“คุณจงใจหลบหน้าผมงั้นเหรอ” “คุณคิดมากไปแล้ว” “จูบนั่นไม่มีความหมายเหรอ” “ไม่มี!!” “หลิน!!” สวัสดีนักอ่านทุกคนนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของดีไซเนอร์สาว ดูแลเรื่องเสื้อผ้าให้ศิลปินนักร้องในบริษัทค่ายเพลงดังค่ะ เรื่องราวเกิดขึ้นจากบริษัทเรียกรวมศิลปินที่เคยโด่งดังในอดีในยุค 90 มาแสดงคอนเสิร์ต "นิลินทร์" หรือ "หลิน" นางเอกของเรื่องก็เคยหวังว่าจะมีสักครั้งที่เธอได้มีโอกาสพบศิลปินที่เป็นสามีทิพย์คนแรกสมัยวัยรุ่น "วายุ" สุดท้ายฟ้าก็มอบโชคให้เธอ ...... แต่ว่า เรื่องราวหลังจากนั้นล่ะ ตามไปช่วยลุ้นพ่อซุปตาร์ กับ ดีไซเนอร์สาวกันนะคะว่าเรื่องราวของทั้งคู่จะเป็นเช่นไร พวกเขาจะรักกันได้ยังไงบ้าง ไปร่วมฟิน ย้อนอดีตสู่ช่วงวัย 90 ด้วยกันค่ะ ......
View MoreGST สตูดิโอ
"คอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นการรวมตัวที่ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ แผนกเสื้อผ้าของเราก็ต้องทำงานหนักอีกเช่นเคย เอาล่ะ แผนผังคร่าวๆก็ได้รับกันไปหมดแล้วนะ เริ่มประชุมได้"
"นี่หลิน ครั้งนี้งานยักษ์เลยนะแก ดูรายชื่อศิลปินแต่ละคน ตัวพ่อทั้งนั้น"
นิรมลหรือจีนแผนกดูแลเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายกระซิบบ่นกับเพื่อนสาวคนสนิทของเธออย่างรู้สึกขนลุกเมื่อพลิกไปดูรายชื่อศิลปินที่จะขึ้นแสดงในงานนี้
"มืออาชีพเสียอย่าง แค่ทำตามหน้าที่ก็พอ อ๊ะ พี่วายุ!!"
เสียงของนิลินทร์ ดีไซเนอร์สาวมือหนึ่งของบริษัทอุทานขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว สร้างความตกใจให้คนทั้งทีมที่กำลังประชุมกันอยู่ ทัพเทพ หัวหน้าและผู้ดูแลโปรเจคครั้งนี้ก็ตกใจจนต้องหันมาถามเธอเช่นกัน
"หลิน...มีอะไรจะเพิ่มงั้นเหรอ พี่ยังไม่ได้คุยถึงเรื่องเสื้อผ้าเลย ยังอยู่ที่ฉากบนเวทีและการเล่นไปแอลอีดีอยู่เลย"
"เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะพี่ทัพ ต่อได้เลยค่ะขอโทษที"
"แก..เป็นอะไรตะโกนซะดังเลย ดูทีม B จ้องเราตาเขม็งแล้ว"
จีนหมายถึงพรพิมล หรือแนน หัวหน้าฝ่ายออกแบบให้ทีม B ซึ่งดูแลเรื่องฉากและการแต่งหน้า พวกเขาจะเรียกทีมของนิลินทร์ซึ่งดูแลเรื่องเสื้อผ้า เครื่องประดับ และ รองเท้าคือทีม A
"แกดูนี่สิ พี่วายุ คนนี้นี่...สามีทิพย์คนแรกของฉันตั้งแต่สมัยมัธยมคอซองเลยนะจะบอกให้"
"เหอะ เหอะๆ จ้าแม่คนเก่ง แกรอวันที่ได้พบตัวจริงของเขาก่อนก็แล้วกัน"
"ทำไม แกเคยเจอเขาเหรอ"
"ฉันทำงานที่นี่มาก่อนแก แต่ก็ไม่เคยพบเขาหรอก แต่ว่าชื่อเสียงความเรื่องมากของเขา ขึ้นชื่อมากกว่าคนดังอีก ครั้งนี้ไม่รู้คิดยังไงถึงได้กลับมาขึ้นเวทีได้ รู้ป่ะว่าแม้แต่คุณพิภพยังแอบเซอร์ไพรส์เลย ไม่คิดว่าเขาจะมา"
"เอาละทีม A มีขอเสนอแนะอะไรบ้าง"
"อืม เริ่มแรกวันเปิดตัวเลยคงเป็นแบบนี้ค่ะ วางเอาไว้คร่าวๆเพราะทุกคนคือศิลปินในยุคช่วงเวลาเก้าศูนย์ แต่การจะผสมผสานชุดเสื้อผ้าให้เราคิดไปถึงช่วงเวลานั้นอาจจะไม่ง่ายนัก แต่เราก็ยังไม่ทิ้งกลิ่นอายของความเป็นเก้าศูนย์เอาไว้ จะทำให้เหมือนกับว่าทุกคนได้ย้อนเวลาไปในวันวาน วันที่เคยยืนรอเพื่อเบียดเข้ามาดูศิลปินที่ชื่นชอบ"
"อืม เข้าท่าดี ทีม B ว่ายังไง"
"ศิลปินเองก็เกิดในยุคนั้น แต่จะให้ย้อนกลับไปแต่งหน้าทำผมย้อนไปยุคนั้นคิดว่าคงจะล้าหลังและไม่น่าสนใจเท่าไหร่นะคะ แต่ก็ถือว่าเป็นการผสมผสานได้ดี เอาแบบนี้เถอะค่ะ ทีม A ออกแบบเสื้อผ้ามาก่อนแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องการแต่งหน้ากัน"
นิลินทร์ยกนิ้วให้พรพิมลว่าเยี่ยมมาก อีกฝ่ายก็กะพริบตากลับมาให้ แม้ว่าทั้งคู่จะดูเหมือนไม่ค่อยถูกกัน เวลาทำงานมักขัดแย้งกันในที่ประชุมอยู่เสมอ แต่จริงๆแล้วพวกเธอจะทะเลาะกันรุนแรงแค่เรื่องงานและเมื่อทะเลาะกันจบก็จะไม่พูดถึงเรื่องเดิมๆอีก
"โอเค ตกลงตามนี้ ฝ่ายเวที แสง สี เสียง สถานที่ไม่มีปัญหา เรื่องนี้จะมาประชุมกันอีกทีอีกสองสัปดาห์ อ้อ หลิน อีกสามวันศิลปินจะทยอยมาวัดตัวตัดชุด แต่ว่า...."
"คะ พี่ทัพ มีปัญหาอะไรคะ"
"เรื่องนี้เอาไว้คุยกันหลังประชุมก็แล้วกัน เอาล่ะ เรื่องต่อไป...."
การประชุมดำเนินต่อไปอีกราวๆเกือบหนึ่งชั่วโมง เมื่อประชุมที่แสนยาวนานจบลง ทัพเทพก็ยอมปล่อยทีมงานออกมา แต่ละคนใบหน้าอ่อนล้าเพราะงานที่ได้รับมอบหมายมานั้นช่างหนักหนาเอาการ
"พี่ทัพ มีอะไรเพิ่มเติมงั้นเหรอคะ"
"คือว่าหลิน ทางทีมงานลงความเห็นว่าเรื่องการเตรียมชุดเสื้อผ้าเป็นเรื่องที่จุกจิกและยุ่งยากมากที่สุด ดังนั้นเลยคิดว่า ตลอดระยะเวลาสี่เดือนที่เตรียมงานคอนเสิร์ตนี้ ให้ทีม A ทั้งหมดย้ายมาพักที่ตึกของบริษัทนี่พร้อมกับศิลปินน่ะ"
"ย้ายมาน่ะไม่มีปัญหาหรอกค่ะ แต่ดูเหมือนพี่จะดูหนักใจนะคะ"
"คือว่า ศิลปินแต่ละคน หลินก็รู้นะ ความเรื่องมากแต่ละคนไม่เหมือนกันครั้งนี้คุณพิภพอยากให้ศิลปินทุกคนใส่ชุดที่เราออกแบบให้เหมือนกันจะได้เป็นธีมเดียวกันทั้งหมด แต่ว่า มีปัญหาอยู่สองสามคนที่...."
"พอเข้าใจได้ค่ะ หลินจะลองคุยกับพวกเขาดูก่อนจะดีไซน์ชุด มีใครบ้างคะ"
"โอวี่ดูจะคุยง่ายที่สุด แต่ช่วงนี้เขารับงานละคร ดังนั้นเรื่องยุ่งยากคือเขาไม่ค่อยอยู่กับที่"
"จดเอาไว้ที เดี๋ยวเราค่อยไปแบ่งงานกัน"
"ค่ะพี่หลิน"
"อีกคนก็โอปอ คนนี้ก็อยู่ไม่ติดที่มีอีเว้นท์รับงานพิธีกรเกือบทุกวัน แต่ยังดีที่ยังวนเวียนแถวกรุงเทพ"
"ได้ค่ะ ไก่จดเอาไว้นะ"
"ที่มีปัญหามากๆมีอยู่สองคน ซึ่งคงต้องรอเขาย้ายมาอยู่ที่พักก่อนถึงจะจัดการได้ โอปอกับวายุ"
"โอวี่ฉันจัดการเองแก ไม่ยาก แกก็รับพี่วายุไปก็แล้วกัน"
"จีน แกรู้จักพี่โอวี่เหรอ"
"ไม่ได้รู้จัก แต่ก็เหมือนแกไง"
"หืม อะไรที่เหมือนฉัน"
"ก็สามีทิพย์คนแรกยังไงล่ะ"
จีนกระซิบเพื่อนสาวคนสนิทเพื่อให้ได้ยินกันสองคน
"พี่ทัพคะ แล้วพี่วายุนี่ ...เขาเรื่องมากขนาดไหนคะ"
"เต็มสิบไม่หักเลยล่ะ กว่าเขาจะรับขึ้นคอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่ง่ายเลยนะจะบอกให้ ทีมงานไปเชิญตั้งสองรอบ สุดท้ายต้องใช้โอวี่กับโอปอ สองพี่ใหญ่ไปชวนถึงได้ยอมมา"
"ก็พวกเขาเคยออกอัลบั้มด้วยกันเมื่อ...สิบ สิบห้าปีที่แล้ว..."
"พอเหอะ ยิ่งนับย้อนก็ยิ่งรู้สึกแก่ว่ะ เอาเป็นว่า..เรื่องเสื้อผ้าพี่แจ้งพวกศิลปินไปบ้างแล้ว ที่เหลือก็แค่โทรไปนัดและคุยคอนเซ็ปคร่าวๆก่อนแล้วเอามาทำการบ้านแล้วค่อยมาออกแบบกันอีกที"
"ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา"
"อย่าพึ่งมั่นใจไป พี่ว่าเรื่องยุ่งยากพึ่งจะเริ่มต่างหาก"
""ยังมีอะไรอีกคะ""
"พวกเธอลืมศิลปินหญิงที่มากเรื่องอีกสองคนในทีมน่ะสิ คนอื่นไม่น่าห่วงเพราะเขาโตพอ วุฒิภาวะมากพอคุยงานแต่ว่า.."
"ยัยจินนี่ กับอลิซ"
วันซ้อม"เอาล่ะ พร้อมนะ สาม สอง หนึ่ง…..หลินนั่งมองวายุที่ทั้งร้องทั้งเต้นในชุดที่เธอออกแบบเพื่อเขา วายุที่อยู่บนเวทีในตอนนี้ แม้จะสวมชุดที่เธอออกแบบเอง แม้ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในทีมงาน แต่ดูเหมือนว่าเขากับเธอจะห่างกันออกไปเรื่อยๆ แม้ว่าเหตุผลที่ต้องเลิกกันนั้นมันช่างไร้สาระ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ มันเป็นเวลาที่ต้องตื่นจากฝันแล้ว“เอาล่ะ จินนี่สแตนบายนะครับ”“ได้ค่ะ”จินนี่คือนักร้องหญิงคนสุดท้ายที่เข้ามาในทีม เธอพึ่งกลับมาจากเมืองนอก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยเห็นหน้าเธอมานาน แต่เธอก็รับปากจะมาร่วมในคอนเสิร์ตนี้ด้วย ตอนนี้พวกเขาร้องเพลงคู่กันบนเวที “ดูสิ น่ารักเนอะ อย่าบอกว่าพวกเขา…”“จุ๊ๆ พี่หลินยังอยู่นะ”“พี่หลินคือใคร”“กิ๊กเก่าพี่วายุ คบกันได้…สามวันมั้งแล้วก็โดนทิ้ง”“ว๊ายยย แรงอ่ะ”“จุ๊ๆ เงียบ ดูไปๆ”“มีปากให้มันได้งานเหมือนตอนเผือกเรื่องชาวบ้านหน่อยนะ งานที่สั่งน่ะแก้หรือยัง ดูองศาไฟนั่นสิ เห็นหรือเปล่าว่ามันผิด”“ค่ะๆ แก้เดี๋ยวนี้เลยค่ะเจ้แนน”“ให้ไวเลย ใช้ปากทำงานเดี๋ยวแม่ก็ตบเรียงตัวซะนี่”แนนยืนกอดอกดุเด็กปากมากที่หน้าเวที พวกเธอเลยพากันกระจายตัวไปทำงาน “ทำไม เจ็บใจเหรอ”“หึ
“ขอบใจนะโอปอ”“อืม ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปช่วยพี่ต้อมดูหน่อย วายุ…”โอปอพยักหน้าบอกให้วายุตามเขามาก่อน แม้วายุจะไม่อยากให้หลินอยู่คนเดียวแต่เขาก็ตามโอปอไป“รออยู่นี่นะเดี๋ยวผมมา”หลินไม่ตอบ เธอเพียงพยักหน้าช้าๆ วายุเดินตามโอปอไปนอกห้อง“เรื่องนี้ไม่เล็กแน่ เมื่อกี้โทรเช็คที่ฝ่ายกล้องแล้ว เป็นตามที่นายคาด กล้องเสียในจังหวะนั้นพอดี ไม่มีภาพเหลืออยู่เลย”“พวกมันต้องการเล่นงานหลิน”“นึกไม่ถึงว่าจะกัดไม่ปล่อยแบบนี้”“วายุ ใจเย็นๆนะ เรื่องนี้เดี๋ยวจะลองให้ฝ่ายกล้องแก้ไฟล์ให้อีกที หากว่าโดนลบเราต้องกู้ไฟล์คืนได้แน่ แต่ถ้า….”“แต่ถ้ามันจงใจปิดกล้องในเวลานั้นก็ไม่มีประโยชน์”“คนลงมือทำงานเงียบมาก เรื่องนี้ไม่ธรรมดา เราต้องพยายามทำตัวให้เฉยไว้ อยู่กับหลิน ปลอบเธอให้ดี เดี๋ยวไปหาพี่ต้อมหน่อย ตำรวจมาแล้ว”“ฝากด้วยนะ”“ไม่ต้องห่วง หลินช่วยชีวิตผมไว้ ผมเองก็ไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่”วายุเดินเข้ามาในห้อง หลินกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครบางคน น้ำเสียงนั้นเป็นปกติอย่างน่ากลัว เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไรกันแน่ แต่เรื่องนี้เกินที่เขาจะเดาได้“หลิน คุณ…คุยกับใครเหรอ”“อ๋อ คนที่ห้องเฝ้ากล้องวงจรปิดค่ะ อีกไม่นานน่
พยาบาลสาวสามคนที่อยู่ด้านหลังคุณหมอหุบยิ้มลงทันทีพร้อมกับหันหน้าไปมองกันด้วยความผิดหวัง หลินทำหน้าไม่ถูกเพียงแค่หน้าแดงเท่านั้น คุณหมอเองก็แอบนึกขำคนไข้อยู่ไม่น้อย “มีแค่เรื่องระวังอาการกระทบกระเทือนที่แผล อย่าเดินเร็วและแผลที่หน้าผากเดี๋ยวก่อนกลับหมอจะเปลี่ยนเป็นพลาสเตอร์กันน้ำให้นะครับ”“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ”หลินมองตามคณะหมอและพยาบาลออกไป วายุเห็นว่าพวกเขาออกไปหมดแล้วเลยหันมามองหน้าคนป่วยอย่างเอาเรื่อง“หมอออกไปนานแล้ว จะมองเขาอีกนานไหมครับ”หลินหันมามองหน้าแฟนหนุ่มของเธออย่างนึกแปลกใจ ที่เธอมองน่ะ มองพยาบาลพวกนั้นต่างหากที่มองเขาไม่หยุด แต่เขากลับคิดว่าเธอมองคุณหมอสุดหล่อนั่น“นี่คุณ..คงจะไม่..”“หึงสิ หึงอยู่แล้ว คุณมองได้แต่ผมชอบแต่ผมคนเดียวห้ามมองคนอื่น”“แต่เขาเป็นหมอนะคะ แล้วที่หลินมอง ก็ไม่ได้มองหมอเสียหน่อย”“แล้วคุณมองอะไร”“เชอะ ไม่น่าถาม พยาบาลสาวแห่เข้ามาขนาดนี้เพราะอะไรคุณน่าจะรู้อยู่นะคะพ่อซุปตาร์ตัวพ่อ”“ผมเหรอ”หลินหันไปมองหน้าเอาเรื่องเขากลับพร้อมส่งสายตาขวางให้เขาคืนทันที“ใช่สิคะ พวกเธอแทบจะไม่ได้ฟังเลยว่าคุณหมอสั่
“คุณ…คิดบ้าอะไรเนี่ย ในตอนนั้นมัน…ในตอนนั้นฉันทำไปโดยสัญชาตญาณ ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ใบหน้าของศิลปินสำคัญที่สุด ถ้าพี่โอปอหน้าเป็นแผลก็ขึ้นแสดงไม่ได้ โปรเจคนี้ก็ต้องเจอเรื่องยุ่งยากอีกกว่าพวกคุณจะมารวมตัวกันได้”“คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตกลงคุณชอบโอปอหรือเปล่า”“เรื่องนี้หลินบอกไปแล้วไง คุณวายุ คุณไม่มีสิทธิ์มาถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับหลินนะ ถอยไป”วายุโมโหจนถึงที่สุดเพราะเขาอัดอั้นความรู้สึกนี้มาหลายวัน ตั้งแต่วันที่ถ่ายรูป วัดตัวและที่ร้านกาแฟเมื่อวานนี้“ไม่!! ถ้าบอกว่าไม่ได้ชอบเขา แล้วทำไมต้องสนิทสนมกับเขา เวลาพูดแล้วต้องยิ้มให้เขาตลอดแล้วยังไปนั่งกินกาแฟด้วยกันด้วยแล้วความรู้สึกของผมล่ะ คุณไม่เห็นใส่ใจบ้างเลย!!”“คุณ…คุณหมายความว่ายังไง”“หมายความอย่างที่พูด คุณบอกมาสิว่าไม่ได้ชอบผม ไม่ได้คิดอะไร จูบพวกนั้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับคุณ”วายุในตอนนี้เหมือนพายุที่พร้อมจะพัดทำลายทุกสิ่งตรงหน้าให้พังเพราะความโกรธ หลินเดินถอยไปจนสุดทางในห้องรับแขกจนชนกับกระจกที่มีวิวของเมืองหลวงอยู่ด้านหลัง เธอจะเดินหนีแต่ก็ถูกเขาเอามือมากั้นเอาไว้ทั้งสองข้าง“หลิน..ตอบผมมาก่อน ตลอดเวลาที่รู้จักกันมานี่
วายุและสาธิตเดินออกจากที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที ตอนนี้เขารู้ว่าหลินปลอดภัยแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่จบ คือคนที่ทำร้ายนิลินทร์ต่างหาก“นั่นพี่วายุกับผู้จัดการเขาจะรีบไปไหนกันคะ”“ไปเก็บกวาดที่เหลือน่ะสิ ถามได้”“รีบไปสืบมาก่อนที่มันจะรู้ตัว หรือไม่ก็ลองสืบดูว่าใครเป็นคนประกันตัวพวกมันออกมา ผมว่าไม่มีทางที่มันจะเล่นงานผิดตัว”“ได้ แล้วนายจะอยู่ที่นี่เหรอ”“ผม…”“วายุ เรื่องนี้มีคนเห็นมาก เร็วๆนี้คงเป็นข่าว นายอยู่ที่นี่น่าจะไม่ดีแน่ กลับก่อนเถอะ”“แต่พวกเราอยู่นี่กันตั้งเยอะ”“แต่คนที่เห็นนายอุ้มเธอมาก็มีเยอะเหมือนกัน ระวังตัวก่อนดีกว่า”“ก็ได้ กลับไปที่พักรอหลินกลับไปก่อนก็แล้วกัน”GST สตูดิโอ“นี่มันเกิดอะไรขึ้น บาดเจ็บอะไรกันขนาดนี้ แล้วแบบนี้จะซ้อมยังไง”“ผมไม่เป็นไรหรอกครับพี่ทัพ ที่น่าห่วงน่ะ น้องหลินต่างหาก”“หลินเจ็บแต่ก็ได้ไม่ได้ขึ้นเวทีเหมือนพวกคุณ โอย เอาตารางฝึกมา ต้องปรับตารางฝึกของโอปอก่อน วายุ คุณไหวนะ ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”“ไม่ครับ ผมไม่มีปัญหา”“นี่โชคดีนะคะที่ไม่ได้เป็นอะไรกันมาก ทำไมพี่โอปอต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงช่วยคนอื่นด้วยคะ แทนที่จะให้เขาจัดการเอง เลยบาดเจ็บโดยไม
“พี่วา…”อลิซเห็นภาพตรงหน้า เธอเข้าใจว่าเขาวัดตัวอยู่แต่ไม่ใช่ ตอนนี้วายุกำลังก้มลงจูบดีไซเนอร์สาวตรงหน้าเธอ คนที่เธอคิดว่าไม่น่ามีพิษมีภัยอะไร แต่วันนี้กลับมาจูบผู้ชายของเธอต่อหน้า“นังหลิน ตบเดียวไม่น่าพอแล้วล่ะมั้ง”หลินผลักคนตรงหน้าออกอย่างรวดเร็ว จนรวบงานทั้งหมดและจะเดินออกไปแต่เขาคว้ามือเธอเอาไว้ได้และยังก้มไปถาม“ยังจะกล้าไปร้านกาแฟอีกงั้นเหรอ”“ไปค่ะ”“หลิน!! นี่คุณยังต้อง…”“พี่วายุคะ เสร็จหรือยังคะ”“คุณอลิซคะ หลินวัดตัวคุณวายุเสร็จแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”“ค่ะ กลับดีๆนะคะ…คุณหลิน”หลินรีบรวบงานทั้งหมดและเดินออกจากห้องไป วายุยืนหันหลังพร้อมกำหมัดแน่นโดยไม่ได้หันมามองคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาสักนิด “พี่วายุคะ ไปกันหรือยังคะ”“พี่ไม่ว่าง อลิซกลับไปก่อนเถอะ พี่ยังมีอัดเสียงอีก ขอตัว”“แต่ว่า…เมื่อกี้…”“นึกได้ว่าต้องแก้น่ะ ขอตัวนะ กลับดีๆล่ะ”“อลิซ…ไปด้วย”“ไม่ต้อง พี่ต้องการสมาธิ”วายุคว้ากระเป๋าและเดินออกจากห้องไปทันที อลิซมองตามวายุที่เดินไปคนละทางกับห้องอัดอย่างน่าสงสัยแต่เธอจะทำอะไรได้ ตั้งแต่เจอเขา วายุไม่เคยมีท่าทีที่อยากจะกลับมาสานสัมพันธ์อะไรกับเธอต่อทั้งสิ้น แม้ว่าจะพยายามแ
วายุหันไปมองประตูนั่นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับไปถ่ายจนเสร็จพร้อมกับสาธิตที่เก็บของเดินตามเขากลับห้องพัก เมื่อขึ้นลิฟต์มาก็พบหลินยืนหน้าห้องพร้อมกับคุยโทรศัพท์ เธอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับกองเอกสารที่มากจนทำให้เปิดประตูไม่ได้และมันกำลังจะตก“ว๊าย!!…ขอบคุณ…ค่ะ…อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะพี่ทัพ ต่อเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”หลินรับของแล้วรีบเดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไรกับวายุอีก ประตูปิดลงเขาจึงได้เดินหงุดหงิดกลับไปที่ห้องทันทีสี่เดือนก่อนคอนเสิร์ต“เอาแบบตรงนั้นมาที”“พี่หลินคะ ตรงนี้แก้แล้วค่ะ ส่งเลยไหมคะ”“เอาให้จีนตรวจก่อน จีน”“โอเคๆ ได้เลย ทางนี้ยกหุ่นมาที เอาวางไว้ตรงนั้น”แผนกเสื้อผ้าในตอนนี้กำลังหัวหมุนเพราะจะเริ่มวัดตัวเพื่อตัดชุดสำหรับงานคอนเสิร์ตกันแล้ว พวกเขาทยอยกันมาวัดตัววันละสองสามคนตามคิวที่ว่างจากการออัดเสียงและซ้อมเต้นที่เริ่มหนักขึ้น“หลิน วันนี้คิวใครมาวัดตัว”“ไม่แน่ใจ จำไม่ได้ ถามบีสิ”“วันนี้เป็นพี่โอวี่ อลิซ แล้วก็พี่วายุค่ะ”“พรุ่งนี้ล่ะ”“ก็เหลือแค่พี่แยมกับ พี่โอปอค่ะ สุดท้ายแล้ว”“โอเค เตรียมแบบร่างของแต่ละคนเอาไว้ เขามาแล้วจะได้รีบวัดตัวเลย”หลินหันกลับไปพร้อมกับวุ่นวายกับแบบร่า
หลินหันมามองหน้าด้วยความแปลกใจ เกี่ยวอะไรกับโอปอ เธอก็ทำหน้าที่ของตัวเองปกติ แต่เวลานี้เธอไม่ได้อยากเถียงกับเขาเพราะเธอได้รับบทเรียนมาแล้วครั้งหนึ่งที่มีเรื่องกับศิลปินเจ้าอารมณ์พวกนี้“นั่นคุณจะไปไหน”“ก็คุณจะเปลี่ยนชุด…จะให้หลินอยู่ทำไมคะ”“คุณไม่ได้บอกว่าดูแลเรื่องชุดเหรอ เห็นบอกว่าเป็นหน้าที่คุณนี่”“ใช่ค่ะ แต่..”“ถือชุดนั่นไว้ ผมจะถอดตัวนี้”“แต่ว่า!!”“คุณก็เห็นว่าผู้จัดการผมไม่อยู่ ช่วยหน่อยละกัน”หลินยืนถือชุดใหม่ให้เขาระหว่างที่เขาเริ่มถอดเสื้อตัวเดิม ตัวเขาขาวกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก และไม่น่าเชื่อว่าภายใต้รูปร่างที่ดูดีของซุปตาร์คนนี้จะมีกล้ามท้องที่แน่นและแผงอกที่พอดีตัวจนน่าหลงใหลอย่างนี้ซ่อนอยู่คนที่แอบมองถึงกับใจสั่นเมื่อเห็น ราวกับว่าคนที่แอบมองก็รู้ว่าเธอกำลังมองอะไรอยู่ เขาเดินเข้ามาใกล้เธออย่างจงใจ“ส่งเสื้อมาสิ”เสียงกระซิบนั้นทำเอาหลินทำตัวไม่ถูก วายุเองก็สังเกตว่าเธอรักษาอาการไม่ค่อยอยู่ อย่างน้อยตอนนี้หูเธอก็แดงจัดจนน่าเอ็นดู อยากจะเอื้อมไปกัดเล่นเสียจริงแต่เขาและเธอพึ่งรู้จักกัน ไม่คิดว่าเธอจะทำให้เขาอยากเข้าใกล้ได้แบบนี้ซึ่งปกติเขาไม่ค่อยสนใจผู้หญิง“หลินว่าอ
อลิซหันไปมองหน้าวายุพร้อมกับเงียบไปและหันมามองหน้าหลินอีกครั้ง“ไม่เป็นไรค่ะ ครั้งนี้คุณแค่พลั้งมือ ไม่มีใครบาดเจ็บก็ดีแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”“เอ่อ…”อลิซยังไม่ทันได้พูดอะไรหลินก็เดินออกไปจากห้องแล้ว วายุมองไปที่หลินที่เดินไปแต่เขาก็ไม่พูดอะไรอีกวันถ่ายรูป“เตรียมชุดหรือยัง”“ทางนี้ค่ะพี่หลิน”“หยกแล้วรองเท้าละ ทั้งสองคู่เลย”"เตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ"“พี่หลินคะ พี่วายุมาแล้วค่ะ"“ให้เขาเปลี่ยนชุดได้”“ค่ะๆ”“พี่หลินคะ พี่วายุให้มาเรียกค่ะ บอกว่ามีปัญหาเรื่องชุด”“ปัญหางั้นเหรอ ได้ เดี๋ยวพี่เข้าไป ทีทิพย์รอสักครู่นะคะ”“ไปเถอะๆ ทางนี้ไม่ต้องห่วง”หลินบอกฝ่ายกล้องและจัดเตรียมสตูถ่ายรูปอย่างเกรงใจเพราะวันนี้ต้องให้พวกเขามาถ่ายภาพสองศิลปินสุดท้ายที่จะมาร่วมคอนเสิร์ตในครั้งนี้ หลินเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวของวายุเธอเคาะประตูตามมารยาทก่อนจะเดินเข้าไปเลย เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่าเขากับอลิซอยู่ด้วยกัน เธอกำลังทำบางอย่างและเขาก็ผลักเธอออก“อุ้ย…คุณหลิน”หลินถอนหายใจพร้อมกับพยายามทำใจอยู่หลายวันที่ไม่ได้เจอเขา เธอพยายามจะไม่คิดมาก แต่พอมาเห็นแบบนี้กลับทำให้ยิ่งคิดมาก“เห็นหยกบอกว่าชุดของคุณมีปัญหาให้
Comments