ตั้งแต่วันนั้น...ที่โรงเรียน ฉันก็ไม่ได้เจอพี่ราเรซอีกเลย แล้วก็เหมือนว่าพอเฮียโต้งไม่อยู่ พวกพี่ๆ เขาก็ไม่มาเตะบอลกันอย่างเคย ฉันเลยไม่รู้ว่าแต่ล่ะคนเป็นอย่างไรกันบ้าง
ฉันไม่มีความกล้าพอที่จะเงยขึ้นไปมองหน้าเขา ฉันก้มหน้ามองเพียงแค่รองเท้า Converse ของเขาสลับกับรองเท้าผ้าใบของตัวเอง“ไปไหนมาค่ะ” เสียงหวานใสพูดขึ้นรองเท้าส้นสูงสีแดงเดินมาหยุดอยู่ข้างรองเท้า Converse ของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ถ้าฉันเดาไม่ผิดนะ เจ้าของรองเท้าสีแดงคู่นี้คือ พี่ซินดี้ฉันขยับตัวเดินเลี่ยงๆ พวกเขาทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ ใจฉันมันอยากจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาแทบตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ร่างกายมันไม่ยอมทำตามที่ใจต้องการ“เอาล่ะครับ เมื่อน้องปีหนึ่งลงชื่อกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินต่อแถวกันไปยังหอประชุมเลยครับ จะได้เริ่มกิจกรรมต่อไป” เสียงรุ่นพี่ผู้ชายคนเดิมที่ถือไมค์อยู่ประกาศบอก ฉันชำเลืองไปมองที่ป้ายชื่อของพี่เขาเขียนว่า P’ บาสหอประชุม...“เอาล่ะครับน้องๆ ให้น้องปีหนึ่งแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มล่ะหกคนนะครับ ขาดเกินอย่างไรเดี๋ยวพี่ดูให้ เริ่มตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ๆฉันเบิกตาโตอย่างตกใจ เมื่อริมฝีปากหนาของพี่ราเรซโฉบลงมาทาบทับริมฝีปากบางของฉันอย่างรวดเร็ว สัมผัสนุ่มนิ่มดุจปุยเมฆทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มอย่างหลงใหล ลิ้นชื้นแทรกผ่านกีบปากบางเข้ามาตวัดดูดดึงลิ้นเล็กอย่างช่ำชอง พี่ราเรซแม้มริมฝีปากบนล่างสลับกันเล่นอย่างหยอกล้อ ฉันกำเสื้อนักศึกษาบริเวณอกแกร่งแน่นจนมันเริ่มยับยู้ยี้ ไม่เรียบเหมือนก่อนหน้านี้พี่ราเรซอุ้มฉันขึ้นไปนั่งบนโต๊ะโดยที่ยังไม่ล่ะริมฝีปากออกจากกัน เขาแทรกร่างหนาของตัวเองเข้ามาตรงกลาง ฉันเผลอขยับเรียวขาอ้าออกโอบรอบเอวหน้าไว้อย่างลืมตัวมือหนาข้างหนึ่งลูบไล้เรียวขางามขึ้นมายังขาอ่อนด้านใน ทำให้กระโปรงพีทของฉันเลิกขึ้นสูงแทบจะเห็นกางเกงชั้นในอยู่แล้ว มือหนาลากไล่วนไปมาสร้างความสยิวไม่หยุดย่อน ไม่นานมือหนาข้างนั่นก็หายฟุบเข้าไปภายในกางเกงชั้นใน“อื้อ...อ๊ะ!”ฉันร้องเสียงหลง เมื่อนิ้วเรียวยาวกรีดแทรกเข้ามายังรอยแยกกลางกาย ริมฝีปากของพี่ราเรซลากไล้มายังลำคอระหง เขาแม้มดูดเสียงดัง จ๊วบ.. มันยิ่งทำให้สติของฉันแตกกระเจิงไปอีก“อื้อ... อ๊ะ! อ๊ะ!”ฉันไม่สามา
ฉันเดินมายังลาดจอดรถของมหาลัย ตลอดทางเดินนี่มันชั่งเย็นวูบวาบดีเหลือเกิน คนบ้าเอ๊ย... เดินมาได้สักพักฉันก็เจอรถยี่ห้อเดียวกันจอดเรียงกันอยู่สี่คนแต่คนล่ะสี สีแดงของเฮียโต้ง ถัดมาคือสีดำ สีส้ม สีขาว แล้วรถพี่ราเรซสีอะไรล่ะ..ฉันลองกดปุ่มรีโมทที่กุญแจ สัญญาณปลดล็อกสว่างวาบขึ้นที่รถคันสีดำ นี่รถเขาสินะ.. ฉันมองหันซ้ายหันขวาดูว่ามีใครเห็นฉันหรือเปล่า พอแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นแล้ว ฉันก็รีบเปิดประตูรถคันสีดำเข้าไปนั่งข้างในอย่างรวดเร็ว ฉันสตาร์ทเครื่องรออย่างที่พี่ราเรซบอกพร้อมกับล็อกประตูด้วยนั่งรออยู่สักพักเขาก็เดินมา ฉันเอื้อมมือไปปลดล็อกประตูฝั่งคนขับ เพื่อให้เขาเปิดประตูเข้ามาได้“เอาคืนมาได้แล้วค่ะ ต้าจะได้กลับบ้าน”ฉันแบมือยื่นไปตรงหน้า เหมือนเด็กแบมือขอเงินจากผู้ใหญ่“เดี๋ยวไปส่ง”หันมาบอกฉันเสร็จ พี่ราเรซก็ถอยรถขับออกจากมหาลัยทันที“แล้วเขารับน้องเสร็จแล้วเหรอ” ฉันเอ่ยถาม เมื่อรถวิ่งอยู่บนถนนได้สักพัก“ยัง” พี่ราเรซตอบโดยที่ตายังมองถนนอยู่“แล้วต้าหายมาแบบนี้จะโดนรุ่นพี่ทำโทษไหม”แอบหนีมาแบบนี
ไอ้บาสประกาศให้น้องปีหนึ่งจับกลุ่มโดยที่ให้แต่ล่ะกลุ่มมีชายหญิงปนกันด้วย ผมนี้อารมณ์ขุ่นขึ้นมาเลยครับ“ไอ้ไบค์ ไปลากไอ้บาสมานี่ดิ”พอบาสพูดจบบิ๊กไบค์ก็เดินเข้าไปจับคอเสื้อนักศึกษาของบาสแล้วก็ลากมันมาหาผม“อะไรของมึงครับ” บาสโวยนิดหน่อยที่ถูกบิ๊กไบค์เชิญตัวมาอย่างมีมารยาทผู้ดี..ป้าบ!ผมตบหัวไอ้บาสไปหนึ่งที แต่ก็ไม่ได้แรงอะไรมาก แค่มันเกือบหัวทิ่มนิดหน่อย“มึงประกาศ เหี้ยไร ทำไมให้จับกลุ่มปนกันมัวแบบนั้น” ผมโวยไอ้บาส“เอ้า! ไอ้นิ ก็กูต้องการให้น้องๆ ทำความรู้จักกัน และก็สามัคคีกัน พวกมึงไม่ช่วยเหี้ยไร ก็อยู่เฉยๆ ควายยยยย” แล้วผมก็โดนไอ้บาสด่ากลับเกมที่พวกน้องปีหนึ่งเล่นอยู่นี้มันขัดหูขัดตาชิบ... ทำไมต้าหนิงต้องไปอยู่กลางด้วยว่ะ ดูไอ้เหี้ยสองตัวนั้นดิ ยิ้มหน้าระรื่นอยู่ได้“กูอยากเอาส้นตีนยันหน้าไอ้สองตัวนั่นจัง” บิ๊กไบค์หันมาพูดกับผมให้ได้ยินแค่สองคน“กูก็ด้วย สัสเอ๊ย...”ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีล่ะครับ ได้แต่นั่งดูไปอย่างเซ็งๆตุบ!“เฮ้ย!! /เฮ้ย!!”ผมกับบิ๊กไบค์ร้
ไผ่วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของต้าหนิง แฟนคนสวยของผมเองครับ เราคบกันมาได้สามปีแล้ว เธอน่ารัก สดใส เธอทำให้โลกที่เคยเงียบเหงาของผมกลับมาสดใสและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผมเคยมีแฟนมาก่อนที่จะคบกับต้าหนิง เราคบกันตั้งแต่มอต้นจนถึงปลาย วันหนึ่งเราทะเลาะกันมันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากสำหรับผมนะ แต่กลับกลายเป็นว่ามันทำให้เธอบอกเลิกผม เพียงแค่ว่าเธออยากให้ผมไปเรียนที่เดียวกับเธอ เรียนบริหารธุรกิจ ซึ่งผมก็ให้เหตุผลว่า ผมไม่ชอบทางนั้น ผมไม่ถนัด ผมชอบเล่นกีฬา ผมชอบฟุตบอล ผมอยากติดทีมชาติเหมือนเพื่อนของผม เพราะมันคือความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กที่ผมอยากจะทำมันให้สำเร็จ แต่เธอกลับไม่เข้าใจ เธอมองว่ามันดูไม่มีอนาคต ดูไม่มีความเจริญก้าวหน้า เธอต้องการสังคมที่ใส่สูทผูกไท ซึ่งผมทำให้เธอไม่ได้... มีสิ่งหนึ่งหลุดออกมาจากปากเธอก่อนที่เราจะเลิกกันอย่างถาวร“เห็นว่าบ้านรวยก็นึกว่าจะทำให้ฉันมีหน้ามีตาได้ แทนที่จะเดินตามรอยพ่อแม่กลับอยากเริ่มต้นใหม่ให้ตัวเองลำบากไปทำไมก็ไม่รู้ ฉันไม่น่ามาเสียเวลาด้วยเลย”ตลอดระยะเวลาสี่ห้าปีที่คบกันมา ผมพึ่งรู้ว่า เธอคิดกับผมแบบนี้เองเหรอ เธอสนแค่เงินในกระเป
ต้าหนิงเช้าวันนี้ฉันไม่อยากจะทำอะไรเลยแม้แต่วิ่งก็ไม่อยาก ไปเรียนก็ยิ่งแล้วใหญ่ ฉันอาย.. อายที่จะเจอหน้าใครบางคน ต้องคอยระแวงเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าจะโดนแกล้งอะไรอีก วันนี้พี่ไผ่ไม่ได้ไปส่งฉันเหมือนเมื่อวาน เพราะพี่เขาต้องไปเก็บตัวฝึกซ้อมกับทีม มีตาราง การแข่งขันเร็วๆ นี้แหละ เขาต้องเต็มที่กับการซ้อมเพื่อที่จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงของทีมตั้งแต่เมื่อวานฉันก็ไม่ได้เจอแก้มใสไม่ได้คุยกันด้วย ฉันหยิบจึงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อน“ว่าไง ต้า” เสียงแก้มใสรับสายฟังดูเหนื่อยๆ“เป็นไรรึเปล่าแก้ม ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น” ฉันถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ออ ไม่เป็นไรจ้า แก้มช่วยแม่เปิดร้านนะ” เสียงแก้มใสตอบแม่ของแก้มใสท่านยึดอาชีพทำขนมไทยขาย ท่านเปิดร้านเล็กๆ อยู่ที่หน้าบ้านของตัวเอง ม๊าของฉันก็รับขนมไทยจากบ้านของแก้มใสมาขายที่หน้าร้านด้วยนะ ไม่ได้รับเพราะช่วยเหลือกันอย่างเดียวนะ แต่เพราะขนมไทยฝีมือแม่แก้มใสอร่อยมาก...แก้มใสค่อนข้างลำบากเธอทำงานช่วยแม่เพื่อหารายได้เพิ่ม เพราะมีกันอยู่แค่สองคนแม่ลูก ส่วนพ่อของแก้มใสนั้น แก้มใสเล่าว่าท่
14:14 PM หลังจากที่เรียนคาบสุดท้ายของวันเสร็จ ฉันกับเพื่อนๆ ก็เดินไปซื้อขนมมานั่งทานกันที่ม้าหินอ่อนข้างตึกคณะ ฉันยังไม่อยากกลับบ้านในตอนนี้ พี่ราเรซสั่งไว้ว่าถ้าฉันเรียนเสร็จให้ไปรอเขาที่บริเวณจอดรถ แต่ฉันไม่ได้อยากจะกลับกับเขาสักหน่อย ทำไงดี.. “ตั้งแต่น้ำเกิดเป็นคนมาเนี้ยนะ ยังไม่เคยเข้าผับเข้าบาร์กับเขาเลยสักครั้ง น้ำว่าเราไปกันหน่อยไหม” น้ำชวน ก็น่าสนอยู่นะ ฉันเองก็ยังไม่เคยไปเลยอ่ะ ก็อยากจะทำอะไรที่ไม่เคยทำดูบ้างเหมือนกัน “แต่เรายังไม่ 20 เลยนะ จะเข้าได้เหรอ” แพรวถาม นั่นสินะ แล้วเราจะเข้าไปยังไง ต้องอายุยี่สิบปีขึ้นไปถึงจะเข้าได้ คงต้องรอขึ้นปีสองก่อนแหละถึงจะเที่ยวได้ เฮ้ออออ เซ็ง.. “อยากไปกันจริงๆ เหรอ” แก้มใสถามพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย ฉันกับแพรวแล้วก็น้ำ พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงแทนคำตอบ “แก้มมีวิธี..” แก้มใสบอก จากนั้นฉันกับเพื่อนก็พากันไปเปลี่ยนชุดที่ห้องของแพรวกับน้ำ เพื่อนของฉันสองคนนี้อยู่หอพักเพราะบ้านของเพื่อนทั้ง
ราเรซ ตอนนี้ผมกับ บิ๊กไบค์ เลโอ กำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่โต๊ะวีไอพีของชั้นสอง ส่วนไอ้โต้งนั้นมันไม่ได้มาด้วยเพราะมันกำลังอินเลิฟ ติดแฟนแจเลย เห็นแล้วหมั่นไส้มันนัก “เฮ้ยๆ นั้นมันน้องปีหนึ่งนี่ว่า เข้ามาได้ไงวะเนี้ย” เลโอพูดขึ้น ผมไม่ได้สนใจสิ่งที่เลโอพูดเลยสักนิด เพราะกำลังโมโหยัยตัวเล็กอยู่ เธอไม่ยอมมารอผมตามที่บอกไว้ แอบหนีกลับบ้านไปก่อนเฉยเลย อย่าให้เจอนะ..ต้าหนิง พี่เรซจะทำโทษให้เข็ดเลย.. “ใครสนกันว่ะ มันก็เข้ามาได้ทั้งนั้นแหละ ถ้ามีคนพามา” บิ๊กไบค์พูดจบก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม “นั้นสินะ ไม่น่าสนเลย ถ้าน้องปีหนึ่งคนนั้นไม่ใช่ ต้าหนิงกับแก้มใส” สิ้นสุดคำพูดของเลโอ ผมกับบิ๊กไบค์ก็หันไปมองยังด้านล่างแทบจะพร้อมกัน มาได้ไง.. ต้าหนิงกำลังเต้นยั่วยวนอยู่บนฟอร์ ผู้ชายต่างก็เต้นรอบเธอพร้อมกับผิวปากอย่างชื่นชม ผมไม่ทนนั่งดูอยู่นานหรอก เห็นแค่นั้นผมก็ลุกออกจากโซฟาเดินลงมายังชั้นล่างตรงไปที่ร่างเล็กของต้าหนิง พอผมเดินมาถึงก็เห็นต้าหนิงกำลังมีเรื่องกับผู้ชาย ก๋ากั่นจังเลยนะ ต้าหนิง ตัวเท่
“ทั้งสองอย่างล่ะมั้ง อยากจะลองดูหน่อยไหมล่ะ” พี่ราเรซก้มหน้าลงมาซุกไซ้ซอกคอของฉันอย่างบ้าคลั่ง แขนเล็กก็ดันเขาไว้ไม่อยู่ ฉันจึงใช้กำปั้นทุบที่ไหล่หนาแทน มือหนายึดมือบางของฉันทั้งสองข้างไปตรึงไว้กับเตียงนอน ทำให้ฉันไม่สามารถประทุษร้ายเขาได้อีก ลิ้นชื้นลากไล้ไปมาตามไหล่ปลาร้าและลำคอ ทำให้ขนกายลุกชันด้วยความสยิวปนเสียว ปากหนาพรมจูบดูดแม้มที่ซอกคอขาวเนียนอย่างแรงจนร่างกายของฉันสะดุ้งโหยงด้วยความเจ็บ ปานว่าเขาตั้งใจจะดูดดึงผิวเนื้อหลุดออกมาซะให้ได้ พยายามเตะก็แล้วถีบก็แล้ว แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี ยิ่งฉันดิ้นเท่าไร ร่างหนาก็ยิ่งแนบชิดกับร่างบางของฉันมากขึ้นเท่านั้น ฉันแทบจะจมหายไปกับเตียงนอนได้แล้วมั้ง “ปล่อยต้านะ พี่เรซ!!” ฉันร้องตะโกนสุดเสียง เขาจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันไม่ใช่แฟนของเขา อีกอย่างฉันก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย “ทำไมต้องปล่อย...” พี่ราเรซหยุดการกระทำแล้วจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันกัดริมฝีปากล่างแน่นพยายามข่มอารมณ์โกรธเอาไว้สุดๆ ยังมีหน้ามาถามอีก..ว่าทำไมต้องปล
“แน่นะ”ฉันเล่ตามองพี่ราเรซอย่างไม่ค่อยไว้ใจ พี่ราเรซพยักหน้าให้แทนคำตอบ แล้วฉันมีทางเลือกอื่นอีกไหม เฮ้อ...ฉันหันตัวกลับมาหาเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่เหมือนพี่ราเรซจงใจแกล้งฉันด้วยการยืนตัวตรงไม่ยอมโน้มตัวลงมา เขาสูงกว่าฉันอ่ะ แล้วฉันจะจูบได้ยังไงถ้าเขาไม่ยอมโน้มตัวลง“ไม่ถึงอ่ะ พี่เรซก็ก้มมาหน่อยสิ” ฉันโวยให้“ก็จูบให้ถึงสิ” พี่ราเรซตอบแล้ววันนี้ฉันจะจูบเขาได้ไหมล่ะเนี้ย ฉันมองหันซ้ายหันขวาและก็เจอกับอ่างล้างหน้า ฉันหันหน้ากลับมายิ้มให้พี่ราเรซเมื่อหาตัวช่วยได้แล้ว ฉันเดินไปนั่งบนขอบอ่างล้างหน้า จากความสูงของอ่างล้างหน้ามันก็พอทำให้ฉันอยู่ในระดับเดียวกันกับร่างหนาพอดี พอนั่งได้เรียบร้อยแล้วฉันก็กวักมือเรียกให้พี่ราเรซเดินเข้ามาหา หึๆ คิดไม่ถึงล่ะสิ ว่าฉันจะฉลาดขนาดนี้ ฉันยิ้มหวานส่งไปให้อย่างเป็นผู้ชนะ“ฉลาดเหมือนกันนะเราน่ะ” พี่ราเรซเดินเข้ามาชิดตัวแล้วยิ้มให้ฉันอย่างมีเลศนัย เดี๋ยวนะ ทำไมรอยยิ้มของพี่ราเรซดูไม่น่าไว้ใจแบบนั้นนะ เหมือนเขากำลังหัวเราะฉันด้วยซ้ำไป“แน่นอน” ฉันตอบเขาอย่างมั่นใจ พี่ราเรซยื่นหน้าเข้ามาใกล้
พี่ราเรซเลี้ยวรถเข้ามาจอดในโรงรถของบ้านหลังหนึ่ง ในโรงรถมีรถจอดอยู่เรียงกันอยู่ห้าคันรวมคันที่พี่ราเรซขับด้วย บ้านหลังนี้ใหญ่โตพอสมควร ดูก็รู้ว่าเป็นบ้านของคนมีเงิน พี่ราเรซลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาฝั่งฉันเพื่อเปิดประตูรถให้“ขอบคุณค่ะ” ฉันกล่าวขอบคุณ พี่ราเรซเอื้อมมือหนามากุมมือบางของฉันไว้แล้วพาฉันเดินเข้ามาภายในบ้าน ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในบ้านฉันก็รับรู้ถึงความอบอุ่นของบ้านหลังนี้ได้ทันที กลิ่นหอมจางๆ จากดอกไม้ที่อยู่ในแจกันข้างประตู ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย ลดอาการตื่นเต้นได้นิดหน่อย ฉันเดาว่าอีกไม่กี่นาทีนี้ฉันจะได้เจอกับแม่ของพี่ราเรซแน่นอน“แม่ครับ” พี่ราเรซเอ่ยเรียกผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจัดจานชามบนโต๊ะอาหารอย่างสวยงาม เหมือนกับว่าวันนี้จะมีแขกคนพิเศษมาอย่างนั้นแหละ เธอหันมามองฉันกันพี่ราเรซ ฉันเผลอบีบมือพี่ราเรซแน่นด้วยความตื่นเต้น พี่ราเรซบีบมือฉันคืนเบาๆ เพื่อให้ผ่อนคลาย“มากันแล้วเหรอ” เธอส่งยิ้มหวานมาให้ ผู้หญิงคนนี้ยิ้มสวยจังเลย ถึงจะอายุไม่น้อยแล้วก็ตามแต่เธอกลับดูสวยมากจริงๆ ฉันรู้ล่ะ ว่าพี่ราเรซยิ้มสวยเหมือนใคร เหมือนแม่เขานี่เอง“ต้าหนิง
“เรียนเสร็จแล้วใช่ไหม” พี่ราเรซเลิกเล่นกับเฮียโต้งแล้วหันมาถามฉัน “ค่ะ” “พี่โต้งครับ ผมขออนุญาตพาต้าหนิงไปบ้านผมนะครับ แล้วจะมาส่งวันพรุ่งนี้เช้า” พี่ราเรซหันไปคุยกับเฮียโต้งอีกครั้ง “โห.. งั้นไม่ต้องมาส่งแล้วล่ะ ไอ้เรซ..” เฮียโต้งตอบแบบประชด “จริงป่ะ กูจะได้พาต้าไปเก็บเสื้อผ้าแล้วย้ายมาอยู่กับกูเลย” พี่ราเรซพูดอย่างดีใจ ดูก็รู้ว่าตั้งใจกวนทีน... “มึงกล้าสาบานป่ะ ว่าไม่รู้จริงๆ ที่เมื่อกี้กูประชด” เฮียโต้งแกล้งทำหน้าตึงนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้โกรธจริงจังอะไร “เผื่อฟลุคไง” พี่ราเรซตอบ “ไอ้ห่านี่ น้องกูยังเรียนไม่จบเลย เพราะแบบนี้ไง กูถึงไม่อยากให้น้องกูมีแฟน โดยฉะเพราะมีแฟนแบบมึงเนี้ย” “แบบคนหล่อๆ อย่างกู ใช่ไหมล่ะ” พี่ราเรซตอบ “หล่อตายแหละมึงอ่ะ สู้กูก็ไม่ได้ พวกมึงด้วย” แล้วเฮียโต้งก็หันไปอวดความหล่อของตัวเองกับเพื่อนๆ “อ้าว.. ไอ้โต้งพูดงี้ก็สวยดิ น้องแก้มใสครับ บอกมาเลยว่าใครหล่อสุด ยกเว้นไอ้เรซไม่ต้องนับมัน” พี่เลโอหันไปถามความคิดเห็นแก้มใส “เออ... ก็แล้วแต่คนมองล่ะค่ะ พวกพี่ก็ดูดีกันคนล่ะแบบ” แก้มใสตอบแบบเลี่ยงๆ “ไม่เอาดิ ตอบมาเลยพี่สามคนนี้ ใครหล่อสุด” พี่เลโอยังไม่ล่ะควา
“น่าพิศวาสตายแหละ”“จริงอ่ะ สักนิดก็ไม่มีเลยเหรอ” พี่ราเรซลุกขึ้นนั่งแล้วเอียงคอถามอย่างทะเล้น“ไม่!!”ฉันลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟาข้างร่างหนา เอื้อมมือบางไปจับคางพี่ราเรซให้หันหน้ามาตรงๆ“โอ๊ะ โอ๊ย..” ทันทีที่มือฉันโดนคางพี่ราเรซก็ร้องลั่น“เจ็บเหรอ ต้าขอโทษ...”“พี่ล้อเล่น แฮ่ๆ ๆ”“คนบ้า!!”ตุบ!! ตุบ!! ตุบ!!ฉันรัวกำปั้นใส่อกเขาไปหลายที เจ้าเล่ห์จริงๆ เลย ไอ้เราก็ตกใจ อุตส่าห์เป็นห่วง มาแกล้งกันซะได้พี่ราเรซรวบมือของฉันเพียงมือข้างเดียวของเขา แล้วออกแรงดึงทำให้ตัวฉันเข้าไปชิดกับอกแกร่ง มือหนาอีกข้างก็เลื่อนผ่านมาด้านหลังเพื่อโอบกอดตัวฉัน“ปล่อย!!” ฉันส่งสายตาดุไปให้“ไม่ปล่อย..” พี่ราเรซลอยหน้าลอยตาตอบ“ถ้าไม่ปล่อยต้าจะตะโกนเรียกเฮียโต้งให้ลงมาลากพี่ขึ้นไปเลย” ฉันพูดขู่เขา“ก็เรียกสิ” พี่ราเรซยักไหล่ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน“เฮะ.. อุ๊บ..”ริมฝีหนาโฉบลงมาปิดปากฉันทันที ลิ้นชื้นแทรกผ่านกรีบปากเข้ามาตวัดดูดดึงลิ้นเล็กอย่างช่ำชอง ลิ้นหนาเกี่ยวกวัดหยอกล้อกับลิ้นเล็กไปมาอยู่ในโพรงปากของฉัน เขาสูบเอาทุกอย่างที่อยู่ในโพรงปากของฉันไม่เหลือแม้แต่อากาศหายใจ ฉันผลักไหล่หนาออกเมื่อเริ่มขาดอากาศหายใจจริง
“พี่ไม่เคยเห็นต้าเป็นแค่สิ่งของนะ พี่จริงจังกับต้า แต่ในขณะเดียวกันพี่ก็กลัวด้วย” พี่ไผ่สบตากับฉัน นัยน์ตาของพี่ไผ่สั่นไหวเหมือนเขาแอบร้องไห้อยู่ภายใน มันทำให้ฉันรู้สึกผิดต่อเขาอย่างมหัน ฉันมันคนนิสัยไม่ดี ฉันทำร้ายเขา..“กลัวอะไรคะ” ฉันถามพี่ไผ่“กลัวจะเสียต้าไป”ฉันถึงกลับจุกจนพูดไม่ออก เพราะเขาดีมาก ฉันจึงไม่มีความกล้าพอที่จะบอกเลิกเขา“พี่ไผ่..” ฉันเอ่ยชื่อเขาเสียงเบาหวิว“ตั้งแต่คบกันมา เราไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง มันเหมือนจะดีนะ แต่สำหรับพี่กลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น” พี่ไผ่เงยหน้าขึ้นมองฟ้า เมื่อน้ำตาเขากำลังจะไหลออกมา“ต้าไม่เคยงอน ไม่เคยโกรธ หรือหึงพี่เลย มันทำให้พี่เสียใจนะรู้ไหม”“ทำไมล่ะคะ”“เพราะต้าไม่ได้สนใจพี่ตั้งแต่แรกแล้วไง”ฉันหลุบตาลงต่ำไม่อาจสบตากลับพี่ไผ่ได้อีกต่อไป เพราะสิ่งที่พี่ไผ่พูดมามันคือความจริง“แต่พี่ก็ยังดื้อดึงที่จะคบกับต้าต่อ เพราะคิดว่าสักวันหนึ่ง ต้าต้องหันมาสนใจพี่บ้าง แต่แล้ว สิ่งที่พี่กลัวก็กลับมาอีกครั้ง” พี่ไผ่หันไปจ้องหน้าพี่ราเรซ“ต้าขอโทษ..”
ต้าหนิงทีที คลับ 19:50 PMฉันรอให้ป๊ากับม๊าเข้านอนก่อนถึงค่อยกลับมาบ้าน ถ้าขืนเจอป๊ากับม๊าในสภาพนี้นะ เป็นต้องโดนท่านโกรธแน่นอน ถึงท่านจะใจดี แต่เรื่องแบบนี้ คงไม่มีใครใจดีได้หรอกพี่ราเรซขับรถมาส่งฉันถึงหน้าบ้านที่มีร้อนกาแฟตั้งอยู่ ซึ่งตอนนี้ร้านปิดแล้ว ที่สนามก็ไม่มีใครแล้วในตอนนี้“ต้าเข้าบ้านก่อนนะ” ฉันเปิดประตูลงจากรถทันทีที่บอกเขาเสร็จ“เดี๋ยวต้า” พี่ราเรซลงจากรถแล้วเดินอ้อมรถมาหาฉัน“ค่ะ” ฉันมองหน้าเขาอย่างสงสัยพี่ราเรซโฉบริมฝีปากลงมาบรรจงจูบที่หน้าผากมนของฉันอย่างอ่อนโยน ฉันยืนหลับตาพริ้มเหมือนเด็กน้อยชั่งฝัน“ฝันดีนะครับ”“ไอ้เรซ!!”พลัว!! พลัว!! พลัว!! ตุบ!! พี่ราเรซล้มลงไปกองกับพื้นทันที“พี่ไผ่หยุด!!” ฉันร้องห้ามรั้งแขนพี่ไผ่เอาไว้ เมื่อเขาเตรียมจะชกพี่ราเรซอีกรอบพี่ราเรซยันตัวเองยืนขึ้นเต็มความสูง แล้วก็ถุยน้ำลายปนเลือดออกมา พร้อมกับยกหลังมือขึ้นเช็ดที่มุมปากอย่างไม่แยแส“เล่นทีเผลอนี้ว้า..” พอทรงตัวได้ก็ทำปากดีซะงั้น“มึงกล้าดียังไง มายุ่งกั
“ถอดมือเดียวได้ที่ไหนล่ะ มือพี่ไม่ว่าง” ผมส่งยิ้มกวนๆไปให้พร้อมกับยกมือข้างที่กำบราสีหวานไว้อยู่ ให้ต้าหนิตะลึงงันดูว่ามือผมไม่ว่างจริงๆ แล้วต้าหนิงก็ทำหน้าง้อบูดบึ้งกลับมาต้าหนิงขยับตัวเข้ามาใกล้ เธอยื่นมือข้างหนึ่งมาเพื่อแกะกระดุมเสื้อให้ผม แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน เพราะใช้แค่มือเดียว“แกะมือเดียวมันก็แกะไม่ได้นะสิ” ผมแกล้งพูดท้วงไป ทำให้ใบหน้างามชักสีหน้าใส่อย่างหงุดหงิด“หลับตาก่อนสิ” ต้าหนิงต่อรอง“ทำไมต้องหลับตา” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานจนจมูกโด่งชิดกับจมูกเชิดงอนของต้าหนิง“ต้าไม่ใช่พี่เรซนิ จะได้เปลือยร่างกายต่อหน้าคนอื่นโดยที่ไม่รู้สึกอะไร” นี่แอบด่าว่าผมหน้าด้านอยู่ใช่ไหมเนี้ย ร้ายจริงๆ“คนอื่นที่ไหน นี่ก็ผะ...”“พี่เรซ..”“ครับ” ผมยิ้มหน้าระรื่นอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสีหน้าดุของต้าหนิง“หลับตาสิคะ” ต้าหนิงสั่งอีกครั้ง ผมค่อยๆหลับตาลงตามที่ต้าหนิงบอก เดี๋ยวจะนอยไปมากกว่านี้ ยอมๆให้หน่อยก็แล้วกันมือบางที่แกะกระดุมเสื้ออยู่มีอาการสั่นหน่อยๆ ตื่นเต้นล่ะสิ เห็นบ่อยแล้วนะยังไม่
“ต้าเจ็บ อึก...อือ..” ในที่สุดฉันก็ร้องไห้ออกมาจนได้พี่ราเรซหยุดการกระทำแล้วหันมาจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันใช้หลังมือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ พยายามไม่สนใจหยดน้ำใสที่ไหลออกมาตามหางตาราเรซ“ต้าเจ็บ อึก...อือ..”ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ออกมาจากริมฝีปากหวาน มันก็ทำให้ผมได้สติขึ้นมา ผมเผลอทำรุนแรงกับต้าหนิงเพราะความโมโหที่เห็นต้าหนิงอยู่กับผู้ชายคนอื่น และโมโหที่เธอดื้อกับผม“เจ็บมากไหม...” ผมจ้องมองใบหน้าหวานที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา พอได้เห็นน้ำตาของต้าหนิงทีไร มันก็ทำให้ผมปวดหัวใจทุกที“คนใจร้าย”“ก็อยากดื้อกับพี่ทำไมล่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“มายุ่งกับต้าทำไม ทำแบบนี้กับต้าทำไม ผู้หญิงของพี่ก็มีตั้งเยอะ ไปทำกับผู้หญิงของพี่สิ” คำพูดเหมือนน้อยใจเลยแฮะ“พี่อยากทำกับต้านิ” ต้าหนิงมองค้อนให้หนึ่งทีก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น“พี่ขอโทษ ที่รุนแรงกับต้า ก็พี่โมโหอ่ะ” ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนสุดๆ“โมโหอะไรคะ ต้าต่างหากที่ต้องโมโห” ต้าหนิงหันกลับมามองหน้าผมอย่างโกรธเคือง“แล้วต
“ต้าหนิง”เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อฉัน พร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตะลึงงัน คงจะตกใจมากล่ะสิที่ได้เห็นหน้าฉัน ไหนบอกฉันว่างานยุ่งไง แต่ที่เห็นในตอนนี้นี่มันคืออะไร... ไอ้ยุ่งๆ ที่ว่าก็คงจะเป็นเรื่องนี้สินะ เขามันไม่เคยพอเลยจริงๆผู้หญิงที่นั่งขนาบข้างพี่ราเรซกับพี่เลโอหันมาหลับตาชังใส่ฉันหนึ่งที แล้วก็หันไปเล้าโลมผู้ชายในมือของหล่อนต่อ พวกนั้นคือพริตตี้ที่ถูกจ้างมาในงานวันนี้เพราะเจอกันในห้องแต่งตัว ฉันจำพวกหล่อนได้“อ้าว พวกเฮียๆ มาทำอะไรกันในห้องนี้ครับ ที่เช่จ้องให้มันอีกห้องหนึ่งนิ ห้องนี้เช่จะไว้ดูการแข่งสองคนกับสาวสวยของเช่นะ” ปอร์เช่เดินเข้ามายืนข้างฉันแล้วพูดขึ้น เด็กนี่ตัวสูงเป็นบ้าเลย“มึงว่าไงนะ ไอ้เช่” พี่ราเรซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดโมโห“เราจะดูการแข่งรถในห้องนี้สองคนค่ะ”ฉันสอดมือเข้าไปคล้องแขนหนาของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างฉันในตอนนี้ ปอร์เช่เลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าฉันอย่าง งงๆ แต่ก็แค่แป๊บเดียว หนุ่มน้อยก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉันเปลี่ยนมาโอบรอบเอวฉันแทน เด็กนี่ร้ายชะมัด ฉันทำเป็นยิ้มรับอย่างเต็มใจ ทั้งที่ความจริงไม่ได้รู