วันต่อมา
คอนโดบีลีฟ ‘ข่าวที่มาแรงที่สุดในวันนี้คงจะหนีไม่พ้นข่าว ดร.พายุทายาทนักธุรกิจแสนล้าน ที่พึ่งขึ้นแท่นประธานบริษัทคนใหม่ที่พึ่งมีงานแถลงข่าวเปิดตัวไปเมื่อวาน เรียกได้ว่างานแถลงข่าวเปิดตัวประธานคนใหม่ครั้งนี้เปิดตัวหนึ่งได้ถึงสองกันเลยทีเดียวเพราะคุณพายุก็พาสาวคนสนิทของเขาที่อายุน้อยกว่าหนึ่งรอบมาเปิดตัวด้วย ได้ยินข่าวแว่วๆมาว่าแอบงอนกันนิดหน่อย งานนี้ก็ขอให้คุณพายุเนี่ยง้อสาวคนสนิทให้ได้เร็วๆนะคะ’ เสียงผู้ประกาศข่าวในโทรทัศน์อ่านสกู๊ปข่าวบันเทิงพร้อมกับเปิดภาพงานแถลงข่าวและวิดีโอแนะนำประวัติของบีลีฟ แสตมป์ทำหน้าเอือมระอาก่อนจะหยิบรีโมทมากดปิดโทรทัศน์แล้วหันมาทำหน้างุนงงใส่บีลีฟที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆกัน “แกทำไมข่าวออกอย่างงี้ล่ะ ไม่เหมือนที่แกเล่าให้ฟังเลยอ่ะ” คิ้วสวยขมวดชนกันเมื่อรู้ว่าพายุทำตามที่เขาเคยพูดไว้ อีกทั้งยังหงุดหงิดที่ไม่มีใครเล่นข่าวให้พายุเสียหายตามที่เธอต้องการเลย“ไม่รู้ แต่ตอนนี้แชทฉันจะระเบิดแล้วเนี่ย”บีลีฟยื่นโทรศัพท์มาให้แสตมป์ดูข้อความ เจแปน:ข่าวนี้หมายความว่าไงอ่ะพี่ลีฟ พี่ลีฟมีแฟนหรอ แล้วผมล่ะ ภูวินทร์:ลีฟตอบกลับพี่ด้วยพี่อยากได้คำตอบเรื่องนี้ แม็ค:ข่าวจริงหรอลีฟ ดินแดน:นี่ลีฟมีแฟนตั้งแต่เมื่อไรทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่อง แล้วพี่ล่ะ มือเรียวกุมขมับตัวเองด้วยความหงุดหงิดเมื่อคนคุยหลายคนของเธอส่งข้อความมาถาม แต่เธอไม่ได้ตอบใครกลับสักคน “ฉันทำไงดีวะแก” แสตมป์คลี่ยิ้มออกมา สองมือจับไปที่บ่าบีลีฟเพื่อปลอบประโลมเพื่อนสาว“สะเทือนทั้งสต๊อกเลยนะเนี่ย นักสับรางในตำนานเกมแล้วว่ะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเนี่ยแกก็คงลงสตอรี่ชี้แจงเรื่องผู้ชายคนหนึ่งแล้วปิดผู้ชายอีกหลายคนไม่ให้รู้ได้ แต่คุณพายุเขาแพลตฟอร์มใหญ่กว่าเรา แกปิดใครไม่ได้เลยว่ะ ไม่รู้ทำไงเหมือนกัน” “คือฉันไม่ใช่แฟนเขาไงนั่นคือประเด็น ไม่อยากจะเป็นไม่อยากเกลือกกลั่ว ถ้าฉันเป็นแฟนเขาจริงจะไม่ว่าอะไรเลยแต่นี่มันไม่ใช่และบิดเบือนความจริงไปมากด้วย” ‘ทุกคนกำลังเข้าใจผิด บีลีฟยังโสด’บีลีฟเปิดอีกแอปพลิเคชั่นหนึ่งขึ้นมาแล้วอัพสเตตัสไปอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด “ไปทำงานกันได้แล้ว จะสายแล้ว”บีลีฟโพสเรียบร้อยจึงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าสะพายไป แล้วหยิบกุญแจรถมา พร้อมกับเดินจูงมือแสตมป์ออกจากห้องไป บีลีฟลงมาจากคอนโดรีบเดินไปที่ลานจอดรถพร้อมกับแสตมป์ เธอตกใจเล็กน้อยที่ภูวินทร์ยืนอยู่ข้างรถของเธอ “ลีฟ” “พี่ภูมาไงคะเนี่ย วันนี้ไม่มีบินเหรอ” “พี่มาหาเรานั่นแหละ ข่าวที่ออกไปคืออะไร”ภูวินทร์พูดพร้อมกับจับสองมือบีลีฟไว้หลวมๆ บีลีฟส่งยิ้มแหยๆให้ภูวินทร์ ค่อยๆเอามือออกจากมือของอีกฝ่าย“ข่าวไม่จริงค่ะ มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย” “ถ้าเข้าใจผิดงั้นลีฟเป็นแฟนกับพี่ดิ พี่ขอลีฟเป็นแฟนมาหลายรอบละนะ ลีฟก็ปฏิเสธทุกรอบ แต่คบกับมันหมายความว่าไง”ภูวินทร์ถามออกมาด้วยความไม่พอใจและคว้ามือเรียวมาจับไว้อีกครั้ง “หมายความว่าลีฟคิดกับพี่แค่พี่น้อง ส่วนเรื่องข่าวก็ตามที่บอก มันไม่จริง” “ซวยแล้วลีฟวันนี้มันวันมหาวิปโยคหรือไง คนคุยแกมารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ไอ้แปนมา รถไฟชนกันสองขบวนเลยแหละ จะเป็นไง เรียกรถพยาบาลเลยไหม”แสตมป์เข้ามากระซิบข้างหูบีลีฟเมื่อเห็นรถเจแปนกำลังเคลื่อนมาจอดใกล้ๆกัน เจแปนรีบลงจากรถมาทันทีที่เห็นบีลีฟยืนอยู่“พี่ลีฟข่าวมันหมายความว่าไงอ่ะพี่ พี่จะทำอย่างนี้กับผมไม่ได้นะ ผมอุตส่าห์จีบพี่มาปีกว่าจะมาแพ้คนที่พึ่งเจอไม่กี่สัปดาห์ได้ไง”สายตาเจแปนมองไปที่บีลีฟก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองที่มือของเธอก็เห็นว่ากำลังจับมือกับใครอีกคนอยู่ “แล้วไอ้นี่เป็นใครอีกล่ะ”เจแปนเดินเข้ามาผลักไหล่ภูวินทร์ มองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “แล้วมึงล่ะเป็นใคร กูเป็นคนคุยของน้องลีฟ”ภูวินทร์ผลักไหล่เจแปนกลับอย่างแรง “กูก็เป็นคนคุยของพี่ลีฟเหมือนกัน แต่กูกำลังจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนพี่ลีฟ” “กูก็กำลังจะเปลี่ยนสถานะเป็นแฟนลีฟเหมือนกัน” ภูวินทร์กระชากคอเสื้อเจแปนอย่างแรงแล้วง้างหมัดไว้ เจแปนจึงกระชากคอเสื้อกลับและง้างหมัดขู่ฝ่ายตรงข้าม “โอ๊ยยยย พอ! ทุกคนกลับไปก่อนนะ จะรีบไปทำงานมันจะสายแล้วเนี่ย”เมื่อเห็นท่าไม่ดีบีลีฟจึงเอ่ยห้ามปรามด้วยความเอือมระอา เธอตวาดออกไปดังลั่นโรงจอดรถ “ให้ไปส่งไหม”ชายหนุ่มทั้งสองปล่อยมือจากกันและกัน พวกเขาพูดออกมาพร้อมกัน “ไม่ต้อง”บีลีฟบอกอย่างหงุดหงิด เปิดประตูขึ้นรถตัวเองไปและแสตมป์ก็ขึ้นตามมา เธอออกรถทันทีโดยไม่สนใจว่าชายหนุ่มทั้งสองจะเอายังไงต่อ บริษัทพายุ บีลีฟมาในชุดนักศึกษารัดรูป ผมสีน้ำเงินเทาหม่นดัดลอนและแต่งหน้าจัดเหมือนเดิม เธอเดินผ่านล็อบบี้ไปกดลิฟต์แล้วเดินเข้าลิฟต์ไปเพื่อที่จะรีบขึ้นไปทำงาน โดยมีสายตาหลายคู่ที่จ้องมองเธอและมีเสียงซุบซิบนินทาตลอดทาง มันก็ทำให้เธออารมณ์เสียเล็กน้อย แต่เธอก็พยายามไม่สนใจ เมื่อลิฟต์เลื่อนมาถึงชั้นสามสิบออกจากลิฟต์มา บีลีฟก็รีบเปิดประตูเข้าห้องทำงานไป เห็นพายุนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พายุแสยะยิ้มให้บีลีฟทันทีที่บีลีฟเข้ามา บีลีฟจึงทำเป็นไม่เห็นและเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเอง สิ่งแรกที่เธอทำคือเปิดไอแพดขึ้นมาดูอีเมลตอบกลับจากพายุ ปึง! บีลีฟทุบโต๊ะทำงานอย่างแรงด้วยความโกรธเคือง เมื่อเปิดไฟล์เอกสารขึ้นมาก็พบว่าเอกสารบทนำวิจัยที่เธอส่งพายุไปมีแค่เครื่องหมายกากบาทและเขียนกำกับไว้ด้วยว่า ‘ไม่เอา’ เธอรีบเดินไปหาพายุที่โต๊ะทำงานทันที “คุณ ไหนบอกเวลางานจะไม่แกล้งกันไง นี่อะไรจะเอาทุกอย่างเลยหรอ คุณจะแกล้งฉันให้ได้เลยใช่ไหม เป็นบ้าอีกแล้วเหรอ”บีลีฟยื่นไอแพดให้พายุดูไฟล์เอกสารในนั้นพร้อมกับตะคอกถามออกไปอย่างเหลืออด “ก็มันไม่ถูกใจไง”พายุเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เอาขาขึ้นไขว่ห่างแล้วไหวไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน “ก็บอกมาดิว่าตรงไหนจะได้แก้ถูก กามาทั้งหน้าอย่างนี้ใครจะไปแก้ถูกล่ะ ไม่กวนประสาทกันสักวันมันจะตายหรอ อุตส่าห์ตั้งใจทำงานมาแต่ต้องมาเจอพวกกวนประสาท เซ็ง! หัดทำตัวให้ดีสักเรื่องได้ไหม” พายุแสยะยิ้มออกมาและแย่งไอแพดในมือบีลีฟมาถือไว้“ถ้าเธอฉลาดเธอก็จะรู้เองว่าวิธีที่ฉันจะแก้งานให้เธอ เธอต้องเอาอะไรมาแลก ฉันไม่ยอมให้เธอได้ประโยชน์ฝ่ายเดียวหรอกนะ” ปึง! บีลีฟตบโต๊ะอีกครั้ง ก่อนที่นิ้วชี้เรียวยาวจะชี้ไปตรงหน้าพายุ“คนที่ได้ประโยชน์ฝ่ายเดียวคือคุณ อย่ามาทำตัวเป็นไอ้แก่ตัณหากลับหน่อยเลย คุณนี่จะบังคับกันมากไปแล้วนะ จะให้ฉันเอาตัวมาแลกกับคุณให้ได้เลยเหรอ แล้วไอ้ข่าวบ้าๆนั่นอีก รู้ไหมว่าฉันเสียหาย คนก็พูดถึงฉันไม่ดี ทำแบบนี้มีความสุขมากนักหรอ”บีลีฟไม่พอใจพายุหลายอย่างเลยเอาหลายเรื่องมารวมกันและต่อว่าเขาไปทีเดียว “ไม่มีใครทำอะไรเธอได้เดี๋ยวคนก็เลิกพูดกัน อย่าไปแคร์ขี้ปากชาวบ้านเลย อีกเรื่องนะฉันบังคับอะไรเธอตรงไหนก็เธอพูดเองนะว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน ดังนั้นถ้าฉันจะมีอะไรกับผู้หญิงของฉันมันผิดตรงไหน เป็นผู้หญิงของฉันอ่ะสบายจะตาย แค่เธอยอมฉัน เธอก็ได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว แค่อ้าขาให้ฉันเอาของฉันกระแทกเข้าไป แค่นี้ก็ไม่ต้องทำงานแต่ก็ผ่านฝึกงานตามที่เธอต้องการแล้ว” ติ๊งงง~ เสียงการแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นมาพร้อมกับระบบสั่นในไอแพดของบีลีฟ ทำให้พายุก้มมามองและถือวิสาสะอ่านข้อความในนั้น “ลีฟ ข่าวที่ออกไปมันไม่จริงใช่ไหม งั้นแบงค์ก็มีสิทธิ์นะ เย็นนี้มากินข้าวกับแบงค์นะ”พายุอ่านออกเสียงข้อความตรงหน้าจอขึ้นมาดังๆ“ปลดล็อกให้หน่อยสิอยากตอบกลับ” บีลีฟแย่งไอแพดคืนมาจากมือพายุ พายุก็ยอมปล่อยคืนมาแต่ก็จับแขนบีลีฟไว้แน่น “อย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่น”บีลีฟวางไอแพดลง พยายามแกะนิ้วมือพายุที่จับออก “เรื่องคนอื่นอะไร เธอเป็นผู้หญิงของฉัน สมองเบลอไปชั่วขณะเหรอว่าเธอเป็นของใคร ต้องทวนความทรงจำให้ใช่ไหม”โรงพยาบาลเอกชน“ย้องหยอ (น้องเหรอ)”แพคทริคชี้ไปที่หน้าจอแสดงผลอัลตร้าซาวด์สี่มิติด้วยความตื่นตาตื่นใจไม่แพ้บีน่า“ย้องดุ๊กดิ๊ก (น้องดุ๊กดิ๊ก)”น้ำเสียงดี๊ด๊าของบีน่าชวนให้บีลีฟและพายุเอ็นดู เด็กน้อยทำตามที่เห็นพัตเตอร์ดิ้น มือน้อยจับใบหน้าพายุให้ตั้งใจดูในจอมากกว่ามองหน้าเธอ“ตอนนี้น้องแข็งแรงดีครับ”นายแพทย์หนุ่มรายงานไปพลางยิ้มให้สองแฝดไปพลาง เด็กๆทั้งสองคุยกันหัวเราะคิกคัก อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามกับความน่ารัก “ท้องนี่จะผ่าหรือจะคลอดเองครับ”“ลองคลอดเองค่ะ”บีลีฟตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“จะมีอีกไหมครับเนี่ย เด็กๆน่ารักดีนะครับ”“หมออย่าชี้นำนะคะ ว่าจะปิดอู่แล้วค่ะ”“น่าเสียดาย ผมว่าน่าจะมีอีก”“เฮียซื้อหมอมาเท่าไรเนี่ย”ปรึกษาเรื่องเด็กในครรภ์จนสนิทกับนายแพทย์หนุ่ม มิวายหยอกล้อกับเขาด้วยความสนิทสนม“แหม ผมก็เชียร์เผื่อว่าจะใจอ่อน”“ห้องทำหมันไปทางไหนเหรอคะ”“แสดงความเสียใจด้วยนะครับคุณพายุน่าจะหมดหวังแล้ว”นายแพทย์หนุ่มหัวเราะลั่น เขาเก็บเครื่องอัลตร้าซาวน์ เมื่อทุกคนดูทารกในครรภ์จนพอใจ ช่วยเดินเรื่องทำหมันให้พายุต่อไปบีลีฟลุกจากเตียงอุ้มแพคทริคกับบีน่าพร้อมกันสองคน คนเป็นแม่แข็งแรงข
วันต่อมาสนามบิน“เดินทางปลอดภัย โชคดีนะมึง ถึงแล้วก็โทรบอกด้วย”พายุตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ในวันที่ต้องจากลากันอีกครั้ง โดยพายุก็พาคนในครอบครัวมาส่งครอบครัวเดวิดตามที่เคยบอกไว้“เออ”“โจ้กดี(โชคดี)”บีลีฟจับมือบีน่าให้โบกมือลาและส่งยิ้มหวานให้ทุกคน เจนนิสจึงเข้ามาจับมือน้อยๆของบีน่าหอมส่งท้าย“เดินทางปลอดภัยนะคะพี่เจน”“จ๊ะ ไว้เจอกันใหม่นะ”“โตวันโตคืนนะไอ้หลานรักทั้งสอง”เดวิดลูบศีรษะบีน่าอวยพรหลานสาวก่อนจะมาลูบศีรษะแพคทริคก็เห็นว่าแพคทริคหน้าดูเศร้าๆ ไม่ต่างจากเคลีสที่ยืนคุยเล่นกับแพคทริคอยู่“แด๊ดครับเคย์จะได้เล่นกับน้องอีกไหม เคย์อยากเล่นกับน้องน่า น้องแพค เคย์ก็อยากเล่นยิงปะ….อื้อ”“เคย์ปากไปเปื้อนอะไรมาเนี่ย คราวหลังกินอะไรระวังๆนะ เราโตแล้วนะลูก”เดวิดรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาทำทีว่าเช็ดปากเคลีสพลางมองหน้าพายุอย่างเลิ่กลั่ก พายุเองก็ยิ้มแห้ง“ได้เล่นกับน้องแน่เดี๋ยวปีหน้าจะพาไปเยี่ยมให้มาเล่นกันอีก ได้เจอกันทุกปีแหละไม่ต้องห่วง”เด็กน้อยทั้งสองเมื่อได้ยินที่พายุพูดแบบนั้นก็ร่าเริงขึ้นมา“จิงหย๋อแพะจาด้ายเย่น…..(จริงหรอแพคจะได้เล่น…)”“ได้เล่นครับๆ ….มึงไปได้แล้ว โช
หลายวันต่อมา“ยุงนินมาจ๋าย” แพคทริคชะเง้อคอมองหาธนินอยู่หน้าประตูตามผู้เป็นพ่อที่มองอยู่ ทำท่ามองนาฬิกาข้อมือตรงแขนซ้ายตาม ธนินมาสายเกือบครึ่งชั่วโมงจากที่นัดกันไว้ทำพายุหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นลูกชายมายืนรอข้างๆทำท่าทางเลียนแบบตามกลับอารมณ์ดีขึ้นมา นับวันเขายิ่งหลงลูกมากขึ้นพายุเดินจูงมือแพคทริคมานั่งเล่นของเล่นบนโซฟาในห้องนั่งเล่นเพื่อรอธนิน“หักเงินเดือนดีไหมครับแพค”“หะเงินเยือนคืออะไยหย๋อ(หักเงินเดือนคืออะไรเหรอ)” แพคทริคเอียงคอตาแป๋วมองผู้เป็นพ่อด้วยความสงสัย“คือถ้าลุงนินโดนหักเงินเดือนแปลว่าลุงนินก็จะไม่มีเงินไปกินขนม ไม่มีเงินไปซื้อของเล่นแบบที่หนูมี”“หย๋อ น่าจ๋งจ๋าน(เหรอ น่าสงสาร)”“แมะจูยี่ (แม่ดูนี่)”เป็นเสียงของบีน่าที่ถือตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดเดินเตาะแตะลงมาถึงสองขั้นสุดท้ายของบันไดกับบีลีฟ แล้วค่อยๆสไลด์ก้นลงบันไดมา โดยมีบีลีฟจับสองมือไว้ไม่ให้เกิดอันตราย แพมเพิสเทอะทะรองรับก้นที่กระแทกพื้นได้อย่างดี เจ้าตัวเล็กยิ้มร่าทำบีลีฟส่ายใบหน้าไปมากับความก๋ากั่นของลูกสาว “เจ้าแสบเล็ก ทำไมไม่ลงมาดีๆ”“เจินไม่ทาหนัด (เดินไม่ถนัด)” บีน่าลุกขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว เข้ามาปีนป่า
“เจ้นกัน~(เต้นกัน)”บีน่าชูมือขึ้นโบกไปมาเมื่อถูกบีลีฟอุ้มเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ ที่มีเสียงดนตรีคลอเบาๆหลังจากงานตอนเช้าที่พิธีเสร็จไปโดยสมบูรณ์แบบ พายุและบีลีฟได้พักผ่อนมาเรียบร้อย ในตอนเย็นมีงานฉลองมงคลสมรสต่อที่โรงแรมเดิม“อยากเต้นเหรอคะ”บีน่าพยักหน้าและยิ้มแฉ่งเป็นคำตอบ“เดี๋ยวโตมาแม่จะสอนเต้นเวลาไปผับนะ จะสอนวิธีเอาตัวรอดจากผู้ชายแบบพ่อด้วย ฮ่าๆๆๆ”บีลีฟหัวเราะอย่างทะเล้น บีน่าถึงแม้ไม่เข้าใจความหมายที่สื่อแต่ก็หัวเราะตาม“หยุดเลยไม่ต้องพาลูกแรดนะ”“ทีเฮียยังอยากให้ลูกเป็นเหมือนเฮียเลย”“ช่าย~”แพคทริคในอ้อมแขนของพายุตอบ พลางยกมือทำเป็นสัญลักษณ์รูปปืนตามที่พายุเคยทำให้ดูทุกวัน “ปิ้วๆ~”ทั้งคู่จึงลูบศีรษะลูกน้อยด้วยเอ็นดู“ช่างเถอะ ไม่ว่าเขาจะเหมือนเราไหม แต่เมื่อเขาโตขึ้นเราจะเป็นเพื่อนที่ดีให้กับลูกอีกคนหนึ่งเนอะให้เขาปรึกษาเราได้ทุกเรื่องไม่ว่าเขาจะอยากเป็นอะไร”บีลีฟสบตากับพายุด้วยความเชื่อมั่นว่าพายุสามารถทำตามที่พูดได้ซึ่งเธอก็คิดไม่ต่างจากเขา ก่อนที่บีลีฟจะเลื่อนสายตากลับมามองบีน่า“และหากบีน่าต้องต้องการเพื่อนไปแอ้วผู้แม่ก็จะไปเป็นเพื่อน โอเคไหมคะ”“ตัวแสบ!”พาย
เมื่อบทรักสุดเร่าร้อนจบลงพายุหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำรักสีขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนแก่นกายของตัวเองลวกๆก่อนจะเช็ดร่องสวาทและโคนขาอ่อนให้แฟนสาว “อ๊าา จะทำตัวเป็นผัวที่ดีเหรอคะ”เธอทำหน้าเหยเก กัดริมฝีปากตัวเบาๆ เมื่อพายุใช้นิ้วสอดเข้าไปทำความสะอาดข้างในให้“ผัวที่ดีเป็นอยู่แล้วและเดี๋ยวจะอาบน้ำให้ด้วย แต่เดี๋ยวขอเลียขอเอาให้สะใจก่อน”“พักก่อนได้ไหม เฮียไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ลีฟพักเลย เดี๋ยวไม่มีแรงข้าวก็ไม่ได้กิน”“จะบอกว่าอาหารมาเกือบเที่ยงคืน ที่ล่อลวงลีฟให้รีบมาเร็วๆเพราะจะกินลีฟรองท้องก่อน”“เจ้าเล่ห์”ใบหน้าชายหนุ่มเหยเกเมื่อแฟนสาวหยิกแก้มเบาๆด้วยความหมั่นไส้“ระหว่างรออาหารและรอลีฟพักขอดูดนมรอนะ”ไม่รอให้บีลีฟตอบอะไรกลับก็เข้าไปสอดแขนกอดล็อกตัวเธอไว้ในท่าตะแคงข้าง ซุกไซ้กลางอกของเธอ ปลายลิ้นตวัดละเลงยอดปทุมถันที่แดงระเรื่อ “อ๊าาา ชอบจัง”ขาก่ายพายุโดยอัตโนมัติ มือบางลูบศีรษะชายหนุ่มเป็นการบอกทางร่างกายอีกอย่างว่าชอบที่เขาทำ อีกมือช่วยชักรูดแก่นกายให้เขาไปด้วย “เสียวเหมือนกัน”ว่าจบก็กลับมาดูดดึงยอดปทุมถันเสียงดัง พลิกตัวนอนหงายศีรษะพิงหมอนที่วางหนุนตรงหัวเตียง ให้บีลีฟขึ้นมาคร่อมบนตั
เมื่อด้านนอกมืดลง สองหนุ่มสาวก็เข้าบ้านพักอีกหลังมาอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ได้มาเที่ยวทั้งทีพายุก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศให้เหมือนตอนก่อนมีลูก อยากดื่มอยากสังสรรค์กันสองคนเพราะตอนเลี้ยงลูกก็ไม่ค่อยได้หวานกันเท่าไร เลยถือโอกาสนี้ดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่เตรียมไว้ เปลี่ยนสถานที่ให้ดูมีความโรแมนติกขึ้นมาเล็กน้อย โดยบนโต๊ะอาหารยังไม่มีอาหาร มีเพียงจานสองจานที่มีที่ครอบทึบครอบไว้ด้านลูกน้อยทั้งสองก็เลี้ยงง่าย อาบน้ำเสร็จก็ทานนม หลับไปเรียบร้อย จะมีก็แต่พี่เลี้ยงของเขาทั้งสามที่ยังคอยดูแลเผื่อตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วงอแง “ลีฟ เมธีไลน์มาบอกว่าลูกหลับเรียบร้อยแล้วนะ ไม่เห็นเราเขาก็ไม่งอแงด้วย”ทันทีที่บีลีฟลงมาจากชั้นสองพายุก็หยัดกายลุกจากโซฟาเข้าไปหาเธอที่โต๊ะอาหาร สำรวจการแต่งตัวแฟนสาว เธอสวมชุดเดรสสั้นสีแดงโชว์แผ่นหลังขาวเนียน มือหนาของพายุเข้าไปลูบไล้โดยอัตโนมัติ บีลีฟก็ให้ความสนใจแฟนหนุ่มที่แต่งตัวมาหล่อเนี๊ยบปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองบนเม็ด แผงอกแกร่งดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก“จริงๆชวนลูกมาด้วยก็ได้ไม่เห็นเป็นไร ไม่อยากรบกวนคนอื่นตอนกลางคืนอยากนอนกอดลูก เห็นทีเฮียจะต้องเพิ่มเงินเดือนให้ลูกน้องนะ ใช้