เมื่อเธอวางสายแล้วก็ลุกขึ้นมานั่ง ใช้หลังมือปาดน้ำตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตั้งสติ ก่อนนี้เธอเสียใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย จึงคิดอะไรไม่ทัน แค่คำนวณเงินเดือนแล้วได้รับรู้ว่าต้องอยู่บำเรอกามให้กับเขาหลายสิบปี สมองของเธอก็ตื้อตันจนลืมเลือนไปทุกเรื่อง
เธอตรงดิ่งไปเปิดตู้เซฟตู้เล็กที่แม่ของเธอติดตั้งให้ในตู้เสื้อผ้า กดรหัสที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ แล้วนำกล่องเครื่องประดับขนาดเล็กสองสามกล่องและกล่องไม้ที่อยู่ในนั้นออกมาเปิดบนที่นอน
สร้อยและแหวนเพชรเส้นเล็กๆ แต่น้ำงามที่แม่ของเธอซื้อให้เป็นของขวัญวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สะท้อนแสงล้อไฟระยิบระยับ ไม่รู้ว่าจะขายได้กี่บาท แต่มันเป็นของแทนใจที่แม่ซื้อให้ เธอไม่อยากจะขายมันเลย
จึงมาเปิดกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดกลาง ที่ภายในบรรจุทองคำแท่งน้ำหนักหนึ่งบาท จำนวนเท่าอายุตัวเอง เพราะแม่จะซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดแบบนี้ทุกปี
“ทอง อืม อันนี้ขายได้”
เธอปิดกล่องแล้ววางแยกเอาไว้ พรุ่งนี้หลังสอบเสร็จ เธอจะให้คนของเขาพาแวะร้านทอง เพื่อเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ให้เป็นเงิน
สมุดบัญชีเงินฝากสองเล่มที่วางอยู่ข้างในกล่องไม้ ถูกเปิดออก เล่มหนึ่งไม่ได้มีการเคลื่อนไหวบัญชีมานานแล้ว เพราะเป็นบัญชีที่พ่อของเธอนำเงินฝากเข้าให้เธอปีละครั้งในวันเกิดของเธอ จนวันเกิดปีที่สิบห้า พ่อของเธอก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เพราะโดนคนเมาแล้วขับพุ่งชนจนรถของพ่อเธอพลิกคว่ำหลายตลบ
หลังจากเสร็จงานศพ ก็มีเงินประกันชีวิตจำนวนมากที่พ่อทำเอาไว้ให้และเงินชดเชยเยียวยาจิตใจจากคู่กรณีที่มีฐานะร่ำรวย ในบัญชีนี้เธอมีเงินถึงสองล้านกว่าบาทซึ่งเธอเองก็เกือบลืมไปแล้ว เพราะตั้งแต่ที่พ่อเสียชีวิตไปก็เสียใจจนไม่อยากจะเปิดดูจำนวนเงินที่ต้องแลกมากับชีวิตของพ่อดูอีก
“เงินสองล้านกว่า ทองน่าจะขายได้เกือบๆ หกแสน บ้าน..”
เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนของแม่ เปิดลิ้นชักที่แม่จะเก็บเอกสารสำคัญเอาไว้ก็เจอโฉนดที่ดินที่เป็นชื่อของเธอจริงๆ จึงรีบนำมารวมกันกับของที่เธอจะขาย
เธอเปิดหาข้อมูลการฝากขายบ้าน เจอหลายเพจที่มีการซื้อขายสำเร็จ ลองคำนวณว่าตอนนี้ราคาบ้านของเธอจะประเมินผ่านธนาคารได้ราคากี่บาท และจากการหาข้อมูลก็ไม่น่าจะเกินเจ็ดล้าน เธอจึงตั้งราคาขายที่เจ็ดล้านบาทถ้วน แล้วโพสต์ลงประกาศขายตามเพจต่างๆ ทันที
เอกอนันต์ ฟังเธอคุยโทรศัพท์กับแม่ของเธอจนจบ ได้ยินแต่เสียงของเธอเท่านั้น เพราะคราวนี้เธอไม่ได้พูดคุยแบบเปิดลำโพงอีกแล้ว แต่ก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าตอนนี้แม่ของเธอหนีไปแต่ไม่รู้ที่ไหน แถมยังถูกชายคนรักถีบหัวส่งอย่างน่าสมเพชที่สุด
เธอบอกกับแม่เธอว่าเขาไม่แจ้งความ แถมยังให้เธอไปทำงานด้วยเพื่อปลดหนี้ แต่ไม่ยอมบอก ว่าเขาจะเอาเธอเป็นนางบำเรอเพื่อขัดดอก เพราะกลัวว่าแม่ของเธอจะรีบแจ้นกลับมายอมติดคุกสินะ ขนาดโดนแม่กับชายชั่วทำให้ชีวิตพังแบบนี้ ยังจะรักและกตัญญูอยู่ได้
หลังจากนั้นก็ได้ยินแต่เสียงค้นหาข้าวของกุกกัก และบ่นพึมพำเบาๆ ได้ยินแว่วๆ น่าจะเป็นการคำนวณเงินจากการขายของทั้งหมดที่มี แล้วเสียงเหล่านั้นก็เงียบหายไป จึงกดวางสายเพื่อโทรหาลูกน้องคนสนิททันที
“ชัย บอกคนของเรา ไม่ต้องดักฟังนับดาวแล้วนะ ฉันได้ข้อมูลหมดแล้ว”
“ครับ คุณเอกรู้แล้วเหรอครับว่าแม่ของคุณนับดาวกับไอ้โกสินทร์หนีไปกบดานกันที่ไหน”
“ยัง”
“อ้าว แล้วทำไมให้เลิกดักฟังล่ะครับ”
“ฉันไม่จำเป็นจต้องอยากรู้เรื่องนี้แล้ว เพราะนับดาวไม่ยอมบอกแม่ของเธอว่าจะต้องมาเป็นนางบำเรอฉัน แถมยังบอกให้แม่เธอหางานทำที่นั่น ยังไม่ต้องกลับมาอีก ก็มีลูกหนี้รายใหม่แน่นอนอยู่แล้วนี่ รายเก่าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว”
“คุณเอกจะไม่แจ้งความเอาผิดสองคนนั้นจริงๆ หรือครับ ทำบริษัทเสียหายขนาดนี้ จะปล่อยไปเฉยๆ ได้ยังไง ไม่สมกับเป็นคุณเอกเลย”
“ใครว่าฉันจะปล่อยมันไปเฉยๆ ฉันไม่เสียเงินเปล่าเพราะมีคนใช้หนี้แทนดุจนภา ฉันรับปากเด็กนั่นไปแล้ว ถ้าคืนคำตามล่าแม่เธอ เด็กนั่นคงฆ่าฉันตาย นายไม่เห็นแววตาที่เด็กนั่นมองฉันหรือไง ส่วนไอ้โกสินทร์ สั่งคนของเราตามหามันต่อไป มันทิ้งดุจนภาไว้ที่ปั๊มแล้วหนีเอาตัวรอดไปแล้ว ถ้าเจอมันก็กระทืบมันได้เลย เอาให้หยอดน้ำข้าวต้ม ห้ามตายเด็ดขาด เดี๋ยวจะซวยกันหมด แล้วก็คอยเล่นงานมันเงียบๆ อย่าให้มันได้ใช้ชีวิตสงบสุข เอาให้ชีวิตมันต้องอยู่อย่างหมาข้างถนนเลย”
“ครับ คุณเอก เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ”
“เออ พรุ่งนี้เด็กนั่นน่าจะให้นายพาแวะร้านทองนะ ได้ยินเสียงพึมพำหาสมบัติมาขาย เงินฝากกับทองก็น่าจะได้เป็นล้านอยู่”
“ยังดีนะครับ ที่คุณดุจนภาไม่เอาสมบัติของลูกไปปรนเปรอไอ้โกสินทร์หมด”
“อืม ก็ยังนับว่าพอมีความเป็นแม่คนอยู่บ้าง”
“แล้วแบบนี้ถ้าคุณนับดาวหาเงินมาใช้คุณเอกหมดก่อนจะถึงกำหนดเซ็นสัญญา จะทำยังไงครับ ก็ต้องปล่อยไปเฉยๆ ทั้งแม่ทั้งลูกเหรอครับ”
เพราะคืนนี้ที่เจ้านายหนุ่มตามเข้าห้องเด็กสาวไป เขาก็คิดว่าคงเรียกเก็บดอกเบี้ยจนเช้า เพราะนับดาวทั้งสวยทั้งน่ารัก เจ้านายเขาคงละเลียดกินจนไม่พักแน่นอน
แต่ที่ไหนได้ หายไปนานสองนาน กลับออกมาจากห้องด้วยอารมณ์หงุดหงิดฟาดงวงฟาดงาจนลูกน้องที่เฝ้าหน้าบ้านกระเจิงกันหมด
พอขึ้นรถกลับบ้านก็โทรเข้าไปในเครื่องดักฟัง แล้วฟังเสียงของเธอเงียบๆ จนถึงบ้านก็ยังไม่ยอมวางสาย ก่อนที่จะโทรมาสั่งงานมากมายนี่แหละ
สรุปว่า ก็ยังไม่ได้แอ้มเด็กสาวแสนสวยนั่น จึงหงุดหงิดงุ่นง่านแบบนี้สินะ ถ้าให้เด็กนั่นใช้หนี้หมดก่อนที่จะได้แอ้ม คนอย่างเจ้านายของเขาจะทำใจได้เหรอ
ก่อนหน้านี้ฝืนทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ คบกับนางเอกสาวชื่อดังเป็นเดือนสองเดือน แต่กลับปล่อยเจ้าหล่อนลอยนวล เพียงเพราะเจ้าหล่อนบ่ายเบี่ยงไม่ยอมขึ้นเตียงด้วย จนต้องไปหาเศษหาเลยกับเหล่านางแบบสาวสวยที่ซื้อหาได้ด้วยเงินแทน
สุดท้ายก็เลิกกัน ทั้งที่ยังไม่ได้แอ้มสักหน่อย แถมผู้หญิงคนนั้นยังไปคบกับดาราชายที่เป็นเพื่อนสนิทเธอ ที่เคยต่อยเจ้านายเขาจนคว่ำมาแล้วอีกต่างหาก แทนที่จะโกรธเกลียด กลับทำใจยอมเป็นเพื่อนกับสองคนนั้นเสียได้
“ต่อให้ขายทุกอย่างรวมทั้งบ้าน ก็คงไม่เกินสิบล้าน จะเป็นไปได้ยังไงที่จะปลดหนี้หมดก่อนเซ็นสัญญา เหลืออีกตั้งห้าล้าน เงินเดือนแค่นั้น อยู่ชดใช้ให้ฉันอีกเป็นสิบยี่สิบปีนั่นแหละ หึหึ”
“ครับ งั้นถ้าคุณนับดาวให้ผมพาไปขายอะไรที่ไหน คุณเอกอนุญาตใช่ไหมครับ ผมจะได้พาเธอไป”
“อืม นายก็พาไปหน่อย ถือว่าสงเคราะห์เด็กตาโตๆ ที่ชอบทำหน้าตาอวดดีใส่ฉันก็แล้วกัน”
“ครับ รับทราบครับ”
“งั้นแค่นี้แหละ ฉันจะเข้าไปหาเด็กนั่นอีกทีวันสอบเสร็จ จะให้เด็กนั่นบอกเลิกไอ้หน้าอ่อนให้เรียบร้อย แล้วรอรับมาคอนโดเลย”
“คุณเอกจะเข้าไปนั่งฟังด้วยหรือเปล่าครับ”
“ไม่ล่ะ แต่เอาแบบนี้ ไปแอบติดกล้องที่มีเสียงไว้ที่ห้องรับแขกแล้วกัน ฉันจะนั่งดูในรถ จะดูว่าเด็กนั่นบอกเลิกจริงๆ หรือเปล่า หรือจะเล่นแง่อะไรลับหลังฉันไหม”
“ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้หลังจากคุณนับดาวไปสอบ ผมให้คนของเราถอดเครื่องดักฟังที่ห้องนอนกับห้องรับแขกออก แล้วติดกล้องไปแทนนะครับ”
“อืม งั้นแค่นี้แหละ”
หลังจากวางสาย เสียงเคาะประตูห้องนอนของเขาก็ดังขึ้น จึงเดินไปเปิดด้วยความแปลกใจ เพราะปกติหลังจากเขาขึ้นห้องส่วนตัว จะไม่มีใครกล้ามารบกวนเขาอีก
“อ้าว พ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไปคุยกับพ่อที่ห้องทำงานหน่อย”
เมื่อไปถึงห้องทำงานของคนเป็นพ่อ ยังไม่ทันที่เขาจะหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้ พ่อของเขาก็เลื่อนแฟ้มบางอย่างมาตรงหน้า
“นี่หมายความว่ายังไง”
หนุ่มสาวร้องครางในลำคอพร้อมกัน ต่างกันตรงความรู้สึก เมื่อสาวน้อยผู้ยังไม่เคยถูกชายใดสัมผัสหน้าอกมาก่อน ตื่นเตลิดเสียวซ่านจนหัวใจวูบไหว ส่วนชายหนุ่มผู้สัมผัสส่วนนี้ของผู้หญิงมานับไม่ถ้วน กลับรู้สึกถูกใจที่สุดที่ความนุ่มหยุ่นของเธอเด้งสู้มือจนต้องร้องครางออกมาเพื่อลดความตื่นเต้นเขาถอดถอนริมฝีปากออกมา แล้วไถลความร้อนรุ่มเข้ากดจูบซุกไซ้ซอกคอจนทั่ว สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำหอมราคาแพงและกลิ่นกายของเธอที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวราวกับฟีโรโมนชั้นดีก็ไม่ปานหญิงสาวเอียงหน้าเปิดเปลือยลำคอให้เขาตักตวงความหอมจากเธอไม่หยุด มือเล็กยกขึ้นมาปิดปากเพื่อกลั้นเสียงแปลกประหลาดน่าอับอายที่เธอไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตความหอมหวานของเนื้อกายสาว ทำเอาเขาสติแทบหลุด ควบคุมตัวเองไม่ได้ ซุกไซ้จมูกและปากสูดดมขบเม้มซอกคอเธออย่างไม่ลืมหูลืมตา มือทั้งสองข้างบีบขยำดอกบัวตูมแรงขึ้นทุกทีตามความกระสันซ่านที่กำลังตีวนอยู่ในร่างกายของเขามือใหญ่สั่นเทาคลำหาซิปแล้วถอดชุดเดรสตัวสวยของเธอลงไปทิ้งกองที่พื้น ตามมาด้วยเสื้อชั้นในผ้าลูกไม้สีชมพูหวานทันทีที่ปราศจากสิ่งปกปิด หน้าอกใหญ่โตเกินตัวก็ปรากฏต่อสายตา ดวงตาคมกริบเบิกขึ้นแล้วกวาด
“เป็นยังไง ยอมรับสัญญาของฉันได้ไหม ถ้าไม่ได้ ก็เลือกทางเลือกแรกของเธอก็ได้นะ กลับไปง้อขอคืนดีกับแฟนเธอซะ แล้วฉันจะแจ้งความเอาแม่เธอเข้าคุกทันที”“มะ ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไร”“อืม ไม่มีปัญหา ก็เซ็นซะสิ”เธอมองหน้าเขาแล้วจับปากกาด้วยมืออันสั่นเทา จรดปลายปากกาค้างอยู่ที่ช่องที่มีชื่อของเธอกำกับไว้ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเซ็นชื่อลงไปในสัญญาฉบับนั้นอย่างไม่คิดลังเลอีกเมื่อเธอเซ็นชื่อเสร็จ เขาก็เซ็นชื่อของตัวเองลงไปบ้าง และให้คนสนิทของเขาทั้งสองคนลงชื่อเป็นพยาน“นายสองคนกลับไปพักผ่อนได้แล้ว ขอบใจมาก ค่อยมารับฉันอีกทีเช้าวันจันทร์แล้วกัน”“แล้วเสาร์อาทิตย์นี้คุณเอกไม่ไปไหนหรือครับ”พวกเขาหมายถึงนัดเดตกับดาราสาวแสนสวยที่ลงคิวเอาไว้แล้ว คนนี้กว่าเจ้านายของเขาจะทำให้เธอใจอ่อนยอมรับนัดได้ก็เล่นตัวอยู่นาน เวลาว่างของเธอก็แทบไม่มี ถ้าเจ้านายของเขาพลาดนัดครั้งนี้ ไม่รู้อีกนานแค่ไหนเธอถึงจะมีคิวให้“ไปไหนล่ะ ก็อยู่ห้องสิ”“แต่คุณเอกมีเดตกับคุณพระแพงนี่ครับ ผมจองโรงแรมพร้อมโต๊ะดินเนอร์ไว้ให้แล้ว สั่งโรงแรมจัดห้องนอนแบบที่คุณเอกชอบเอาไว้แล้วด้วย คุณเอกลืมหรือครับ”คนตัวบางเหลือบตามองเขา ก็พ
เสียงทุ้มตวาดก้อง จนคนทั้งสองตกใจผละออกจากกัน ชายหนุ่มในชุดสูทสากลสีดำพอดีตัวแบรนด์ดัง ดึงแขนผู้หญิงตัวบางมากอดแนบอก ดวงตาคมกริบกร้าวดุจ้องไปยังเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาที่เบิกตากว้างมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ“นี่มันหมายความว่ายังไงดาว ผู้ชายคนนี้เป็นใคร”แม้จะรู้สึกคุ้นตา แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นผู้ชายหล่อเหลาคนนี้ที่ไหนมาก่อน“เขา เขาเป็น..”“ฉันเป็นแฟนใหม่ของนับดาว”“ไม่จริง ดาวไม่มีวันทรยศผม คุณเป็นใครกันแน่”“ฉัน เอกอนันต์ ประธานบริษัทที่แม่ของนับดาวทำงานอยู่ ตอนนี้นับดาวเป็นของฉัน นายอย่ามายุ่งกับผู้หญิงของฉันอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”รัฐภูมิมองคนรักสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เธออยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่หล่อเหลา ร่ำรวย โปรไฟล์ดี และเหนือเขาในทุกอย่างไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงที่เขารัก ก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงหิวเงินทั่วไป ที่ต่อให้รักกันขนาดไหนก็แพ้กลิ่นหอมหวานของเงินอยู่ดี“ดาว..บอกกับภูมิที ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง ดาวไม่ได้ทรยศหักหลังภูมิ”“ดาวขอโทษ ดาวขอโทษนะภูมิ”คนตัวบางปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้ม คนรักที่กำลังจะกลายเป็นอดีตมองมาที่เธอด้วยแววตาผิดหวัง ยิ่งทำให้หัวใจของ
“เย้ ในที่สุด เราก็เรียนจบกันแล้ว”หยาดทิพย์ เพื่อนรักของนับดาวและรัฐภูมิ กระโดดกอดคอเพื่อนรักทั้งสองทันทีที่ออกมาจากห้องสอบวิชาสุดท้ายของชีวิตนักศึกษา“เย็นนี้เราไปฉลองกันไหม”รัฐภูมิถามสองสาว วันนี้เขาโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะชีวิตต่อจากนี้จะถือว่าตัวเองและคนรักเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว สามารถตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้เสียที“ไม่ได้น่ะสิ ฉันต้องรีบกลับบ้าน คุณหญิงแม่จองคิวเลี้ยงฉลองที่บ้านแล้ว”หยาดทิพย์ที่มักจะชอบเรียกมารดาของตัวเองแบบนั้น เพราะแม่ของเธอเป็นคนเรื่องมากและจุกจิกจู้จี้ ทุกอย่างต้องเป็นระเบียบ แถมยังสอนให้เธอเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ แต่ลูกสาวคนเล็กอย่างเธอที่มีแต่พี่ชายกลับกระโดกกระเดกราวกับม้าดีดกะโหลกจนคนเป็นแม่ปวดหัวทุกวัน“งั้นวันหลังก็ได้หยาด แกกลับบ้านก่อนเถอะ เดี๋ยวรถติด เราค่อยโทรนัดกันนะ”นับดาวกอดกับเพื่อนรักอีกครั้ง พร้อมโบกมือลาจนคนตัวบางวิ่งหายไปกับฝูงชนที่เร่งเดินออกจากอาคารสอบเพื่อรีบกลับบ้านหนีรถติด“วันนี้ดาวยังต้องไปทำธุระอีกไหมครับ”“ไม่แล้วค่ะ แต่ดาวมีอะไรอยากคุยกับภูมิ”“ที่ไหนดีครับ”“ที่บ้านดาวก็ได้ค่ะ”“โอเคครับ งั้นเราไปกันเถอะ รถผมจอดอยู่ข้างตึ
เขาเปิดแฟ้มดูก็เห็นว่าเป็นข้อมูลที่ดุจนภายักยอกเงินบริษัทไป ทั้งที่เขาสั่งพนักงานทุกคนแล้วว่าอย่าให้เรื่องนี้ถึงหูพ่อของเขาเด็ดขาด แต่ก็ยังมีคนกล้าขัดคำสั่ง“พ่อเอาเรื่องนี้มาจากไหนครับ”“จากไหนก็ช่าง ตอบพ่อมา ว่านี่มันอะไร ทำไมแกไม่บอกพ่อ”“เอ่อ ผู้จัดการฝ่ายการเงิน กับพนักงานขายร่วมมือกันยักยอกเงินบริษัทเราไปสิบห้าล้านบาทครับ แต่ตอนนี้ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับพ่อ”“จัดการโดยการโอนเงินส่วนตัวเข้าบริษัทสิบห้าล้าน แล้วปล่อยให้สองคนนั้นลอยนวลโดยที่ไม่ยอมไปแจ้งความงั้นเหรอ”เอกอนันต์กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ไม่มีอะไรหลุดรอดหูตาของพ่อเขาไปได้เลย แม้ท่านจะเกษียณตัวเองออกมาใช้ชีวิตท่องเที่ยวยามบั้นปลายกับแม่เลี้ยงของเขาแล้วก็ตาม“เอ่อ พ่อครับ ผมแค่เอาเงินส่วนตัวจ่ายให้บริษัทไปก่อน แล้วให้ลูกหนี้มาทำสัญญาชดใช้หนี้ที่ผมแทนครับ ไม่อย่างนั้นกว่าจะใช้หนี้กันจบ เงินในบัญชีมันก็ไม่เท่ากันเสียที จะวุ่นวายเปล่าๆ”“หึ ลูกหนี หรือลูกสาวของลูกหนี้”“พ่อ..”“แกอย่าคิดว่าพ่อไม่รู้ทันแกนะ แกกำลังจะทำอะไร บอกพ่อมาเดี๋ยวนี้”“พ่อครับ เรื่องมันก็ไม่ได้มีอะไรเลย ผมแค่ให้ลูกสาวดุจนภามาเป็นเลขาผ
เมื่อเธอวางสายแล้วก็ลุกขึ้นมานั่ง ใช้หลังมือปาดน้ำตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตั้งสติ ก่อนนี้เธอเสียใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย จึงคิดอะไรไม่ทัน แค่คำนวณเงินเดือนแล้วได้รับรู้ว่าต้องอยู่บำเรอกามให้กับเขาหลายสิบปี สมองของเธอก็ตื้อตันจนลืมเลือนไปทุกเรื่องเธอตรงดิ่งไปเปิดตู้เซฟตู้เล็กที่แม่ของเธอติดตั้งให้ในตู้เสื้อผ้า กดรหัสที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ แล้วนำกล่องเครื่องประดับขนาดเล็กสองสามกล่องและกล่องไม้ที่อยู่ในนั้นออกมาเปิดบนที่นอนสร้อยและแหวนเพชรเส้นเล็กๆ แต่น้ำงามที่แม่ของเธอซื้อให้เป็นของขวัญวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สะท้อนแสงล้อไฟระยิบระยับ ไม่รู้ว่าจะขายได้กี่บาท แต่มันเป็นของแทนใจที่แม่ซื้อให้ เธอไม่อยากจะขายมันเลยจึงมาเปิดกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดกลาง ที่ภายในบรรจุทองคำแท่งน้ำหนักหนึ่งบาท จำนวนเท่าอายุตัวเอง เพราะแม่จะซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดแบบนี้ทุกปี“ทอง อืม อันนี้ขายได้”เธอปิดกล่องแล้ววางแยกเอาไว้ พรุ่งนี้หลังสอบเสร็จ เธอจะให้คนของเขาพาแวะร้านทอง เพื่อเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ให้เป็นเงินสมุดบัญชีเงินฝากสองเล่มที่วางอยู่ข้างในกล่องไม้ ถูกเปิดออก เล่มหนึ่งไม่ได้มีการเคลื่อน