เจ้าของร่างเล็กกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ อาจเพราะแปลกที่หรือความคิดมากที่วนเวียนในหัว ทำให้เธอนอนไม่หลับ กว่าจะข่มตาได้ก็กินเวลาไปเกือบตีสอง โชคดีที่วันนี้มีเรียนช่วงสิบโมงเช้า
มือเล็กเอื้อมไปหยิบรีโมตที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะกดปุ่มควบคุม ผ้าม่านเคลื่อนตัวเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นแสงแดดยามเช้าที่ค่อยๆ สาดส่องเข้ามาภายในห้อง เจียร์หรี่ตาเล็กน้อยปรับสายตาให้ชินกับแสง ก่อนจะลุกจากเตียงยกแขนขึ้นเหนือศีรษะแล้วบิดตัวไปมาช้าๆ
คืนแรกสำหรับการนอนในคอนโดหรู เจียร์หลับไม่สนิทเพราะเกิดความกังวลอยู่ตลอดเวลา ดวงตาคู่สวยที่ว่างเปล่ามองออกไปด้านนอกกระจกใสบานใหญ่ เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นพร้อมถามบางอย่างกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา
หลังจากอาบน้ำเตรียมตัวเสร็จร่างเล็กในชุดนักศึกษาเปิดประตูออกจากห้องนอน ขณะเดินไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าวเรียวขาก็ต้องหยุดชะงักกะทันหัน พร้อมหัวใจที่วูบไหว เมื่อเจอกับล่าที่นั่งเอนหลังด้วยท่าทางสบายๆ อยู่บนโซฟาตัวใหญ่ สายตาคู่เย็นชาจ้องมองมาที่เธอ
“เมื่อคืนหลับสบายดีไหม” หัวคิ้วหนายกขึ้นเป็นคำถาม ในตาคู่คมชวนให้คนที่ถูกมองรู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัว
“ค่ะ” ถึงแม้จะแปลกใจกับคำถามที่ดูไม่น่าออกมาจากคนบนโซฟา แต่เจียร์ก็ยอมตอบแต่โดยดีเพื่อเลี่ยงการปะทะอารมณ์คลุกขุ่นในยามเช้า
“มีเรียนถึงกี่โมง?”
“บ่ายสองค่ะ”
“อืม”
เสียงของเครื่องปรับอากาศดังแผ่วเบาในความเงียบที่เข้าปกคลุมหลังจากบทสนทนาจบลง แสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาช่วยให้บรรยากาศในไม่อึดอัดจนเกินไป เจียร์เหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ยังคงเอนตัวอย่างสบายๆ แต่สีหน้าเรียบเฉยทำให้เธออ่านความคิดของเขาไม่ออก
“คือเจียร์….ต้องรีบไปเรียนแล้ว”
“บอกฉันทำไม”
“พี่ล่า….ไม่มีอะไรจะคุยใช่ไหมคะ” เจียร์ชะงักเมื่อเผลอสบตากับล่าอย่างไม่ตั้งใจ แววตาคู่นั้นเรียบนิ่งไม่ได้เผยอารมณ์ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องลึกเข้าไปถึงข้างใน
“ความจริงก็มี แต่ถ้าเธอรีบเอาไว้คุยทีหลังก็ได้ มันไม่ใช่ธุระสำคัญอะไร” ล่าเอ่ยเสียงเรียบก่อนเว้นจังหวะ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พลางก้าวขาเดินไปหาคนตัวเล็กอย่างไม่รีบร้อน “แค่จะพูดเรื่องของเราสองคน”
เจียร์เม้มปากแน่นกะพริบตาช้าๆ ควบคุมตัวเองไม่ให้ถอยหลังหนี เพราะนั่นอาจทำให้เขาไม่พอใจ
“หรือจะให้ฉันพูดตอนนี้?” ล่าเลิกคิ้วตั้งคำถาม พลางก้มมองท่าทางสั่นกลัวของร่างเล็กในชุดนักศึกษา เขายิ้มมุมปากนึกชอบใจที่ต้อนเธอให้จนมุมได้ทุกครั้ง
นกน้อยในกรงของเขาช่างขี้กลัวซะจริงๆ ไม่เห็นเหมือนพี่สาวของเธอเลยสักนิด
ล่าคิดขณะมองหน้าเหยื่อที่เขากำลังเลี้ยงเอาไว้ในกรง
“พ…พูดตอนนี้ก็ได้ค่ะ” เจียร์ตอบเสียงติดขัด หลุบตาต่ำเพื่อหลบหนีความอึดอัดจากคนตัวสูง เธอไม่อยากรู้ว่าเขากำลังจะพูดอะไรออกมาแต่สายตาคมคู่นั้นกำลังบังคับให้เธอจำนน
“มั่นใจว่าถ้าพูดแล้วเธอจะมีสมาธิเรียน?” เมื่อไร้การตอบกลับจากร่างเล็ก คนตัวสูงยกยิ้มก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงกดดัน “เธอยื้อเวลามานานเกินไปแล้ว”
ลมหายใจของเจียร์เริ่มติดขัดมากขึ้น เมื่อล่าก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า ร่างสูงโน้มลงใกล้จนสามารถสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจ สายตาเย็นชาจ้องมองราวกับกำลังออกคำสั่งให้เธอหยุดอยู่กับที่
“เกมนี้ฉันเป็นคนคุม…ไม่ใช่เธอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะบอกสิ่งที่เธอควรรู้ “รู้ไหมว่ายิ่งยื้อออกไปนานเท่าไร เธอก็ยิ่งต้องอยู่ในสถานะนี้นานมากขึ้น”
“ม….หมายความว่ายังไง” ในตาคู่สวยฉายแววความสับสนปรากฏขึ้นมาเฉียบพลัน พร้อมหัวใจดวงน้อยที่กระตุกวูบไหว
“คงไม่คิดว่าฉันจะนับกำหนดหนึ่งปีจากวันที่เธอเซ็นสัญญาหรอกใช่ไหม?” ล่าเงียบไปชั่วขณะ เขาจ้องมองร่างเล็กที่ยืนนิ่ง แต่ดวงตากลับสั่นไหว พลางยกมือขึ้นเกี่ยวม้วนปอยผมของเธอ ก่อนจะพูดประโยคถัดไป
“ไม่แปลกใจหรือไงทำไมฉันถึงให้เวลาเธอนานขนาดนี้”
“………”
“เพราะมันจะเริ่มต้นก็ต่อเมื่อ…เธอพร้อมขึ้นเตียงกับฉันยังไงล่ะ”
ล่าเค้นหัวเราะในลำคอ เมื่อต้อนให้ร่างเล็กจนมุมอีกครั้งได้สำเร็จ และครั้งนี้เขาต้องได้ในสิ่งที่ต้องการ เพราะปล่อยให้เหยื่อตายใจมานานเกินไปแล้ว
มหาวิทยาลัย เจียร์เหม่อมองไปตรงหน้าไร้จุดโฟกัส โดยที่มือยังคงจับด้ามปากกาค้างไว้บนหน้ากระดาษ แต่ความจริงแล้วไม่ได้จดอะไรลงไปเลยแม้แต่คำเดียว
เธอเอาแต่คิดถึงคำพูดของล่าวนเวียนอยู่ในหัว แม้พยายามสะบัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปเท่าไรก็ทำไม่ได้ ทั้งน้ำเสียง สีหน้า แววตา เธอจำได้ชัดเจนราวกับคำพูดนั้นกระซิบข้างหูตลอดเวลา
ดวงตากลมเหม่อลอยกระทั่งหมดคาบเรียนแล้วก็ยังนั่งอยู่ จนกระทั่งเพื่อนร่วมคลาสต้องเดินมาสะกิดถึงรู้ตัว
“ไม่ไปกินข้าวหรอเจียร์” ไผ่ หนุ่มหน้าตาดีเดือนคณะเดินมาถามกับเพื่อนตัวเล็กที่นั่งนิ่งราวกับมีเรื่องทุกข์ใจ
“อะ อื้อ” เสียงทักท้วงทำให้ความหนักอึ้งของความคิดหายไป เจียร์เริ่มมองไปรอบๆ ตอนนี้นักศึกษาหลายคนกำลังทยอยเก็บของและลุกออกไปกันหมดแล้ว
“เป็นอะไร ป่วยหรือเปล่า?”
“ไม่ๆ คือเรามีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ” เจียร์ยิ้มจางๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นก้มหน้าเก็บปากกาและสมุดพลางถอนหายใจเบาๆ
ร่างเล็กเดินออกจากคลาสเรียนโดยมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารอีกคณะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตึกที่เรียนมากนัก เมื่อมาถึงเจไดและเจด้าก็สั่งข้าวเอาไว้รอเธอเรียบร้อยแล้ว
“วันนี้อาจารย์ปล่อยช้าหรอ” เจด้าถาม ก่อนที่เจไดจะพูดเสริม “เห็นเธอมาช้ากลัวของโปรดหมดก่อนเลยรีบซื้อมาให้”
เจียร์พยักหน้านั่งลงข้างๆ เจด้า ก่อนจะก้มมองผัดกะเพรากุนเชียงที่เป็นของโปรด เธอฝืนยิ้มแล้วพูด
“ขอบคุณนะเจ”
“เพื่อคนสวยต่อให้คิวจะยาวขนาดไหนพี่ก็ไม่หวั่น”
“ไม่ใช่ว่าลูกสาวร้านนี้สวยหรือไงถึงไปต่อคิวซื้อ” เจด้าส่ายหน้าอย่างเอือมระอาให้กับความหน้าหม้อของน้องชายฝาแฝด
เจียร์พยายามไม่สบตากับเพื่อนทั้งสองหวั่นกลัวถูกจับได้ว่ามีเรื่องทุกข์ใจ โชคดีที่เจด้าและเจไดแทบไม่เคยแวะไปห้องของเธอ เพราะเจียร์มักจะออกไปทำงานทุกทำให้ไม่มีใครสังเกตเรื่องย้ายที่อยู่ และเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มบอกพวกเขายังไงดี
“วันนี้เจียร์ไปทำงานที่บาร์หนึ่งเก้าไหม” เจด้าถาม ทำเอาหัวใจดวงน้อยวูบไหว เจียร์ลอบกลืนน้ำลายก่อนจะตอบ “อ..อื้อไปทำสิ”
“ดีเลย ฉันกับเจจะไปดื่ม”
“ไป ไปวันนี้หรอ” ดวงตากลมสั่นไหว ความกังวลตีขึ้นมาภายในใจ เจียร์พยายามหาข้ออ้างมาขัด “คือร้านอยู่ไกลจากหอพักเจกับด้ามากเลยนะ”
“นอนห้องแกก็ได้”
“แต่….เตียงห้องเราแค่สามฟุตเองเจนอนคนเดียวก็เต็มแล้ว” เจียร์คิดหาวิธีบ่ายเบี่ยงทุกทางที่จะสามารถอ้างออกไปได้ หัวใจของเธอเต้นถี่รัวกำลังภาวนาในใจขอให้เพื่อนล้มเลิกความคิด
“จริงสิพรุ่งนี้มีเรียนเช้านี่นา” เจด้าเหมือนจะเพิ่งคิดขึ้นมาได้ เธอบอกอย่างนึกเสียดาย
“ลาดีไหม เรื่องเที่ยวสำคัญกว่า” เจไดรีบเสนอความคิดเห็นที่ไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไร ทำให้ถูกพี่สาวฝาแฝดต่อว่า “ถ้าติดเอฟขึ้นมาแม่ได้ไล่ออกจากบ้านแน่ เอาสมองส่วนไหนคิดห๊ะเจ”
“ค้าบ สำนึกแล้วค้าบ”
เจียร์ที่ได้ยินบทสนทนาของฝาแฝดทั้งสอง ทำให้เธอก้มหน้าลงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก กำปั้นเล็กที่เคยกำแน่นค่อยๆ คลายออก
ระหว่างกินข้าวทั้งสามพูดคุยกันถึงเรื่องทั่วไป เพราะทั้งสามคนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ฝาแฝดทั้งสองจึงรู้ว่าชีวิตของเจียร์ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ทั้งปัญหาครอบครัวที่ไม่เคยเหลียวแลจนต้องทำงานรับผิดชอบชีวิตของตัวเองอย่างนี้
ร่างเล็กเริ่มผ่อนคลายอารมณ์ที่หนักอึ้งตลอดในช่วงเช้า เจไดช่างพูดจอแจนิสัยคล้ายผู้หญิง เขาชอบเล่าเรื่องสนุกๆ เพื่อให้เพื่อนตัวเล็กที่ในตาดูหม่นหมองยิ้มได้ทุกครั้ง
เมื่อกลับมายังคอนโด ในห้องที่ไม่คุ้นเคย ความรู้สึกหนักอึ้งสาดซัดถาโถมเข้าใส่ไม่ยอมหยุด ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัวของร่างเล็กที่กำลังนั่งบนปลายเตียงตลอดเวลา เพราะคำพูดของล่าเมื่อตอนเช้ากลับวนเวียนให้คิดมากอีกครั้ง
เธอยื้อเวลามามากพอแล้ว
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เจียร์ถอนหายใจออกมา ภายในห้องอบอวลไปด้วยความทุกข์ เธอกำลังคิดว่าควรจะเริ่มทำมันซะตอนนี้ ดึงดันไปนานเท่าไรเวลาของเธอก็ยิ่งยืดยาวมากขึ้น เพราะกำหนดหนึ่งปีนับจากวันที่ร่วมเตียงกับเขา ไม่ใช่วันที่เซ็นสัญญา
หมดเวลายื้ออีกต่อไป เธอต้องเลือกทิ้งความกลัวและเผชิญหน้ากับความจริงสักที
เธอแพ้แล้ว ยอมจำนนแล้วทุกอย่างที่โชคชะตาหยิบยื่นมาให้
ความเย็นของเครื่องปรับอากาศกระทบกับผิวเนียนสร้างความรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว เจียร์กำโทรศัพท์แน่น ค่อยๆ ยกมือที่สั่นระริกขึ้นมา เรียวนิ้วจิ้มไปยังช่องแชตที่ไม่เคยแม้แต่อยากจะคุย ดวงตากลมแดงก่ำขณะกดพิมพ์ข้อความ
แชต:ล่า
เจียร์: พี่ล่า…เจียร์พร้อมแล้วค่ะ