LOGINพอพี่ทิมบอกจะจัดการ ฉันก็รีบผวาเดินตามหลังออกมา จนเห็นว่าพี่ทิมเลือกที่จะเดินขึ้นไปชั้นบนคงจะเข้าไปหาร็อคแน่ๆ ถึงจะโล่งใจที่ไม่เห็นพี่ทิมอาละวาดตรงนี้ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้เสียทีเดียว เพราะฉันเองก็เคยเห็นฤทธิ์เดชของพี่เขามาบ้างเหมือนกัน จะบอกว่าราบเป็นหน้ากองเลยแหละ แม้กระทั่งร็อคก็แทบเอาไม่อยู่เลยทีเดียว
หลังจากเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ฉันก็รีบไปทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะรู้สึกเหมือนมีสายตาของพนักงานคนอื่นกำลังมองมาที่ฉัน พวกเขาคงกำลังต่อว่าฉันแน่ๆ ที่มัวแต่อู้งาน
ระหว่างที่ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเอง ฉันก็ได้ยินพี่ทิมตะโกนเรียกพนักงานทุกคนให้มารวมตัวกัน
“ทุกคนมาตรงนี้หน่อยครับ”
ท่าทางและคำพูดที่ดูสุภาพของพี่ทิมทุกคนเห็นจนชินตาอยู่แล้ว แต่ถ้าสังเกตุแววตาของพี่เขาดีๆ จะพบความแข็งกร้าวอยู่ในนั้นด้วย
“พอดีผมได้ยินข่าวลือมั่วๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผมกับพนักงานคนหนึ่ง ผมได้ยินแล้วรู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่” หลังจากที่พนักงานเดินมารวมตัวกัน พี่ทิมก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเริ่มพูดออกมาทันที
“คงไม่ต้องให้ผมบอกหรอกนะว่าผู้หญิงคนนั้นที่พวกคุณพูดถึงคือใคร…” น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยติดหงุดหงิดของพี่ทิม เริ่มทำให้พนักงานคนอื่นเริ่มเกร็งไปด้วย
“ผมเป็นผู้จัดการคลับแห่งนี้มานาน ผมไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับพนักงานคนไหน ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือเมื่อก่อน” พี่ทิมพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น
“ผมไม่ได้คบใคร เพราะฉะนั้นผมไม่เคยนอกใจใคร การที่ข่าวลือมั่วๆ นั้นมาแพร่ในที่ทำงานแบบนี้ มันทำให้ผมหงุดหงิดมากและที่สำคัญพวกคุณกำลังทำร้ายพนักงานหญิงคนนั้นทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย”
พอพูดมาถึงตรงนี้ ฉันก็สังเกตเห็นพนักงานกลุ่มนั้นที่นินทาฉันเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาพี่ทิมที่กำลังจ้องมองไปยังพวกเธอเลย
“ผมอยากจะขอเตือนพวกคุณเอาไว้ ถ้าหลังจากนี้มีการแพร่ข่าวลือไร้สาระที่ทำให้คนอื่นต้องเสียหายอีกล่ะก็…เชิญไปหางานใหม่ทำได้เลย!” สิ้นคำพูดของผู้จัดการร้าน ทุกคนก็เงียบกริบไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ
“...ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้เลย!!”
พี่ทิมประกาศกร้าวอย่างไม่ไว้หน้าใคร ก่อนจะไล่ให้ทุกคนไปทำงานของตัวเองตามเดิม
ทุกคนรีบวิ่งไปประจำที่ของตัวเอง คงเพราะกลัวท่าทางของพี่ทิมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่สำหรับคนที่อยู่ที่นี่มานานอย่างฉันอย่างพี่เนตรแล้วก็ที ไม่ได้ตกใจกับความเกรี้ยวกราดไม่กลัวใครของทิมเลยเพราะเคยเห็นมาแล้ว แล้วก็เคยเห็นยิ่งกว่านี้ด้วย
“เส้นใหญ่จริงนะ” ผู้หญิงพวกนั้นไม่วายหันมาแดกดันฉันระหว่างที่เดินผ่านหน้าไป
เอาแล้วไงละ! ดูเหมือนจะมีเรื่องให้ฉันต้องปวดหัวเพิ่มอีกแล้วสินะ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อฉันยังต้องกินต้องใช้อยู่นี่นา
“ช่างเถอะ! ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ถ้าเราไม่ได้ทำซะอย่าง ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้” ฉันปลอบใจตัวเองให้ปล่อยวางเรื่องไม่เป็นเรื่องไปซะ ก่อนจะสนใจแค่งานที่อยู่ตรงหน้าเพียงอย่างเดียว
เหมือนเคยงานของฉันวันนี้คือการเสิร์ฟ เพราะวันศุกร์เป็นวันที่ลูกค้าจะมาปลดปล่อยหลังจากที่เรียนและทำงานกันอย่างหนักมาตลอดสัปดาห์ ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาจนฉันต้องคอยเดินเบียดเสียดเพื่อไปส่งเครื่องดื่มให้กับลูกค้า
“อลิซส่งวีไอพีโต๊ะ4ครับ” พี่ทิมก็เป็นมืออาชีพมากๆ ทำงานราวกับไม่เคยมีเรื่องขุ่นเคืองเกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อนเลย
“เข้าใจแล้วค่ะ” ฉันรับถาดเครื่องดื่มมาถือเอาไว้ และพยายามฝ่าฝูงชนที่แน่นขนัดเพื่อไปชั้นบนให้ได้
“...ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะ” ฉันถือถาดเครื่องดื่มเอาไว้แน่นราวกับของล้ำค่าราคาแพง
แต่จะว่าไปเครื่องดื่มที่ลูกค้าสั่งก็แพงจริงๆ นั่นแหละ แค่ค่าเหล้าหนึ่งขวดฉันก็ต้องทำงานถึง2วันกว่าจะซื้อได้ แล้วถ้าหากฉันทำมันตกแตกนั่นก็หมายความว่าเงินค่าแรงของฉันก็จะถูกหักไปด้วย เพราะฉะนั้นฉันต้องประคบประหงมเครื่องดื่มพวกนี้เอาไว้ราวกับลูกน้อยของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
เดินมาถึงชั้นบนได้ก็รีบตรงไปยังโต๊ะของลูกค้าทันที ก่อนจะเห็นหน้าของลูกค้าทั้งสามคน ซึ่งก็คือลูกค้าที่ดื่มเมื่อวานนี้นี่เอง
“ว้าว~ วันนี้อลิซก็มาเสิร์ฟโต๊ะผมอีกแล้ว” ชายคนนี้คือคนที่ถามชื่อฉันเมื่อวาน เขาร้องทักออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ของที่ลูกค้าสั่งได้ครบแล้วค่ะ” ฉันก็ยิ้มรับคำทักทายของลูกค้าตามมารยาท หลังจากที่วางทุกอย่างไว้บนโต๊ะแล้ว
“เดี๋ยวครับ! อลิซพอจะชงเหล้าให้สักแก้วได้ไหมครับ” ผู้ชายคนเดิมร้องขอพร้อมกับจ้องหน้าฉันอย่างคาดหวัง
“ได้ค่ะ” ฉันตอบรับทันที ถ้าลูกค้าร้องขอฉันก็ต้องทำนั่นเป็นหน้าที่ของเด็กเสิร์ฟที่นี่เช่นกัน
ฉันชงตามที่พี่พีอาร์เคยสอนเอาไว้ หลังจากผสมเครื่องดื่มให้ลูกค้าเสร็จก็ยื่นให้กับลูกค้าอย่างระมัดระวังที่สุด แต่ฉันคงระวังไม่มากพอมันถึงได้หกรดกางเกงของชายหนุ่มที่ร้องขอให้ฉันชงเหล้าให้ไปทั้งแก้ว
“ขะ ขอโทษค่ะลูกค้า ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ” ฉันผวาคุกเข่าลงต่อหน้าลูกค้าด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบดึงทิชชู่ที่วางอยู่มาเช็ดให้ลูกค้อย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไร…”
“เดี๋ยวฉันเช็ดให้ค่ะ! ขอโทษจริงๆ นะคะ” ฉันยังคงก้มหน้าก้มตาเช็ดปลายขากางเกงยีนส์ราคาแพงของลูกค้า จนไม่ได้ฟังเลยว่าเขากำลังพูดหรือต่อว่าอะไรฉันบ้าง
“ไม่เป็นไรครับ” ลูกค้าตอบกลับและพยายามจับมือของฉันเอาไว้
“ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ! อย่ารายงานเรื่องนี้ให้ทางร้านทราบเลยนะคะ” ฉันอ้อนวอนคนตรงหน้าหวังให้เขาให้อภัยที่ฉันทำงานผิดพลาด
ถ้าถามว่าทำไมฉันต้องลนลานและกลัวขนาดนั่น มันเป็นเพราะคนที่จะมานั่งชั้นวีไอพีได้ล้วนแต่ต้องจ่ายค่าเมมเบอร์ราคาที่แพงหูฉี่ นั่นเท่ากับว่าวีไอพีเหล่านี้ล้วนเป็นคนมีอันจะกิน และจะต้องได้รับการบริการที่ไร้ที่ติด้วย ซึ่งถ้าฉันทำพลาดแล้วถูกรายงานนั่นเท่ากับว่าฉันอาจจะต้องเสียงานที่นี่ไป แม้ฉันเองไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่มากนัก แต่ฉันยังคงต้องใช้จ่ายอยู่ เพราะฉะนั้นฉันจะเสียงานไปตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“ครับๆ ผมเข้าใจแล้ว ลุกขึ้นเถอะครับ” ลูกค้าประคองให้ฉันที่ยังกังวลลุกขึ้นจากพื้น
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะยืนได้เต็มสองขา ร่างของฉันก็ถูกดึงให้เซไปอีกทาง
“เป็นอะไร?” เสียงเข้มดุที่แสนคุ้นเอ่ยถาม พลางจ้องหน้าลูกค้าของฉันไปด้วย
“คือ…คือว่า” ฉันได้แต่อึกอักไม่กล้าบอก
“คืออะไร” ร็อคกำแขนของฉันแน่น
“เจ็บนะ” เรื่องแค่นี้เอง ทำไมเขาต้องรุนแรงกับฉันด้วยเล่า
“พี่ร็อค ใจเย็นก่อนครับ อลิซสะดุดล้มผมก็เลยช่วยพยุงขึ้นมาน่ะครับ”
ลูกค้าหนุ่มคนนี้คงจะรู้จักร็อคสินะ แต่ก็ขอบคุณที่เขาไม่ได้บอกความจริงออกไป
“สะดุดล้ม เหอะ!” ร็อคมองฉันสลับกับมองลูกค้าหนุ่ม ท่าทางของเขาดูเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินแม้แต่น้อย
“ฉันสะดุดล้มจริงๆ ค่ะ” ฉันรีบพูดเสริมอีกคน เพราะไม่ว่ายังไงฉันจะไม่ยอมถูกหักเงินเด็ดขาด
ร็อคมองนิ่งๆ ทำให้ฉันได้แต่กลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดด้วยความกระวนกระวายใจ กลัวเหลือเกินว่าเขาจะไม่เชื่อ
“เอาล่ะๆ …เธอไปชงเหล้าที่โต๊ะฉัน บริการให้ดีด้วย”
“ได้ค่ะ” ฉันลอบถอนหายใจที่ไม่โดนจับได้
“...ขอบคุณลูกค้าอีกครั้งนะคะ” แต่ฉันก็ไม่ลืมที่จะหันไปขอบคุณลูกค้าโต๊ะนี้ที่ช่วยฉันเอาไว้
“ผมยินดีและเต็มใจเสมอครับ”
ฉันยิ้มให้พวกเขาอีกครั้ง ก่อนจะเดินเลยไปยังโต๊ะสุดท้ายโซนวีไอพีซึ่งเป็นโต๊ะประจำของร็อค
(Rocco’s talk)
ผมมองตามแผ่นหลังบอบบางของอลิซไปจนถึงโต๊ะของผม ซึ่งตอนนี้กำลังจัดงานปาร์ตี้วันเกิดย้อนหลังให้กับชะเอมอยู่ ก่อนจะหันกลับมาทางลูกค้าที่นั่งอยู่ตรงหน้าตามเดิม
“เมื่อกี้นายทำอะไรกับอลิซ” ผมยิงคำถามที่สงสัยออกไปทันที เพราะตอนที่ผมเดินขึ้นมาโซนวีไอพีนี้ก็เห็นอลิซกำลังก้มทำอะไรบางอย่างที่ตักของหมอนี่
“อลิซสะดุดล้มครับ”
“ไม่ใช่! ฉันเห็นยัยนั่นกำลังทำอะไรบางอย่างกับตรงนั้นของนาย” เมื่อเห็นว่าไอ้หน้าอ่อนนี่ยังโกหกไม่เลิก ผมเลยชี้ไปตรงนั้นของมัน
“เอ่อ…มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดเลยนะครับ ทั้งหมดมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ครับ” หมอนี่ละล้ำละลักตอบอย่างมีพิรุธ
“นายรู้เหรอว่าฉันคิดอะไรน่ะ” ผมกอดอกยืนจังก้าอย่างจับผิด
“มะ ไม่รู้ครับ”
คนตรงหน้าหลบตาผม แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าที่ผมเห็นมันไม่ใช่แค่สะดุดล้ม มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
“งั้นฉันจะพูดตรงๆ เลยแล้วกัน อย่ามาทำอะไรแบบนั้นกับเด็กในร้านของฉันอีก ไม่อย่างนั้นนายอาจจะไม่ได้มีโอกาสสนุกกับชีวิตอีกเลย” ผมเตือนผู้ชายสามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเนิบๆ พร้อมรอยยิ้มเย็น
“แต่พี่กำลังเข้าใจพวกผมผิดจริงๆ นะครับ!”
ไอ้หมอนี่ยังไม่ยอมรับอีกสินะ!
“...จริงๆ แล้วอลิซเผลอทำเหล้าหกใส่ผม เธอเลยรีบเช็ดทำความสะอาดให้ครับ แล้วเธอก็ขอร้องไม่ให้ผมรายงานเรื่องนี้กับทางร้าน เพราะกลัวทางร้านจะต่อว่าเอา” สีหน้าจริงจังที่หมอนี่กำลังอธิบายทำให้ผมชั่งใจ แล้วก็เห็นเพื่อนของหมอนี่อีกสองคนพยักหน้ายืนยันด้วย
“แค่ทำเหล้าหกเนี่ยนะ…”
“จริงๆ ครับ!” หมอนี่ยืนยันเสียงหนักแน่น คงกลัวตัวเองจะไม่ได้สนุกกับชีวิตอีกล่ะมั้ง
“โอเค ฉันเชื่อนาย แล้วก็ต้องขอโทษแทนพนักงานของฉันด้วย ถ้าหากยัยนั่นทำอะไรผิดพลาดอีกก็ให้มาบอกฉันได้เลย”
“ถ้าบอกพี่อย่าลงโทษเธอได้ไหมครับ”
ไอ้นี่มันกล้าขอร้องแทนพนักงานของร้านด้วยแหะ
“ทำไม? นายสนใจเธอเหรอ” ผมถามออกไปตรงๆ ผู้ชายด้วยกันก็พอมองออกละนะ
“เอ่อ…แฮะๆ” ท่าทางขัดเขินของชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคำตอบได้อย่างดี
“ห้ามยุ่งกับเด็กฉัน!”
“อลิซยืนทำอะไรอยู่ มานี่เร็ว” เสียงทุ้มนุ่มของแฟนหนุ่มร้องเรียกดังมาจากด้านหลังของฉัน ทำให้ฉันยิ่งกระวนกระวายหนักกว่าเดิม “ค่ะๆ” ฉันหันไปมอง ก่อนจะพยักหน้าเดินตรงไปหาพี่ร็อคที่กำลังถือของพะรุงพะรังเต็มสองมือ “เป็นอะไรไป…กังวลเหรอ” พี่ร็อคถามและมองฉันด้วยสีหน้าเป็นห่วง “ก็นิดหน่อยค่ะ” ถึงปากจะบอกแบบนั้น แต่ในใจฉันมันร้องตะโกนว่ากังวลมากและตื่นเต้นมาก จนหัวใจฉันมันแทบจะหลุดออกมาด้านนอกแล้ว “ไม่ต้องกังวลนะ พวกท่านไม่ดุหรอก” วงแขนหนักโอบประคองฉันเอาไว้ และยิ้มให้กำลังใจอย่างอบอุ่น “โอเคค่ะ! งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนจะเดินเคียงคู่ไปกับพี่ร็อคเพื่อไปเจอครอบครัวของเขา วันนี้เป็นวันรวมญาติของครอบครัวพี่ร็อค เขาก็เลยใช้โอกาสนี้ในการพาฉันมาแนะนำให้กับญาติๆ ของเขา ทำให้เมื่อคืนฉันถึงกับนอนไม่หลับ พยายามคิดคำพูดต่างๆ นาๆ เพื่อจะใช้พูดคุยกับพวกเขา ฉันกังวลว่าพวกเขาจะมองว่าฉันน่าเบื่อหรือเข้าถึงยาก เพราะส่วนตัวฉันก็ไม่ใช่คนพูดเก่งอะไร กลัวว่าตัวเองจะไปทำลายบรรยากาศแห่งความสุขของพวกเขา “ยิ้มหน่อยสิครับ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น พี่อย
“ช่วยอมให้พี่หน่อยครับ” ผมอยากให้ปากอุ่นๆ ของอลิซครอบครองเจ้าน้องชายไซส์ใหญ่ของผมจนแทบทนไม่ไหวแล้ว “แค่…อมเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมกับท่าทางที่ดูใสซื่อ แต่มันช่างดูเย้ายวนเหลือเกินในความรู้สึกของผม“เธอก็รู้ว่ามันจะไม่ใช่แค่อม” ผมตอบกลับและใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไปที่ปากเล็กที่เลอะเทอะอย่างเบามือ ก่อนที่ผมจะจับท้ายทอยของอลิซแน่น“...อ้าปาก” ถึงอลิซจะดูมึนๆ แต่เธอก็ยอมทำตามที่ผมสั่ง และเพียงแค่ปากของเธออ้าออก ผมก็รีบกดหัวของอลิซลงแล้วส่งแก่นกายที่แข็งตั้งเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อนของเธอทันที“อุก!” อลิซอึกอักพลางช้อนสายตาขึ้นมองผมด้วยความตกใจ“ซี้ดดด” ผมได้แต่ยิ้มพอใจ ผมไม่รีรอกระแทกแก่นกายเข้าใส่ปากเล็กอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมดันความแข็งตั้งลึกเข้าไปถึงคอหอย และแทงเข้าใส่ไม่มีเว้นวรรคจนทำให้อลิซหายใจลำบาก เธอกำลังส่งสัญญาณความทรมานผ่านเสียงและการทุบตีผมอย่างบ้าคลั่ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมปล่อยเธอเป็นอิสระ เพราะอลิซรู้ดีว่าเซ็กส์ของผมมันไม่เคยที่จะนุ่มนวลเลยแม้แต่ครั้งเดียว“ปากเล็กๆ นี่ ทำไมถึงทำให้พี่มีความสุขได้ขนาดนี้นะ” ผมครวญครางและสวนสะโพกเข้าใส่ปากของคนตัวเล็กไม่มีหยุดพัก“อึก! อ๊
ผมตั้งตารอรางวัลจากอลิซด้วยใจจดจ่อ แม้ว่าคืนนี้จะบอกว่าตัวเองต้องการฉลองการเป็นแฟนกันวันแรก จากที่ตั้งใจจะสนุกให้สุดเหวี่ยง กินเหล้าเมาให้หัวทิ่ม แต่เมื่อนึกถึงรางวัลที่จะได้รับ ผมเลยต้องปรับแผนการใหม่ โดยการดื่มให้น้อยเพื่อที่ตัวเองจะได้มีสติและเก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความเร่าร้อนของคืนนี้ให้ได้มากที่สุด“เฮ้ยไอ้ร็อค มึงเป็นคนชวนพวกกูมาฉลอง แล้วทำไมมึงแทบไม่แตะเหล้าเลยวะ” ไอ้เอที่กำลังกรึ่มได้ที่ตะโกนถามแข่งกับเสียงเพลง“ก็กูจะเก็บแรงไว้ฉลองกับอลิซแค่สองคนไง” พูดจบผมก็กระดกเหล้าเข้าปาก พลางชำเลืองมองคนข้างๆ ที่มองผมมาด้วยสายตางุนงง“อย่างนี้นี่เอง” ไอ้เอยิ้มกรุ่มกริ่ม ก่อนจะหันไปหาแฟนสาวหน้าเหวี่ยงของตัวเอง“...คืนนี้เรามาฉลองกันสองคนด้วยดีไหมไลลา” “ในหัวเราะมีแต่เรื่องลามกสินะ ไอ้ผู้ชายพวกนี้” ไลลาสวนกลับหน้าเหวี่ยง“อะไรนี่ยังไม่ได้พูดเลยว่าจะฉลองแบบไหน ก็ว่าคนอื่นลามกซะแล้ว เธอนั่นแหละลามกคิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่” ตอนนี้เข้าทางไอ้เอได้เอาคืนเมียมันบ้างแล้ว“ก็ผู้ชายอย่างพวกนายไม่เคยคิดเรื่องอื่นอยู่แล้ว จะโกรธ จะโมโห จะดีใจ ก็จบลงที่เรื่องนั้นตลอด” “เอาจริงๆ ยัยแม่มดนี่ก็พูดถูกนะ
(Rocco’s talk) ผมนั่งมองสามสาวที่กำลังกอดกันร้องไห้หลังจากที่ได้ขอโทษขอโพยกันในเรื่องที่ผ่านมา การที่ชะเอมกับขิมร้องไห้เพราะเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำผมก็พอเข้าใจได้ แต่อลิซนี่สิ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำแท้ๆ แต่เธอกลับร้องไห้สะอึกสะอื้นและยังขอโทษสองสาวอีกด้วยที่ทำให้ทั้งสองต้องกังวลใจในเรื่องนี้ ผมได้แต่นั่งมองการกระทำของผู้หญิงคนนี้ แล้วก็อดที่จะยิ้มภูมิใจกับความจิตใจดีขี้สงสารของเธอไม่ได้ จะมีผู้หญิงแบบนี้ที่ไหนอีกที่ร้องไห้ขอโทษคนที่ทำผิดกับตัวเอง ผมคิดว่าผู้หญิงแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว “สามสาวครับ ร้องไห้กันพอแล้วก็กลับบ้านกันได้แล้วครับ” ผมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าพวกเรานั่งอยู่ในห้องอาหารนี้มาเกือบจะสามชั่วโมงแล้ว แล้วทั้งสามสาวก็ร้องไห้กันมาร่วมชั่วโมงแล้ว คงจะเหนื่อยกันไม่น้อยแล้ว “ขอโทษนะคะพี่ร็อค ที่ต้องให้มานั่งฟังพวกเราร้องไห้” ชะเอมที่เช็ดน้ำตาออกจากหน้าหันมายิ้มเจื่อนให้ผม “ไม่เป็นไรครับ เพราะเรื่องนี้พี่ก็มีส่วนผิดด้วย” ผมไม่ได้ไม่พอใจอะไรหรอก ผมแค่เป็นห่วงกลัวว่าอลิซจะเหนื่อยเกินไปเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้น พี่อลิซยกโทษให้พี่ร็อคแล้วใช่ไหมคะ” ขิมที่ตาบวมแดงรีบหั
“อลิซ…แต่งงานกันเถอะ!” “เฮ้อ…” ฉันไม่ได้ตกใจอะไรเลยที่ได้ยินพี่ร็อคพูดแบบนี้ เพราะฉันชินกับความปุบปับใจร้อนของเขาแล้ว และอีกอย่างพี่ร็อคก็เคยพูดอะไรในทำนองนี้เหมือนกัน “ถอนหายใจทำไม นี่พี่ขอเราแต่งงานอยู่นะ” ร็อคหันมาเอาเรื่อง แต่ท่าทางกลับตรงกันข้าม เพราะเขายังกอดเอวฉันเอาไว้อย่างทะนุถนอม“เรายังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันเลย แล้วจะมาแต่งงานเนี่ยนะ” ฉันถามพร้อมกับส่ายหัว“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เราข้ามขั้นไปเป็นสามีภรรยากันเลยทีเดียว จะได้ไม่สิ้นเปลืองเวลาด้วย” เขาเริ่มพูดจาเพ้อฝันเอาแต่ใจอีกแล้ว “แต่ฉันไม่อยากแต่งงาน อีกอย่างเรายังเด็กกันอยู่เลย” “ไม่เห็นจะเด็กเลย พี่ก็เรียนปี4แล้ว แถมตอนนี้ก็มีธุระกิจของตัวเองแล้วด้วย พี่ดูแลอลิซได้สบายมาก” พี่ร็อคพูดด้วยความภูมิใจ ซึ่งก็ไม่ต่างจากฉันที่ก็ภูมิใจในตัวเขาเช่นกัน“เรื่องดูแล…ฉันเชื่อว่าพี่ดูแลฉันได้ แต่เราทั้งคู่ต้องใช้เวลาด้วยกันให้มากกว่านี้ เรียนรู้นิสัยใจคอกันให้มากกว่านี้ เราจะใช้แค่คำว่ารักอย่างเดียวไม่ได้นะคะ” ตั้งแต่ที่เราทั้งคู่ตกลงที่จะให้โอกาสซึ่งกันและกัน ฉันก็เลือกที่จะพูดคุยและอธิบายทุกอย่างที่ฉันคิด เพื่อที่เราจะได้ทำความเข้าใ
จบเรื่องมรดก (เกือบ) สีเลือด ฉันก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ที่แตกต่างจากเดิมก็คือฉันได้ขึ้นมหาลัยฯชั้นปีที่3แล้ว แถมยังมีหนุ่มหล่อสุดฮอตมาตามจีบอีกด้วย หลังจากที่ปรับความเข้าใจกับร็อค ฉันก็เลือกที่จะเปิดใจให้เขาอีกครั้ง และอยากลองให้โอกาสตัวเองด้วย แล้วจนถึงตอนนี้ร็อคก็ยังคงพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักว่าที่เขารักฉันนั้นเป็นเรื่องจริง“วันนี้ไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี่ที่พี่ทำกินได้แล้ว กลับห้องเราค่อยไปกินกันนะ” หลังจากที่รถสปอร์ตสุดหรูเคลื่อนมาจอดอยู่ที่หน้าคณะเรียนของฉัน คนขับสุดหล่อก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเอาใจ“ได้ค่ะ อีกอย่างวันนี้พี่ก็ไม่ได้ไปทำงาน เราก็มากินด้วยกันนะคะ” ฉันยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงของโปรด แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ฉันได้กินไอศกรีมฝีมือของเขา แต่ฉันมั่นใจว่ามันต้องอร่อยมากแน่ๆ“ได้ครับ…ไปเข้าเรียนเถอะ” ความอ่อนโยนที่ฉันเคยอยากได้จากเขา ตอนนี้ฉันกำลังได้รับมันแล้ว“ไปนะคะ” ฉันโบกมือและกำลังจะหันไปเปิดประตูรถ“เดี๋ยว! มาหอมกันก่อนสิ” พี่ร็อครีบทวงสิทธิ์ของตัวเอง เมื่อฉันแกล้งลืมว่าตัวเองต้องทำอะไร“ขอโทษค่ะ” พูดจบฉันก็หอมทั้งแก้มซ้ายแก้มขวาของเขา แล้วก็ได้เห็นรอยยิ้มกว้างพอใจของ







