สองวันต่อมา...
"เด็ก ๆ เอาขนมเพิ่มอีกไหมคะ อิ่มกันหรือเปล่า" เสียงทับทิมเอ่ยถามเด็กน้อยที่นั่งอยู่เป็นกลุ่มตรงหน้าขึ้น ซึ่งก็มีเด็กบางคนส่ายหน้า แต่บางคนก็ยิ้มร่าเดินเข้าหาครูพี่เลี้ยงสาวเพื่อขอขนมเพิ่ม ทับทิมก็ยิ้มเอ็นดูแจกขนมต่อ ขณะที่อลินญาก็เดินเก็บข้าวของทำความสะอาดภายในห้องอย่างสดใสอย่างเช่นทุกครั้ง สองคนทำงานร่วมกันได้ดีและเป็นที่รักของเด็กน้อยกว่าสิบคน
"นี่เป็นเด็กไร้บ้านกันหมดเลยเหรอ" ทับทิมกระซิบถามอลินญาหลังจากที่เริ่มพาเด็ก ๆ เข้านอนช่วงพักกลางวัน
"น่าจะใช่นะคะ เหมือนว่าน้อง ๆ จะถูกพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่แรกเกิดเลย"
"โห่ จิตใจคนเรานี่เนอะ" เจ้าของใบหน้าเรียวสวยพึมพำออกมาด้วยความรู้สึกอดไม่ได้ที่จะสงสารเด็กน้อยที่นอนกันอยู่
"..." อลินญาก็ยิ้มบาง ๆ ตอบกลับไม่พูดหรือเอ่ยอะไรต่อ เธอเองก็รู้สึกสงสารบรรดาเด็กน้อยตาดำ ๆ เป็นอย่างมาก ทว่าชีวิตของคนเรา มันเลือกเกิดไม่ได้ ขนาดเธอ...ก็ยังต้องพบเจอกับครอบครัวที่เลวร้ายไม่ต่าง แม่ที่เป็นเหมือนที่พักใจก็มาด่วนจากไป
"เฮ้ เป็นอะไรไปเรา" ทับทิมมองหน้าถามรุ่นน้องตัวเล็กที่เอาแต่ยืนเหม่ออยู่ขึ้น ร่างเล็กจึงได้สติ ค่อย ๆ หันไปส่งยิ้มตอบกลับรุ่นพี่คนสวย
"เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร" เรียวปากเล็กยิ้มหวานตาหยีบอก ทับทิมที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อ ทว่าเลือกที่จะขยับตัวเข้าไปใกล้คนตัวเล็ก
"นี่ พี่ถามอะไรหน่อยสิ"
"คะ?"
"คุณเพทาย...มาที่นี่บ่อยไหม"
"คุณเพทายเหรอคะ"
"อืม เมื่อวานไม่เห็นมา แต่วันนี้เห็นมา...ปกติเขามาบ่อยไหม"
"กะ ก็...อลินก็ไม่ค่อยแน่ใจเลยค่ะพี่ทับทิม เพราะอลินก็เพิ่งเข้ามาอยู่"
"แล้วตั้งแต่เรามาอยู่เนี่ย เขามาบ่อยหรือเปล่า"
"พี่ทับทิมอยากรู้ไปทำไมเหรอคะ" ดวงตากลมโตมองหน้าถามรุ่นพี่สาวสีหน้าสงสัย ทับทิมที่ถูกถามกลับก็ชะงักนิ่งมองไปทางอื่น
"ก็เปล่าหรอก พี่แค่อยากรู้น่ะ ดูคุณเขางานยุ่ง ๆ "
"เท่าที่อลินอยู่มา ก็ถือว่ามาไม่บ่อยนะคะ อาทิตย์หนึ่ง น่าจะมาแค่สองสามวัน"
"งั้นเหรอ..." ใบหน้าสวยที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ารับรู้ ทว่าขณะที่สองสาวกำลังยืนคุยกันอยู่
ตึก
ตึก
เสียงรองเท้าหนักของใครบางคนเดินผ่านหน้าห้องก็ดังขึ้น ทำให้ทับทิมหันไปมอง
"โอ๊ะ นั่นใครอะ..."
"...รูปร่างดีเหมือนนางแบบเลย" หลังจากที่ทับทิมพูดจบ อลินญาก็หันไปมองตาม ก่อนจะพบว่าคนที่เดินผ่านหน้าห้องไปนั้นคือนางแบบสวยคนใหม่ที่คนตัวเล็กพอจะเริ่มรู้ได้ว่านางแบบสวย ๆ มาทำอะไรที่นี่
"..." อลินญาได้แต่นั่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาพร้อมกับภาพเหตุการณ์ไม่กี่วันก่อนจะฉายเข้ามาในหัวของเธอ
ด้านเพทาย
ก๊อก ๆ
เสียงประตูห้องทำงานหรูของเจ้าของมูลนิธิถูกเคาะดังขึ้น พร้อมกับร่างสวยหุ่นดีของนางแบบสาวที่เดินยิ้มเข้ามาหารองประธานหนุ่มรูปหล่อ
"..." เพทายผละสายตาจากเอกสารตรงหน้าเหลือบมองไปยังนางแบบสาวที่พร้อมจะรองรับการปลดปล่อยจากเขา
ร่างสูงค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งเพื่อเดินตรงไปนั่งลงตรงโซฟาหนังราคาแพงกลางห้องพลางใช้สายตาคมจ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"ชักช้าอยู่ทำไม เข้ามาจัดการมัน" ปากหนาเอ่ยพร้อมกับมองกดลงไปที่เป้ากางเกงของตัวเองเพื่อส่งสัญญาณให้นางแบบสาวรับรู้ โดยคนหุ่นดีที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ารับรู้รีบทำตามที่รองประธานหนุ่มบอกทันที เพทายก็นิ่งค่อย ๆ ถอดแว่นที่สวมใส่อยู่ออกก่อนจะเผยให้เห็นสีหน้าเรียบนิ่งทว่าแววตาเต็มไปด้วยความพร้อมที่จะปลดปล่อยสัญชาตญาณ (อันดิบเถื่อน) ของตัวเองออกมา...
ผ่านไปสักพัก
"เด็ก ๆ ยังไม่ตื่นกันเลยแฮะ...ปล่อยให้นอนต่อไปกันก่อนดีไหม" ทับทิมหันถามอลินญาที่นั่งอยู่ด้านข้างตัวเอง
"ดีค่ะ ให้นอนต่อกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวถ้านอนไม่เต็มอิ่ม จะงอแงกันได้" เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มสดใสยิ้มหวานตอบกลับ
"จริง พี่ก็คิดแบบนั้น...ว่าแต่เรื่องห้องเรา จะย้ายตู้กั้นไหมล่ะ เดี๋ยวพี่ช่วยยกให้"
"ไม่เป็นอะไรเลยค่ะพี่ทับทิม เอาไว้แบบนั้นก็ได้ค่ะ"
"ไหนว่ากลัวผี"
"ก็กลัวค่ะ แต่ว่า...อยากให้ความเป็นส่วนตัวพี่ด้วย" หญิงสาววัยสิบเก้ายิ้มบอกตาหยี ทำเอาทับทิมที่ได้ยินแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะหันมองหน้ารุ่นน้องตัวเล็กด้วยความเอ็นดู
"ทำไมเราน่ารักจังเนี่ย หน้าตาว่าน่ารักแล้ว นิสัยยังน่ารักมาก ๆ อีก"
"แหะ พี่ทับทิม...อลินเขินนะคะ"
"ฮ่า ๆ น่ารักจริง ๆ " ทว่าขณะที่สองสาวกำลังนั่งคุยเล่นกันอยู่ นางแบบคนเดิมที่ผ่านไปในตอนแรกก็ค่อย ๆ เดินผ่านห้องทั้งสองออกไปอีกครั้ง แต่ท่าทางการเดินตอนมากับตอนกลับนั้นค่อนข้างแตกต่างกันอย่างชัดเจน
"ทำไมเดินแบบนั้น..." ทับทิมเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย ผิดกับอลินญาที่เอาแต่เม้มปากแน่นอย่างพอที่จะรับรู้อะไรอยู่บ้าง
"เราว่า เขาเดินแปลก ๆ ไหม" ทับทิมหันถามรุ่นน้อง
"ค คะ? อ อ๋อ...ก็ไม่นะคะ"
"งั้นเหรอ..."
"...แต่พี่ว่าไม่ใช่นะ เหมือนไปโดนอะไรมาเลย"
"คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ" เรียวปากเล็กตอบกลับคนด้านข้างด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ พยายามปกปิดบางอย่าง ทับทิมก็นั่งมองหน้าร่างบางตรงหน้านิ่ง ทว่าก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อ ใบหน้าสวยแสดงสีหน้าบางอย่างออกมาเล็กน้อย ก่อนที่สองคนจะนั่งเปลี่ยนเรื่องคุยกันไป กระทั่ง...
"อลินญา" เสียงดวงจิตเดินเข้ามาเอ่ยเรียกร่างเล็กที่นั่งอยู่
"คะ?" เสียงหวานขานตอบกลับ
"จำเอกสารที่แอ๋มให้เธอดูแลต่อได้หรือเปล่า"
"จำได้ค่ะ"
"เอามันไปส่งที่ห้องคุณเพทายที"
"ค คะ?" คนตัวเล็กทวนถามกลับเสียงหลง ทำให้หญิงวัยกลางคนมองหน้าร่างบางวัยสิบเก้านิ่ง
"ทำไมต้องทำหน้าตาตื่นแบบนั้น"
"อ อ๋อเปล่าค่ะ อลินก็แค่..."
"ถ้าน้องไม่สะดวก เดี๋ยวทับทิมเอาไปให้แทนก็ได้นะคะ"
"ไม่เป็นไร ให้อลินญาไปนั่นแหละ" ดวงจิตเอ่ยพลางหันมองหน้าคนตัวเล็กนิ่ง อลินญาที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ก็ได้แต่ยิ้มแหย ๆ ตอบกลับ
"ดะ...ได้ค่ะ เดี๋ยวอลินเอาไปให้เองค่ะ"
"อืม ก่อนเข้าห้อง อย่าลืมเคาะประตูห้องคุณเขาก่อนด้วย"
"ค่ะ" ใบหน้าใสจิ้มลิ้มพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินไปหยิบเอกสารตามที่คนดูแลบอกเพื่อนำไปส่งให้แก่เจ้าของโครงการผู้น่าเกรงขาม
ตึก
ตึก
เสียงสองเท้าเล็กค่อย ๆ เดินไปตามทางด้วยหัวใจที่เต้นระรัวบอกไม่ถูก ตั้งแต่วันนั้นที่เธอรู้เรื่องราวเกี่ยวกับรองประธานหนุ่ม ความรู้สึกของอลินญาก็เปลี่ยนไป เธอกลายเป็นไม่กล้าที่จะสบตาหรือเข้าใกล้เพทายอีกเลย แต่ทว่า...เหมือนฟ้าก็ไม่ค่อยจะเป็นใจสักเท่าไร
"เอาน่า แค่ไปส่งเอกสารเอง" เรียวปากเล็กพึมพำเอ่ยบอกกับตัวเองพลางพ่นลมหายใจออกมาเมื่อเดินมาจนถึงบริเวณหน้าประตูขนาดใหญ่
ก๊อก ๆ
มือบางจัดการเคาะไปยังประตูตรงหน้าพร้อมกับไม่รอช้าที่จะเอ่ยขออนุญาต
"ขะ...ขออนุญาตค่ะ มาส่งเอกสารเก่าจากครูพี่แอ๋มให้ค่ะ" หญิงสาวบอกทั้งเสียงสั่น ๆ
"เข้ามา" ไม่นานคนด้านในก็อนุญาตให้ร่างบางเข้าไป อลินญาที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบเปิดประตูเดินเข้าไปด้วยเนื้อตัวสั่นเทาเกร็งอย่างเห็นได้ชัด
"นะ...นี่ค่ะ เอกสาร" ร่างบางจัดการยื่นเอกสารไปยังโต๊ะทำงานสุดหรูตรงหน้าพลางเอาแต่ก้มหน้างุด
"..." เพทายก็นั่งนิ่งมองท่าทีเหล่านั้นไม่พูดอะไร
"ถะ...ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นอลิน..."
"เดี๋ยว"
"..." คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงไปกับเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียก หญิงสาววัยสิบเก้าค่อย ๆ หันกลับไปก้มหน้างุดอย่างเดิม
"ห้องทำงานฉันเลอะ"
"ค คะ?" ดวงตากลมโตเผลอเงยหน้าขึ้นถามคนตรงหน้าแววตางุนงง
"ทำความสะอาดให้หน่อย"
"หะ...ให้อลินทำเหรอคะ"
"อืม ทำไม...ทำไม่ได้เหรอ"
"ปละ...เปล่าค่ะ ทำได้ค่ะ เพียงแค่ว่า..."
"รีบทำมัน ฉันไม่ชอบทำงานในห้องที่เลอะหรือสกปรก" สิ้นเสียงทุ้มนิ่งทรงอำนาจเอ่ย ร่างบางที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบพยักหน้ารับคำในทันที
"ค ค่ะ...ได้ค่ะ" อลินญาตอบกลับพลางเดินไปจัดการทำความสะอาดตามที่รองประธานหนุ่มบอก ทว่าขณะที่กำลังทำความสะอาดอยู่นั้น ดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมากับกางเกงชั้นในลูกไม้สีแดงที่ตกอยู่บริเวณโซฟากลางห้อง
"..." คนตัวเล็กได้แต่ตัวสั่นไม่รู้จะเอายังไงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพทายที่เห็นแบบนั้นก็มองหน้าบอกหญิงสาว
"เอาไปทิ้ง" ปากหนาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ผิดกับร่างบางที่เอาแต่มือสั่นค่อย ๆ หยิบกางเกงชั้นในสีร้อนแรงนั้นขึ้นมา
"อย่าให้ใครเห็น" เสียงทุ้มบอก ทำให้อลินญายิ่งรู้สึกบอกไม่ถูก เธอทั้งหน้าร้อนผ่าว และรู้สึกหวั่นกลัวปะปนกันไป โดยในตอนนั้นเอง เสียงประตูห้องถูกเคาะก็ดังขึ้นอีกครั้งก่อนจะเผยให้เห็นร่างสูงของอนุชิตที่เดินเข้ามาพร้อมแม่บ้านวัยกลางคน
อลินญาที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจรีบหยิบกางเกงชั้นในลูกไม้สีแดงติดมือขอตัวเดินออกไปทันที ซึ่งก็มีสายตาคมของเพทายที่ลอบมองตามแผ่นหลังเล็กไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ขณะที่อนุชิตก็ลอบมองคนเป็นเจ้านายอยู่เช่นกัน แต่ก็ไม่ได้พูดหรือเอ่ยอะไรออกมา
"ให้ทำความสะอาดเลยไหมครับคุณเพทาย" ลูกน้องคนสนิทถาม
"อืม" รองประธานหนุ่มก็พยักหน้าตอบกลับ ก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปอ่านเอกสารที่อยู่ตรงหน้าต่อด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
"สวัสดีค่ะ" เสียงหมอสาวเอ่ยทักทายคู่รักที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งก็คือรองประธานหนุ่มบริษัทใหญ่ระดับประเทศกับภรรยาตัวน้อยที่นั่งส่งยิ้มหวานตาหยีตอบกลับคำทักทายไปด้วยท่าทีน่าเอ็นดู โดยหลังจากที่ทั้งสองกลับมาจากต่างประเทศ เพทายก็ไม่รอช้าที่จะพาอลินญาเข้ามาตรวจและทำการฝากครรภ์กับโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของประเทศทันที"ยังไม่เคยตรวจอะไรเลยใช่ไหมคะ""ยังค่ะ" เรียวปากเล็กตอบกลับเสียงหวาน"อ๋อ...ถ้างั้นเดี๋ยวขอหมอฟังเสียงหัวใจแล้วก็ตรวจค่าต่าง ๆ หน่อยนะคะ""ได้ค่ะ ^^" อลินญายังคงยิ้มหวานตาหยีเอ่ยบอก ก่อนจะยอมทำทุกอย่างที่หมอสาวสั่งอย่างว่าง่าย ซึ่งในขณะที่ตรวจฟังเสียงหัวใจอยู่ หมอสาวก็ชะงักแสดงสีหน้าบางอย่างออกมา"มีอะไรหรือเปล่า" เพทายไม่รอช้าที่จะเอ่ยถาม"เอ่อ...คนไข้ยังไม่รู้จำนวนสัปดาห์การตั้งครรภ์หรืออะไรเลยใช่ไหมคะ""ครับ แต่คิดว่าน่าจะประมาณสองเดือนได้แล้ว เพราะประจำเดือนขาดมาน่าจะสองเดือนได้" เพทายตอบ ทำให้หมอสาวนั่งคำนวณ"สองเดือนอายุครรภ์ก็น่าจะอยู่ที่ 9-13 สัปดาห์...""...มีอาการแพ้ท้องอะไรบ้างหรือเปล่าคะช่วงนี้""เริ่มมีอาการอยากอาเจียนค่ะ แต่ก่อนหน้ามีแค่หิวบ่อยแล้วก็อ่อนเพลีย" ว่าที่คุณแม่
@ลอนดอน"สวยอย่างกับภาพวาด..." เสียงเรียวปากเล็กขยับเอ่ย ขณะที่ดวงตากลมทั้งสองจ้องมองไปยังภาพที่อยู่ตรงหน้า เป็นภาพวิวกลางคืนของกลางเมืองลอนดอนที่เต็มไปด้วยความสวยงามราวกับภาพวาดภาพถ่ายที่คนตัวเล็กเคยเห็น อลินญารู้สึกตัวสั่นปากสั่นไปหมดกับภาพที่ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตของเธอจะได้เห็นมัน"...ฮึก สวยจังเลย" เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มร้องไห้เอ่ยออกมาด้วยความตื้นตันเป็นอย่างมาก เพทายที่กำลังเก็บของอยู่ก็ชะงักรีบเดินตรงเข้าไปสอบถามคนรักด้วยความห่วงใย"เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม" ปากหนาถาม ทำให้มือน้อยค่อย ๆ ยกขึ้นชี้ไปยังภาพวิวตรงหน้า"สะ...สวยค่ะ ฮึก สวยมากเลย" สิ้นเสียงหวานบอก รองประธานหนุ่มก็ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นึกว่าอีกคนเป็นอะไร"ฉันตกใจหมด...""...จะร้องไห้ทำไม" เพทายถามพลางยกมือขึ้นซับน้ำตาให้กับภรรยาตัวเล็กด้วยความเบามือ ทุกการกระทำเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน"อลินดีใจค่ะ ฮึก ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นอะไรแบบนี้" ว่าแล้ว คนตัวเล็กก็เบะปากร้องไห้ออกมาอีกครั้ง จนเพทายต้องเอื้อมมือดึงร่างน้อยเข้ามาสวมกอดไว้เพื่อเป็นการปลอบประโลมปนอดไม่ได้ที่จะเอ็นดู มือใหญ่ลูบหัวคนตรงหน้าไปมาโดยที่ยังคงยิ้มรู
หลังจากการร่วมรักครั้งที่สองจบลง อลินญาก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มที่อยู่ตรงหน้าทันทีด้วยความหมดเรี่ยวแรงเป็นที่สุด กลีบดอกไม้สวยรับรู้ได้ถึงน้ำเชื้อสีขุ่นที่ไหลทะลักมาไม่หยุด ทว่าหญิงสาวในตอนนี้ก็ไม่คิดสนใจ ลมหายใจร้อนหอบหนักออกมาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับดวงตากลมที่จะหลับลงจากความเหนื่อยล้ามากมายในวันนี้ แต่แล้วคนตัวเล็กก็ต้องสะดุ้งเฮือกไปกับมือหนาของคนรักที่เอื้อมเข้ามาคว้าร่างเธอไว้"คุณเพทาย...""อีกรอบสิ""มะ...ไม่ไหวแล้วค่ะ""อะไรกัน""วันนี้อลินเหนื่อยมากเลย...""...ไว้วันพรุ่งนี้ค่อยว่ากันได้ไหมคะ" เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มเอ่ยพลางหรี่ตาส่งความออดอ้อนไปยังสามีตัวสูง เพทายที่เห็นแบบนั้นก็จำต้องยอมว่าตาม แต่ก็ไม่วายที่จะเอ่ยย้ำ"พูดแล้วนะ""ค่ะ" อลินญาพยักหน้าตอบด้วยความสะลึมสะลือ รองประธานหนุ่มที่เห็นแบบนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะเคลื่อนมือเข้าไปลูบไล้ยังแก้มใสด้วยความเบามือ"อืม นอนเถอะ" สิ้นเสียงทุ้มบอก คนตัวเล็กก็ค่อย ๆ หลับตาลงด้วยความง่วงนอนขั้นสุด ขณะที่เพทายก็ลุกขึ้นไปหยิบทิชชูเข้ามาทำความสะอาดที่กลีบกุหลาบของภรรยาตัวน้อย รวมถึงเดินไปหยิบชุดนอนตัวโปรดของหญิงสาวเข้ามาเปลี่ยนให้เพราะกลัวว
พรึบเสียงเจ้าบ่าวหนุ่มค่อย ๆ วางร่างคนรักลงบนเตียงนุ่มด้วยความเบามือ ก่อนจะก้มลงไปกดจูบเรียวปากเล็กอย่างเร่าร้อนไม่รอช้า ด้านอลินญาเองก็มีความตกใจเล็กน้อยกับการจู่โจมราวกับสัตว์ป่ากระหายเหยื่อของคนตรงหน้า ทว่าสุดท้ายหญิงสาวก็เปิดปากจูบตอบรับเจ้าบ่าวตัวสูงของตัวเองเป็นอย่างดี"อื้ออ~" ขณะที่จูบกัน มือใหญ่ก็ไม่รอให้เสียเวลาจัดการถอดเสื้อผ้าชุดเจ้าสาวที่คนตัวเล็กสวมใส่อยู่ ซึ่งความยาวของชุดทำเอาชายวัยสามสิบรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย"ทำไมต้องใส่ยาวขนาดนี้" ปากหนาผละเอ่ยถามสีหน้าไม่สบอารมณ์รู้สึกเหมือนถูกขัดจังหวะ"ใจเย็น ๆ สิคะ" อลินญาก็ได้แต่ส่ายหน้าเล็กน้อยตอบกลับอีกคนไปพร้อมกับช่วยคนรักในการถอดเสื้อผ้าอย่างรู้หน้าที่ โดยใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็เปลือยกายเปล่าต่อกันอยู่บนเตียง ความใหญ่โตของเพทายค่อย ๆ ขยายขึ้นเต็มไซซ์ 58 ที่มี"พร้อมหรือยัง" เพทายถามพลางเลื่อนมือลงไปจัดการแตะแหวกกลีบสวยตรงหน้า อลินญาก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบโต้ในทันที หญิงสาวเริ่มที่จะไวต่อความรู้สึกขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ต้องร่วมรักกับรองประธานหนุ่ม โดยเพทายเองก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากกับทุกการตอบสนองจากคนใต้ร่างที่มีพัฒน
หนึ่งเดือนต่อมา...การแต่งงานของอลินญากับเพทายถูกจัดขึ้นภายในบริเวณพื้นที่สวนหย่อมของมูลนิธิ สองบ่าวสาวต่างยืนรับแขกคนสนิทด้วยใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม โดยการจัดงานในวันนี้จะเชิญแต่เพียงแขกคนสำคัญคนสนิทมาเท่านั้นตามคำขอของคนเป็นเจ้าสาวที่ไม่อยากจัดงานใหญ่โต แน่นอนว่าเพทายก็ไม่เคยที่จะคัดค้านหรืออะไรกับความต้องการของว่าที่ภรรยาตัวน้อย"เหนื่อยไหมคะ" เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มหันถามคนรักพลางยกมือขึ้นซับไปที่ใบหน้าหล่อเหลาด้วยความเบามือ"ฉันไม่เหนื่อยหรอก เธอล่ะ เมื่อยหรือเปล่า" รองประธานหนุ่มถามพร้อมกับยกมือขึ้นลูบไปที่แก้มใสด้วยความเอ็นดูอบอุ่น อลินญาที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มตาหยีส่ายหน้าตอบกลับ"ไม่เลยค่ะ" สิ้นเสียงหวานบอก ทั้งสองก็ต่างยืนส่งยิ้มให้แก่กัน กระทั่งเสียงใครบางคนดังขึ้น"อลิน!" ร่างน้อยในชุดเจ้าสาวค่อย ๆ หันไปมองตามเสียง ก่อนที่รอยยิ้มสดใสจะฉายขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว"แอปเปิ้ล" เรียวปากเล็กขยับเอ่ยเรียกเพื่อนตัวเอง"เดี๋ยวอลินขอไปหาเพื่อน ๆ แป๊บหนึ่งได้ไหมคะ" ดวงตากลมสวยมองหน้าขออนุญาตคนรักตาใส"อืม" เพทายก็พยักหน้ารับรู้ไม่ได้ว่าอะไร โดยรองประธานหนุ่มเป็นคนบอกให้อลินญาชวนเพื่อน
เสียงหวานถูกกลืนลงไปในลำคออย่างง่ายดายพร้อมกับรสจูบที่แสนหนักหน่วงจากชายวัยสามสิบที่ยังคงชำนาญในการแทรกลิ้นร้อนเข้าไปตักตวงความหวานจากโพรงปากเล็ก ด้านอลินญาเองที่ตอนแรกตื่นตกใจเมื่อถูกกดจูบย้ำ ๆ มือน้อยก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นไปคล้องเข้าที่คอหนาเพื่อเปิดปากให้อีกคนได้ตักตวงความหวานจากตัวเองได้ถนัดมากขึ้น ทั้งสองต่างฝ่ายต่างแลกจูบกันด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน อลินญาไม่ได้มีความเขินอายต่อเรื่องอย่างว่าเหมือนเคย ทว่าก็ยังคงไม่ได้จัดจ้านร้อนแรงอะไร คนตัวเล็กยังคงมีความไม่ประสีประสาอยู่ แต่ก็มีการพัฒนาเรียนรู้จากเดิมอยู่ไม่น้อย"ถอดชุดให้ฉันหน่อย" เพทายก้มลงเอ่ยบอกคนรักหลังจากผละริมฝีปากหนาออก อลินญาที่ได้ยินก็เอื้อมมือไปจัดการถอดเสื้อผ้าให้กับอีกคนตามที่เขาต้องการ โดยที่เพทายเองก็ถอดเสื้อผ้าให้กับร่างบางเช่นกัน ทั้งสองต่างฝ่ายต่างทำให้กัน ใช้เวลาไม่นานก็ต่างเปลือยกายเปล่าด้วยกันทั้งคู่"ยังสวยเหมือนเดิม..." รองประธานหนุ่มพึมพำเอ่ยหลังจากที่สายตาคมจ้องมองไปยังร่างกายเปลือยเปล่าของคนใต้ร่างด้วยความหลงใหล ขณะที่อลินญาเองก็เลื่อนสายตาลงไปจ้องมองยังแท่งร้อนขนาดใหญ่ที่กำลังเริ่มผงาดขยาย