K1NG CLUB
ร่างบอบบางเดินเข้ามาภายในไนต์คลับสุดหรูที่มองไปทางไหนก็มีแต่คนแต่งตัวดูดี แบรนด์เนมทั้งตัว ออร่าความรวยของแต่ละคนแผ่ซ่านออกมา ทำให้เซลีนรู้สึกว่ากำลังหลุดมาอยู่อีกโลก กลิ่นแอลกอฮอล์ปนน้ำหอมทำเอาคนที่เคยมาสถานบันเทิงแบบเพลงดังกระหึ่มอย่างนี้ครั้งแรกรู้สึกมึนหัว
วันก่อนเธอกรอกใบสมัครอีกร้านที่คนละสไตล์กับที่นี่เอาไว้ วันนี้ผู้จัดการร้านนั้นโทรมาบอกว่าร้านคนเต็มแล้ว ถ้าต้องการงานจริงๆ แนะนำให้มาที่นี่ ‘K1NG CLUB’ เป็นไนต์คลับของเพื่อนเจ้าของร้านนั้น
ด้วยความที่เธอต้องการงานและเงินจึงลองมาสมัครดูเผื่อฟลุกโดนรับเข้าทำงาน เธอไม่เคยทำงานสถานบันเทิงมาก่อน แต่เพราะความจำเป็นเลยทำให้เธอตัดสินใจมาทำงานในที่แบบนี้ ถึงเงินน้อยแต่หากเลือกไนต์คลับดีๆ หน่อยอาจได้ทิปเยอะ เพื่อนเธอบอกแบบนั้น
“เซลีนใช่ไหม” เสียงนั้นดังขึ้นจากด้านข้าง ชายหนุ่มร่างสูงชุดสีดำทั้งตัว เสื้อเชิ้ตปลดกระดุมลงมาสามเม็ดเผยให้เห็นแผงอก ใบหน้าหล่อเหลา หากแต่ดูน่ากลัวจนหญิงสาวทำตัวไม่ถูก “พี่เดย์นะ เป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้าน ไอ้ก้องผู้จัดการร้านที่เราไปหรอกใบสมัครเอาไว้วันก่อน มันบอกพี่ว่าเราสนใจมาทำงานที่นี่ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ” เซลีนรีบรับคำเสียงเบา เธอไม่ได้มั่นใจนัก แต่ก็พยายามไม่ทำให้ตัวเองดูประหม่า
“งั้นตามพี่มาทางนี้”
เซลีนเดินตามผู้จัดการร้านไปติดๆ ในตอนเดินผ่านโต๊ะหนึ่งเดาว่าคงเป็นของพวก VIP ที่มีชายหนุ่มในชุดแบรนด์เนมนั่งกันเป็นกลุ่ม เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง สายตาของบางคนกวาดมาทางเธอชั่วครู่ แต่เธอก็รีบหันหน้าหนี เธอไม่ชินกับสายตาแบบนั้นเลย
“ถ้าวันนี้พี่ให้เราเริ่มเทรนงานก่อนสะดวกไหม ยังไม่ต้องเสิร์ฟเต็มระบบ แค่ลองดูบรรยากาศ ทำความรู้จักกับพื้นที่บาร์ กับโต๊ะต่างๆ เอาไว้ แล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มงานจริงจัง”
“ได้ค่ะ”
“โอเค ส่วนรายละเอียดอื่นๆ พี่เห็นในประวัติเราหมดแล้ว ตามนั้นเลยใช่ไหม”
เธอพยักหน้า ในใบสมัครก็ระบุไว้ชัดว่าไม่รับงานเอนฯ ไม่ดื่ม และไม่เต้น มีแต่เสิร์ฟและดูแลลูกค้าเท่านั้น ซึ่งเดย์ก็รับทราบดี
เชาพาเธอไปนั่งเทรนกับพนักงานผู้หญิงอีกคนชื่อ ‘แพมมี่’ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นรุ่นพี่ในไนต์คลับแห่งนี้
“ไม่ต้องเครียดนะ มาทำงานแบบนี้ครั้งแรกก็ไม่แปลกที่จะตื่นเต้น” แพมมี่พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายพลางยื่นเมนูให้เธอดู “จำพวกนี้ไว้ให้ได้ก่อน พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องถามบ่อย มันจะดูมืออาชีพกว่า”
ระหว่างที่เซลีนตั้งใจจำเมนู มองเครื่องดื่มราคาแรงลิบ แล้วพยายามเก็บข้อมูลในหัวให้ได้มากที่สุด เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ครั้งแรกเหรอที่มาทำงานในที่แบบนี้?”
“ค่ะ ครั้งแรก…”
“ผ่อนคลายๆ ที่นี่อยู่กันเหมือนครอบครัว” แพมมี่พูดด้วยรอยยิ้มเอ็นดูเซลีน
ทางด้านเดย์ ร่างสูงเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของเจ้านายหนุ่ม หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ ครินทร์กำลังยืนล้วงกระเป๋ากางเกง ในมือคีบบุหรี่มวนโปรด ก่อนจะยกขึ้นดูดตรงปลายกระบอกแล้วพ่นควันสีเทาออกมาอย่างใจเย็น
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“จับตาดูเอาไว้ อย่าให้ลูกค้าคนไหนเข้าใกล้เซลีน เพราะเธอ…จะเป็นของกู”
“ได้ครับคุณครินทร์” เดย์ไม่แม้แต่จะคิดสงสัย เพราะรู้คร่าวๆ มาแล้วว่าเซลีนเป็นน้องสาวเซนต์ ศัตรูหมายเลขหนึ่งของเจ้านาย การให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ใกล้ตัว นั่นก็เป็นเพราะอยาก ‘เอาคืน’ อีกคนให้สาแก่ใจ
ครินทร์ขยี้บุหรี่ลงจานเขี่ย ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกไปด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ชายหนุ่มออกมายืนกวาดสายตามองลงไปข้างล่างของไนต์คลับจากชั้นสอง มือหนาวางลงราวกระจกใส แต่แล้วสายตากลับสะดุดเข้ากับเป้าหมายที่กำลังทดลองงานด้วยความตั้งใจ มุมปากหยักเหยียดยิ้มอย่างร้ายกาจ
ไอ้เซนต์มันรักอะไร…เขาจะทำลายสิ่งนั้น!
เซลีนที่รู้สึกเหมือนมีใครมองมาจากข้างบนก็เงยหน้าขึ้นไปดู แต่ก็เป็นจังหวะที่เขาคนนั้นถอยหลังและหายในความมืดและไฟสลัวข้างใน
“คิดไปเองมั้ง” เธอพึมพำคนเดียว ก่อนจะกลับไปตั้งใจทดลองงานต่อ
“น้องเซย์ เอาเครื่องดื่มชุดนี้ไปเสิร์ฟข้างบนโต๊ะV1ที”
“ได้ค่ะๆ” เธอรับถาดเครื่องดื่มมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองเพื่อเสิร์ฟเครื่องดื่ม ข้างบนดูสงบและไม่ค่อยวุ่นวายเหมือนข้างล่าง
ดวงตาคู่สวยมองหา ‘V1’ ก่อนจะเหลือบเห็นแสงไฟชื่อโต๊ะมาแต่ไกล เธอเดินตรงเข้าไปยังโต๊ะดังกล่าวที่ไม่มีคนอยู่ มองซ้ายและมองขวาเพราะไม่เจอใคร แต่คำพูดแพมมี่ที่บอกให้มาเสิร์ฟโต๊ะนี้ทำให้เธอต้องนำเครื่องดื่มออกจากถาดมาวาง
ในขณะนั้นเองรองเท้าจากแบรนด์ดังหยุดลงข้างๆ หญิงสาวรู้สึกได้จากหางตา กลิ่นน้ำหอมเจือด้วยกลิ่นบุหรี่ทำหัวใจดวงน้อยสั่นคลอน
แต่…กลิ่นน้ำหอมคุ้นจัง
เธอคิดในใจ แต่ก็ไม่ได้เงยหน้ามองเพราะยังจัดของไม่เสร็จ หากให้เดาคงเป็นเจ้าของโต๊ะ
“เจอกันอีกแล้ว”
กึกกก
เสียงนี้มัน…
เธอเงยหน้าขึ้นไปมองทันที ม่านตาขยายกว้างเมื่อเห็นเจ้าของน้ำเสียงเมื่อครู่
“พี่ครินทร์…” โลกกลมเกินไปหรือเปล่าที่มาเจอเขาอีกแล้ว เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จังหวะนั้นขาเกิดอ่อนอย่างช่วยไม่ได้จนล้มลงกับพื้นแต่ไม่แรงมาก
“มาดื่มที่นี่เหรอคะ” หลังจากลุกขึ้นก็หาเรื่องชวนคุยแก้เขินอายกับเหตุการณ์เมื่อครู่
“อืม” เขารู้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้เซลีนอับอายจึงไม่ได้พูดถึง แต่ตอบคำถามเมื่อครู่ของเธอแทน “นั่งดื่มด้วยกันก่อนไหม?”
“เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ เซย์ยังอยู่ช่วงเทรนงาน ถ้ามีใครมาเห็นเข้า อาจจะ…”
“แล้วถ้าฉันบอกว่า…ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ล่ะ?”
“คะ?” เธอมองหน้าเขาอย่างไม่อยากเชื่อ ครินทร์ยังเรียนอยู่แต่เป็นถึงเจ้าของไนต์คลับ เธออึ้งจนพูดไม่ออกเลย “เป็น…เจ้าของที่นี่เหรอคะ”
ครินทร์ยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าวางลงตรงหน้าเธอ
“แล้วแบบนี้จะปฏิเสธดื่มกับเจ้านายอยู่อีกไหม?”
เซลีนยังคงนิ่ง มือเล็กกำถาดแน่นกว่าเดิม หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งจากความตกใจ ทั้งจากแรงกดดัน และอะไรบางอย่างที่เธอไม่กล้าอธิบาย
“ฉันไม่บังคับ” ครินทร์พูดเสียงเรียบ อยากรู้เหมือนกันว่าเซลีนรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของที่นี่แล้วจะกล้าปฏิเสธไหม
หญิงสาวนิ่งเงียบสักพัก คนที่อ้างตัวเองว่าเป็นเจ้าของที่นี่บอก ‘ไม่บังคับ’ หากแต่สายตาที่มองมากำลังกดดันเธออยู่
“เซย์จะเชื่อได้ยังไงว่าพี่ครินทร์เป็นเจ้าของที่นี่จริงๆ”
“ไม่เชื่อ?”
“ค่ะ ไม่เชื่อ เซย์ขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ วันนี้เทรนงานซึ่งมันสำคัญมาก ถ้าผู้จัดการรู้คงให้เซย์ไม่ผ่าน ขอโทษด้วยนะคะ” เธอขอโทษทิ้งท้ายอย่างไม่ให้ดูน่าเกลียดเกินไป โค้งศีรษะให้เล็กน้อย และยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
ครินทร์กระตุกยิ้มมุมปาก เอี่ยวตัวกลับไปมองเซลีน ปฏิเสธไม่พอแถมยังไม่เชื่ออีกว่าเขา คือ เจ้าของ K1NG CLUB
“น้องมึงก็เล่นตัวเก่งเหมือนกันนี่เซนต์…”
“พรุ่งนี้แกต้องไปงานแทนฉันที่โรงแรมคลิน”“ทำไมต้องเป็นผม พ่อใช้เฮียคิรันบ้างดิ” ครินทร์หัวเสียเล็กน้อย พรุ่งนี้ตั้งใจบินไปส่งเซลีนถึงญี่ปุ่นพร้อมกับอยู่ด้วยเจ็ดวัน แต่พ่อดันบอกให้ไปร่วมงานที่โรงแรมคลินในวันพรุ่งนี้คิระละสายตากจากแก้วชาในมือไปมองลูกชายด้วยแววตายากอ่านออก ก่อนจะขยับริมฝีปากตอบกลับเสียงเรียบ“คิรันมีบินไปดูงานที่ฮ่องกงพรุ่งนี้กับเมียเหมือนกัน ส่วนฉันก็ไม่ว่าง เหลือแค่แกแล้วครินทร์”“แต่ผม…”“งานนี้สำคัญมาก แขกที่มาคือคุณริวกิ ทัตสึโอกะ นักธุรกิจฝั่งญี่ปุ่น และครอบครัวเราได้รับเกียรติให้เป็นฝ่ายต้อนรับเขาในครั้งนี้” คิระสวนลูกชายทั้งที่ยังพูดไม่จบ ตระกูล ‘ทัตสึโอกะ’ มีอิทธิพลมากในญี่ปุ่น เผื่อในอนาคตได้ร่วมทำธุรกิจด้วยกันคงง่าย ถ้าหากครินทร์ไปร่วมงานและสร้างสัมพันธไมตรีกับทางนั้นได้อีกอย่างทางนั้นบอกเองอยากให้ครินทร์เป็นฝ่ายมาต้อนรับ จริงๆ เขาให้คิรันหรือไปเองได้ แต่ทางนั้นกำชับว่าต้องเป็นครินทร์ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ก็ดีเหมือนกันลูกชายจะได้มีประสบการณ์ เพราะครินทร์ไม่ค่อยชอบออกงานเท่าไรนัก“พ่อรู้ไหมว่าพรุ่งนี้เซย์จะบินไปญี่ปุ่น? ผมสัญญากับเธอแล้วว่าจะไปด้วย”“
ยิ่งใกล้วันเซลีนบินไปญี่ปุ่นครินทร์ก็ยิ่งไม่อยากให้ไป เขานั่งบนโซฟาหนังราคาแพงสีดำ ทิ้งศีรษะไปพิงพนักด้านหลัง เซลีนยังคงใช้ชีวิตตามปกติผิดกับเขาโดยสิ้นเชิงตอนนี้สภาพเขาไม่ต่างจากหมาโบ้ที่ซึมเพราะกำลังจะได้ห่างจากเจ้าของ เขาสามารถบินไปหาเธอได้ก็จริง แต่ด้วยหน้าที่ของเขาที่นี่ก็มีเช่นกันทำให้ทำแบบนั้นไม่ได้ตลอดครินทร์ยังนั่งนิ่งอยู่สักพัก สายตาจ้องมองมือของตัวเองที่พาดอยู่บนตัก ราวกับพยายามหาคำพูดที่จะบอก แต่ใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้เซลีนเดินเข้ามาจากฝั่งหัวโซฟา เธอยิ้มบางๆ ก่อนโน้มตัวลงจูบเบาๆ ที่หน้าผากคนตัวโต ครินทร์ลืมตามอง ดวงตาของเธอสดใสและอบอุ่นเหมือนแสงแดดในตอนบ่าย“คิดอะไรอยู่คะ?” เซลีนถามเสียงนุ่มครินทร์ส่ายหัวเบาๆ จากนั้นดึงตัวขึ้นมานั่งให้เรียบร้อย เซลีนอ้อมตัวมานั่งข้างๆ ก่อนที่เขาจะซบใบหน้าลงบนไหล่ของเธอ“พี่ไม่อยากให้เซย์ไปญี่ปุ่นเลย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ดวงตาคมสั่นเล็กน้อยราวกับกลั้นความเจ็บปวดจากการต้องห่างกันเซลีนยกมือขึ้นลูบเส้นผมของเขาอย่างเบาๆ หัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นแววตาที่เปล่งความอ่อนแอออกมา เธอรู้ทันทีว่าความรู้สึกนี้เป็นเรื่องจริงไม่ใช่แค
สามวันต่อมา ชีวิตเซลีนยังคงดำเนินต่อไปเหมือนเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือ การให้โอกาสครินทร์อีกครั้ง เมื่อก่อนทั้งเพื่อนและพี่ชายต่างไม่ชอบครินทร์ ทว่าตอนนี้เขาทำให้คนรอบข้างเธอต่างยอมรับ แต่พี่ชายของเธอก็ยังคงทำฟอร์มในบางครั้งบ่ายแก่ๆ ภายในมหา’ลัย แสงแดดลอดผ่านต้นไม้ใหญ่ด้านข้างอาคารเรียน เงาตกลงบนพื้นคอนกรีตจนเกิดลวดลายเหมือนภาพวาด เสียงพูดคุยของนักศึกษาดังระงมจากทุกทิศ โรงอาหารกลางยังคงแน่นไปด้วยผู้คนที่ต่อคิวซื้ออาหารและหาโต๊ะนั่งกันเต็มไปหมดเซลีนกับน้ำตาลเดินเคียงกันมาพร้อมถาดอาหารในมือ วันนี้เซลีนเลือกข้าวผัดโป๊ะหน้าด้วยไข่ดาวไข่แดงไม่สุกมาก ส่วนน้ำตาลเลือกสลัดกับไก่ย่างชิ้นโตเพราะกำลังอินกับการนับแคล แต่สุดท้ายก็ไม่วายแอบซื้อนมเย็นแก้วใหญ่ติดมือมาด้วย“วันนี้คนเยอะเนอะ” น้ำตาลบ่นขณะกวาดสายตาหาโต๊ะว่าง“จริง รู้สึกว่าเยอะกว่าทุกวัน” เซลีนถามพลางเดินตามจังหวะฝีเท้าเพื่อน ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ โรงอาหารที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ คุยกันอื้ออึง เสียงช้อนส้อมกระทบจานโชคดีที่มีโต๊ะว่างพอดีตรงมุมติดกระจก มองออกไปเห็นสนามหญ้ากว้างด้านนอกที่นักศึกษากำลังนั่งจั
“พี่เซนต์ก็เอากับเขาเหรอคะเนี่ย”เซลีนกอดอกยืนมองครินทร์และเซนต์ที่ยืนเรียงหน้ากระดาน เหมือนเด็กที่ความผิดแล้วกำลังถูกผู้ปกครองลงโทษ สายตาเซลีนมองสองหนุ่มอย่างเอาเรื่อง แต่คนที่น่าจะโดนหนักที่สุดน่าจะเป็น…พี่ชาย“โอ๊ย! เจ็บนะเว้ยเซย์” เซนต์สะดุ้ง หลังจากเจอฤทธิ์ก้านมะยมที่ฟาดใส่ขาอย่างแรงจนยกขาขึ้นแล้วลูบปอยๆ“สมควร ตอนแรกอยู่ข้างเซย์ ไหงไปอยู่ข้างคู่อริ”“ใครบอกพี่อยู่ข้างมัน มันลากพี่มาเอง” เซนต์โบ้ยความผิดให้ครินทร์ ทั้งที่ตอนมาที่นี่ถูกบังคับแค่ตอนลากขึ้นรถ เซนต์หลบสายตาน้องสาว น่าอายกว่าโดนก้านมะยมคือเห็นน้ำตาลกลั้นขำ “ขำอะไร”“ขำคนโดนก้านมะยม” น้ำตาลตอบ ตอนแรกรับปากว่าจะช่วยครินทร์ แต่ไม่ทันลงมือทำอะไร ไม่อย่างนั้นคงโดนหารก้านมะยมเหมือนสองคนนี้แน่ๆเซลีนหันก้านมะยมมาฝั่งครินทร์ หลังจากรู้ความจริงว่าแอบตามมาตั้งแต่แรก ครินทร์ยิ้มแห้งแล้วยกสองมือปรามเล็กน้อย“พี่แค่อยากมาง้อ…โอ๊ย!” โดนฟาดไปหนึ่งทีจนขาเป็นรอยแดง เซลีนมือหนักใช้ได้ ฟาดทีแสบไปทั่วขา เขาลูบจุดที่โดนฟาดปอยๆ สายตาช้อนมองเซลีนอย่างเว้าวอนว่าไม่เอาอีกแล้ว “พี่เจ็บแล้วครับ…”“เจ็บก็ดีจะได้จำ”“ขอโทษค้าบ”เซลีนพ่นลมหายใจออก
“ปล่อยเซย์นะ ไม่งั้นเซย์จะตะโกนดังๆ ให้คนช่วย!”“เอาเลย คนจะได้รู้ว่าเซย์เป็นเมียพี่” คนตัวโตยิ้มเจ้าเล่ห์ รั้งร่างบางเข้ามาใกล้จนแนบชิดมากขึ้น มือหนาเชยคางมนให้สบสายตา “พี่คิดถึงเซย์มากเลยรู้ไหม”“อื้อ~” เขากดจูบลงมาโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว สัมผัสที่ห่างหายไปนานทำหัวใจเต้นแรงได้ไม่ยากริมฝีปากร้อนรุ่มบดทับลงมาอย่างโหยหา ยิ่งดิ้นเขายิ่งกดจูบหนักแน่นขึ้น รสสัมผัสที่ขาดหายไปหลายเดือนเหมือนระเบิดความคิดถึงที่ครินทร์กดเก็บไว้จนแทบคลั่ง“อึก… อื้อ!” มือเล็กดันแผ่นอกแกร่ง แต่แรงต่างกันเกินไป ร่างสูงโอบเอวบางแน่นจนเธอแทบขยับไม่ได้ ความอุ่นจากอ้อมกอดบวกกับแรงจูบทำให้ขาเรียวสั่นไหวราวกับจะยืนไม่ไหว“พี่คิดถึงเซย์จนแทบบ้า” เสียงพร่าทุ้มหลุดออกมาแผ่วเบา ตอนที่ริมฝีปากยังคงคลอเคลียไม่ยอมถอนห่าง เขาละเลียดดูดดื่มซ้ำรอยเดิมอย่างหวงแหนน้ำตาที่เธอไม่รู้ว่ามาจากไหนเอ่อคลอขอบตา หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก เสียงคลื่นซัดฝั่งเป็นจังหวะพื้นหลังที่ทำให้ทุกอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นเธอทั้งอยากผลักเขาออกไป ทั้งอยากปล่อยให้จูบนั้นกลืนกิน เพราะความคิดถึงที่เก็บไว้ในใจ…มันไม่ต่างจากเขาเลย“อย่าผลักไสพี่อีกเลยได้ไหม”
หลังจากเข้าเช็คอินที่พัก สองสาวก็ออกมาถ่ายรูปเล่นแถวที่พัก เซลีนเลือกสวมชุดเดรสปาดไหล่สีขาวยาวประมาณเข่า ผมเปียเบี่ยงข้าง ปล่อยหน้าม้าเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เธอดูละมุนตา ส่วนน้ำตาลใส่เสื้อกล้ามสายเดี่ยวสีขาวโชว์แผ่นหลังขาวเนียนและกางเกงขายาวลายทางขาวฟ้า ผมทำเป็นลอนมาม่า“มุมนี้สวยเซย์ มายืนเดี๋ยวฉันถ่ายให้” น้ำตาลชี้นิ้วบอกเซลีน หญิงสาวก็ก้าวมายืนตามที่เพื่อนบอก เซลีนโพสต์ท่าไม่เก่งนักน้ำตาลก็คอยบรีฟให้เสียงหัวเราะคิกคักดังลั่น เรียกรอยยิ้มจากครินทร์ที่แอบอยู่มุมหนึ่งไม่ได้“เซย์สวยว่ะ สวยจนกูอดหวงไม่ได้”เซนต์กอดอกหรี่ตามองครินทร์แล้วส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา“กูไม่เข้าใจอย่างนึง มึงลากกูมาทำมะเขืออะไร” เซนต์พูดติดรำคาญที่โดนลากมาด้วย ตอนแรกครินทร์ขับรถออกไปแล้วแต่วนกลับมารับเขาให้มาเป็นเพื่อน เพราะเพื่อนสนิทมันไม่ว่างทั้งสองคน อุตส่าห์บอกว่าเซลีนอยู่ที่ไหนแล้วยังต้องพามันมาอีกเวรกรรมกูจริงๆ“อยู่เงียบๆ เดี๋ยวเมียกูก็รู้หรอกว่าตามมา”“ถ้ามึงเรียกน้องกูว่าเมียอีกรอบ กูเตะเสยคาง”“ไม่ใช่ตอนนี้ ในอนาคตเดี๋ยวก็ใช่เองแหละ” เขาพูดโดยไม่หันไปมองเซนต์ ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจแรงๆ ตอนแรกโทรหาจอ