LOGINเดิมพันรักครั้งที่ 3
3/3
Minnie Pharita Talk
[มินนี่ ตื่นได้แล้ว] ฉันฉันปรือตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงอะไรสักอย่างลอดผ่านหูมา [มินนี่ครับ]
“หือ” ฉันขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นแล้วก็หาต้นเสียง เป็นมือถือฉันเองที่ถูกเปิดค้างเอาไว้ ตอนนี้เช้าแล้วดูจากแสงที่ลอดม่านหน้าต่างมา “เกียร์”
[ตื่นสักที] ทางนั้นส่งเสียงมา ฉันหลับตามือถืออีกแล้ว ค้างสายกับเกียร์เหมือนหลายคืนที่ผ่าน ๆ มา ฉันคุยกับเขาจนหลับคามือถือทุกวันเลยนะ
“ทำไมเกียร์ไม่กดวางล่ะคะ” ฉันถามกลับไปเพราะตื่นมาเห็นว่าสายมันถูกค้างไว้กว่าสิบชั่วโมง
[เกียร์ก็หลับไม่รู้ตัวเหมือนกัน] นั่นเป็นคำตอบของเขา ฉันขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้เวลาเกือบสิบโมงแล้ว วันนี้มีนัดติวหนังสือกับเพื่อนที่คาเฟ่แถวมหาลัยนี่นา [วันนี้เรามีนัดติวหนังสือกันนะ]
“มินนี่เกือบลืมเลย” ฉันอ้าปากหาวหวอด ๆ วันเสาร์อาทิตย์และวันที่ไม่มีเรียนพี่วรรณจะไม่ขึ้นมาปลุกหรอก นอกจากวันที่ฉันสั่งเอาไว้น่ะ และเสาร์อาทิตย์ก็เป็นวันที่คุณแม่อนุญาตให้ฉันตื่นสายได้ ซึ่งปกติแล้วจันทร์ถึงศุกร์จะต้องตื่นทานข้าวเช้าตรงเวลาด้วย
[มินนี่จะออกมากี่โมงเหรอ]
“น่าจะสักเที่ยงครึ่งแหละมั้ง เผื่อเวลาถึงก่อนสักสิบนาที”
[ออกมาสิบเอ็ดโมงครึ่งได้ไหม อยากกินข้าวเที่ยงกับมินนี่ก่อนสองคน] คำขอของเขาทำให้ฉันยิ้มกว้างออกมา บอกเลยว่าถ้าอยู่กับเพื่อนก็คงต้องเก็บอาการหนักมากแน่ ๆ นะ [ได้ไหม หรือว่าจะให้เกียร์เข้าไปรับที่บ้านก็ได้ ยังไม่ได้ทานข้าวกับมินนี่สองคนสักครั้งเลย]
“ก็ได้ แต่เกียร์ไม่ต้องมารับหรอกวนไปวนมา เดี๋ยวมินนี่ให้คนที่บ้านไปส่งที่มหาลัยค่ะ” เพราะฉันคิดว่านะเกียร์ขับมอไซฯมาบ้านฉันซึ่งห่างจากมหาลัยพอสมควรก็คงจะเสียเวลา และฉันกลัวว่าจะอันตรายด้วยก็เลยบอกว่าจะไปเองดีกว่าน่ะนะ
“มินนี่ จะไปไหนคะ” ฉันเดินลงมาหยิบน้ำผลไม้ในครัวจะไปกินบนรถก็เห็นคุณแม่อยู่ที่ครัวพอดี เหมือนว่าท่านจะกำลังคุยอะไรกับแม่บ้านอยู่
“มินนี่มีติวหนังสือกับเพื่อนที่คาเฟ่แถวมหาลัยค่ะ น่าจะกลับสักสี่โมงเย็น”
“วันนี้อย่าลืมนะคะว่าที่บ้านเปรมจะมาทานมื้อเย็นที่บ้านเรา” จังหวะที่ฉันเปิดตู้เย็นก็กรอกตามองบนแทบทะลุหน้าผาก “กลับมาให้ทันก่อนที่บ้านคุณลุงคุณป้ามานะลูก”
“วันนี้มีอะไรพิเศษเหรอคะ” ฉันหันกลับมาแล้วทำหน้าตาปกติที่สุด
“แม่ก็แค่เชิญมาเฉย ๆ ล่ะจ้ะ เดือนนี้ยังไม่ได้เชิญมาเลยนี่” ฉันไม่ชอบเลยที่ที่บ้านฉันทำเหมือนว่าจะต้องเชิญมาจนเป็นทำเนียม ฉันเบื่อนะกับการถูกจับคู่ที่มันน่าอึดอัด “มินนี่ต้องกลับมาให้ทันนะคะ ไม่ตรงเวลาจะเสียมารยาทเอา”
“ค่ะ” ฉันตอบรับแค่นั้นก่อนจะออกมาจากบ้าน
ฉันไม่ชอบเปรมเลยนะแม้ว่าเราจะโตมาด้วยกัน และรู้จักกันตั้งแต่ยังเด็ก แม้ฉันจะเป็นแฝดกับมิกกี้ และมิกกี้ก็เป็นเพื่อนสนิทกับเปรม แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะสนิทสนมกับเปรมเลย
หลัง ๆ มาเปรมชอบทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของฉัน ทักมาหาทุกวันและหึงหวงราวกับว่าเราเป็นแฟนกัน แม้ว่าที่บ้านจะอยากให้หมั้นหมายกันแต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าเปรมคือแฟนฉัน เขาชอบจับมือ ถึงเนื้อถึงตัวซึ่งเวลาเปรมทำแบบนั้นฉันค่อนข้างจะอึดอัด
อย่างหลายอาทิตย์ก่อนที่ฉันไปทำธุระให้คุณแม่แล้วเปรมไปด้วย เขาบังคับให้ฉันไปดูหนังกับเขาแล้วตอนดูหนังอยู่ก็จับมือฉัน วางมือบนต้นขาจนฉันอึดอัดแล้วบอกว่ามาเข้าห้องน้ำ แต่ก็แอบหนีมาจนมาเจอเกียร์นั่นล่ะ แล้วเกียร์ก็ช่วยพาฉันออกจากห้างนั่น
เวลาฉันอยู่กับเกียร์ ถึงแม้เขาจะมีการถึงเนื้อถึงตัวบ้างแต่มันไม่ใช่แบบเปรมเลย และฉันก็ไม่ได้อึดอัดที่อยู่กับเขา ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเวลาที่เขาสบตาตอนคุยอย่างไม่หลบสายตาเลย กับเกียร์ความรู้สึกไม่เหมือนเปรมนะ แม้เขาจะหล่ออันตรายแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับเปรมสักนิด
พอมาถึงมหาลัยคนขับรถก็ส่งฉันที่คณะ ซึ่งเกียร์ก็มารออยู่แล้ว เราสองคนออกมากินข้าวที่ร้านแถว ๆ มอ เป็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ที่ฉันเคยมาสองสามครั้ง ฉันนั่งมอไซฯกับเกียร์อีกเหมือนเคย ซึ่งนี่ก็น่าจะเป็นครั้งที่สองมั้ง แต่ว่าตอนนี้ก็ชินแล้วและมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดด้วย
“ติวเสร็จแล้วไปเดินเล่นที่ห้างกันต่อไหม” ระหว่างทานอาหารเกียร์เอ่ยปากชวน “ทุกคนน่าจะติวเสร็จกันสักบ่ายสามไหม เห็นขิงกับพิงกี้บอกว่าจะกลับบ้าน”
“ก็น่าจะได้แหละ แต่มินนี่ต้องกลับบ้านก่อนหนึ่งทุ่มนะ”
“ทำไมเหรอ” ระหว่างที่เกียร์ม้วนเส้นพาสต้าเข้าปากก็ถามมา
“ที่บ้านเปรมจะมาทานข้าวบ้านมินนี่น่ะ ไม่อยากกลับเลย” ฉันยู่ปากอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็นะไม่ชอบจริง ๆ นั่นล่ะ เกียร์ก็น่าจะรู้แล้วด้วยว่าเปรมกับฉันมีความสัมพันธ์กันแบบไหน ฉันเล่าให้เขาฟังในวันที่เขาช่วยพาฉันหนีเปรมมาน่ะ
“ถ้าไม่อยากกลับ มินนี่ก็ไม่ต้องกลับสิ อ้างโน้นอ้างนี่ไปก็ได้”
“ไม่ได้หรอก มินนี่ไม่โกหก” ฉันก็คิดแบบนั้นจริง ๆ ไม่ได้โลกสวยอะไรนะ แต่แค่ไม่ชอบโกหกน่ะ
“ก็เป็นแบบนี้ ไม่ปฏิเสธแล้วที่บ้านมินนี่จะรู้ไหมครับว่ามินนี่ไม่โอเค” ก็จริงของเขาเนอะ เพราะฉันไม่พูดเอาแต่ยอมทำตามที่พ่อกับแม่สั่งทุกอย่างก็เลยไม่มีใครสนความรู้สึกของฉันสักนิด “มินนี่ต้องรู้จักปฏิเสธในสิ่งที่ไม่อยากทำนะรู้ไหม ถ้ามินนี่ยอมตลอดแบบนี้ก็จะต้องยอมตลอดไป”
ฉันไม่ได้ตอบรับ หรือปฏิเสธเขา แต่เอาตรง ๆ มันก็ทำยากแหละ พ่อแม่ฉันเลี้ยงมาให้อยู่ในโอวาทตลอด ฉันรู้สึกกังวลและกลัวทุกครั้งที่มีความคิดจะปฏิเสธท่านน่ะ คงเพราะท่านตามใจและพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ จนบางครั้งก็ไม่มีโอกาสเลือกเอง ฉันหัวอ่อนมั้ง
พอทานข้าวเสร็จเราสองคนก็มาที่คาเฟ่ที่นัดกันไว้ ร้านนี้เป็นรานกาแฟที่ปิดดึกมาก ตัวร้านมีขนาดใหญ่และสูงสองชั้น ด้านล่างจะเป็นโต๊ะให้นั่งหลายโต๊ะมาก แต่ว่าชั้นสองจะมีห้องให้ติวแต่ต้องจองล่วงหน้าไว้และจ่ายรายชั่วโมงด้วย
อันที่จริงที่หอสมุดก็มีนะ แต่หอสมุดเอาน้ำเอาขนมเข้าไปไม่ได้ก็เลยมาที่นี่กัน
ที่มาด้วยก็มรกลุ่มฉันทั้งหมด ต้าร์กับเพื่อนเขาที่ไปดื่มด้วยกันวันนั้น กับเกียร์ด้วยที่นี่ก็เลยมีเจ็ดคน การติวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย เราก็ช่วยกันติว ใครไม่เข้าใจตรงไหนก็ช่วยอธิบายน่ะ ซึ่งก็จริงจังบ้างพักบ้าง เล่นบ้างอะไรทำนองนั้น ฉันว่ามันก็สนุกไปอีกแบบ
ปกติแล้วฉันจะทบทวนเอาไว้เป็นสไลด์ของแต่ละบทที่อาจารย์ส่งมา สรุปเป็นมายแมพสี ๆ เพราะสีที่หลากหลายจะช่วยให้เราจำได้ดีขึ้นน่ะ แล้วก็สะดวกต่อการทบทวนด้วย
“ได้มาติวกับทุกคนคือเข้าใจขึ้นเยอะเลยนะ ขอบคุณสำหรับสรุปด้วยนะมินนี่” ต้าร์ขอบคุณฉัน แต่ว่าก็ส่งให้ทุกคนเลย ฉันไม่ได้หวงวิชานะ อยากให้ทุกคนมีคะแนนดี ๆ กันหมด
“ช่าย ยัยคุณหนูแบกมาจะสามปีแล้วเนี้ย” ขิงก็พูดแล้วเอนหน้าไปซบไหล่แฟน “จะว่าไปก็เร็วเหมือนกันเนอะ อยู่ดี ๆ ก็จะจบปีสามแล้ว”
“จบเถอะ ขี้เกียจแล้วเนี้ย ปอนด์” เพื่อนต้าร์พูดบ้าง
“งั้นเรากลับกันเลยไหม” ฉันถามเพื่อนซึ่งเหลือบดูเวลาก็พบว่าบ่ายสองห้าสิบแล้ว “พิงกี้กับขิงจะกลับบ้านด้วยไม่ใช่เหรอ จะได้ไม่เสียเวลา”
“งั้นก็กลับกันเลยก็ได้ ป่ะ” ทุกคนลุกขึ้นเก็บของกัน เพราะวันจันทร์คลาสเช้ายกไป เพื่อนสาวสองคนก็เลยจะกลับบ้านไปพักผ่อนสักวันสองวันแล้วค่อยกลับมา
ระหว่างที่เราออกจากห้องติวที่เราจองไว้ห้องตรงข้ามก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยปนเซ็กซี่คนหนึ่ง
“อ้าวเกียร์” เธอทักเกียร์แล้วก้เดินมากอดแขนเขา “ไม่ได้เจอกันนานเลยน๊า คิดถึงจัง”
“ลงไปข้างล่างกันเถอะ” ฉันเสนอก่อนจะกอดแขนน้ำหวานแล้วเดินไป ภาพนั้นที่เธอกอดแขนเกียร์มันทำให้ฉันรู้สึกงุ่นง่านในใจยังไงไม่รู้ “น้ำหวานจะกลับเลยไหม แวะส่งมินนี่ที่ห้างหน่อยได้ป่าว มินนี่จะไปเดินซื้อของแล้วก็รอคนขับรถที่นั่นด้วย”
“ได้สิ แต่มินนี่ไม่ได้จะไปกับเกียร์หรอกเหรอ” ฉันสั่นหัว รู้สึกไม่อยากไปกับเกียร์แล้วล่ะ
“แต่เรานัดกันไว้แล้วนะ” ฉันไม่รู้ว่าเกียร์หลุดออกจากผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่ตอนไหน และไม่รู้ว่าตอนนั้นไหนที่เขาแหวกเพื่อนมาอยู่ด้านข้างฉันเพราะว่าฉันอยู่หน้าสุดกับหวานแล้วเพื่อนอีกสี่คนก็อยู่ด้านหลังนี่นา เราจะไปเดินเล่นกันก่อนกลับไม่ใช่เหรอมินนี่
“งั้นมินนี่ไปกับเกียร์เถอะ หวานจะได้ไม่วนไปทางนั้น” น้ำหวานยุยง และเพื่อนเหมือนจะดูออก...
“แต่ว่า....” ฉันขยับปาก
“ไปด้วยกันสิ ไม่เบี้ยวนัดนะครับ” ฉันไม่ได้ตอบอะไรจนเดินมาถึงด้านล่าง ขิงและพิงกี้แล้วก็ต้าร์กับเพื่อนไปด้วยกันด้วยรถขิง น้ำหวานกำลังจะไปขึ้นรถของเธอแต่ฉันยังไม่ได้ปล่อยแขนเพื่อน
“น่า...คุณหนูไปกับเกียร์นะ เกียร์หูลู่หางตกแล้ว น่าสงสารออก”
“ก็ได้ งั้นหวานขับรถดี ๆ นะ” ฉันกับเพื่อนโบกมือลากัน เหลือบมองท้างฟ้าเหมือนว่าฝนจะตกอยู่รอมร่อเลย ฟ้าครึ้มจนน่ากลัว ฉันหันกลับมามองเกียร์แล้วก็ “ไปสิคะ เดี๋ยวฝนตกหรอก”
“เมื่อกี้แค่คนเคยคุยกัน แต่เกียร์เลิกคุยกับเขานานแล้ว” เขาอธิบายทั้งที่ฉันยังมาได้เอ่ยปากถาม
“อื้อ” ฉันครางรับเบา ๆ
“อื้อแล้วก็ห้ามหน้างอสิครับ มาเร็วไปกัน” ว่าจบเกียร์ก็จูงมือฉันไปที่รถ
เดิมพันรักครั้งที่ 183/3“มินนี่ไม่สะดวกที่จะมาครับ ผมอยากคุยกับทุกคนที่นี่ก่อนเลยไม่ได้พาเธอมา” ผมบอกไปก่อนจะหันมองหน้าคนสี่คนที่อยู่ที่นี่ เรียงตั้งแต่ไอ้มิกกี้จนมาถึงแม่มินนี่ด้วย ผมมองท่านค้างเอาไว้อย่างเป็นกังวล เพราะพี่เรย์บอกว่าท่านป่วย “คุณแม่สะดวกที่จะฟังด้วยกันหรือเปล่าครับ”“ทำไมฉันจะไม่สะดวกล่ะ” ท่านเชิดหน้าขึ้นหน่อย ๆ ผมว่าท่านก็ดูคล้ายมินนี่อยู่ในบางมุม“เพราะเรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้ กับสิ่งที่จะเอาให้ดูมันจะทำร้ายจิตใจคุณแม่ไงล่ะครับ” ผมหยิบมือถือของท่านมาวางเอาไว้บนโต๊ะ “นี่มือถือของคุณแม่ใช่หรือเปล่า”“ชะ ใช่ ใช่จริงด้วย นายไปเอามันมาจากไหน” ท่านรับไปก่อนจะหยิบไปดู และดูแปลกใจมากที่มือถือเครื่องนี้มันมาอยู่กับผม “ไปอยู่กับนายได้ยังไง”“แก้วตาขโมยมันไป” ผมพูดเสียงไม่ดังมากนัก ผมไม่มั่นใจหรอกว่าแก้วตาขโมยไปจริงไหม แต่ว่าถ้าเอาไปใช้หลอกมินนี่ไปหาก็แปลว่าขโมยล่ะ เพราะแม่มินนี่ไม่มีทางที่จะให้มือถือนี้ไปเด็ดขาด “มั่นใจนะครับว่าจะฟัง แล้วก็ดูสิ่งพวกนี้ มันเกี่ยวกับมินนี่แล้วมันก็อาจจะทำให้คุณแม่ตกใจ”“มึงอย่าเล่นลิ้นได้ปะวะ” ไอ้มิกกี้ดูใจร้อนมากจนพ่อมันยกมือขึ้นปราม“พูดมา
เดิมพันรักครั้งที่ 182/3“ทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ นี่บ้านแม่ของมินนี่นะแก้ว” ผมบอกแล้วก็พยายามจะดึงดันเข้าไป“กรี๊ด ช่วยด้วย” ผมได้ยินเสียงของมินนี่อีกครั้ง ผมกำลังจะเปิดประตูบ้านแต่แก้วตามาผลักผมออก“บอกว่าห้ามเข้าไปไง!” แก้วตาผลักผมแรงมากจนผมเซถลา แต่ตอนนั้นใจผมห่วงมินนี่มาก“กูจะเข้าไป” ผมดึงปืนออกมาจากซองหนัง แต่ไม่ทันที่ยกขึ้นขู่ด้วยซ้ำ แก้วตาก็ตาโตและแสดงความหวาดกลัวออกมาทันที “จะให้กูเข้าไหม”“มะ มันไม่มีอะไรหรอกเกียร์” เธอตัวสั่น ส่วนผมก็ยกปืนขึ้นขู่ จังหวะนั้นผมไม่สนหน้าอินหน้าพรหมที่ไหนแล้ว ผมห่วงแค่ว่าแฟนผมจะเป็นอะไรหรือเปล่า“ถ้าห้ามกู กูยิง” ผมจ่อปืนกทำให้แก้วตาหลีกทางไป ผมรีบเดินจ้ำ ๆ เข้าไปข้างหนึ่งซึ่งหาต้นตอของเสียร้องที่ออกมา เห็นได้ชัดว่าอยู่ทางด้านบน ผมรีบสับเท้าขึ้นไปแบบที่ไม่สนแก้วตาแล้วด้วยซ้ำ“เปรม อย่า ปล่อยมินนี่ไปเถอะ ใครก็ได้ช่วยด้วย” ไอ้เหี้ยเปรมเองสินะ ผมรีบสับเท้าขึ้นไป ห้องนั้นถูกเปิดอ้าเอาไว้แล้วทำให้ผมเข้าไปได้ไม่ยากนัก “คุณพ่อคุณแม่ เกียร์ พี่เรย์ มิกกี้ ใครก็ได้ช่วยด้วย กรี๊ด”“เพลี๊ยะ” ผมได้ยินเสียงเหมือนใครถูกตบ มันทำให้สติผมขาดผึง“อย่ามากเรื่องน่ามิน
เดิมพันรักครั้งที่ 18Gear Sathiravich Talk“แก้วตาไม่มาเรียนเหรอวันนี้” ผมได้ยินเหมยกับมิวคุยกัน แต่ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรด้วย “ช่วงนี้นางขาดเรียนบ่อยเนอะ คลาสที่แล้วแพรวบอกว่าพรีฯ ความคืบหน้าวิจัยนางก็ไม่มา”“สงสารแพรวเลยอะ วิจัยคู่แต่เหมือนทำคนเดียว” มิวตอบไปผมไม่ค่อยรู้เรื่องแก้วตาหรอก ตั้งแต่ผมทะเลาะกับเธอที่ผับเธอก็ไปลงเรียนอีกกลุ่มเลยไม่ค่อยได้เจอกัน จะได้เจอแค่วิชาเดียวเท่านั้นในเทอมที่แล้ว ส่วนเทอมนี้ก็ไม่ได้เรียนด้วยกันเลยสักตัว อีกอย่างเหมยกับมิวก็ไม่ค่อยสนิทกับแก้วตาแล้วด้วยผมได้ยินสาว ๆ คุยกันแหละว่าได้ยินคนพูดว่าแก้วตาไปเป็นเมียน้อยของใครสักคน ซึ่งเหมยไปฟังมาจากคนอื่นอีกทีหนึ่ง แต่ผมก็ไม่สนใจนะ จะไปทำอะไรก็ทำไปแต่อย่ามายุ่งกับผมก็พอ“ล่าสุดนางไปเที่ยวมาเลฯ กับใครอะ ไปกับเสี่ยที่นางเป็นเมียน้อยอยู่หรือเปล่า คิก ๆ” เหมยหัวเราะออกมาตอนพูดจบ “ตอนแรกก็ว่าจะไม่เชื่อหรอกถ้าไม่เห็นกับตา”“แล้ววันก่อนโน้นนี่เห็นนางไปกับหนุ่มหัวเกรียนที่ไหนไม่รู้ แต่หล่อนะ วัยรุ่นด้วย” ผมไม่ได้ใส่ใจสองสามเท่าไหร่นัก แต่ที่ได้ยินก็เพราะเธอทั้งสองคนนั่งอยู่โต๊ะด้านหลังผมน่ะสิ แล้วผมก็นั่งฟุบห
เดิมพันรักครั้งที่ 173/3“เออมินนี่ เปรมมันคบกับแก้วตาอยู่เหรอ” ไอถามฉัน ไอรู้จักเปรมอยู่แล้ว ส่วนแก้วตาเขาก็รู้จักฉันเพราะอย่างที่บอกว่าเราเป็นเพื่อนที่สนิทกันก่อนจะมาเป็นแฟน ดังนั้นไอก็เป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนที่รู้เรื่องแก้วตา ซึ่งคนที่รู้ก็จะมีเจต ไอ ลิตา แล้วก็จีจี้ ซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันตอนมัธยมสี่คนนี้เป็นเพื่อนกลุ่มฉันและไม่มีทางที่จะหลุดปากพูดเรื่องแก้วตาอยู่แล้ว“ทำไมถึงถามแบบนั้นเหรอ” ฉันถามกลับคืนเพราะสองคนนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีทางโคจรมาคบกันได้หรอก ถึงแก้วตาจะชอบเปรมมานานแล้วแต่ไม่ได้หมายความว่าเปรมจะชอบเธอ เปรมเจ้ายศเจ้าอย่าง และเขารู้อยู่แล้วว่าแก้วตาเป็นลูกเมียน้อยพ่อฉัน“ก็วันก่อนที่ผับ เราเห็นว่าสองคนนั้นไปด้วยกันแล้วก็นัวพอสมควร”“มิกกี้ไปไหม” ไอสั่นหัวเบา ๆ แทนการตอบว่าไม่ไปกลับมา “มินนี่ก็ไม่รู้สิ ตั้งแต่ออกจากบ้านมาก็ไม่ได้คุยกับเปรมเลย มินนี่บล็อกเปมไปแล้วด้วย”“ถ้าคบกันนี่ว้าวเลยนะ คนอย่างไอ้เปรมอะ”“ว้าวมากเลยล่ะ ตั้งแต่เด็กเปรมแทบไม่เคยมองเห็นแก้วตาด้วยซ้ำต่อให้แก้วตาจะยืนตรงหน้าก็เถอะ” มันไม่ใช่คำพูดที่สะใจอะไรหรอก แต่ฉันอิงจากที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนโต
เดิมพันรักครั้งที่ 172/3“น้องมินนี่” ฉันยิ้มให้พี่จ๋า เพื่อนของพี่เรย์ เธอวนรถมาจอดด้านหน้าพอดี วันนี้ฉันจะไปมหาลัยกับเธอเพราะว่าเธอจะทำธุระแถวนั้นพี่เรย์เลยฝากพี่จ๋าไปส่งฉัน “ยังจะไปกับพี่อยู่ไหมจ๊ะ แฟนมารับแล้วนี่”“ไปค่ะ” ฉันตอบพี่จ๋าไปอย่างไม่สนใจเกียร์ พี่จ๋าฟอลไอจีฉัน ย่อมรู้อยู่แล้วว่าแฟนฉันเป็นใคร“ไม่ไปกับแฟนแล้วเหรอ”“ไม่ค่ะ ไปกับพี่จ๋าดีกว่า” ฉันเดินวนไปขึ้นรถพี่จ๋าแล้วทำเหมือนเกียร์ไม่มีตัวตน และเกียร์ก็ดูไม่ดันทุลังเท่าไหร่ เขาคงรู้งว่าควรจะปฏิบัติตัวยังไงในเวลานี้พี่จ๋าเป็นเพื่อนตอนเรียนป.ตรีใบที่สองของพี่เรมี่ แต่เธอเด็กกว่าพี่เรย์ประมาณสี่ปีนะ แก่กว่าฉันสองปี ตอนพี่ชายฉันกลับมาเมืองไทยแล้วก็เลยหาอะไรทำด้วยการเรียนปริญญาตรีอีกใบเพื่อประชดพ่อน่ะ เพราะถึงแม้ตอนนั้นมิกกี้จะเข้าเตรียมทหารไปแล้วแต่พ่อก็หวังให้พี่เรย์เรียนตำรวจอยู่ดีพี่ชายฉันจบปริญญาโทไปแล้วแต่ก็ยังมาเรียนปริญญาตรีอีกใบที่เป็นบริหาร ทำให้เพื่อนที่เรียนที่ไทยของเขาจะเด็กกว่าอย่างพี่เตอร์ พี่ไปร์ท พี่ชมพู พี่พลอย พี่จูน แต่ทุกคนแก่กว่าฉันนิดหน่อยเอง ปีนี้พี่จ๋าก็อายุยี่สิบสี่ ส่วนพี่เรย์ก็อายุยี่สิแปดแล้ว ฉ
เดิมพันรักครั้งที่ 171/3“เธอปล่อยมินนี่ไว้บ้านคนเดียว แทบไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันเลยมินนี่พยายามคิดว่าเธอทำงานแต่สุดท้ายเธอก็มาทำแบบนี้” ฉันเกือบจะมีน้ำตาออกมาแล้ว “ถ้าเธอไม่ทำตัวแบบนั้นมินนี่ก็คงไม่เช็กเธอหรอกเกียร์ รู้ไหมว่าการอยู่แบบระแวงมันอึดอัดนะ”“มินนี่เคยเชื่อใจเกียร์กว่านี้ เคยเข้าใจเกียร์กว่านี้ แต่ถ้าเธอจะอึดอัดขนาดนั้นจะไปจากที่นี่ก็ได้นะมินนี่” เขาไล่ฉันเหรอ เขาไล่ฉันใช่ไหม......ฉันไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจที่อยู่กับเขานะ แต่อึดอัดใจที่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มากกว่า ซึ่งฉันอยากให้เกียร์บอก หรือคุยกับฉันให้เข้าใจ ไม่ใช่แก้ปัญหาโดยการให้ฉันไปที่อื่นฉันมองตามแผ่นหลังเกียร์ที่เดินผ่านไปหลังจากพูดจบ เขาดูหงุดหงิดและงุ่นง่านใจ ส่วนฉันก็รู้สึกหน่วงแบบบอกไม่ถูก อาจจะเพราะฉันไม่คิดมั้งว่าเกียร์จะพูดกับฉันอย่างนี้เขาหายไปในห้องน้ำเข้าใจว่าอาจจะไปอาบน้ำก็ได้ ส่วนฉันก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดมาสองสามชุดและชุดนักศึกษาเพื่อจะต้องใส่เรียนพรุ่งนี้ด้วยจะหาว่าฉันเล่นใหญ่ก็ได้นะ แต่เข้าใจความรู้สึกของการใช้อำนาจในการเป็นเจ้าของพื้นที่ไหม เกียร์ไล่ฉันแบบนี้ได้ กล้าพูดแบบนี้ได้เพราะเขาเป





![NightZ [IV] UNFAITHFUL](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

