คือเขา…
คิรัน เจ้าบ่าวของเธอในวันพรุ่งนี้ หนีงานแต่งตอนนี้ทันหรือเปล่านะ เธอเดินวนไปมาภายในห้องนอนพร้อมกับบีบมือเล็กแน่น สายตามองไปยังชุดแต่งงานอย่างหนักใจ
นอกจากจะต้องแต่งงานกับผู้ชายที่เคยกลั่นแกล้งเธอตอนเด็กๆ ไม่พอ เขาคนนั้นดันเป็นคนเดียวกับประโยคนั้น…
‘มานอนกับฉัน’
ทุกคนต่างดูดีใจที่คิรันจะได้แต่งงาน ใบหน้าคนในบ้านยิ้มแย้มแววตาประกายด้วยความสุข แล้วเธอล่ะ?
“หนีตอนนี้ทันไหม…” เสียงพึมพำหลุดออกจากริมฝีปากที่แห้งผาก เธอเดินวนไปมาภายในห้องนอนที่ตกแต่งราวกับเจ้าหญิง หากแต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่ในคุกจำลองขนาดใหญ่
มือเล็กกำแน่น จับเข้าที่อกข้างซ้ายซึ่งหัวใจยังเต้นแรงไม่หยุดตั้งแต่เห็นรูปเขาเมื่อครู่
เธอไม่เคยลืมวันนั้น…วันที่เขาล้อเลียนเธอว่า ‘ยัยอ้วนฟันเหยิน’ จนหมดความมั่นใจขอให้แม่พาไปจัดฟันจนไม่เหยิน เธอเริ่มลดน้ำหนักแต่ก็ไม่วายโดนเขาพูดเหน็บแนม ‘อ้วนขนาดนี้ลดไม่ได้หรอก’ จำได้ว่าตอนนั้นมันทำให้เธอหมดกำลังใจไปเลย
และที่สำคัญมันทำให้เธอพลอยเกลียดเขาตามไปด้วย แล้วดูตอนนี้สิ…ฟ้าดินกลั่นแกล้งเธออีกครั้งให้เขามาเป็นสามีของเธอ
“ทำไมถึงเป็นเขา…” เธอครางเบาๆ แล้วทรุดนั่งข้างเตียง ในตอนแรกเธอคิดว่าจะเป็นครินทร์ลูกชายคนตัวเล็กของคุณลุงคิระ ดวงตาคู่สวยเงยขึ้นมองชุดเจ้าสาวสีขาวที่วางอยู่บนหุ่น
ผ้าลูกไม้ละเอียดปาดไหล่พริ้วเบา ราวกับออกแบบมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ ทว่ากลับกลายเป็นเครื่องเตือนใจว่าเธอกำลังจะตกเป็นภรรยาของคนที่พ่นคำพูดฝังใจในวัยเด็ก
“ทำไมต้องเป็นเขาด้วย…” เธอถามตัวเองซ้ำๆ เป็นไปได้ไหมว่าพรุ่งนี้จะไม่มาถึง หรืออย่างน้อยเขาเปลี่ยนใจไม่มาในงานแต่งเลยก็ได้ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้ดีว่าคิรันไม่ใช่ผู้ชายที่ขาดความรับผิดชอบ
ทำไงดี…
วันต่อมา
เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงคลอเบาๆ ภายในงานตกแต่งด้วยโทนขาวทอง ห้องโถงกว้างถูกเนรมิตเป็นงานแต่งหรูหราสมฐานะ แสงไฟอบอุ่นสะท้อนเข้ากับผ้าซาตินและลูกไม้ของโต๊ะจัดเลี้ยงที่ประดับดอกไม้สดนับพันจากต่างประเทศ
ทุกคนในงานต่างจับจ้องไปยังเวทีด้านหน้า ซึ่งมีชายหนุ่มในชุดสูทสมัยใหม่สีงาช้างนั่งอยู่ ใบหน้าคมคายฉายชัดว่าไม่ได้อยากนั่งอยู่ตรงนี้เสียเท่าไร
“ทำหน้าตาให้มันดีๆ หน่อยสิคิรัน” เสียงของคาร์เทียร์คนเป็นแม่เอ่ยเมื่อเห็นสีหน้าของลูกชายที่ดูไม่ค่อยรับแขกเสียเท่าไร
“ดีที่สุดแล้วครับ” เขาตอบเสียงเรียบแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ หากไม่ใช่เพราะโดนพ่อขู่คงไม่มีวันเห็นเขานั่งอยู่ตรงนี้หรอก
“เชิญเจ้าสาวได้เลยครับ!” เสียงจากพิธีกรเอ่ยขึ้น
ประตูด้านหลังเปิดออก นาเนียร์ปรากฏตัวในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตาปาดไหล่ ผมของเธอถูกรวบขึ้นโชว์ลำคอระหงและต่างหูเพชรเล็กๆ ที่สะดุดสายตาทุกคนก็คือสร้อยเพชรตรงลำคอที่เป็นของขวัญจากคาร์เทียร์ที่เปล่งประกายยิ่งกว่าไฟทุกดวงในงาน
หัวใจแกร่งแทบหยุดเต้นเมื่อรู้ว่ายัยเด็กเหลือขอคนนั้นโตเป็นสาวสวยสะพรั่งแล้ว ใบหน้าคมคายฉายชัดว่าอึ้งไม่ใช่น้อย และที่สำคัญ…เขาจำได้ ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนเดียวกับที่เข้าทำความสะอาดในห้องทำงานของเขาคราวก่อน
โลกกลมเกินไปหรือเปล่า…
“น้องสวยไหมคิรัน” เสียงของคาร์เทียร์เอ่ยถามลูกชายด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้น้องไม่ใช่ยัยอ้วนฟันเหยินที่ลูกเคยล้อแล้วนะ”
นาเนียร์เดินเข้ามาด้วยท่าทางประหม่าและไม่กล้าสบตากับคิรัน และยิ่งเมื่อเข้ามานั่งข้างๆ ยิ่งรู้สึกเกร็งเข้าไปใหญ่
คิรันเหลือบมองร่างบางข้างกายผ่านหางตา เธอดูไม่ต่างจากตุ๊กตากระเบื้องราคาแพงเปราะบางแต่สง่างาม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกสายตาจึงจับจ้องมาที่เธอ ราวกับเธอเป็นนางเอกของงานนี้อย่างไม่มีข้อกังขา
เจ้าสาวที่นั่งนิ่งข้างกายคือผู้หญิงที่เขาเคยพูดจาแย่ๆ ใส่ด้วยความคะนองปากในวัยเด็ก ตอนนี้กลับกลายมาเป็นภรรยาโดยชอบธรรมของเขา
“ตัวแข็งเป็นหินเลยนะ” เขาก้มหน้าเล็กน้อย กระซิบเบาๆ ข้างหูเธอ ริมฝีปากแตะแค่ลมหายใจ แต่เพียงพอจะทำให้เธอสะดุ้งวาบ
นาเนียร์เม้มปากแน่น ไม่กล้าตอบอะไรทั้งนั้น แม้ในใจจะเต็มไปด้วยคำพูดมากมาย แต่ทุกอย่างก็ติดอยู่แค่ตรงลำคอ
คิรันหัวเราะในลำคอเบาๆ กับท่าทางของเธอ แววตาคมกริบพาดผ่านใบหน้าสวยก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ” สายตาคมกริบมองคนข้างกายอย่างแทะโลม
นาเนียร์บีบมือที่วางบนตักแน่นด้วยความประหม่า ก่อนจะเบือนใบหน้าไปทางอื่น พยายามไม่สนใจสายตานั้นแม้รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาถึงใบหู ในเวลาต่อมาเสียงพิธีกรก็เอ่ยขึ้น
“ลำดับต่อไปขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวทำพิธีไหว้ขอพรจากผู้ใหญ่ครับ”
คิรันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สูทสีงาช้างตัดพอดีตัวส่งให้เขาดูโดดเด่นราวเจ้าชายในเทพนิยาย ทั้งสองคุกเข่าพร้อมกันเบื้องหน้าผู้ใหญ่ นาเนียร์โน้มตัวลงอย่างนอบน้อม มือทั้งสองประนมไหว้แตะพื้นพร้อมกับคิรัน
“ขอให้รักกันนานๆ มีความสุขในชีวิตคู่ เข้าใจและให้อภัยกัน” คำอวยพรจากปากคิระมาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น “ดูแลน้องเขาดีๆ เข้าใจไหม”
“ครับ” เขาตอบรับพอส่งๆ
“จะเป็นสามีน้องเขาแล้ว อย่าแกล้งน้องเขาเหมือนตอนเด็กๆ อีกล่ะ” คาร์เทียร์ยิ้มแล้วพลางลูบหัวลูกชายอย่างหมั่นไส้
“ครับ” เขาตอบส่งๆ เช่นเคย อยากรีบทำทุกอย่างให้จบไวๆ ตอนนี้เขาอยากถอดชุดนี้เต็มทนแล้ว
“ไหว้เมียสิคิรัน” คิระกัดฟันบอกลูกชายที่นั่งนิ่งไม่ยอมไหว้นาเนียร์ “แกอย่าดื้อ ถ้าอยากเสร็จไวๆ ก็รีบไหว้น้อง”
คิรันเหลือบมองพ่อ ก่อนถอนหายใจยาวๆ สุดท้ายก็ยอมไหว้ลงตักของนาเนียร์อย่างไม่เต็มใจ การกระทำของอีกคนทำให้เจ้าสาวรู้สึกเกร็งจนกลั้นหายใจ
นาเนียร์ก้มลงไหว้คิรันตามพิธีอย่างเงียบๆ แม้ภายในจะอึดอัดจนแทบทนไม่ไหวก็ตาม ริมฝีปากเม้มแน่นแต่ไม่ปริปากโต้เถียงใดๆ เพราะเธอรู้ดีว่าอย่างไรงานนี้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อทั้งคู่ไหว้กันเสร็จ ท่ามกลางเสียงปรบมือเบาๆ จากแขก พิธีกรจึงกล่าวต่อ
“ลำดับต่อไปจะเป็นการแลกแหวนแต่งงาน”
คิรันหยิบกล่องแหวนเพชรเม็ดเล็กเรียงรายรอบตัวเรือนวาววับมา ก่อนจะจับมือเล็กของนาเนียร์มาสวมใส่อย่างฝืนใจ
จากนั้นนาเนียร์ก็หยิบแหวนอีกวงขึ้นมาสวมใส่ให้เขาอย่างสั่นๆ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เสียงปรบมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง
พิธีแต่งงานดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์…