“มานอนกับฉัน”
เพียงแค่ประโยคเดียวทำสมองของนาเนียร์แทบหยุดประมวลผล ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจจนพูดอะไรไม่ออก ก้อนเนื้อข้างซ้ายเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งจนจับจังหวะไม่ได้
นอนกับฉัน…
เธอฟังไม่ผิด เขาพูดแบบนั้นจริงๆ และสายตาคมเข้มที่มองมาไม่มีท่าทีโกหกแต่อย่างใด เธอหลบสายตาคู่นั้นไปอย่างรวดเร็ว เกิดมาอายุยี่สิบปียังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน สิ่งที่พี่นุชพูดทำให้เธอพอเดาได้ว่าเขาคงเป็นพวก ‘เสือผู้หญิง’ แต่ไม่คาดคิดว่าจะโดนกับตัว
“ทำไมเงียบนานขนาดนั้น?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงเมื่อนาเนียร์ไม่ยอมปริปากเอ่ยอะไรนอกจากความเงียบที่ส่งกลับมา
“นะ…หนูไม่อยากได้เงินแล้วค่ะ”
“ว่าไงนะ?” คนที่ไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนปฏิเสธมีแต่ยอมสิโรราบให้ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่พอใจทันควัน นัยน์ตาดำขลับนิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มุมปากหยักกระตุกยิ้มเบาๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่โดนผู้หญิงปฏิเสธ…
“หนูไม่รับข้อเสนอนั้นค่ะ ขะ…ขอตัวก่อนนะคะ” เธอรีบลุกขึ้นเพื่อออกไปจากตรงนี้ จังหวะที่ถูกมือเย็นเฉียบคว้าแขนเธอรีบสะบัดออกตามสัญชาตญาณ ทั้งกลัวและทั้งใจสั่นในเวลาเดียวกัน
เธอหันกลับไปมองหน้าเขาที่ดูไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนักอีกครั้ง รีบก้มเก็บของเดินออกจากห้องนี้โดยเร็ว
คิรันขบกรามแน่น ก่อนจะจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดหลังจากโดนสาวใช้ชั่วคราวที่ตัวเองดันถูกใจปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย
ที่ผ่านมาเขาเป็นคนเลือกเหยื่อเองกับมือ รอบนี้มั่นใจยังไงนาเนียร์ต้องยอม แต่เขาคงประเมินเธอต่ำจนเกินไป ลมหายใจหนักๆ ถูกพ่นออกมา ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะหยัดกายขึ้นเต็มความสูงเดินไปทอดสายตามองวิวในยามค่ำคืนข้างนอกนิ่งๆ
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์วางบนโต๊ะทำงานที่ดังขึ้นทำให้เขาเอี่ยวตัวไปมอง ก่อนจะเดินเข้าไปดูว่าใครโทรมา เบอร์ที่โชว์หลาบนหน้าจอทำให้เขาไม่อยากรับสาย ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากมีปัญหากับพ่อเลยตัดสินใจคว้ามากดรับสาย
“ครับพ่อ”
(พรุ่งนี้ฉันต้องไปรับลูกสาวนวคุณ แกจะไปด้วยไหม)
“แล้วพ่อคิดว่าคนอย่างผมจะไปเหรอ?”
(แล้วแต่แกละกัน แต่ถ้าวันแต่งแกไม่โผล่หัวมา…รู้ใช่ไหมจะเกิดอะไรขึ้น)
“รู้หรอกน่า พ่อย้ำผมหลายรอบแล้ว” เขาตอบติดน้ำเสียงรำคาญเล็กน้อย
(ฉันโทรมาถามแกแค่นี้แหละ)
“งั้นผมวางนะ…” เขายกโทรศัพท์ที่แนบหูออกมา หลังจากพ่อชิงวางสายไปก่อน เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงที่เดิม
สายตาคมกริบจับจ้องไปยังประตู ที่แม่บ้านชั่วคราวเพิ่งเปิดออกไปอีกครั้งอย่างติดใจเรื่องที่โดนปฏิเสธไม่หาย ความหงุดหงิดก่อเกิดเพียงแค่เผลอนึกถึง
นาเนียร์ที่ออกมาจากห้องทำงานคิรันด้วยสีหน้าตื่นตระหนกมาเจอนุชที่กำลังเดินตรวจงาน นุชที่เห็นนาเนียร์ออกมาจากห้องเจ้านายก็รีบเอ่ยถามด้วยความตกใจ
“ทำไมเข้าไปในนั้นล่ะเนียร์ พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามเข้าไปถ้าไม่ได้รับอนุญาต” นุชที่กลัวความผิดเอ่ยอย่างร้อนรน ห้องนั้นเป็นห้องทำงานของเจ้านาย หากเจ้านายไม่ได้สั่งให้เข้าไปก็อย่าแม้แต่จะย่างกรายเข้าไปเด็ดขาด
“มีผู้ชายคนนึงเดินมาบอกหนูค่ะพี่นุช ว่าให้เข้าไปทำความสะอาด”
“ผู้ชายคนนึง…” นุชพึมพำพลางครุ่นคิด ก่อนจะโพล่งขึ้นเมื่อนึกได้ “หมายถึงคุณสิงห์น่ะเหรอ”
“หนูก็ไม่รู้จักเขาหรอกค่ะ แต่ท่าทางเข้มๆ ดูดุๆ”
“น่าจะเป็นคุณสิงห์ ถ้าคนนี้กับนายอนุญาตก็เข้าไปได้ เพราะคุณสิงห์เป็นคนสนิทของนาย”
“อ๋อค่ะ” เธอพยายามไม่แสดงอาการอะไรออกไปให้พี่นุชสงสัย แต่ดูเหมือนจะไม่รอดพ้นสายตาของพี่เขา…
“พี่เห็นเนียร์ทำหน้าตาตกใจเหมือนคนเจอผี อย่าบอกนะว่าเจอนานเข้าน่ะ”
“ค่ะ หนูเจอเขา” เธอตอบอย่างไม่ปกปิด แต่ไม่ได้เล่าทั้งหมดให้พี่นุชฟังว่าเจออะไรบ้าง
“นายน่ะไม่ชอบให้พวกเราเข้าไปวุ่นวายในนั้นเท่าไรนัก ถ้าเข้าไปตอนนายอยู่ในห้องต้องห้ามอยู่นานเกินสิบห้านาที” นุชเริ่มเล่าให้นาเนียร์ฟัง “เห็นนายเรียกผู้หญิงมาหาบ่อยๆ แต่จริงๆ แล้วนายเป็นคนหวงพื้นที่ส่วนตัวมาก ทุกครั้งที่ทำกับผู้หญิงเสร็จไม่เคยมีใครได้ค้างคืนหรืออยู่กับนายต่อได้นาน โดนไล่ออกมาทุกราย”
“เขาดูเจ้าชู้จังเลยนะคะ”
“ตามประสาคนรวยแหละ มีผู้หญิงไว้แก้ขัด อ้อ! พี่ได้ยินคนเขาลือกันนะ ว่านายกำลังจะแต่งงานกับคนที่ทางบ้านหาให้”
“หนูคิดว่าผู้หญิงที่ได้แต่งงานกับเขาคง…น่าสงสารไม่เบาเลย” เธอพูดเสียงแผ่วเบาแล้วยิ้มเจื่อนเล็กน้อย
“พี่ก็คิดแบบนั้น ไปทำงานต่อเถอะ พี่จะไปตรวจทางนู่นก่อน”
“ค่ะพี่นุช” เธอตอบรับ ก่อนจะเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ไม่วายจะหันไปมองประตูห้องทำงานของคนที่พี่นุชเรียกว่า ‘นาย’
กำลังจะแต่งงานงั้นเหรอ…
แต่ทำไมยังมีนิสัยเหมือนผู้ชายไม่รู้จักพออยู่นะ พอเธอโดนแบบนั้นก็แอบรู้สึกสงสาร ‘ว่าที่ภรรยา’ ของเขาในฐานะผู้หญิงด้วยกันไม่ได้
นาเนียร์กลับมาถึงบ้านช่วงสามทุ่มเศษๆ ทุกคนในบ้านต่างอยู่ห้องใครห้องมันไปแล้ว เธอทำอะไรให้เบาที่สุดเพราะไม่อยากให้ป้าเปิดประตูออกมาด่า เท้าเล็กก้าวขึ้นบันไดเบาๆ แสงไฟจากห้องทีมที่เปิดอยู่ทำให้รู้ว่าน้องชายยังไม่หลับ เธอห้อยน้ำเต้าหู้ร้อนๆ ที่ตั้งใจซื้อมาฝากทีมไว้ตรงลูกบิด ก่อนจะส่งข้อความบอกน้องชาย
พอเธอปิดประตูลงแล้วก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ไม่นานทีมก็ตอบกลับมาด้วยรูปภาพของถุงน้ำเต้าหู้ที่เธอห้อยเอาไว้ตรงลูกบิด
เธอวางกระเป๋าลงเก้าอี้ไม้เล็กๆ ก่อนจะหยิบสายชาร์จในกระเป๋าออกมาชาร์จแบตโทรศัพท์ที่เหลือเพียงสิบเปอร์เซ็นต์ จากนั้นหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำนอน
ความเหนื่อยล้าหายไปกับสายน้ำที่ชโลมบนร่างกาย ร่างบางใช้เวลาอาบน้ำเพียงแค่แป๊บเดียวก็เสร็จ โดยส่วนตัวนาเนียร์ไม่ใช่คนอาบน้ำนาน หลังจากอาบน้ำเสร็จร่างบางในชุดนอนหมีแสนน่ารักเดินออกมาหย่อนสะโพกลงเตียงนอน มือเล็กหยิบผ้าผืนเล็กที่คล้องคอขึ้นมาเช็ดผมที่เปียกปอน
‘อยากได้เงินไหม’
‘ฉันมีข้อเสนอดีๆ มาให้ แค่เธอตอบตกลง เธอจะได้เงินทันที’
‘มานอนกับฉัน’
จู่ๆ คำพูดพวกนั้นก็ฉายซ้ำในหัวจนมือเล็กที่กำลังเช็ดผมอยู่หยุดชะงัก เพียงเสี้ยววินาทีเธอเผลอมีความสนใจในข้อเสนอนั้นของเขา ก่อนจะรีบดึงสติตัวเองกลับคืนมาโดยทันที
“คิดอะไรอยู่นาเนียร์ เขากำลังจะแต่งงานแล้วนะ” เธอพึมพำบอกตัวเอง หลังจากดึงสติกลับคืนมาได้สำเร็จก็รีบเช็ดผมให้แห้งจะได้รีบนอน เพราะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันเหลือเกิน…