กลับมาที่ห้องเช่าราคาถูกร่างเล็กนอนนิ่งอยู่บนเตียง แขนข้างหนึ่งยกขึ้นก่ายหน้าผาก ดวงตาจ้องเพดานขณะที่ความคิดมากมายถาโถมเข้ามาไม่หยุด
ทั้งเรื่องที่ต้องลาออกจากงาน ทั้งเรื่องที่ต้องย้ายไปอยู่คอนโดของล่าและที่หนักใจที่สุด คือคำถามจากเพื่อนที่เธอไม่รู้เลยว่าจะหาข้ออ้างอะไรหากถูกถามว่าทำไมจู่ๆ ถึงย้ายไปอยู่คอนโดหรูราคาแพงขนาดนั้น
ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงไปหมด เจียร์พยายามเรียบเรียงความคิด แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก
ชีวิตของเธอกำลังถูกตีกรอบ….ราวกับนกตัวน้อยที่ติดอยู่ในกรง
เจียร์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไปมาเปิดออก ตั้งใจจะเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็น แต่เธอกลับเอาแต่นั่งนิ่งเหม่อเป็นเวลานาน หัวใจดวงน้อยเต้นเป็นจังหวะที่ช้าลง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงไล่ความคิดมากมายออกจากหัว แล้วเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้ามาพับใส่กระเป๋าทีละตัว
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เธอจะต้องยอมรับกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตที่ใกล้จะถึงนี้
เก็บของใช้และเสื้อผ้าเตรียมใส่กระเป๋าเอาไว้เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังไม่พร้อมจะย้ายไปเร็วๆ นี้ หากมีเวลาหนึ่งอาทิตย์เธอก็จะยื้อมันไปจนถึงวันสุดท้าย
หลังจากนั้นร่างเล็กก็ลุกขึ้นเดินไปหย่อนสะโพกนั่งบนปลายเตียง มือเล็กเอื้อมหยิบเอาโทรศัพท์มากดโทรออกหาคุณป้าเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง เพื่อบอกเรื่องที่จะขอออก โดยเธออ้างเหตุผลเรื่องเรียนหนัก
จากนั้นก็ต่อด้วยการโทรหาเจ้าของร้านบาร์หนึ่งเก้า เป็นสิ่งที่ทำให้เจียร์รู้สึกหนักอึ้งกลางอกอยู่ในตอนนี้ เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นเพียงไม่นานปลายสายก็กดรับ
“ฮัลโหลพี่ตะวัน” เธอเอ่ยเสียงเบาเต็มไปด้วยความลังเล
(ว่าไงครับตัวเล็ก) เสียงใจดีของตะวันตอบกลับมาทำให้หัวใจดวงน้อยๆ วูบไหว
เจียร์สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดออกไปช้าๆ “เจียร์จะโทรมาบอกว่า….คงไม่ได้ไปทำงานที่ร้านแล้วนะคะ”
ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มปนอ่อนโยน
(ทำไมล่ะครับ น้องเจียร์มีปัญหาอะไรหรือเปล่า บอกพี่ได้นะไม่ต้องเกรงใจเลย)
คำถามแฝงความเป็นห่วงนั้นทำให้ร่างเล็กเผลอกำมือแน่น พลางก้มหน้ามองพื้นผ่อนลมหายใจแผ่วเบา
“พอดีเจียร์เรียนหนักค่ะ งานที่มหาวิทยาลัยเยอะมากๆ ก็เลยอยากพักงานเอาไว้ก่อน”
เสียงปลายสายถอนหายใจเบาๆ (ใจหายเลยครับแต่ถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญพี่เข้าใจ)
“ขอบคุณที่เข้าใจนะคะพี่ตะวัน”
(หอพักเจียร์ก็อยู่ใกล้แค่นี้วันไหนว่างๆ แวะมาหาพี่บ้างนะครับ)
“ค่ะ เอาไว้ว่างเจียร์จะเข้าไปที่ร้าน ขอโทษจริงๆ นะคะพี่ตะวัน”
(ไม่เป็นไรครับแต่ถ้าเปลี่ยนใจหรือมีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้นะ ห้ามเกรงใจ)
เธอเม้มริมฝีปากแน่นให้กับความใจดีของตะวันที่มีให้เสมอมา ก่อนจะตอบเสียงเบา “ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
หลังจากกดวางสาย เจียร์ถอนหายใจออกมาอีกครั้งพร้อมกำโทรศัพท์ในมือแน่น พลางนึกถึงวันแรกที่เจอกับผู้ชายที่เป็นความโชคร้ายของชีวิต
ตั้งแต่วันที่ได้เจอกับ ล่า ทุกอย่างในชีวิตของเจียร์ก็เปลี่ยนไปและไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ดี เพราะความสุขที่เคยมีถูกพรากไปจนแทบไม่หลงเหลือ
ถึงแม้อยากจะเข้มแข็งแต่ภายในใจราวกับถูกคลื่นลูกใหญ่สาดใส่ไม่ยอมหยุด ดวงตาคู่สวยสั่นไหวมีน้ำสีใสเอ่อตื้นเพียงไม่นานหยดน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม เธอปล่อยโทรศัพท์ลงบนเตียง ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าสะอื้นตัวสั่นเทา
เจียร์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมดิ่งไปในหลุบเหวลึกของโชคชะตา ต่อให้พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาเท่าไรก็ไม่ไม่สามารถหลีกหนีได้
ในทุกวันที่ผ่านพ้นไปร่างบางภาวนาต่อดวงจันทร์ในทุกค่ำคืน ขอพรให้เวลาเดินช้าลง แต่เมื่อมองหันกลับมายังความเป็นจริง พรที่ขอไปนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างที่หวัง
เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งถึงวันสุดท้าย ก่อนครบกำหนดหนึ่งอาทิตย์ที่เจียร์ต้องเก็บกระเป๋าย้ายไปอยู่คอนโดหรูใจกลางเมือง
ขณะที่กำลังเก็บของ เสียงแจ้งเตือนแชตก็ดังขึ้น ขัดจังหวะความคิด ร่างเล็กชะงักก่อนหันไปมองหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างขึ้นท่ามกลางห้องที่เงียบ ดวงตาคู่สวยฉายแววความว่างเปล่าราวกับยังไม่พร้อมจะรับรู้อะไรในตอนนี้
แต่สุดท้ายก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าขึ้นมา ปลายนิ้วแตะลงบนหน้าจอที่เต็มไปด้วยรอยร้าว ก่อนจะค่อยๆ เปิดดูข้อความ หัวใจดวงน้อยพลันวูบไหวเมื่อเห็นชื่อเจ้าของช่องแชตที่เพิ่งส่งมาหลังจากห่างหายไปนานเกือบอาทิตย์
แชต: ล่า
ล่า: เก็บของเสร็จหรือยัง
ดวงตาคู่สวยมองข้อความที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ อย่างชั่งใจว่าควรตอบกลับหรือเมินมันไป
เขาหายเพื่อให้เวลาและกลับมาเพื่อพรากอิสระไปจากชีวิตของเธอ
ล่า: ตอนนี้คนของฉันจอดรถรออยู่ด้านหน้าหอพัก รีบไปขึ้นรถได้แล้วอย่าดึงเวลา
เจียร์ถอนหายใจออกมาหลังอ่านประโยคกดดันเหล่านั้น แล้วตัดสินใจตอบกลับในทันที
เจียร์: กำลังถือกระเป๋าลงไปค่ะ
หลังพิมพ์ตอบกลับหน้าจอโทรศัพท์ก็ถูกปิดมืดสนิท ร่างเล็กค่อยๆ ยืนขึ้นเหมือนไร้เรี่ยวแรง เอื้อมมือไปจับกระเป๋า ดวงตาคู่สวยมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้งอย่างใจหาย
แม้เป็นแค่ห้องเล็กๆ ราคาถูกแต่คงให้ความสุขได้มากกว่าห้องหรูหราที่เธอกำลังจะย้ายเข้าไปอยู่
เจียร์กลั้นใจแล้วลากกระเป๋าออกจากห้อง เธอเอากุญแจไปคืนให้กับคุณป้าเจ้าของหอพัก ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่จอดรอรับอยู่ด้านหน้าตึก
ร่างเล็กนั่งอยู่ในรถคันหรูที่กำลังแล่นมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย เธอค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ เพื่อหลีกหนีจากความเป็นจริง แม้สีหน้าและท่าทางจะสงบนิ่งสองมือกุมบนตัก แต่ภายในใจกลับอัดแน่นไปด้วยอารมณ์หลากหลายที่เกิดจากความทุกข์
ไม่รู้ว่าใช้เวลาเดินทางนานเท่าไร เสียงเครื่องยนต์ของรถที่ดับลงทำให้เจียร์ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมากลับสู่ความเป็นจริง
“ถึงแล้วครับ” ชายคนขับหันมาบอก
“ค่ะ” เธอตอบเพียงสั้นๆ พลางกำมือแน่นชั่วขณะ ก่อนจะปล่อยวางความคิดทั้งหมดแล้วขยับตัวลงจากรถในที่สุด
ชายคนขับช่วยถือกระเป๋าเดินนำเข้าไปในตัวลิฟต์ตัวใหญ่ โดยมีร่างเล็กเดินตามหลัง ทุกครั้งที่ก้าวเดินนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้าและยิ่งช้าลงจนเหมือนจะหยุดนิ่ง เมื่อหยุดอยู่หน้าประตูห้องที่เคยมาเยือนเมื่ออาทิตย์ก่อน
ภายในใจของเจียร์สั่นไหวเพราะรู้ดีว่าหากเปิดประตูบานนี้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากเดิม บรรยากาศในทุกวันก่อนนอนและตอนตื่นคงอบอวลไปด้วยความทุกข์
“พี่ล่าอยู่ข้างในห้องหรือเปล่าคะ” ระหว่างที่ลังเลเธอหันมาถามกับคนขับรถที่ยืนถือกระเป๋าอยู่ข้างๆ
“ไม่อยู่ครับ เห็นว่าออกไปสนาม”
“ค่ะ” หลังได้ยินคำตอบเจียร์ก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหยิบเอาคีย์การ์ดที่ล่าให้ไว้ขึ้นไปแตะบนเครื่องสแกน
เรียวขาก้าวเข้าไปข้างในห้องพร้อมกระเป๋าเดินทาง เจียร์หยุดนิ่งมองไปรอบๆ ห้องที่กว้างขวาง ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินต่อไปยังห้องนอนที่อยู่ไม่ไกลจากโซนนั่งเล่น
หลังจากเก็บเอาเสื้อผ้าและของใช้ออกมาจัดเรียงไว้เรียบร้อย เจียร์เดินออกไปสูดอากาศที่ด้านนอกระเบียง ดวงตาคู่สวยมองไปยังเบื้องหน้า ตึกสูงเรียงรายสุดลูกหูลูกตา ลมเย็นจากที่สูงปะทะใบหน้าทำให้เธอค่อยๆ หลับตาลง
เจียร์กำลังบังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้และบอกกับตัวเองว่าต้องเข้มแข็งกับความจริงที่ต้องเผชิญ