หลายวันต่อมา
“เฮียหายไปนานหลายวัน เบื่อกันแล้วเหรอคะ” เสียงออดอ้อนดังขึ้นพร้อมกับร่างของหญิงสาวรูปร่างเซ็กซี่ที่ซบลงบนอกแกร่งของคิรัน
คิรันนั่งพิงพนักโซฟาโซนวีไอพีของไนต์คลับหรู ปล่อยให้เธอแนบตัวเข้ามาโดยไม่ขยับหนี มืออีกข้างยังถือแก้วน้ำสีเหลืองอำพัน สายตาไม่ได้มองคนข้างกายหากแต่มองออกไปด้านหน้า
“ฉันยุ่ง” เสียงตอบเรียบเฉยไม่ได้แสดงความรู้สึกใด
หญิงสาวขยับตัวเข้าใกล้มากขึ้น ปลายนิ้วลากไล้ไปตามแผงอกแกร่งของเขาอย่างยั่วเย้า
“ปกติยุ่งก็เห็นเฮียเรียกหาแพมตลอด เฮียไม่เคยหายไปเกือบหนึ่งทิตย์ น่าน้อยใจจังเลยนะคะ…” แพม ทำสีหน้าน้อยอกน้อยใจทั้งที่รู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์นั้น และอาจจะทำให้คิรันไม่พอใจ เขาไม่ชอบให้ใครล้ำเส้นไปมากกว่านั้นโดยเฉพาะกิริยาท่าทางของ ‘เด็กบนเตียง’ อย่างเธอ
“อย่าล้ำเส้น”
คิรันบอกแพมเสียงเข้ม ก่อนจะยกแก้วน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นจิบอีกครั้งเพื่อดับอารมณ์หงุดหงิด ทีแรกเขากำลังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ แต่แล้วแพมดันทำให้เขาอารมณ์เสียขึ้นมาซะอย่างงั้น
“แพมขอโทษ แพมแค่น้อยใจ”
“ถ้าน้อยใจก็กลับไป” เขาไม่แคร์อยู่แล้ว หากอยู่แล้วทำตัวน่ารำคาญเรียกร้องความสนใจก็กลับไป แค่นั้นเอง…
แพมชะงักเมื่อคิรันพูดไม่แคร์ความรู้สึกตัวเองเลยสักนิด แม้ว่าลึกๆ แล้วแอบรู้สึกเสียใจหากแต่ก็พยายามเก็บซ่อนมันเอาไว้ไม่แสดงออกมาเพราะเธอไม่อยากทำให้เขาอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
“แพมขอโทษนะคะ เฮียอย่าหงุดหงิดเลยนะ” แพมพูดพลางซบลงอกแกร่งอีกครั้ง นิ้วเรียวสวยหมุนกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดที่สองเล่นก่อนจะปลดออก “เดี๋ยวคืนนี้แพมทำให้เฮียหายอารมณ์เสียเองนะคะ”
คิรันก้มมองแพมแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก มือหนาที่วางพาดขอบพนักโซฟาลูบไล้แก้มเบาๆ หญิงสาวหลับตาพริ้มราวกับแมวน้อยที่กำลังโดนเจ้าของเย้าแหย่ แต่แล้วบรรยากาศก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อครินทร์ก้าวเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ
“ขอโทษที่มาขัดจังหวะ”
คิรันปรายสายตามองน้องชาย ส่วนแพมก็ผละออกจากอกแกร่งอย่างรู้งาน คนตรงหน้าเป็นน้องชายแท้ๆ ของคิรัน
“มึงมาทำไม”
“บังเอิญมาแล้วเห็นเฮีย เลยเข้ามาทักทาย” ครินทร์พูดแล้วปรายสายตาไปมองหญิงสาวข้างกายพี่ชาย “แต่งงานแล้วยังแอบมีเด็กอีกเหรอเฮีย”
“แต่งงาน?” แพมเผลอหลุดปากเอ่ยออกไปตามสัญชาตญาณ ก่อนจะหันไปมองคิรันอย่างหวิวๆ หากเป็นไปได้ก็ขอให้สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่เป็นเพราะเมาแล้วฟังผิด
“ไม่รู้เหรอว่าเฮียคิรันแต่งงานแล้ว”
แพมถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก ไม่ได้ฟังผิดเพราะเมาหากแต่เป็นความจริงที่เธอไม่อยากให้มันเกิดขึ้น คิรันแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ…
ตอนไหน?
เมื่อไหร่?
ทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน?
“นี่อำกันเล่นเหรอคะ” แพมยังคงหลอกตัวเอง
“หว่า เฮียน่าจะใส่แหวนแต่งงานมาเนอะ เห็นไหมสาวๆ เข้าใจผิดกันหมดแล้ว”
“มึงรีบไสหัวไปก่อนกูจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้”
“ฮะ…เฮียแต่งงานแล้วจริงๆ เหรอคะ” แพมเอ่ยถามคิรันอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ เธอต้องการความจริงจากปากของเขาไม่ใช่คนอื่น
“ได้ยินแล้วนี่” เขาตอบกลับแพมเสียงเรียบ
“ทำไมเฮียไม่บอกแพมเลยล่ะคะ ระ…หรือไม่ก็ขอจบกับแพมก่อนก็ได้ ทำไมเพิ่งมาบอกแพมตอนนี้”
“กลับไปก่อน”
“แต่เฮีย…” พอเห็นสายตาคมกริบที่ตวัดมาอย่างน่ากลัวแพมถึงกับสะอึกและกลืนคำพูดทุกอย่างลงลำคอไป “ก็ได้ค่ะ”
แพมลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยความเสียใจ ครินทร์ถือวิสาสะชงเหล้าเองอย่างไม่สนใจว่าการกระทำของตัวเองอาจทำให้พี่ชายไม่พอใจ หลังจากดื่มไปได้หนึ่งอึกก็ควงแก้มเป็นวงกลม สายตาเหลือบมองพี่ชายเพียงนิด
“พ่อสั่งห้ามไม่ให้เฮียยุ่งกับผู้หญิงในสต็อกแล้วนี่”
“ถ้ามึงไม่บอกพ่อ พ่อก็ไม่รู้”
“เฮียก็เหี้ยสมคำที่ผมเรียกนำหน้าเนอะ”
คำเหน็บแนมทำให้คิรันตวัดสายตามองน้องชายอย่างเอาเรื่อง ก่อนที่ริมฝีปากหยักได้รูปจะขยับเอ่ย
“ไอ้ครินทร์ กูพี่มึง”
ครินทร์หัวเราะเบาๆ พลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีกอึกอย่างไม่สะทกสะท้านกับสายตาดุดันของพี่ชาย
“เฮียออกมากินเหล้าแบบนี้ เมียเฮียไม่ว่าอะไรเหรอ”
“ยัยนั่นจะกล้าว่าอะไรกู” แค่ขึ้นเสียงใส่นิดหน่อยก็จะร้องไห้แล้ว หลังจากวันแต่งงานเขาออกมานอนคอนโดตัวเองเพราะไม่อยากนอนร่วมใต้ชายคาเดียวกับนาเนียร์
“ได้ข่าวว่าเฮียไม่นอนเพนท์เฮาส์ที่พ่อซื้อให้เป็นเรือนหอเหรอ”
“มึงรู้ได้ไง”
“ไม่ใช่แค่ผมที่รู้ พ่อกับแม่ก็รู้แล้ว”
“ใครบอก?” เขาเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อได้ยินครินทร์บอกแบบนั้น
“เฮียคิดว่าระดับคนอย่างพ่อ เรื่องแค่นี้จะรอดพ้นสายตาของพ่อไปได้เหรอ” ตอนแรกพ่อจะโทรมาด่าคิรันแล้ว แต่เขาบอกว่าจะลองคุยกับพี่ชายให้เพราะไม่อยากให้เรื่องราวมันใหญ่โต และอาจจะทำให้นาเนียร์พลอยซวยโดนคิรันทำอะไรบางอย่างไปด้วยก็ได้
พี่ชายเขายิ่งผีเข้าผีออกอยู่ด้วย…
“เฮียก็รู้พ่อเป็นคนฉลาด”
“…”
“พ่อฝากผมมาบอกเฮีย ระยะเวลาหนึ่งปีที่เฮียอยู่ในสถานะสามีนาเนียร์ เฮียห้ามไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น ไม่อย่างนั้นเฮียจะไม่ได้อะไรตามที่ตกลงกับพ่อ”
มือหนาบีบแก้วเหล้าแน่นขึ้น แต่งก็แต่งให้แล้วจะอะไรอีกนักหนา กว่าจะถึงหนึ่งปีเขาไม่เหี่ยวเฉาตายไปก่อนหรือไงที่ไม่ได้มีเซ็กซ์
“ทนเอาเฮีย ปีเดียว”
“ลองมึงโดนจับให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก มึงจะเข้าใจ” พูดจบแก้วในมือถูกวางเสียงดัง ปัง! ก่อนที่จะหยัดกายขึ้นเต็มความสูงเดินออกไป ทิ้งให้น้องชายนั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว
คิรันเดินออกมาสูบบุหรี่เงียบๆ คนเดียว ทว่าคำพูดต่างๆ ที่พ่อเคยพูดกลับทำให้ในอกร้อนรุ่มไปด้วยเปลวเพลิง ควันบุหรี่ถูกพ่นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เวลาหงุดหงิดอย่างนี้สิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คือ…การปลดปล่อยอารมณ์
เพนท์เฮาส์
นาเนียร์ที่อยู่ในชุดนอนเดินออกมาดื่มน้ำ หลังจากวันแต่งงานคิรันก็ไม่กลับมาที่นี่อีกเลย ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกดีไม่ใช่น้อยที่ไม่มีเขาอยู่ด้วย แม้จะสงสัยว่าเขาไปนอนที่ไหนหากแต่เธอก็เลือกที่จะเก็บความอยากรู้เอาไว้ เธอไม่ได้บอกใครเรื่องที่คิรันไม่ได้นอนอยู่เรือนหอเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โต
ผ่านไปสักพัก…
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูทำให้หัวใจดวงน้อยของคนที่กำลังดื่มน้ำอยู่กระตุกวูบ นาเนียร์หันขวับไปมองเจ้าของเสียงเมื่อครู่
“พี่ิคิรัน…” เธอเรียกชื่อเขาแผ่วเบา เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่เขาไม่โผล่หน้ามาเลยทำไมจู่ๆ ถึงกลับมา ทั้งที่อยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว
คิรันเดินเข้าไปหานาเนียร์ที่อยู่ในชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดา ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไรยิ่งได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากอีกคนมากเท่านั้น นาเนียร์รู้ทันทีว่าเขาดื่มมา แก้วที่ถืออยู่ถูกวางเอาไว้บนเคาน์เตอร์ครัว
“หนึ่งปีที่ฉันต้องทนอยู่กับเธอ ทำไมมันนานจังวะ”
“…” เธอเบือนใบหน้าหนีไปอีกทาง
“เพราะคำสาบานบ้าๆ นั่นทำให้ฉันต้องแต่งงานกับเธอ!”
นาเนียร์สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเมื่อโดนอีกคนขึ้นเสียงใส่
“อยากได้ฉันเป็นผัวจนตัวสั่นเลยสินะ”
“หนูไม่เคยมีความคิดแบบนั้น” เธอรีบสวนกลับทันควันเพื่อแก้ต่างให้ตัวเองก่อนโดนเข้าใจผิด
สำหรับเธอ หากเหลือผู้ชายอย่างคิรันคนเดียวบนโลก เธอก็ขออยู่คนเดียวดีกว่า
“ถ้าฉันอยากได้ฉันมาก ฉันสนองให้เลยดีไหม?”
“นะ…หนูบอกว่าไม่เคยมีความคิดแบบนั้นไง!” เธอพูดพร้อมดันแผงอกแกร่งของเขาออกแล้วเดินออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด แต่ทว่า…
หมับ!
“อ๊ะ!” เธออุทานร้องเสียงหลงเมื่อถูกเขาคว้าแขนเอาไว้แล้วดึงให้กลับไปเผชิญหน้าอีกครั้ง “พี่คิรันจะทำอะไรคะ…”
“ทำหน้าที่ผัวของเธอ”
“นะ…หนูยังไม่พร้อม” เธอเบิกตากว้าง หากเป็นเรื่องแบบนั้นเธอยังไม่พร้อมถึงแม้ตอนนี้จะอยู่ในสถานะ ‘ภรรยา’ ของเขาแล้วก็ตาม
“เป็นเมียฉันแล้ว ก็ต้องยอมให้ผัวเอาสิ…ถูกไหม?”
หัวใจดวงน้อยไหววูบตามคำพูดเมื่อครู่ เธอน่าเกลียดมากในสายตาของเขา แล้วเขาจะทำเรื่องแบบนั้นกับเธอลงได้จริงหรือ
“ถ้าพี่คิรันทำอะไรหนู หนูจะฟ้องคุณลุง”
“ฟ้องว่าฉันเอาเมียตัวเองนะเหรอ?” เขาถามแล้วแค่นยิ้มอย่างเย้นหยัน “พ่อฉันคงดีใจมากกว่าที่จะได้อุ้มหลานไวๆ”
“พี่คิรันเกลียดหนูขนาดนั้น ทำกับหนูลงเหรอคะ”
“เวลาคนมันเงี่ยน มันสนด้วยเหรอ”
“พะ…พี่คิรันเมาแล้ว”
“กินไปแค่นั้น มันไม่ทำให้ฉันเมาได้หรอก” ยิ่งเห็นสีหน้าหวาดกลัวของนาเนียร์เท่าไรเขายิ่งชอบใจมากเท่านั้น ในสายตาของเขาตอนนี้ ยัยนี่ไม่ต่างจากลูกแกะที่หลงมาในถิ่นเสือร้าย “ฉันอาจจะเกลียดเธอก็จริง แต่ตอนนี้ฉันเงี่ยน ฉันจะลืมว่าเกลียดเธอไปชั่วคราวก็แล้วกัน”