“สามหมื่นเลยเหรอคะ?”
“นี่ถือว่าน้อยไปแล้วนะ เพราะยังไงเธอก็ไม่ยอมรับมากกว่านี้ เอาเป็นว่าถ้ามีงานออกแบบอีก ผมจะติดต่อผ่านอาจารย์นะครับ ผมขอตัวก่อน” เขาพูดจบก็เดินออกไปทันที ทำให้ฉันไม่สามารถปฏิเสธได้อีก
อาจารย์หันมาพูดกับฉันอย่างเหนื่อยๆ “รับๆ ไว้เถอะฟ้า ถ้าเธอเข้าใจมากกว่านี้จะรู้ว่ามันมีค่ามากนะ”
“ขอบคุณนะคะอาจารย์” ฉันพูดด้วยความซาบซึ้งยกมือขึ้นไหว้อาจารย์
อาจารย์ยิ้มบางๆ “เอาไว้มีงานออกแบบอีกจะบอกนะ แล้วคราวหน้าอาจารย์จะช่วยตีราคาให้ก่อนนำไปให้ลูกค้า ต่ำสูงยังไงจะได้พิจารณาถูก”
ฉันคุยกับอาจารย์สักพักก็เดินออกมา เมื่อได้เช็คแล้ว ฉันตัดสินใจไปขึ้นเงินและเก็บเข้าบัญชีทันที สามหมื่นบาทถือว่าเยอะมากสำหรับฉัน ถือว่าเป็นงานใหญ่ชิ้นแรกที่สำคัญที่สุดในชีวิต ส่วนเงินนี้จะเก็บไว้ในบัญชี คงไม่ได้ใช้อะไรมากมายขนาดนั้น ที่ทำงานอยู่ตอนนี้ก็พอใช้ได้อยู่แล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันยิ้มออกมาไม่หุบเลยทีเดียว
Ray Part
วันนี้ผมมีนัดดูงานเขียนแบบของเด็กชื่อฟ้า รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย เธอรับทำงานออกแบบให้ผม แต่ดันมีนัดกับสาวๆ ซะก่อน เลยต้องให้ไอ้บิลไปคุยแทน พร้อมกับเช็คอีกหนึ่งแสนบาท สำหรับผม แค่นี้จิ๊บๆ เพราะธุรกิจตอนนี้กำลังไปได้สวย
“เรย์คะ มินนี่ว่าเราไปกินไอติมร้านนั้นกันดีกว่าค่ะ” สาวสวยหุ่นเอ็กซ์ที่เดินเคียงข้างผมพูดขึ้น
“ไว้ไปกินไอติมผมที่ห้องไม่ดีกว่าเหรอที่รัก” ผมหัวเราะในใจ คงรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร…
“อันนั้นต้องเก็บไว้กินหลังอาหารนะคะ”
“ได้ครับ รับรองอร่อยกว่าไอติมธรรมดาแน่ๆ”
“แน่นอนค่ะ เพราะมินนี่ชอบ”
ก่อนที่เราจะเดินเข้าร้านไอติม โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ใครโทรมาตอนนี้วะ?
“เออว่า” ผมกดรับสายด้วยน้ำเสียงที่แสดงความรำคาญอย่างที่สุด
“กูไปเอาแบบให้แล้ว สวยถูกใจ” เสียงไอ้บิลตอบกลับมาอย่างนิ่งๆ
“แล้วไง?”
“เย็นนี้ที่ผับมึง กูจะเอาแบบไปให้”
“เออๆ ได้ เวลาเดิม แค่นี้นะโว้ย...ขัดความสุขกูจริง”
“สัด!” ไอ้บิลด่ากลับอย่างหงุดหงิด เออดี! เพื่อนกันนี่แหละ เพื่อนเอง
หลังจากวางสาย ผมก็หันไปหามินนี่ที่ยืนรออยู่ “ไปกันเถอะที่รัก” ผมพูดพลางโอบไหล่เธอไว้แน่น คืนนี้คงเป็นอีกคืนที่เต็มไปด้วยความสุขแน่นอน เรื่องงานเดี๋ยวค่อยว่ากันต่อ ส่วนเรื่องส่วนตัว...คงต้องกลับไปหาที่กิน หึ!
@Night club
“ไหนวะแบบกู” ผมถามทันทีที่มาถึง
“เอาไป” ไอ้บิลตอบอย่างไม่ใส่ใจพร้อมโยนกระดาษม้วนหนึ่งมาให้ผม
“ให้ดีๆ จะตายไหม”
“เรื่องมาก” เอ้า…นี่กูผิดเหรอว่ะ?
“นี่เงินมึง” มันพูดต่อพร้อมยื่นเช็คคืนให้ผม
“เงินอะไร? อ่าวมึงไม่ได้จ่ายเงินเหรอวะ”
“มึงโอนคืนดูมาเพราะน้องมันเรียกแค่สามหมื่น กูเลยโอนให้น้องมันไปก่อน”
“แต่ว่ากูให้มึงจ่ายเขาแสนนึง ไม่ใช่สามหมื่น ไอ้สัด!” ผมโวยวาย ให้ไปตั้งแสนหนึ่ง แต่มันดันจ่ายแค่สามหมื่น
“ก็น้องเขาไม่เอา เขาบอกแค่ห้าพันก็พอ”
“ห้าพัน? กูชักอยากเจอหน้าเขาแล้วสิ ค่างานเขียนแบบบ้าบออะไร...ห้าพัน” ผมบ่นพลางเปิดดูงานเขียนแบบที่ได้รับ ก็ต้องยอมรับว่ามันสวย ฝีมือขนาดนี้…แสนหนึ่งยังน้อยไปด้วยซ้ำ
“กูพยายามพูดแล้ว เขาบอกเยอะไป”
“แปลกคนจริงๆ”
“อืม แปลกมากด้วย” ไอ้บิลพูดพลางส่ายหัว
อะไรของมันวะ? ผมคิดในใจ ยังไงก็ต้องหาทางเจอเจ้าของงานนี้สักครั้ง ไม่ใช่แค่เพราะสงสัย แต่เพราะอยากรู้ว่าคนที่ทำงานดีขนาดนี้แต่กลับเรียกร้องน้อยนิด เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่?
“เอาเป็นว่า ขอบใจละกันที่ช่วยไปจัดการให้” ผมพูดพลางเก็บเช็คเข้ากระเป๋า โอนเงินคืนไอ้บิลแล้วมองงานด้วยความชื่นชม
“สวยว่ะ” ผมยังไม่หยุดชื่นชมกับแบบที่ได้รับมา มันทำออกมาได้ดีมากจริงๆ
“คนเขียนก็สวยนะ” ไอ้บิลพูดขึ้นมา ซึ่งทำให้ผมประหลาดใจ เพราะมันไม่เคยชมใครมาก่อน
“ถามจริง! รู้งี้กูไปเองก็ดี” ผมพูดด้วยความเสียดาย แอบคิดว่า ถ้าผมไปเอง เธออาจจะได้มากกว่าแสนบาทก็ได้
“ไปตรวจโรคบ้างนะมึง” ไอ้บิลพูดพลางหัวเราะ ก่อนเดินออกไปหาสาวๆ ข้างล่างทันที
ผมส่ายหัวขำๆ แต่ก็แอบคิดว่า มันน่าจะบอกตัวเองด้วยไหมเพื่อนรัก
Fah Part
ฝนตกเบาๆ ในเช้านี้ทำให้การเดินทางไปเรียนของฉันลำบากมากกว่าปกติ ฉันปฏิเสธข้อเสนอของกองทัพที่จะมารับ เพราะไม่อยากรบกวนเขา ตอนนี้ยืนรอแท็กซี่อยู่ตรงล็อบบี้คอนโดนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีคันไหนมาสักที แต่มันกลายเป็นปกติไปแล้วฝนตกคนก็แย่งกันขึ้น ทำให้ฉันต้องรอนานแบบนี้
“น้องฟ้า แท็กซี่มาแล้วค่ะ” พี่ทิพย์ที่เป็นคนช่วยเรียกแท็กซี่ให้พูดขึ้น
“ขอบคุณนะคะพี่ทิพย์ ฟ้าไปเรียนก่อนนะคะ” ฉันยกมือไหว้พี่เขา
“จ้า ตั้งใจเรียนนะ”
“ค่า~”
ฝนตกไม่หนักมาก แต่ถ้านั่งวินก็คงเปียกแน่ๆ เดือนนี้ก็หมดไปกับค่าแท็กซี่เยอะมากแล้วด้วย
“พี่จอดตรงหน้าตึกเลยนะคะ” ฉันบอกพี่แท็กซี่เมื่อใกล้ถึงมหาวิทยาลัย
“ครับๆ”
เมื่อถึงที่หมาย “ถึงแล้วครับน้อง” พี่แท็กซี่บอก ฉันรีบจ่ายเงินแล้วเปิดประตูลงจากรถทันที โดยไม่ทันดูว่ามีรถคันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วจากด้านข้าง!
เอี๊ยดดดด~~~
“จะกลับบ้านไปอยู่กับแม่ปอง อึก!” เสียงสะอื้นของเธอทำเอาผมเจ็บในใจ“จะกลับได้ไง...”“กลับได้สิ ในเมื่อนายไม่ได้รักฉัน ที่นายอยู่กับฉันก็อาจจะเป็นเพราะแค่ความต้องการ นายคงไม่เข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง ฉันเจ็บ” เธอพูดเร็วเหมือนกลัวว่าผมจะแย่งพูด“ใครบอกว่าฉันไม่รู้สึก ใครบอกว่าฉันไม่รัก? ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมรู้ว่าผมผิดที่ทำให้เธอเข้าใจแบบนี้ แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมเสียเธอไปแน่ๆเธอมองหน้าผมนิ่งๆ ทั้งน้ำตา กัดริมฝีปากแน่น ความเจ็บปวดสะท้อนในดวงตาของเธอ“ฟ้า...ฉันรักเธอนะ” ผมพูดออกไปในที่สุด ทั้งหมดที่อยู่ในใจมันถูกปลดปล่อยออกมาเสียที ผมยอมเธอมาตั้งนานแล้ว ยอมที่จะรักเธออย่างหมดหัวใจ และตอนนี้คงถึงเวลาที่ต้องพูดทุกอย่างออกมาให้ชัดเจน“ขอโทษ... ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา ขอโทษที่ไม่เคยเอ่ยปากบอกเธอเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าฉันจะทำผิด” คำขอโทษที่ผมไม่เคยคิดจะพูดกับเธอ มันออกมาจากปากผมแล้วตอนนี้ ด้วยความรู้สึกผิดที่อัดแน่นอยู่ในใจมาตลอด ความรู้สึกผิดที่ก่อตัวอยู่ในใจผมมันหนักอึ้งมาตลอด ผมรู้ตัวว่าตัวเองพลาด ผิดที่ทำให้เธอเจ็บ ผิดที่ไม่เคยพูดสิ่งที่
“หนูฟ้า มาหาแม่สิลูก” ฟ้าที่ถูกเรียกถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย แต่ไม่รอช้า เธอลุกจากที่นั่งแล้วเดินมานั่งลงบนพื้นตรงหน้าแม่ของเรย์อย่างนอบน้อม“อุ๊ย! ขึ้นมานั่งข้างแม่มาสิลูก” แม่ของเรย์พูดด้วยความตกใจเมื่อเห็นฟ้านั่งบนพื้น ก่อนจะจับไหล่บางและพยุงเธอขึ้นมานั่งข้างๆ“แม่ขอโทษนะ ทั้งสองคนเลย” แม่ของเรย์เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แล้วหยุดเล็กน้อยเพื่อมองหน้าฟ้า“เอาเป็นว่า...หนูฟ้า มาเป็นลูกแม่อีกคนนะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและใจดี ฟ้าที่นั่งเกร็งมาตลอดถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความตื้นตัน“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฟ้าพูดพร้อมกับยกมือไหว้ ก่อนจะก้มลงกราบที่อกของแม่เรย์ จากนั้นเธอก็ได้รับอ้อมกอดอันอบอุ่นจากคนที่เคยเป็นแม่สามีในความคิด ร่างเล็กของฟ้าสั่นเล็กน้อยด้วยความดีใจ ที่ในที่สุดเธอก็ได้รับการยอมรับพ่อของเรย์และเรย์ที่นั่งมองอยู่ต่างก็โล่งใจ เรย์ยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แม่ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ฟ้ามีเรียน เดี๋ยวจะสาย”“ได้จ้ะลูก วันหลังมาหาแม่นะ มาค้างที่บ้าน เอ่อ...อันที่จริง กลับมาอยู่กันที่บ้านก็ดีนะ” แม่พูดด้วยความอ่อนโยน“เอาไว้ค่อยว่ากันครับแม่ ผมกับน้องขอตัวก่อนน
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นมาในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นและคุ้นเคยของเขา ความสุขมากจนไม่อาจอธิบายได้ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันคงถอนตัวจากเขาไม่ได้ ฉันรักเขาหมดหัวใจ ฉันเงยหน้ามองใบหน้าของเรย์ที่หลับสนิท ขนาดหลับเขายังดูหล่อเหลือเกิน“มองขนาดนั้น ไม่กินฉันเข้าไปเลยล่ะ” เสียงของเขาดังขึ้น ฉันตกใจไม่น้อย“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?” ฉันถามด้วยความเขิน“ตื่นนานแล้ว ตื่นก่อนจะรู้ว่ามีคนแอบมองตั้งนาน”“ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ วันนี้ฉันมีเรียน” ฉันรีบหาข้ออ้าง แอบเขินกับสายตาของเขา“ก็เห็นหลับอยู่เลยไม่อยากกวน”“ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน” ฉันรีบลุกขึ้น แต่เขากลับพลิกร่างฉันลงบนเตียงแล้วคร่อมไว้ รวบมือทั้งสองข้างของฉันขึ้นเหนือศีรษะ นัยน์ตาสีดำขลับทอประกายร้อนแรงทำเอาฉันเขินอายไปกับสายตาของเขาจุ๊บ!เขาจูบลงมาที่หน้าผากฉันเบาๆ สัมผัสของเขาทำให้รู้สึกอุ่นซ่านเข้ามาในหัวใจ ทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันเขินอายเกินกว่าจะสบตาเขา และเอียงหน้าหนีเขาขำเบาๆ แล้วกดจมูกโด่งลงมาบนแก้มใสหนักๆ แล้วขยี้อย่างมันเขี้ยวทำเอาฉันจั๊กจี้แล้วหัวเราะออกมาเพราะหนวดเคราที่เริ่มขึ้น ฉันยกมือขึ้นดันใบหน้าคมออกหัวเราะไม่หยุดจนน
“น้องออกไปเที่ยวกับเพื่อน วันนี้คงค้างบ้านเพื่อนเลย” แม่ของพี่เรย์ตอบ แต่นัยน์ตายังคงจับจ้องมาที่ฉันไม่วาง ยิ่งเห็นพี่เรย์จับมือฉันแน่นไม่ปล่อย สายตาของเธอก็ยิ่งเต็มไปด้วยความไม่พอใจมากขึ้นไปอีก“แม่ครับ ผมถามอะไรแม่อย่างได้ไหมครับ” พี่เรย์เอ่ยถามเสียงเรียบ“ได้จ้ะ ถามมาเลย” แม่พี่เรย์หันไปมองพี่เรย์แล้วยิ้มออกมา“ถ้าเกิดสมมติว่า...ลูกสะใภ้คนโปรดของแม่ แอบทำเรื่องไม่ดีลับหลัง แถมยังไปนอนกับผู้ชายคนอื่นทั้งๆ ที่หมั้นกับผมแล้ว แม่จะทำยังไงครับ?”“ขนาดแกยังนอนกับคนอื่นได้เลย” พอแม่เขาได้ยินสิ่งที่พี่เรย์ถามสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แล้วตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่บอกให้รู้เลยว่าไม่พอใจ พลางหันมามองฉันอย่างตำหนิ ฉันก้มลงมองมือตัวเองรู้สึกถึงความอึดอัดปะทะใบหน้าจนอยากจะลุกออกไปจากตรงนี้แต่พี่เรย์ก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆ“มันไม่เกี่ยวกับฟ้า ผมบอกแล้วไงว่าเราเป็นแฟนกัน และผมก็ไม่ได้อยากหมั้นกับผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่แรก แต่แม่ยังจะยอมรับอยู่ไหม ถ้ามันเป็นแบบที่ผมพูด?” เรย์ถามต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง“หนูฟางข้าวไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ แม่รับรองได้ แม่เป็นแม่ แม่ก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกอยู่แล้
“สวัสดีทุกคน”“อืม /ดีปราง” พี่เตอร์กับพี่เรย์เอ่ยทักทาย“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้และทักทายด้วยรอยยิ้ม พี่ปรางยิ้มตอบกลับอย่างเป็นมิตร แล้วหันไปมองพี่บิลด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ก่อนจะพูดขึ้น“ยืมรถหน่อยดิ จะกลับบ้าน”“ไม่มีทาง!” พี่บิลตอบเสียงแข็ง หน้าตาดูไม่พอใจนัก“รถฉันเสีย...”“เรื่องของเธอสิ” พี่บิลยังไม่ทันให้พี่ปรางพูดจบก็สวนขึ้น“โอเค ได้..กลับก่อนนะทุกคน” พี่ปรางตัดบทแล้วเดินออกไปแบบไม่สนใจอะไรอีก“อะไรของพวกมึงนักหนาวะ” พี่เรย์ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ฉันเองก็สับสนเหมือนกัน“จะไปไหน?” ฉันถามอย่างงงๆ เมื่อเห็นพี่เรย์ยืนขึ้น“กลับบ้านสิ ลุก!” เขาบอกพร้อมกับดึงให้ฉันลุกแล้วก็จับมือพาฉันออกมาบนรถ“พี่เรย์..จะไม่หายโกรธฉันจริงๆ เหรอ?” ฉันถามเขาขณะที่เขากำลังสตาร์ทรถ มันนานเกินไปแล้วที่เขาทำตัวเย็นชาแบบนี้ มันไม่โอเคเลย“ถ้าไม่หายโกรธ ฉันจะคอยพาไปนั่นไปนี่เหรอ?”“ไม่จริงหรอก การกระทำพี่อาจจะใช่ แต่มันไม่ทั้งหมดไงแล้วคำพูดที่พี่พูดก็ไม่เหมือนเดิม บอกฉันสิว่าฉันต้องทำยังไง” ฉันพูดด้วยความอัดอั้นมองพี่เรย์อย่างมีความหวัง แต่พี่เรย์ก็ยังเงียบพรึบ!ฉันตัดสินใจปืนข้ามไปนั่งบนตักเขา หั
Ray Partหงุดหงิด!! โกรธทั้งโมโห ผมอยากจะฆ่าไอ้บ้านั่นให้ตายตรงนั้นเลย กว่าผมจะรู้ที่อยู่ของมันก็เกือบจะสายเกินไป ผมต้องรู้ให้ได้ว่าใครร่วมมือกับมัน!ผมพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ หวังว่าจะดับไฟความโกรธในใจได้บ้าง ถามว่าผมโกรธมั้ยที่ฟ้าโกหก บอกเลยว่าโกรธมาก แต่ก็ห่วงมากฉิบหายเหมือนกัน ก็แค่บอกผมสักคำว่าจะไปกับมัน ไปงานวันเกิดบ้าๆ อะไรก็ช่าง! แค่บอกให้ผมรับรู้บ้าง ถ้าไม่ได้ไอ้เตอร์ช่วย เธอคงไม่รอดแน่ๆ ผมให้ไอ้เตอร์ไปเค้นถามที่อยู่ของไอ้กองทัพจากเพื่อนมันที่อยู่ในผับของไอ้เตอร์'ถ้ามันไม่บอกก็ฆ่ามันซะ!' นั่นคือสิ่งที่ผมพูดกับไอ้เตอร์ก่อนจะได้ที่อยู่ของกองทัพมา ผมนอนมองฟ้าที่เดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จา เดินก้มหน้าไปห้องน้ำ เอ่อ ดี! ไม่คิดจะเล่าอะไรหรือแก้ตัวเลยใช่ไหม?“พี่เรย์ หลับแล้วเหรอคะ” คนตัวเล็กที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำถามขึ้นหลังจากคลานขึ้นมานอนข้างผม หึ! ตั้งแต่ตอนที่ทำผมโกรธก็พูดเพราะขึ้นมาเชียว พี่เรย์เหรอ..น่ารักชะมัด แต่ผมไม่ยอมหายโกรธเธอง่ายๆ แน่ หายโกรธไวเดี๋ยวก็ดื้ออีก อย่างน้อยต้องให้เธอสำนึกก่อน"พี่เรย์.." เพราะเสียงที่ดังคล้ายจะร้องทำให้ใจแข็งไม