งั้นฉันรอด้านหน้านะ" "เคเค" และเป็นฉันที่มาถึงร้านก่อนคนนัด จะไม่ให้ถึงก่อนได้ยังไงละ ในเมื่อฉันซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่ไรเดอร์มาก็ต้องซิคแซคซอกซอยกว่ารถญี่ปุ่นของยัยแพรนวลอยู่แล้ว ปึก! "โอ๊ย!" ในจังหวะที่ฉันกำลังมองซ้ายมองขวาชะเง้อหาเพื่อนที่บอกว่ากำลังจอดรถ ไม่รู้ว่าไปจอดถึงไหนถึงยังไม่เดินมาสักที แต่แล้วจมูกสวยธรรมชาติของฉันก็ไปชนเข้ากับแผนอกแกร่งที่โผล่พ้นเสื้อของใครบางคนมาพร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดแค่กลิ่นก็รู้แล้วว่าอาบน้ำวันละสิบรอบ "ถอยได้ยัง" เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกสติให้ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า สองเท้าเล็กก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวอัตโนมัติราวกับต้องมนตร์ ผู้ชายอะไรหน้าใสได้ขนาดนี้ จมูกก็โด่งมาก สูงยังกับนายแบบเหมือนอิมพอร์ตมาจากซีรีย์จีนอย่างไงอย่างงั้น นี่ถ้าเดินคู่กับฉันต้องดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกแน่เลย พริบพราวอยากได้คนนี้! "พริบพราว ฉันมาแล้ว" มาขัดขวางความสุขของฉันหน่ะสิ! "..." ว่าที่แฟนของฉันเลยได้โอกาสเดินหนีเข้าไปในร้านไม่ทันได้ทำความรู้จักกันเลยสักคำ ทิ้งไว้แต่กลิ่นหอมๆ ชวนให้ฉันหลงใหล แต่ไม่เป็นไรหรอก พบเจอกันครั้งหนึ่งนับเป็นโชคชะตา ฉันจำมาจากซีรีย์เชียวนะ "แกรู้จักด้วยหรอ" "รู้จักใคร" "ก็พาลัน คนที่แกยืนคุยด้วยเมื่อกี้ไง" "ชื่อพาลัน?" "อ่าฮะ" แล้วประวัติโดยย่อของพาลันว่าที่แฟนของฉันก็ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างมีอรรถรสตามสไตล์ยัยแพรนวลทันทีที่เราสองคนหย่อนสะโพกลงโซฟาสีแดงมุมลับของร้าน 'พาลัน' วิศวะโยธาปีสาม หยิ่งและเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นหนุ่มฮอตอันดับต้นๆ ที่สาวๆ หมายปองแต่ยังไม่เคยมีใครได้ใจเขาไปนอนกอดเลยสักคน เขาเกิดและโตที่อเมริกาและพึ่งกลับมาเรียนที่ไทยเมื่อตอนปีหนึ่งนี่เอง ว่ากันว่ามหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่คือธุรกิจของครอบครัวเขาคนนี้นี่แหละ หล่อ รวย เย็นชา ดูน่าค้นหาแบบนี้สเปคพริบพราวเลย แล้วฉันจะใช่สเปคของเขาหรือเปล่านะ... "อุ๊ย! แก แปดนาฬิกา" "แปดนาฬิกาอะไร นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว" ฉันโวยวายใส่เพื่อนหลังจากก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือจนแน่ใจ ว่าตัวเองไม่ได้เมาจนดูเวลาผิด "ยัยบ้านี่ หันไปดูนั่น" แพรนวลยื่นสองมือมาจับหัวฉันให้หันไปมองตามทิศทางที่นางบอกราวกับฉันเป็นหุ่นยนต์ เป็นเขา 'พาลัน' นั่งอยู่กับผู้ชายอีกสองคนน่าจะเป็นเพื่อนที่คณะกลุ่มเดียวกับเขานะ เพราะถ้าตามที่แพรนวลเล่า มีแค่เพื่อนเขาเท่านั้นแหละที่เข้าใกล้เขาได้ จะว่าไปรัศมีความเย็นชาของผู้ชายกลุ่มนั้นแรงมากนะ ขนาดฉันนั่งอยู่ตรงนี้ยังสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่เย็นยะเยือกจนขนแขนลุกได้เลย เพื่อไม่ให้ดูประเจิดประเจ้อจนเกินงามฉันเลยรีบปัดมือยัยเพื่อนบ้าออกแล้วหันกลับมาสนใจค็อกเทลสีสวยตรงหน้าแทน ถ้ามันเป็นพรหมลิขิตเราสองคนคงได้เจอกันอีกครั้ง ถึงตอนนั้นค่อยพาตัวเองไปให้เขารู้จัก ก็ไม่สาย "แก แวะเข้าห้องน้ำก่อนนะ" "ได้สิ" ในเมื่อวันนี้ตั้งใจจะมาดื่มเบาเบา ฉันกับเพื่อนเลยลุคจากเก้าอี้กันตั้งแต่ห้าทุ่ม แอบเสียดายอยู่เหมือนกันนะเพลงกำลังสนุกจนอยากจะยืดเส้นยืดสายเลย แต่ก็เอาเถอะโอกาสหน้ายังมี "เธอๆ ขอคอนแทร็คหน่อยสิ" "โทรศัพท์แบตหมดหน่ะ" ฉันบอกปฏิเสธผู้ชายแปลกหน้าที่มาสะกิดไหล่ไปอย่างมีมารยาท เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด และนี่อาจจะเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ฉันไม่มีคนคุยกับเขา "งั้นขอชื่อไอจีแล้วกัน" "ก็ได้ pp.prao" เพราะเป็นโซเชียลที่ฉันไว้ลงรูปที่ชอบและงานที่ถ่ายจะเข้าไปอ่านตอบคอมเมนต์บ้างประปรายเท่านั้น ส่วนจะมีใครทักข้อความส่วนตัวมารึป่าว ฉันไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เพราะเลือกคุยเฉพาะเพื่อนสนิท ฉันหน่ะอ่านข่าวมาเยอะมากเลยกลัวพวก scammer จนขึ้นสมอง "ไว้ทักไปนะ" "..." #พา PP #พาลันพริบพราว มาตกทุกคนค่ะ อ่านฟินฟิน ยิ้มทุกตอนแน่นอนแน่นอนว่าผู้ชนะในคืนนี้เป็นเจ้าของสนามอย่างไอ้เฟิร์สตามที่ผมคาด เพราะงั้นบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ราคาแพงพร้อมเงินสดและผู้หญิงรางวัลของวันนี้ตกเป็นของไอ้เฟิร์สทั้งหมด แต่วันนี้มันกลับใจดีเลือกรับแค่เงินสดเท่านั้น ส่วนบิ๊กไบค์และผู้หญิงยกให้คนได้ที่สองและที่สามไปตกลงแบ่งกันเองคงจะเกรงใจคนที่มันคะยั้นคะยอให้เขามาเชียร์"ที่เดิมป่ะ?" "อืม / อืม" ทันทีที่ไอ้เฟิร์สเดินมาถึงตรงที่ผู้หญิงของมันนั่ง ก็หันมาชวนผมกับไอ้พายไปฉลองกันตามปกติ แต่ไม่ปกติตรงที่วันนี้มีแขกรับเชิญไปด้วยสองคนคือสองสาวที่กำลังตื่นเต้นกับบรรยากาศของสนามทั้งแสงสีเสียงและดนตรีที่จัดไว้ให้ทุกคนได้สนุกกัน"เธอขา ไปด้วยกันนะ" คนสวยของมามี๊ยกนิ้วโป้งสองนิ้วกดไลค์ถูกอกถูกใจเชียร์ไอ้เฟิร์สให้จีบเพื่อนของเธออย่างออกนอกหน้าจนน่าหมันไส้ ทำผมเผลอยื่นมือไปผลักศีรษะเธอเบาเบาแต่ก็แรงพอให้ตัวเธอเซไปข้างหน้า ก่อนจะรีบลุกเดินหนีไปลานจอดรถเตรียมตัวขับไปร้านประจำที่อยู่ไม่ไกล "เฮ้ย พาลัน ฝากพริบพราวไปด้วยดิ" ในจังหวะที่ผมกำลังจะใส่หมวกกันน็อค ไอ้เฟิร์สก็ตะโกนเรียกให้ผมหยุดรอและออกคำสั่งกับผมอีกครั้ง ทำผมเหล่ตามองคนที่กำลังยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แอบ
ตลอดช่วงเวลาของมื้อกลางวัน ท่ามกลางเสียงพูดคุยของผู้คนในโรงอาหาร ก็จะมีเสียงเล็กๆ พูดเจื้อยแจ้วคุยกับเพื่อนดังอยู่ข้างหูไม่หยุด ส่วนใหญ่เรื่องที่พวกเธอคุยกันเหมือนจะเป็นเรื่องแฟชั่นทั่วไป แล้วก็พระเอกในซีรีย์ซึ่งผมไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ มีบ้างที่เคยได้ยินมามี๊กับลิตาคุยกันบ้าง แต่ผู้ชายอย่างผมจะให้กรี๊ดพระเอกในซีรีย์อย่างพวกเธอ น่าจะไม่ค่อยเข้ากันphalan.pl : เสียงดังpp.prao : อุดหูซิคะ ที่รักบางทีผมก็อยากแคปหน้าจอเก็บหลักฐานความแพรวพราวคนสวยของมามี๊ที่ท่านชอบนักชอบหนาส่งไปให้ท่านดู ว่าลูกชายของมามี๊กำลังตกอยู่ในอันตรายมากขนาดไหน ไหนจะชอบทำสายตาเป็นประกายระยิบระยับโปรยเสน่ห์ใส่ คำพูดคำจาก็เหลือเกิน แถมยังพูดไม่หยุดอีก คุยเก่งขนาดนี้มีหวังผมคงได้นั่งแคะขี้หูทั้งวัน"มึงสองคนจะไปดูกูแข่งรถป่ะ" ทุกเย็นวันศุกร์เจ้าของสนามแข่งอย่างไอ้เฟิร์สจะชอบลงแข่งด้วยตัวเองเป็นคู่ปิดท้ายของสนาม ในฐานะเพื่อนและหุ้นส่วน ผมกับไอ้พายต้องไปให้กำลังใจอยู่แล้ว"ก็ไปทุกทีป่าววะ" ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดไอ้พาย เผื่อคู่แข่งเล่นตุกติก ผมสองคนจะได้ช่วยเพื่อนทันเวลา ตามคอนเซ็ปต์ที่ว่า 'รวมกันเราอยู่' แยกกัน..
ระหว่างที่ยืนต่อแถวรอคิวซื้อข้าวกลางวันที่ร้านประจำ ฉันก็เกิดนึกสนุกอยากจะทักไปหาใครบางคนสักหน่อย ไม่ได้คุยกันตั้งหลายวันจะคิดถึงกันบ้างรึป่าวก็ไม่รู้ แต่ก็ทำได้แต่คิดไม่รู้จะพิมพ์ไปว่าอะไรดี นี่ก็ยืนเปิดหน้าแชทของเขกดพิมพ์กดลบเป็นสิบๆ รอบแล้ว สงสัยต้องลองหาคอนเทนต์วิธีจีบผู้ชายมาศึกษาซะหน่อยแล้วสิphalan.pl : ไม่สั่งข้าว?"หืม รู้ได้ไงอะ"ข้อความที่เขาส่งมาถูกอ่านทันทีเพราะฉันยังคงค้างหน้าแชทของเขาไว้อยู่ ว่าแต่...เขารู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังจะสั่งข้าว แน่นอนว่าฉันไม่ปล่อยให้ความสงสัยนี้หลุดลอยไป หันซ้ายมองขวาหาว่าที่แฟนเพราะคิดว่าเขาต้องอยู่ในโรงอาหารนี้แน่"หนู สั่งเลยลูก" แต่ยังไม่ทันได้มองหาครบทุกมุมเลย คุณป้าร้านอาหารตามสั่งก็เรียกคิวฉันแล้ว"อะ อ่อ ค่ะ ค่ะ" กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เพราะงั้นเรื่องผู้ชายต้องพับไว้ก่อน"กะเพราหมู ไข่ดาวกรอบๆ หนึ่งค่ะ ขอเผ็ดๆ นะคะคุณป้า""สองครับ" "ได้ลูก" "หืม เสียงคุ้นจัง" แถมกลิ่นน้ำหอมก็คุ้นมากด้วย ถึงจะเจอกันเพียงหนึ่งครั้งฉันก็จำทุกรายละเอียดเกี่ยวกับเขาได้ดี และใช่! คนตัวโตที่ยืนอยู่ข้างหลังเป็นเขาจริงๆ ฉันเลยส่งยิ้มหวานไปให้อย่างจริงใจ แต
'pp.prao' "หึ แสบใช่เล่น" ผมกดชื่อโซเชียลของใครบางคนลงในช่องค้นหา ก่อนจะไล่ดูรูปที่เธอลงเอาไว้เป็นพันรูป มีทั้งรูปงานและรูปไปเที่ยว หนึ่งในนั้นก็เป็นรูปเธอวันนี้ที่ลงไว้ในสตอรี่ เหมือนว่าจะถ่ายก่อนออกมาร้านเหล้าเพราะเป็นชุดเดียวกันกับที่ผมเจอและได้สัมผัสไปเมื่อหลายนาทีก่อน'พริบพราว' เป็นชื่อที่คอยตามหลอกหลอนผมตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะเธอคือว่าที่คู่หมั้นของผมที่มามี๊นัดให้ไปดูตัวและทำความรู้จักกันในวันหยุดยาวสัปดาห์หน้า ตอนแรกผมก็ค้านหัวชนฝายืนกรานปฏิเสธออกไปชัดเจน ไม่ชอบการคลุมถุงชนเป็นที่สุดและคิดว่าน่าจะหมดยุคนั้นไปนานแล้ว จนได้เห็นรูปที่มามี๊ส่งมาให้ทุกวันเหมือนส่งสติ๊กเกอร์สวัสดีวันจันทร์มานั่นแหละ ก็พอทำให้ผมจำหน้าของเธอได้ และพอเจอกันวันนี้ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะมีคู่หมั้น หรือไม่ก็รู้แต่ทำเนียนไม่ต่างจากผม ตอนแรกก็ตั้งใจจะปล่อยผ่านต่างคนต่างมาค่อยไปทำความรู้จักกันวันที่ผู้ใหญ่นัด แต่มาสะดุดตรงที่ว่าที่คู่หมั้นของผมคนนี้เสน่ห์แรงมาก แค่ยืนเช็คเรตติ้งเฉยๆ ก็มีผู้ชายเข้ามาขายขนมจีบแล้ว ทำผมหมันไส้เผลอพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปยิ่งได้เห็น ป
"นึกว่าจะไม่ให้""เอ๋!!!" เสียงคุ้นๆ นะ ร่างบางหันไปตามเสียงที่ได้ยินให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด และเป็นเขาคนที่ฉันล็อคมงเอาไว้ ยืนพิงผนังพ่นควันสีขาวให้ลอยออกไปในอากาศ ยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ว่าแต่เขาหมายถึงฉันหรอ?"พูดกับฉันหรอ?" "พูดลอยลอย" ฉันลองมองหันซ้ายหันขวาว่ามีคนอื่นนอกจากฉันยืนอยู่ตรงนี้หรือเปล่า มองจนแน่ใจว่าตรงนี้มีเพียงฉันกับเขาที่ยืนอยู่เท่านั้น เพราะงั้นเจาพูดกับฉันแน่"ถ้าอยากได้บ้าง ก็ขอดีดีสิ" ฉันกอดอกถามอย่างท้าทาย ใครใช้ให้เขากวนกันก่อนละเคยได้ยินไหม กวนมา กวนกลับ ไม่โกง! "ง่วงก็กลับไปนอน" ไหนยัยแพรบอกว่าเขาพูดน้อยไง พูดน้อยแบบไหนกัน! "กลับพร้อมกันไหมละ?" ฉันทำใจกล้าเดินเข้าไปใกล้ แต่ก็เว้นระยะห่างไม่ให้ใกล้จนเกินไป เงยหน้ามองคนตัวโตที่ปรายตามามองเพียงครู่ก่อนจะทิ้งบุหรี่ในมือลงถังขยะด้านข้าง แล้วก้าวเข้ามาหาฉันจนปลายรองเท้าของเราทั้งคู่ชนกัน แถมยังถือวิสาสะโอบเอวฉันไว้ไม่ให้ถอยหนี ทำให้สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนเจือกลิ่นบุหรี่ปนกลิ่นมิ้นท์อ่อนๆ "หึ" "ตัวสั่นขนาดนี้ ทำเก่ง" ฉันไม่ได้ตาฝาดหรอกใช่ไหม ตาคู่คมมองกันด้วยสายตาเกินคาดเดาไม่หลงเหลือค
1.รับงานเดินแบบ 10 งาน2.มีแฟน3.ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแฟนนี่คือเป้าหมายที่ฉันแพลนเอาไว้ในปีนี้ สวัสดีค่ะ พริบพราวคนสวยนะคะ ฉันหน่ะชอบเขียนไดอารี่เอามากๆ เลยหล่ะ และในแต่ละปีก็จะต้องเขียนเป้าหมายเอาไว้แบบนี้เสมอเพื่อเป็นชาเลนจ์ให้ตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำได้นะ แต่ปีนี้นี่หน่ะสิ ไม่รู้ว่าจะเป็นปีแรกที่ทำไม่ได้หรือเปล่า เรื่องรับงานไม่เท่าไหร่หรอกไม่ได้ทำให้ฉันหนักใจเท่ากับข้อสองเลยสักนิด ใครจะเชื่อว่าพริบพราวคนนี้เกิดมายี่สิบปีแล้วแต่ยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ขนาดมีตำแหน่งดาวคณะพ่วงท้ายชื่อด้วยนะ แม้แต่คนคุยก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเลย น่าห่อเหี่ยวใช่มั้ยละ? (เสียงแจ้งเตือนสายเรียกเข้า)"ฮัลโหล คุณพริบพราว" "ว่าไงยะ คุณแพรนวล" แพรนวลนางเป็นเพื่อนสนิทในรั้วมหาวิทยาลัยคนเดียวของฉัน ไม่สิ! เราสองคนสนิทกันตั้งแต่มัธยมปลายเลยต่างหากหล่ะ"ไปดื่มไปแดนซ์กันป่ะ" "เบาเบาพอนะ พรุ่งนี้ฉันมีถ่ายงานตอนบ่ายหน่ะ" "ได้สิจ๊ะสาว" "โอเค เจอกัน" ว่าแล้วมาส์กหน้าสักหน่อยดีกว่าจะได้ดูผิวอิ่มน้ำสุขภาพดี ยังพอมีเวลาถมเถและชุดที่ฉันเลือกใส่ในวันนี้เป็นสายเดี่ยวสีดำตัวสั้นกับกางเกงยีนส์ขายาวธรรมดาๆ เพร






Comments