นาเนียร์ก้าวลงจากรถหรู ดวงตาคู่สวยจ้องมองคฤหาสน์หลังใหญ่ราวกับราชวัง เธอไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรนักกับความหรูหราของที่นี่ เพราะพื้นฐานเดิมเธอก็เคยอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะมาก่อนจะไปอยู่กับป้า
ได้ยินป้าพูดว่าพออายุยี่สิบจะมีเศรษฐีมาสู่ขอ แต่คาดไม่ถึงว่าจะเป็นครอบครัวของคิระ นาเนียร์จำครอบครัวนี้ได้รางๆ เพราะตอนเด็กๆ พ่อพามาที่บ้านหลังนี้บ่อย แต่พอพวกท่านจากไปเธอก็ไม่ได้พบกับพวกเขาอีกเลย…
“สวัสดีค่ะคุณนาเนียร์” เสียงหัวหน้าแม่บ้านทักทายคนที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับคิระด้วยรอยยิ้ม พลางเข้าไปช่วยอีกคนถือของ “มาค่ะ เดี๋ยวป้าช่วยถือขึ้นไปไว้ข้างบน”
“มะ…ไม่เป็นไรค่ะ หนูถือเองได้” เธอพูดอย่างเกรงใจ รู้สึกไม่ชินเท่าไรที่มีคนคอยช่วยทำอะไร เพราะปกติเธอเป็นคนทำเองทั้งหมด
“มาเถอะค่ะ” หัวหน้าแม่บ้านพูดอย่างยิ้มแย้ม จนนาเนียร์ยอมปล่อยกระเป๋าสะพายข้างให้ในที่สุด
“มากันแล้วเหรอ” คาร์เทียร์ นายหญิงของบ้านเดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม เธอละสายตาจากสามีไปมองว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้มใจดี ส่วนอีกคนยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม “สวัสดีจ้ะ หนูนาเนียร์โตแล้วสวยขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย”
“ขอบคุณค่ะ คุณป้าก็ยังดูสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะคะ” แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป ทว่าทั้งสองคนยังคงดูสวยหล่อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ปากหวานสมเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ป้าจริงๆ” คาร์เทียร์พูด แล้วหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจที่โดนชมแบบนั้น “พาหนูนาเนียร์ขึ้นไปที่ห้องเถอะ”
“ค่ะคุณคาร์เทียร์ เชิญทางนี้ค่ะ”
เธอเดินตามคนที่เข้ามาช่วยถือกระเป๋าขึ้นไปข้างบน ตอนนี้คนอื่นๆ กำลังวุ่นวายกับการจัดเตรียมงานแต่งในวันพรุ่งนี้ ขนาดยังไม่เสร็จหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ยังดูอลังการขนาดนี้ ไม่อยากนึกถึงตอนเสร็จทุกอย่างเลย คงเวอร์วังน่าดู
“ห้องของคุณนาเนียร์ค่ะ”
นาเนียร์กวาดสายตามองห้องนอนที่ถูกตกแต่งคล้ายกับห้องนอนเจ้าหญิง หัวใจจากที่นิ่งสงบพลันไหววูบเล็กน้อย ตอนเด็กๆ ก่อนที่จะถูกพามาอยู่กับป้า เธอเคยมีห้องนอนแบบนี้ ทุกอย่างราวกับฝันเลย…
จู่ๆ ดวงตาคู่สวยก็คลอเคล้าด้วยของเหลาสีใส และมุมหนึ่งของห้องนอนมีหุ่นที่สวมใส่ชุดเจ้าสาวปาดไหล่สีขาวสะอาดตา หัวใจของเธอกลับมาเต้นแรงอีกครั้งกับสิ่งๆ นั้นที่สะท้อนความจริงว่าวันพรุ่งนี้เธอจะกลายเป็น…เจ้าสาวของผู้ชายคนนั้น
‘ยัยอ้วนฟันเหยิน!’
เจ้าของคำพูดในวัยเด็กที่ดังสะท้อนเข้ามาในหัว…
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น นาเนียร์เดินไปเปิดประตูแล้วพบว่าเป็นสาวใช้ที่ถือของกินมากมายมาให้
“ของว่างค่ะคุณนาเนียร์” สาวใช้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินนำของว่างที่จัดเตรียมไว้ให้ว่าที่สะใภ้คนแรกของตระกูลไปวางยังโต๊ะ มีทั้งน้ำส้มคั้นสด ผลไม้ และขนมมากมายที่นาเนียร์น่าจะชอบ “ทานให้อร่อยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยคำพวกนี้จนติดปาก สายตามองของกินมากมายบนโต๊ะแล้วคิดในใจว่า ‘จะกินหมดไหม’ เธอหยิบน้ำส้มคั้นสดขึ้นมาจิบ ล่าสุดที่ใช้ชีวิตแบบนี้คือตอนไหนเธอจำมันไม่ได้แล้ว
หลังจากกินของว่างจนหมดเกลี้ยง นาเนีนร์ยกถาดลงมาเก็บข้างล่างอย่างไม่ต้องรอให้ใครขึ้นมาเก็บให้ สาวใช้ที่เห็นต่างรีบวิ่งเข้ามาช่วยถือตั้งแต่หน้าบันได
“เดี๋ยวเอาไปเก็บให้ค่ะ”
นาเนียร์ยังไม่ทันอ้าปากพูดอะไรถาดในมือก็ถูกแย่งไปเสียแล้ว คนตัวเล็กจึงเดินเข้าไปดูว่ามีอะไรที่ตัวเองพอช่วยได้ไหม เธอไม่ชินเวลามาบ้านคนอื่นแล้วอยู่เฉยๆ อย่างน้อยหยิบจับอะไรช่วยก็ยังดี
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณนาเนียร์” สาวใช้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม ขืนให้ว่าที่สะใภ้หมื่นล้านลงมาทำมีหวังโดนหัวหน้าแม่บ้านเทศน์จนหูชาแน่นอน
“หนูนาเนียร์จ้ะ มากับป้าดีกว่า” เสียงของคาร์เทียร์ดึงความสนใจจากนาเนียร์ให้หันไปมอง แต่ไม่ทันไรก็ถูกอีกคนคว้ามือไปจับไว้แล้วพาเดินไปยังห้องๆ หนึ่งที่คาดว่าคงเป็นห้องส่วนตัว “นั่งรอตรงนี้แป๊บนึงนะจ้ะ”
“ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ ก่อนจะหย่ินตัวนั่งลงโซฟา สายตากวาดมองไปรอบๆ ภายในห้องที่ถูกตกแต่งหรูหรา บ่งบอกถึงตัวตนเจ้าของอย่างชัดเจน
ผ่านไปไม่นานคาร์เทียร์ก็เดินกลับมาพร้อมกับกล่องกำมะหยี่สีแดง มือที่ยังคงเต่งตึงวางลงโต๊ะลายหินอ่อน ก่อนจะเปิดออกเผยให้เห็นสร้อยเพชรราคาแพง แสงของมันที่สะท้อนกับแสงจากธรรมชาติที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา พลอยทำให้รู้สึกแสบตาไม่ใช่น้อย
“ของชิ้นนี้ป้าให้เป็นของขวัญวันแต่งงานนะ”
“สะ…สร้อยเพชรเหรอคะ” แทบจะไม่อยากเชื่อว่าคุณป้าคาร์เทียร์จะกล้าให้สร้อยเพชรแก่เธอ
“ใช่จ้ะ ป้าให้หนูนาเนียร์ใส่ในวันแต่งงานพรุ่งนี้”
“หนูไม่กล้ารับมาหรอกค่ะ สร้อยเพชรเส้นนี้คงแพงมากน่าดู”
“เป็นชิ้นที่แพงที่สุดที่ป้าเก็บสะสมเอาไว้ จริงๆ ป้าตั้งใจเก็บเอาไว้ให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของสะใภ้คนแรก” คาร์เทียร์พูดด้วยรอยยิ้ม หากเป็นคนอื่นให้ไปแล้วคงรู้สึกเสียดาย แต่พอเป็นนาเนียร์กลับไม่มีความรู้สึกแบบนั้นอยู่เลย “ใส่ในงานแต่งพรุ่งนี้นะหนูนาเนียร์”
“แต่…”
“ป้าให้แล้วไม่รับคืนนะ”
นาเนียร์รู้สึกเกรงใจคาร์เทียร์เป็นอย่างมาก ดวงตาคู่สวยเหลือบมองสร้อยเพชรตรงหน้าอีกครั้งอย่างไม่กล้าสวมใส่ในวันพรุุ่งนี้ แม้อีกคนบอกว่าเป็นของขวัญวันแต่งงาน ทว่าก็อดรู้สึกเกรงใจไม่ได้อยู่ดี
“ถ้าหนูนาเนียร์ไม่ยอมรับของขวัญชิ้นนี้ไป ป้าคงรู้สึกไม่ดีมากแน่ๆ เลย”
“งะ…งั้นหนูรับไว้ก็ไว้ก็ได้ค่ะคุณป้า” ในที่สุดเธอก็ยอมรับของขวัญวันแต่งงานชิ้นนี้มาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่อยากปฏิเสธน้ำใจของคุณป้าคาร์เทียร์
คาร์เทียร์ยิ้มแย้มด้วยความดีใจ หากไม่ใช่นาเนียร์คงไม่คะยั้นคะยอให้รับไป เธอรักและเอ็นดูนาเนียร์เหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ในชีวิตนี้เธอมีเพียงลูกชายสองคน คนโตคือคิรัน ส่วนคนเล็ก ‘ครินทร์’ ตอนนี้อยู่ฝรั่งเศส จะบินมาถึงไทยดึกๆ ของวันนี้
“หนูนาเนียร์เคยเห็นคิรันตอนโตรึยัง”
“ยังเลยค่ะ” เธอจดจำภาพเขาในวัยเด็กเท่านั้น ก่อนที่จะถูกพ่อแม่พาไปอยู่กับป้า เขาหล่อตั้งแต่เด็ก โตมาคงไม่ต่างกัน
“เดี๋ยวป้าเปิดรูปคิรันให้ดู” คาร์เทียร์หยิบโทรศัพท์เครื่องหรูสีขาวขึ้นมาเพื่อเปิดรูปลูกชายตอนโตให้นาเนียร์ดู “นี่ไง คิรันตอนโต”
นาเนียร์ละสายตาจากใบหน้าที่สาวสวยของคาร์เทียร์มามองหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรู วินาทีแรกที่เห็นคิรันตอนโตเป็นหนุ่ม หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบโดยทันที
“คะ…คนนี้เหรอคะคุณป้า คิรันตอนโต?”
“ใช่จ้ะ…ว่าที่เจ้าบ่าวของหนูนาเนียร์หล่อไหม” คาร์เทียร์พูดอย่างรู้สึกภูมิใจในความหล่อของลูกชาย
เธออึ้งจนพูดไม่ออก สายตาดึงกลับมามองคิรันตอนโตอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อว่าคือคนเดียวกัน ทำไมคนที่เธอต้องแต่งงานด้วยในวันพรุ่งนี้ ดันเป็นคนเดียวกับเจ้าของคำพูดนั้น…
‘มานอนกับฉัน’
“คุณป้าแน่ใจนะคะว่าเป็นคนเดียวกัน” เธอถามย้ำอีกรอบให้แน่ใจมากกว่านี้
“หนูนาเนียร์จำครินทร์ได้ใช่ไหม?”
“จำได้ค่ะ”
“นี่ครินทร์ตอนโต ส่วนนี่ก็คิรันตอนโต” คาร์เทียร์ชี้นิ้วไปยังลูกชายทั้งสอง ที่อยู่ในชุดสูทผูกเนกไทออกงานดูเนี้ยบ
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เธอเคยคิดในใจ ว่าสงสารคนเป็นว่าที่ภรรยาในอนาคตของเจ้าของประโยคนั้น แต่หารู้ไม่ว่า…คนๆ นั้นก็คือตัวเธอเอง
ต้องแต่งงานกับเสือผู้หญิงไม่พอ แถมดันเป็นคนเดียวกับที่เคยกลั่นแกล้งเธอในตอนเด็กๆ อีกด้วย
เวรกรรมรักเธออะไรนักหนา…