มานูแอลชื่นชมเนื้อนวลหอมหวานนุ่มนิ่มจนพอใจเขาก็กลับมาประกบจูบริมฝีปากบางอีกรอบ มือทั้งสองวางแหมะที่ทรวงอกอิ่มบดขยำอย่างถนอมขณะที่สะโพกแกร่งกำลังทำหน้าที่กดบดตัวตนสอดใส่ช่องทางรักเนิบนาบ
เจ้าเอยสะท้านแอ่นเล็กน้อยเมื่อความใหญ่โตของสามีสอดเข้ามาประสานในกลางกาย เธอเริ่มหายใจหอบถี่ขึ้น แขนเรียวตวัดคล้องคอมานูแอลแน่นเมื่อเขากำลังเร่งสาวสะโพกอัดกระแทกใส่ร่างกายของเธอพร้อมกับละเลงลิ้นอยู่ในโพรงปากระรัว
ลีลาเร่าร้อนของมานูแอลทำให้เจ้าเอยเริ่มสติเตลิดหลับตาพริ้มครางเสียงอ่อนในลำคอ รู้สึกเป็นสุขโดยที่ไม่สามารถสรรหาคำไหนมาอธิบายได้ ทุกจังหวะที่เขากดสะโพกกระแทกตัวตนเข้าออกเหมือนมีมวลความเสียวพุ่งแผ่กระจายไปทั้งตัวจนสมองเหมือนจะหยุดทำงานทุกขณะ
มานูแอลเริ่มเร่งเร้าสะโพกกระแทกภรรยาคนสวยถี่รัวขึ้น ด้วยกำลังรู้สึกคลั่งกับร่างกายของภรรยาที่ทำให้เขามีความสุขจนแทบทะลักออกมาจากปาก ทุกวินาทีที่เขาได้หาความสุขจากร่างกายของเธอยิ่งทำให้เขารักและหวงแหนเธอมากขึ้น อยากจะลดความรุนแรงเพื่อถนอมร่างกายของเธอมากกว่านี้ แต่ไฟสวาทที่กำลังพุ่งพล่านอยู่ในตัวมันทำเขาควบคุมตัวเองได้ยาก
ยิ่งมองภรรยาที่กำลังครางเสียงหวานหัวสั่นหัวครอน ทรวงอกอวบอิ่มกระเพื่อมตามแรงกระแทกของเขายิ่งเสมือนภาพนั้นเป็นเชื้อเพลิงราดกองไฟ เขาไม่สามารถลดลีลาเร่าร้อนลงได้จริงๆ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขากระชับสัมพันธ์กับภรรยาจนเธอสลบเหมือดคาเตียงไปอีกวัน...
หลังจากกลับมาถึงกรุงเทพได้ เย็นวันนี้เจ้าเอยก็ขอมานูแอลออกมาเยี่ยมพ่อของเธอที่บ้านสวนหลังเล็กในอำเภอหนึ่งของจังหวัดนนทบุรี หลังจากที่พ่อของเธอป่วยเดินไม่ได้ปานวาดก็ให้พ่อของเธอมาอยู่ที่นี่เพื่อรักษาตัวกับที่ที่มีธรรมชาติมากกว่าในกรุงเทพมหานคร โดยมีป้าอิ่มเป็นคนดูแลไม่ห่าง ส่วนเจ้าเอยเองก็เข้ามาดูแลพ่อบ้างเมื่อมีเวลาว่าง
“เมื่อวานคุณพ่อไปหาหมอมาคุณหมอว่ายังไงบ้างคะพี่ป้าอิ่ม” เข้าบ้านมาได้เจ้าเอ่ยก็เอ่ยถามหญิงวัยกลางคนทันทีถึงเรื่องอาการของคนเป็นพ่อ
“เอ่อ...” อิ่มเริ่มมีท่าทางอึกอัก
“หมอบอกว่าพ่ออาการดีขึ้นมากแล้ว ทำกายภาพให้บ่อยอีกไม่นานก็น่าจะเดินได้” อัคพลพาตัวเองพร้อมรถเข็นออกมาจากในห้องได้ก็รีบตอบคำถามลูกสาวแทนอิ่ม
“จริงเหรอคะ เอยดีใจที่สุดเลยค่ะ” เจ้าเอยฉีกยิ้มกว้างรีบเข้าไปสวมกอดพ่อของเธอเอาไว้แน่น ความหวังที่เธอจะเห็นพ่อกลับมาเดินได้อีกครั้งคงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
“เดี๋ยวป้าเอาไปเก็บให้นะคะ” อิ่มรีบรวบกระเช้าผลไม้และของฝากอีกสองสามถุงจากมือของเจ้าเอยเข้าไปในครัว ด้วยคิดว่าหากอยู่ตรงนี้นานเธอคงไม่วายพูดอะไรต่ออะไรที่ถูกกำชับว่าห้ามพูดเอาไว้
“ขอบคุณค่ะ”
เมื่ออิ่มให้หลังไปได้อัคพลก็พาเจ้าเอยมานั่งคุยกันที่สวนหลังบ้าน เพราะเขามีเรื่องราวมากมายที่อยากจะถามไถ่เจ้าเอยเรื่องชีวิตหลังแต่งงาน
“ชีวิตหลังแต่งงานเป็นยังไงบ้างล่ะลูก มีความสุขมากหรือเปล่า”
“เอยยอมรับค่ะว่าชีวิตของเอยสบายมากๆ แล้วคุณแอลก็ทำทุกอย่างเพื่อให้เอยมีความสุข แต่...” เจ้าเอยเริ่มก้มหน้างุด อันที่จริงไม่ได้อยากเล่าเรื่องทุกข์ใจกับใคร แต่ก็ไม่อยากปิดบังความรู้สึกกับพ่อของเธอ
“ทุกข์ใจเพราะเรื่องมาวินใช่ไหม”
เจ้าเอยพยักหน้าและโผเข้าไปกอดคนเป็นพ่อเอาไว้หลวมๆ เธอซบใบหน้ากับอกอุ่นก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา
“พ่อขอพูดอะไรตรงๆ ได้ไหมเอย”
“ค่ะ” เจ้าเอยผละออกจากอกของพ่อ เธอยกมือปาดน้ำตาลวกๆ และพยักหน้าตอบรับคำที่พ่อของเธอจะถาม
“ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาเราไม่มีใจรักคุณแอลบ้างเลยเหรอ”
เจ้าเอยยังคงเงียบ เพราะคำถามนี้เธอก็เคยถามกับหัวใจของตัวเองเช่นกัน แต่มันก็ไม่ได้คำตอบแน่ชัด
“เอย ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“พ่อสังเกตหลายครั้งแล้วนะ เวลาเอยพูดถึงคุณแอลเอยจะยิ้มได้ทุกครั้ง ไม่เหมือนตอนที่พูดถึงมาวิน เพราะสีหน้าของเอยตอนพูดถึงมาวินมีแต่ความเศร้า”
“ที่เอยเศร้าเพราะเอยรู้สึกผิดกับวินตลอดเวลาค่ะคุณพ่อ”
“บางทีที่เอยคิดว่าเอยยังรักมาวิน อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกผิดก็ได้นะลูก คิดให้ดีๆ ว่าตอนนี้เอยกำลังรักใคร” อัคพลเริ่มชี้นำให้ลูกสาวของเขาได้รู้ใจตัวเอง
“หัวใจของเอยจะเป็นยังไงเอยก็ยังไม่แน่ใจค่ะ แต่ตอนนี้เอยไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นพูดกับวินยังไงเรื่องที่เอยแต่งงานกับคุณแอลไปแล้ว ทั้งที่เอยก็สัญญากับวินว่าถ้าเค้ากลับมาจากต่างประเทศเอยจะแต่งงานกับเค้า” น้ำเสียงของเจ้าเอยเริ่มสั่นเครือขึ้นเรื่อยๆ จนอัคพลต้องรั้งลูกสาวมากอดเอาไว้อีกรอบ
“พ่อขอโทษนะลูกที่เป็นต้นเหตุทำให้เอยเป็นทุกข์แบบนี้” อัคพลเริ่มมีน้ำตาตามลูก เรื่องทุกอย่างไม่โทษใครเลยโทษตัวเองล้วนๆ หากก่อนหน้านี้เขาไม่หลงปานวาดจนพาเธอเข้ามาในชีวิต และยอมตามใจถวายเงินให้เมียใหม่อย่างไม่คิดขัด คงไม่มีปัญหาเรื่องหนี้สิน และหากเขาไม่ป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ลูกสาวของเขาคงใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างมีความสุขไม่ต้องมีปัญหาหนักใจเช่นทุกวันนี้
“บางทีที่เอยคิดว่าเอยยังรักมาวิน อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกผิดก็ได้นะลูก คิดให้ดีๆ ว่าตอนนี้เอยกำลังรักใคร” ขณะที่ขับรถออกมาจากบ้านสวนของพ่อ เจ้าเอยยังนึกถึงคำพูดของพ่อก้องอยู่ในหัวไม่ขาด ยิ่งเจอคำถามเช่นนี้เธอก็ยิ่งรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังสับสนอยู่ในใจจริงๆ
“หรือว่าเอยจะรักคุณไปแล้วจริงๆ คะคุณแอล” เจ้าเอยพูดออกมาน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะไม่มีเวลาไหนเลยที่เธอไม่รู้สึกมีความสุขเมื่ออยู่ใกล้กับมานูแอล หรือความรู้สึกที่เธอคิดไปเองว่ายังรักมาวินอยู่เป็นเพียงเพราะเธอกำลังรู้สึกผิดต่อเขา
“เฮ้อ...” เจ้าเอยพ่นลมหายใจอ่อน เธอสลัดความคิดที่กำลังสับสนออกไปก่อน เพราะตอนนี้กำลังทำใจให้เข้มแข็งเพื่อที่จะต้องบอกความจริงกับมาวินในวันที่เขากลับมา
มานูแอลเข้ามาสวมกอดที่ด้านหลังเจ้าเอยขณะที่เธอกำลังยืนเหม่อมองท้องฟ้าใจลอยอยู่พักใหญ่ที่ระเบียงหลังห้องนอน
“ต้องทำงานนี้จริงๆ เหรอครับ” เขาก้มซุกใบหน้าลงกับหัวไหล่มนของภรรยา ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนออดอ้อน เพราะรู้ว่างานถ่ายแบบที่ภรรยาของเขาจะต้องไปทำค่อนข้างโชว์เนื้อหนังเบอะพอสมควร แม้จะไม่ได้มีใครเห็นเวลาถ่ายงานจริง แต่รูปภาพก็ต้องออกไปสู่สายตาสาธารณะชนอยู่ดี
“เอยรับงานนี้เอาไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วค่ะ ไม่อยากยกเลิก เกรงใจที่มิค่ะ” อันที่จริงเจ้าเอยก็ปฏิเสธงานของมิราไปหลายงานจากที่รับเอาไว้ หากเธอจะทิ้งจนหมดก็เกรงใจคนที่เอ็นดูเธอมาหลายปีและคอยป้อนงานให้เธอตลอด
“โอเค ผมให้คุณทำงานนี้งานสุดท้ายนะครับ เพราะหลังจากนี้คุณต้องเตรียมตัวเป็นคุณแม่”
“ค่ะ”
“ปีนี้เราอยู่กันสองคน ปีหน้าครอบครัวของเราจะต้องมีสมาชิกเพิ่มนะครับ” มานูแอลหลับตาวาดฝันไปจนถึงวันข้างหน้าแล้วว่าอีกไม่ถึงปีเขาจะต้องทำให้เจ้าเอยตั้งท้องให้ได้ และหลังจากนั้นบ้านของเขาก็จะมีแต่ความครึกครื้นเพราะมีลูกเล็กๆ คอยวิ่งเล่นกันอยู่ในบ้าน
“เป็นยังไงบ้างคะ” ม่อนไหมเดินอุ้มลูกสาวของเธอเข้ามาในห้องนอนของลอเลนโซหลังจากที่หมอฟิลิปได้เข้ามาตรวจอาการสามีของเธอจนกลับไปแล้วลอเลนโซมองจ้องหญิงสาวกับลูกน้อยไม่วางตา จนม่อนไหมเริ่มประหม่าเพราะไม่รู้ว่าลอเลนโซกำลังคิดอะไรอยู่“มองหน้าม่อนแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า”“ป้อ...ป้อ...” เด็กหญิงถูกวางลงที่เตียงได้ก็รีบคลานเข้าไปนอนซบอกคนเป็นพ่อทันที“ยังมีอาการปวดหัวอยู่หรือเปล่าคะ”ลอเลนโซกอดลูกน้อยไว้ในอ้อมอกและส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะมองไปที่เท้าอวบอูมของเจ้าตัวกลมที่สวมถุงเท้าสีขาวเอาไว้“ถ้าสวมถุงเท้าไหมพรมสีฟ้าคงจะน่ารักน่าดูนะ”“คุณลอส” ม่อนไหมนั่งอ้าปากค้างไม่กี่วินาทีน้ำตาของเธอก็ไหลอาบแก้ม“ผมจำทุกอย่างได้แล้วครับ” ลอเลนโซลุกขึ้นมารวบกอดทั้งลูกและภรรยาแน่น ก่อนจะปล่อยน้ำตาแห่งความตื้นตันดีใจออกมาอาบที่แก้ม และแล้วเขาก็จำทุกอย่างได้เสียที“จำได้แล้ว เย่...” ต้นสายตะโกนเสียงหลงเมื่อรับรู้ข่าวจากม่านแก้วว่าตอนนี้ลอเลนโซจำเรื่องราวทุกอย่างได้แล้ว“ดีใจที่สุดเลย” นิลน้ำกระโดดกอดคอกับต้นสายแน่น ที่รับรู้ว่าม่อนไหมนั้นพ้นจากความทุกข์ใจเสียทีหลังจากที่ทรมานใจมาพักใหญ่“หลังจากนี้ก็น่าจะมีแต่ความสุ
“ก็ถ้าคนรักของฉันเจ็บป่วยฉันก็อยากจะดูแลใกล้ชิดเหมือนกันค่ะ ยิ่งอยู่ห่างก็ยิ่งห่วงกว่าเดิมค่ะ คุณลองคิดสิคะว่าพ่อคุณนอนเจ็บอยู่โรงพยาบาลแล้วไม่ให้คุณเข้าเยี่ยมคุณจะทุกข์ใจแค่ไหน”ลอเลนโซนั่งเงียบ ด้วยคิดตามพยาบาลสาวแล้วมันก็เป็นความจริงอย่างที่เธอพูด“ไม่มีอะไรจะเถียงล่ะสิ”“ยุ่ง ผมอิ่มแล้วพาผมเข้าห้องไปพักด้วย”“กินยาก่อนค่ะ”“เอามา” ครั้งนี้ลอเลนโซยอมกินยาง่ายๆ เพราะรู้ว่าหากยื้อเวลาก็จะต้องมานั่งต่อปากต่อคำกับพยาบาลสาวจอมปากจัดคนนี้ต่อ“ทำตัวไม่ดื้อก็เป็นนี่คะ” ม่อนไหมยืนถ้วยยาเล็กใส่มือของลอเลนโซ เธอยืนยิ้มแก้มปริเพราะวันนี้ไม่ต้องเหนื่อยสู้รบกับชายหนุ่มในเรื่องบังคับกันกินยา“เค้ามีวี่แววว่าจะจำอะไรได้หรือยังม่อน”ม่อนไหมส่ายหัวเป็นคำตอบให้กับม่านแก้ว ม่อนไหมดูแลลอเลนโซมาร่วมสองอาทิตย์จนตอนนี้ชายหนุ่มต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาดวงตา เธอเริ่มหมดกำลังใจในการรื้อฟื้นความจำของสามีเธอพอสมควร เพราะอุตส่าห์ตะล่อมให้ลอเลนโซยอมเจอพ่อและน้องๆ ได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถพูดให้เขาอยากเจอลูกกับภรรยาได้เลยทุกๆ เช้าเธอจะสรรหาเมนูที่เขาเคยชอบในฝีมือของเธอให้เขาได้รับประทานเป็นประจำ แต่ทำอย่างไรเ
“แต่ไม่ใช่ฉันค่ะ ยังไงคุณก็ต้องกินค่ะ ไม่ห่วงตัวเองก็สนใจความรู้สึกของคนที่เค้าคอยเป็นห่วง คนที่เค้ารอคอยว่าคุณจะหายอย่างใจจดใจจ่อหน่อยเถอะค่ะ”“ผมแค่ไม่อยากกินยา ทำไมคุณต้องโยงไปถึงคนอื่นด้วย” ลอเลนโซรู้สึกว่าจะไม่ค่อยถูกชะตากับพยาบาลคนใหม่เสียแล้ว“ถ้าคุณไม่ยอมกินยา ฉันจะเข็นคุณออกไปนั่วนอกบ้านให้ปวดกระดูกจนเป็นไข้เลยเอาไหมคะ” เธอก้มกระซิบข้างหูของคนเป็นสามีเบาๆ เพราะกลัวว่ากล้องวงรปิดจะได้ยินว่าพยาบาลคนใหม่อย่างเธอพูดอะไรกับคนไข้“คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับผม รู้หรือเปล่าว่าผมสามารถทำให้คุณตกงานได้ตลอดชีวิต” ลอเลนโซเริ่มน้ำเสียงขุ่น ไม่รู้ว่าหญิงสาวเป็นพยาบาลจริงๆ หรือเปล่าถึงได้พูดจากับคนไข้เช่นนี้“ไม่รู้จริงๆ ค่ะ” ม่อนไหมพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี และอาศัยจังหวะที่ลอเลนโซอ้าปากใส่ยาตามด้วยน้ำเข้าไปในปากของเขา“อื้อ” และแล้วลอเลนโซก็ต้องรีบกลืนยาลงลอเพราะหากไม่กลืนก็อาจจะทำให้เขาสำลักม่อนไหมยืนยิ้มกรุ้มกริ่มและเข็นรถเข็นพาคนไข้จอมพยศไปที่ห้องของเขา เมื่อครู่เธอไม่ได้กลัวเขาสำลักแม้แต่น้อยเพราะจำได้ดีว่าในตอนที่ดูแลลอเลนโซตอนครั้งที่บาดเจ็บตอนนั้น เขาก็พยศไม่ชอบกินยาเธอก็ใช้วิธีนี้
“ประมาณสามปีล่าสุดครับ”“แสดงว่า...” หญิงสาวเข่าทรุด เท่ากับว่าตอนนี้ลอเลนโซไม่รู้เลยว่ามีเธอและลูกอยู่บนโลกใบนี้ ตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมากกว่าตอนที่เห็นเขานอนเจ็บเสียอีก“ม่อน...ใจเย็นๆ ก่อนนะยังไงหมอก็บอกว่าลอสมีโอกาสหาย” ม่านแก้วรีบกอดปลอบม่อนไหมที่ขาอ่อนจนฟุบนั่งร้องให้ลงไปกับพื้น“คุณม่อน” มานูแอลรีบพยุงพี่สะใภ้ของเขามานั่งที่โซฟา“ทำไม ต้อง...เป็นแบบนี้ด้วยนะ” ม่อนไหมสะอึกสะอื้นซุกอยู่กับอกของม่านแก้ว สามีเธอฟื้นขึ้นมาแล้วแท้ๆ คิดว่าจะไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรอีกแต่เรื่องที่เธอเพิ่งรับรู้กลับทำให้เธอปวดหัวใจเป็นทวีคูณอเลสซานโดเดินเข้ามาลูบหัวคนที่สะอื้นตัวโยนอยู่ในอ้อมอกของม่านแก้ว ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาปลอบใจม่อนไหมเช่นกัน เพราะตัวเองก็เครียดกับอาการของลูกชายคนโตมากพอสมควร“ม่อนจะไปหาคุณลอสค่ะ ถ้าม่อนได้ไปอยู่ใกล้กับเค้า เค้าอาจจะจำม่อนได้ก็ได้ค่ะ” ม่อนไหมรีบปาดน้ำตาลวกๆ และลุกขึ้นพรวดพูดกับอเลสซานโด“ตอนนี้ไม่ได้” อเลสซานโดส่ายหัว“ทะ...ทำไมคะ”“ลอสมีภาวะเครียดไม่อยากพบใคร แม้แต่ฉันก็ไม่อยากพบ” อเลสซานโดพูดเสียงอ่อน และนี่ก็เป็นสาเหตุที่พวกเขาทุกคนยังอยู่ที่นี่แม้จ
“อะ...อะไรนะคะ” ทุกคนต่างมีสีหน้าตกอกตกใจไปตามๆ กันโดยเฉพาะม่อนไหม หญิงสาวนั่งหน้าซีดเผือดพูดอะไรไม่ออกทำอะไรไม่ถูก“เก็บเสื้อผ้าไปดูอาการของลอสเดี๋ยวนี้เลยม่อน ส่วนยัยหนูเดี๋ยวน้าดูแลเองไม่ต้องห่วง” ม่านแก้วดูออกว่าหลานสาวทำอะไรไม่ถูกจึงรีบแนะแนวทางให้ ไม่ได้อยากจะคิดไปในแง่ร้ายแต่หากลอเลนโซอาการแย่ลงม่อนไหมจะได้มีเวลาได้ดูใจคนรักเป็นครั้งสุดท้าย แต่หากไม่ใช่ก็ถือว่าได้ไปดูแลกันอย่างใกล้ชิด“พวกเราก็จะช่วยดูแลด้วยไม่ต้องห่วงนะ” นิลน้ำวางมือที่หัวไหล่เพื่อนรักเบามือ“ขอบคุณทุกคนมากนะ” เธอพูดพร้อมยกมือปาดน้ำตา“น้าแก้วไปกับม่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพวกเราปิดร้านให้” ต้นสายส่งเจ้าก้อนกลมที่ทำท่าเหมือนจะง่วงให้กับม่านแก้ว“ขอบใจนะ” ม่านแก้วรีบอุ้มไลลาเดินตามม่อนไหมที่กำลังเดินปรี่ไปที่รถและแล้วม่อนไหมก็ได้เดินทางมาถึงนครฟลอเรนซ์แคว้นคอสตานาพร้อมกับชาร์ลที่อาสามาเป็นเพื่อนกับม่อนไหมแม้จะลาออกจากตำแหน่งบอดี้การ์ดเพื่อไปแต่งงานกับพลอยพิมแล้ว“ที่นี่เป็นบ้านของคุณอเล็กซ์ครับ”“ทำไมพาฉันมาที่นี่ล่ะคะ ฉันอยากไปหาคุณลอส”“คุณอเล็กซ์บอกว่าให้คุณม่อนพักผ่อนก่อนครับ เพราะตอนนี้คุณลอสอยู่ในห้องผ่าตัดอีกหล
วันเวลาของความสุขพ้นผ่านนานร่วมหกเดือนตอนนี้ม่อนไหมท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีเดินเหินก็ไม่ค่อยสะดวกนักแต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากเพราะมีสามีอย่างลอเลนโซคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งตอนนี้พ่อและน้องของสามีก็มาเฝ้าอยู่ที่บ้านรอคอยวันที่หลานจะออกมาลืมตาดูโลกไม่ห่างอีกด้วย“คุณพ่อแข็งแรงขึ้นมากเลยนะคะ”“เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเลี้ยงหลานไง นี่ก็ใกล้เวลาที่จะคอลดแล้วใช่ไหม” อเลสซานโดเริ่มเดินเหินได้ปกติแล้วหลังจากตั้งใจทำกายภาพบำบัดมาเป็นเวลาร่วมหกเดือน ที่เขามีกำลังแรงกายแรงใจฮึดสู้เพื่อให้ตคัวเองกลับมาเดินได้อีกครั้งก็เพราะรู้ตัวว่าจะได้อุ้มหลานนี่แหละ“ค่ะ วันคลอดที่หมอกำหนดเอาไว้ประมาณอาทิตย์หน้าอาจจะคลอดก่อนกำหนดหรือถ้ายังไม่ปวดท้องคลอดภายในอาทิตย์สองอาทิตย์นี้ก็คงจะต้องผ่าคลอดค่ะ”“แล้วจะย้ายไปอิตาลีเมื่อไหร่ล่ะ ได้คิดเอาไว้แล้วหรือยัง”“คือ...เรื่องนี้เราคุยๆ กันอยู่ครับคุณพ่อ”“ค่อยๆ คิดแล้วกัน แต่ยังไงพ่อก็อยากให้เราไปอยู่ที่โน่นเป็นหลักนะ”“ครับ” สองสามีภรรยาเริ่มมองหน้ากัน เมื่อต้องพูดถึงเรื่องในอนาคต ไม่ใช่ว่าลอเลนโซจะไม่เคยคุยกันม่อนไหมเรื่องย้ายไปอิตาลี แต่เป็นเพราะตัวม่อนไหมเองที่ยัง