LOGINเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ บีลีฟก้มมองหน้าอกขนาดใหญ่ที่แดงช้ำด้วยความหงุดหงิด การกระทำป่าเถื่อนของพายุมันทำให้แสบสะท้านไปทั้งตัว
เธอนอนอยู่อย่างนั้นอีกสักพักแล้วค่อยๆลุกขึ้นมา เอาทิชชู่มาทำความสะอาดใจกลางสาวแบบลวกๆ ก่อนที่จะหยิบเสื้อผ้าของเธอที่กระจัดกระจายอยู่ที่พื้นมาสวมใส่ให้มิดชิดและเข้าไปทำความสะอาดตัวเองในห้องน้ำต่อ เมื่อทำความสะอาดตัวเสร็จเธอเดินออกมาหน้ากระจก หยิบเครื่องสำอางที่หยิบมาด้วยเอามาปกปิดร่องรอยทั่วตัว “โคตรทุเรศเลย”เธอยืนมองสภาพตัวเองหน้ากระจก รวบผมที่ยุ่งเหยิงให้เรียบร้อย เธอกำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิด เธอไม่พอใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่พายุยัดเยียดให้เลย เป็นอีกครั้งที่เธออยากจะกรีดร้องออกมาแต่ก็เกรงใจสถานที่จึงต้องเก็บความอัดอั้นนั้นไว้ บีลีฟเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานของพายุ เธอไม่มีกระจิตกระใจทำงานต่อ เธอหยิบกระเป๋าสะพายมาแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป “บีลีฟ!”ลิฟต์เลื่อนมาจอดที่ชั้นหนึ่ง เมื่อบีลีฟก้าวเท้าออกจากลิฟต์ได้สองสามก้าวก็ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยเรียกชื่อเธอ เธอหันไปตามเสียงนั้น เป็นแสตมป์ที่นั่งอยู่ที่โซฟากับใครอีกคน บีลีฟจึงเดินไปหาเพื่อนสาวของเธอที่ล็อบบี้ “แกจะไปไหนเนี่ย” “ว่าจะกลับบ้าน พอดีมีธุระนิดหน่อย” “คุยกันก่อนแป๊บหนึ่งสิ นี่ปลายฝนเพื่อนใหม่ฉัน ปลายฝนนี่บีลีฟที่เล่าให้ฟัง”แสตมป์ชี้ไปที่ปลายฝน เพื่อนใหม่ของเธอที่ฝึกงานแผนกเดียวกันและแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน “ยินดีที่ได้รู้จัก นั่งก่อนสิ” บีลีฟหย่อนตัวลงที่โซฟาข้างๆกับปลายฝนตามคำเชิญของปลายฝน“เช่นกันนะ”บีลีฟส่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง “บีลีฟไปกินข้าวเที่ยงกับพวกเราก่อนไหม พอดีหัวหน้าแผนกจะเลี้ยงต้อนรับพวกเราอ่ะ” “บ้า ไปได้ไงอ่ะ แผนกพวกแกมันไม่เกี่ยวกับฉันนี่” “ไปเถอะ หัวหน้าแผนกใจดี แค่พี่เลี้ยงขอให้เลี้ยงต้อนรับแค่ฉันกับฝน หัวหน้าก็ยกกันไปเลี้ยงทั้งแผนกเลย เป็นการต้อนรับที่อบอุ่นมาก พี่เลี้ยงฉันชื่อเฟิร์นได้คุยกันมาสองวันเริ่มสนิทกันละ เขาสอนงานดี เป็นกันเองมาก ใจดี ฉันเล่าเรื่องแกให้เขาฟังด้วยเขาก็บอกให้ชวนแกไปด้วยได้ ไปเปล่า”แสตมป์เล่าให้บีลีฟฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างคนมีความสุขพลางเขย่าแขนคะยั้นคะยอบีลีฟอีกรอบ บีลีฟยิ้มแหยๆ พร้อมกับส่ายใบหน้าไปมาเป็นคำตอบ“เหรอ ยินดีด้วยนะที่มีพี่เลี้ยงดี แกโคตรโชคดีเลย”บีลีฟรู้สึกอิจฉาแสตมป์ขึ้นมาทันที คนเพอร์เฟคอย่างบีลีฟไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะต้องมาอิจฉาคนอื่นกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ “เราอิจฉาแกมากเลยที่แกได้ฝึกงานกับบอส ใครก็อยากทำงานกับคนเพอร์เฟคอย่างบอสกันทั้งนั้น แกโชคดีมากเลยรู้ไหม ที่แย่งชิงตำแหน่งเด็กฝึกงานของบอสไปได้”ปลายฝนที่นั่งฟังอยู่นานแทรกขึ้นมาด้วยความอิจฉาตาร้อน “มันไม่ได้น่าอิจฉาขนาดนั้นหรอก ไม่มีอะไรน่าอิจฉาเลยด้วย” “แกรู้ป่ะ บอสเขาเป็นไอดอลฉันเลยนะ ได้ยินพี่ๆในแผนกเม้าท์บอสมา เพอร์เฟคทุกอย่าง ทัศนคติดี หล่อ รวย นิสัยดี เก่ง หนุ่มนักเรียนนอก เป็นที่ชื่นชอบของพี่ๆในแผนกฉันมาก คือเขาน่ารักดีนะและที่สำคัญโสดสนิทอ่ะ แล้วอีกอย่างฉันว่าฉันคุ้นหน้าเขามากเลยเหมือนเคยเห็นที่ไหนแต่ก็จำไม่ได้ สงสัยจะเป็นเนื้อคู่กันเมื่อชาติปางก่อน” ใบหน้าของแสตมป์ที่ยิ้มแย้มออกมาอย่างมีความสุขในขณะที่เอ่ยชื่นชมพายุมันทำให้บีลีฟโมโห เธอสะอิดสะเอียนกับคำสรรเสริญเยินยอพวกนั้นมาก“แกรู้ป่ะ ภาพที่พวกแกเห็นมันเป็นแค่ภาพลวงตา เขาไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอก” น้ำเสียงดุดันที่ก่นด่าและสายตาแข็งกร้าวของบีลีฟที่แสดงออกมามันทำให้ทั้งสองคนงุนงงเล็กน้อย อีกทั้งหลายคนที่อยู่ตรงนั้นก็หันมามอง แต่บีลีฟก็ไม่ได้สนใจ ลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินออกไปจากตึกทันที บีลีฟเดินกลับมาที่รถและหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความหาพายุสั้นๆว่า ‘ลา’ แล้วเธอก็ขับรถกลับบ้านไปเพื่อไปตั้งหลักใหม่ว่าจะเอายังไงต่อไป บ้านบวร “เจ๊! มาไมเนี่ย ไม่ฝึกงานเหรอ” บีลีฟสะดุ้งเฮือกเมื่อ บรู๊คลิน น้องชายฝาแฝดของเธอเดินเข้ามาทางด้านหลังและมาเขย่าไหล่เธอโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว “ไอ้บ้าบรู๊ค ตกใจหมด”บีลีฟหันไปตีแขนบรู๊คลินเบาๆ “พอดีมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยก็เลยกลับบ้าน แล้วแกอ่ะ กลับบ้านมาทำไม” “พอดีรถไฟชนกันหลายขบวนจัดก็เลยหนีกลับบ้านแม่งเลย เซ็งจัดๆ คนหล่อก็งี้แหละ” บีลีฟเบ้ปากกับคำยกยอชื่นชมตัวเองของบรู๊คลิน ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะกลับมาบึ้งตึงเหมือนเดิม “มีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็เล่ามา อยากเสือก ปกติคนอย่างเจ๊ไม่สบายใจก็ต้องออกตี้แล้วไม่ใช่กลับมาบ้านแบบนี้นะ”สีหน้าของบีลีฟที่ไม่สู้ดีนักมันทำให้บรู๊คลินรู้ได้ทันทีว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่ ท่อนแขนแกร่งของบรู๊คลินตวัดกอดคอบีลีฟไว้ แล้วเปิดประตูเดินเข้าห้องบีลีฟไปพร้อมกับเธอ เขาเข้าไปกระโจนลงบนเตียงนุ่มๆของบีลีฟ บีลีฟเข้ามาหย่อนตัวบนเตียงเดียวกันพร้อมกับเล่าางอย่างให้บรู๊คลินฟัง “ฮ่าๆๆๆๆๆ”บรู๊คลินขำออกมาดังลั่นเมื่อบีลีฟเล่าเรื่องแรกเจอกับพายุให้ฟัง “ขำบ้าอะไรของแก คนกำลังซีเรียสนะ”มือเรียวตีไปที่แขนของบรู๊คลินอีกครั้งพร้อมกับส่งสายตาตำหนิเขา คนโดนเอ็ดได้แต่กลั้นขำแต่ก็เก็บไว้ไม่อยู่ “เจ๊ มึงเสียตัวครั้งแรกด้วยวิธีที่โง่มาก มึงเหมือนคนพึ่งหัดแรดอ่ะ มึงไม่รู้จริงๆหรอว่าผู้ชวนแดกเหล้าในห้องวีไอพีสองต่อสองมันจะเกิดอะไรขึ้นอ่ะ มึงต้องไปเรียนวิชาหัดแรดหนึ่งศูนย์หนึ่งใหม่ละนะ มึงกากมากอีเจ๊” “ไอ้บ้าบรู๊ค ฉันให้แกมาช่วยหาทางออกไม่ใช่ให้ซ้ำเติม”บีลีฟก่นด่าพร้อมกับเขย่าตัวบรู๊คลินไปแรงๆด้วยความโมโห “แล้วไงต่อเล่ามาดิ อยากฟังเรื่องตลกต่ออ่ะ” บีลีฟจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดกับท่าทีของบรู๊คลินพร้อมกับเล่าเรื่องของเธอกับพายุหลังจากนั้นให้บรู๊คลินฟังทั้งน้ำตา “เชี่ยแม่ง กูขำไม่ออกแล้วนะไอสัตว์ ให้กูไปต่อยมันเลยไหม”บรู๊คลินกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเคือง อารมณ์เดือดดาลขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นทำอะไรกับพี่สาวตัวเองบ้าง “นี่อย่าทำตัวกากเหมือนกันดิ ไปก็ได้โดนมันฆ่ายกครอบครัวเอาหรอก ฉันแค่อยากรู้ว่าฉันควรเอาไงต่อไปดี” “เอางี้ไหมเจ๊ ให้กูใส่วิก เราสองคนหน้าตาเหมือนกัน กูใส่วิกแล้วเหมือนมึงเลย เดี๋ยวกูไปทำงานแทนมึงเอง”บรู๊คลินพูดพร้อมกับจับผมบีลีฟมาแปะที่ศีรษะตัวเองไปด้วย “ไอ้บรู๊ค! ไม่ตลก”บีลีฟตีแขนบรู๊คลินไปด้วยความหมั่นไส้ “ก็กูไม่อยากให้มึงเครียดไง”บรู๊คลินทำหน้าสลดลงเมื่อบีลีฟก่นด่า เขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่ก็ไม่อยากให้บีลีฟเครียด เขาเข้ามาสวมกอดบีลีฟ มือหนาลูบแผ่นหลังเพื่อปลอบประโลมเธอ “คนอย่างบีลีฟ ไม่เคยยอมคนง่ายๆ ถ้ามันบังคับเจ๊ให้อยู่กับมัน เจ๊อย่ายอมให้มันได้ประโยชน์จากเจ๊ฝ่ายเดียว เจ๊ต้องได้ประโยชน์จากมันมาบ้าง อย่างเช่นนั่งเฉยๆก็ผ่านฝึกงานได้ หรืออะไรก็แล้วแต่ เล่นสงครามประสาทกับมัน มันทำให้เจ๊ปวดประสาทเท่าไร เจ๊ก็ทำให้มันปวดประสาทมากขึ้นเท่านั้น กลับไปกลับมามันอย่างนี้แหละ มันแก่แล้วให้เส้นเลือดในสมองแตกตายไปเลย ถ้ามันบังคับเจ๊มีอะไรด้วยอีกเจ๊ก็งัดไม้เด็ดมาใช้ให้มันหัวใจวายตายไปเลยนะ แล้วถ้ามันบังคับให้อมกล้วยมันอีก ก็กัดให้ขาดคาปากไปเลย” “นี่ฉันได้อะไรจากแกจริงๆเหรอบรู๊ค”บีลีฟเอือมระอากับคำพูดของบรู๊คลิน ผลักเขาออกไปอย่างแรง ยิ่งคิดว่าต้องร่วมหลับนอนกับพายุอีกก็ทำใจไม่ได้แล้ว “ได้ดิ ปากเจ๊อาวุธชั้นดี กัดมันให้ขาดอาวุธร้ายมันก็หายไป หรือจะด่ามันก็ได้ เจ๊ปากร้ายอยู่แล้วนี่หรือว่ากรี๊ดอัดให้แก้วหูแตกไปเลยดีป่ะ” “ฉันว่าฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้น”บีลีฟบ่นพึมพำเมื่อคิดอะไรดีๆออก “คนอย่างบีลีฟไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆหรอก แกกับฉันจะได้เห็นดีกันแน่ ไอ้สารเลว” “เจ๊ นี่พูดคนเดียวแบบนางร้ายในละครหลังข่าวป่ะเนี่ย” บีลีฟจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดที่โดนบรู๊คลินหยอกล้อ เธอจะลุกจากเตียงแต่ก็ถูกบรู๊คลินดึงเข้ามาสวมกอดอีกครั้ง “กูอยู่ตรงนี้ มีอะไรก็บอกกูได้” “เออ แกอย่าพึ่งบอกป๊ากับม๊านะ ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง” “เค กูจะเก็บมันไว้คนเดียวให้จุกอกตายไปเลย” “ขอบใจแกมาก” “ให้อยู่เป็นเพื่อนไหม” “ไม่ต้องอ่ะ ว่าจะทำงานต่อ จะได้ไม่ต้องเอาเรื่องไร้สาระมาใส่ใจ” “เอาว่ะ ต้องแบบนี้สิ โลกสอนให้บีลีฟเข้มแข็งแล้วว่ะ” ทั้งสองคนฉีกยิ้มออกมาพร้อมกันกับคำพูดของบรู๊คลิน หลายครั้งที่การให้ใจกำลังแบบกวนประสาทของเขามันทำให้เธอยิ้มออกมาได้ เมื่อบรู๊คลินเดินออกไปจากห้องบีลีฟก็นั่งทำใจให้สงบสักพัก ก่อนจะนั่งทำบทนำวิจัยและส่งอีเมลไปให้พายุตรวจเป็นที่เรียบร้อยเธอก็ผล๊อยหลับได้ด้วยความเหนื่อยล้าโรงพยาบาลเอกชน“ย้องหยอ (น้องเหรอ)”แพคทริคชี้ไปที่หน้าจอแสดงผลอัลตร้าซาวด์สี่มิติด้วยความตื่นตาตื่นใจไม่แพ้บีน่า“ย้องดุ๊กดิ๊ก (น้องดุ๊กดิ๊ก)”น้ำเสียงดี๊ด๊าของบีน่าชวนให้บีลีฟและพายุเอ็นดู เด็กน้อยทำตามที่เห็นพัตเตอร์ดิ้น มือน้อยจับใบหน้าพายุให้ตั้งใจดูในจอมากกว่ามองหน้าเธอ“ตอนนี้น้องแข็งแรงดีครับ”นายแพทย์หนุ่มรายงานไปพลางยิ้มให้สองแฝดไปพลาง เด็กๆทั้งสองคุยกันหัวเราะคิกคัก อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามกับความน่ารัก “ท้องนี่จะผ่าหรือจะคลอดเองครับ”“ลองคลอดเองค่ะ”บีลีฟตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“จะมีอีกไหมครับเนี่ย เด็กๆน่ารักดีนะครับ”“หมออย่าชี้นำนะคะ ว่าจะปิดอู่แล้วค่ะ”“น่าเสียดาย ผมว่าน่าจะมีอีก”“เฮียซื้อหมอมาเท่าไรเนี่ย”ปรึกษาเรื่องเด็กในครรภ์จนสนิทกับนายแพทย์หนุ่ม มิวายหยอกล้อกับเขาด้วยความสนิทสนม“แหม ผมก็เชียร์เผื่อว่าจะใจอ่อน”“ห้องทำหมันไปทางไหนเหรอคะ”“แสดงความเสียใจด้วยนะครับคุณพายุน่าจะหมดหวังแล้ว”นายแพทย์หนุ่มหัวเราะลั่น เขาเก็บเครื่องอัลตร้าซาวน์ เมื่อทุกคนดูทารกในครรภ์จนพอใจ ช่วยเดินเรื่องทำหมันให้พายุต่อไปบีลีฟลุกจากเตียงอุ้มแพคทริคกับบีน่าพร้อมกันสองคน คนเป็นแม่แข็งแรงข
วันต่อมาสนามบิน“เดินทางปลอดภัย โชคดีนะมึง ถึงแล้วก็โทรบอกด้วย”พายุตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ในวันที่ต้องจากลากันอีกครั้ง โดยพายุก็พาคนในครอบครัวมาส่งครอบครัวเดวิดตามที่เคยบอกไว้“เออ”“โจ้กดี(โชคดี)”บีลีฟจับมือบีน่าให้โบกมือลาและส่งยิ้มหวานให้ทุกคน เจนนิสจึงเข้ามาจับมือน้อยๆของบีน่าหอมส่งท้าย“เดินทางปลอดภัยนะคะพี่เจน”“จ๊ะ ไว้เจอกันใหม่นะ”“โตวันโตคืนนะไอ้หลานรักทั้งสอง”เดวิดลูบศีรษะบีน่าอวยพรหลานสาวก่อนจะมาลูบศีรษะแพคทริคก็เห็นว่าแพคทริคหน้าดูเศร้าๆ ไม่ต่างจากเคลีสที่ยืนคุยเล่นกับแพคทริคอยู่“แด๊ดครับเคย์จะได้เล่นกับน้องอีกไหม เคย์อยากเล่นกับน้องน่า น้องแพค เคย์ก็อยากเล่นยิงปะ….อื้อ”“เคย์ปากไปเปื้อนอะไรมาเนี่ย คราวหลังกินอะไรระวังๆนะ เราโตแล้วนะลูก”เดวิดรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาทำทีว่าเช็ดปากเคลีสพลางมองหน้าพายุอย่างเลิ่กลั่ก พายุเองก็ยิ้มแห้ง“ได้เล่นกับน้องแน่เดี๋ยวปีหน้าจะพาไปเยี่ยมให้มาเล่นกันอีก ได้เจอกันทุกปีแหละไม่ต้องห่วง”เด็กน้อยทั้งสองเมื่อได้ยินที่พายุพูดแบบนั้นก็ร่าเริงขึ้นมา“จิงหย๋อแพะจาด้ายเย่น…..(จริงหรอแพคจะได้เล่น…)”“ได้เล่นครับๆ ….มึงไปได้แล้ว โช
หลายวันต่อมา“ยุงนินมาจ๋าย” แพคทริคชะเง้อคอมองหาธนินอยู่หน้าประตูตามผู้เป็นพ่อที่มองอยู่ ทำท่ามองนาฬิกาข้อมือตรงแขนซ้ายตาม ธนินมาสายเกือบครึ่งชั่วโมงจากที่นัดกันไว้ทำพายุหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นลูกชายมายืนรอข้างๆทำท่าทางเลียนแบบตามกลับอารมณ์ดีขึ้นมา นับวันเขายิ่งหลงลูกมากขึ้นพายุเดินจูงมือแพคทริคมานั่งเล่นของเล่นบนโซฟาในห้องนั่งเล่นเพื่อรอธนิน“หักเงินเดือนดีไหมครับแพค”“หะเงินเยือนคืออะไยหย๋อ(หักเงินเดือนคืออะไรเหรอ)” แพคทริคเอียงคอตาแป๋วมองผู้เป็นพ่อด้วยความสงสัย“คือถ้าลุงนินโดนหักเงินเดือนแปลว่าลุงนินก็จะไม่มีเงินไปกินขนม ไม่มีเงินไปซื้อของเล่นแบบที่หนูมี”“หย๋อ น่าจ๋งจ๋าน(เหรอ น่าสงสาร)”“แมะจูยี่ (แม่ดูนี่)”เป็นเสียงของบีน่าที่ถือตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดเดินเตาะแตะลงมาถึงสองขั้นสุดท้ายของบันไดกับบีลีฟ แล้วค่อยๆสไลด์ก้นลงบันไดมา โดยมีบีลีฟจับสองมือไว้ไม่ให้เกิดอันตราย แพมเพิสเทอะทะรองรับก้นที่กระแทกพื้นได้อย่างดี เจ้าตัวเล็กยิ้มร่าทำบีลีฟส่ายใบหน้าไปมากับความก๋ากั่นของลูกสาว “เจ้าแสบเล็ก ทำไมไม่ลงมาดีๆ”“เจินไม่ทาหนัด (เดินไม่ถนัด)” บีน่าลุกขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว เข้ามาปีนป่า
“เจ้นกัน~(เต้นกัน)”บีน่าชูมือขึ้นโบกไปมาเมื่อถูกบีลีฟอุ้มเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ ที่มีเสียงดนตรีคลอเบาๆหลังจากงานตอนเช้าที่พิธีเสร็จไปโดยสมบูรณ์แบบ พายุและบีลีฟได้พักผ่อนมาเรียบร้อย ในตอนเย็นมีงานฉลองมงคลสมรสต่อที่โรงแรมเดิม“อยากเต้นเหรอคะ”บีน่าพยักหน้าและยิ้มแฉ่งเป็นคำตอบ“เดี๋ยวโตมาแม่จะสอนเต้นเวลาไปผับนะ จะสอนวิธีเอาตัวรอดจากผู้ชายแบบพ่อด้วย ฮ่าๆๆๆ”บีลีฟหัวเราะอย่างทะเล้น บีน่าถึงแม้ไม่เข้าใจความหมายที่สื่อแต่ก็หัวเราะตาม“หยุดเลยไม่ต้องพาลูกแรดนะ”“ทีเฮียยังอยากให้ลูกเป็นเหมือนเฮียเลย”“ช่าย~”แพคทริคในอ้อมแขนของพายุตอบ พลางยกมือทำเป็นสัญลักษณ์รูปปืนตามที่พายุเคยทำให้ดูทุกวัน “ปิ้วๆ~”ทั้งคู่จึงลูบศีรษะลูกน้อยด้วยเอ็นดู“ช่างเถอะ ไม่ว่าเขาจะเหมือนเราไหม แต่เมื่อเขาโตขึ้นเราจะเป็นเพื่อนที่ดีให้กับลูกอีกคนหนึ่งเนอะให้เขาปรึกษาเราได้ทุกเรื่องไม่ว่าเขาจะอยากเป็นอะไร”บีลีฟสบตากับพายุด้วยความเชื่อมั่นว่าพายุสามารถทำตามที่พูดได้ซึ่งเธอก็คิดไม่ต่างจากเขา ก่อนที่บีลีฟจะเลื่อนสายตากลับมามองบีน่า“และหากบีน่าต้องต้องการเพื่อนไปแอ้วผู้แม่ก็จะไปเป็นเพื่อน โอเคไหมคะ”“ตัวแสบ!”พาย
เมื่อบทรักสุดเร่าร้อนจบลงพายุหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำรักสีขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนแก่นกายของตัวเองลวกๆก่อนจะเช็ดร่องสวาทและโคนขาอ่อนให้แฟนสาว “อ๊าา จะทำตัวเป็นผัวที่ดีเหรอคะ”เธอทำหน้าเหยเก กัดริมฝีปากตัวเบาๆ เมื่อพายุใช้นิ้วสอดเข้าไปทำความสะอาดข้างในให้“ผัวที่ดีเป็นอยู่แล้วและเดี๋ยวจะอาบน้ำให้ด้วย แต่เดี๋ยวขอเลียขอเอาให้สะใจก่อน”“พักก่อนได้ไหม เฮียไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ลีฟพักเลย เดี๋ยวไม่มีแรงข้าวก็ไม่ได้กิน”“จะบอกว่าอาหารมาเกือบเที่ยงคืน ที่ล่อลวงลีฟให้รีบมาเร็วๆเพราะจะกินลีฟรองท้องก่อน”“เจ้าเล่ห์”ใบหน้าชายหนุ่มเหยเกเมื่อแฟนสาวหยิกแก้มเบาๆด้วยความหมั่นไส้“ระหว่างรออาหารและรอลีฟพักขอดูดนมรอนะ”ไม่รอให้บีลีฟตอบอะไรกลับก็เข้าไปสอดแขนกอดล็อกตัวเธอไว้ในท่าตะแคงข้าง ซุกไซ้กลางอกของเธอ ปลายลิ้นตวัดละเลงยอดปทุมถันที่แดงระเรื่อ “อ๊าาา ชอบจัง”ขาก่ายพายุโดยอัตโนมัติ มือบางลูบศีรษะชายหนุ่มเป็นการบอกทางร่างกายอีกอย่างว่าชอบที่เขาทำ อีกมือช่วยชักรูดแก่นกายให้เขาไปด้วย “เสียวเหมือนกัน”ว่าจบก็กลับมาดูดดึงยอดปทุมถันเสียงดัง พลิกตัวนอนหงายศีรษะพิงหมอนที่วางหนุนตรงหัวเตียง ให้บีลีฟขึ้นมาคร่อมบนตั
เมื่อด้านนอกมืดลง สองหนุ่มสาวก็เข้าบ้านพักอีกหลังมาอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ได้มาเที่ยวทั้งทีพายุก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศให้เหมือนตอนก่อนมีลูก อยากดื่มอยากสังสรรค์กันสองคนเพราะตอนเลี้ยงลูกก็ไม่ค่อยได้หวานกันเท่าไร เลยถือโอกาสนี้ดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่เตรียมไว้ เปลี่ยนสถานที่ให้ดูมีความโรแมนติกขึ้นมาเล็กน้อย โดยบนโต๊ะอาหารยังไม่มีอาหาร มีเพียงจานสองจานที่มีที่ครอบทึบครอบไว้ด้านลูกน้อยทั้งสองก็เลี้ยงง่าย อาบน้ำเสร็จก็ทานนม หลับไปเรียบร้อย จะมีก็แต่พี่เลี้ยงของเขาทั้งสามที่ยังคอยดูแลเผื่อตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วงอแง “ลีฟ เมธีไลน์มาบอกว่าลูกหลับเรียบร้อยแล้วนะ ไม่เห็นเราเขาก็ไม่งอแงด้วย”ทันทีที่บีลีฟลงมาจากชั้นสองพายุก็หยัดกายลุกจากโซฟาเข้าไปหาเธอที่โต๊ะอาหาร สำรวจการแต่งตัวแฟนสาว เธอสวมชุดเดรสสั้นสีแดงโชว์แผ่นหลังขาวเนียน มือหนาของพายุเข้าไปลูบไล้โดยอัตโนมัติ บีลีฟก็ให้ความสนใจแฟนหนุ่มที่แต่งตัวมาหล่อเนี๊ยบปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองบนเม็ด แผงอกแกร่งดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก“จริงๆชวนลูกมาด้วยก็ได้ไม่เห็นเป็นไร ไม่อยากรบกวนคนอื่นตอนกลางคืนอยากนอนกอดลูก เห็นทีเฮียจะต้องเพิ่มเงินเดือนให้ลูกน้องนะ ใช้







