ฟางบิดตัวไปมา แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวโทรศัพท์แทบจะหลุดร่วงลงจากมือ เมื่อได้ยินเสียงดุ ๆ ดังขึ้นว่า
“ถ้าไม่ทำงาน... ก็ออกไปหาแฟนตอนนี้เลยก็ได้ แล้วไม่ต้องกลับมาที่บริษัทอีก”
“ท่านประธาน.... นะ หนูขอโทษค่ะ”
ฟางรีบเก็บโทรศัพท์ลงแล้วยกมือไหว้ขอโทษ
“แปดโมงเช้า ถึงห้าโมงเย็น คือเวลางาน หากใครใช้เวลาทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานให้หักคะแนนความประพฤติ”
คิงเอ่ยเสียงเข้ม คนถูกดุก้มหน้าลง มือไม้สั่นไปหมด
“คุณโฉมสอางค์ จดบันทึกเอาไว้ด้วย”
เขาหันไปสั่งหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่เดินตามหลังมาติด ๆ
“ค่ะ ท่านประธาน”
โฉมสอางค์รีบรับคำ พลางส่งสายตาเห็นใจไปที่พนักงานน้องใหม่ที่เพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่ถึงปี ก็ถูกหักคะแนนเสียแล้ว
จากนั้น ท่านประธานบริษัทก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงาน เมื่อประตูห้องปิดลง พนักงานต่างถอนหายใจโล่งออกมาตาม ๆ กัน
“ยัยฟาง ! เธอไม่เห็นข้อความแจ้งเตือนในไลน์กลุ่มพนักงานบริษัทรึไง”
พี่นา สาวใหญ่วัยสี่สิบห้าปีดุลูกน้องเสียงเขียว
“พอดี... แฟนหนูโทรมา หนูเลยไม่เห็นข้อความในไลน์ค่ะ พี่นา”
ฟางเอ่ยเสียงอ่อย ทำท่าจะร้องไห้ คะแนนเธอถูกหักอีกแล้ว คาดว่าปลายปีคงจะไม่ได้โบนัสแน่ ๆ
“ทีหน้าทีหลังจะทำอะไรก็อย่าให้บอสใหญ่จับได้ก็พอ เดี๋ยวเรื่องจะเดือดร้อนมาถึงฉัน”
นารินีเอ็ดลูกน้องของตนเสียงเขียว พวกเธอมักจะเรียกประธานบริษัทลับหลังว่า - บอสใหญ่ –
“ค่ะ... พี่นา”
...............
“ท่านประธานครับ ได้โปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะครับ”
วศิน พุ่งเข้ามาคุกเข่า กอดขาภูวเดชเอาไว้แน่น
เจ้าของร่างสูงหยุดนิ่ง ปรายตามองดูมือหยาบกร้านของอดีตเลขาที่ทำให้เกิดรอยยับย่นที่ขากางเกง
“คุณโฉมสอางค์ ผมจำได้ว่า ผมสั่งให้คุณไล่เขาออกตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอ”
เขากดเสียงต่ำ ราวกับว่ากำลังสะกดอารมณ์ของตนที่กำลังเดือดพล่านเอาไว้เต็มทน
เมื่อวานนั้น ภูวเดชมอบหมายงานให้ ‘วศิน’ ดำเนินการจัดการเรื่องนัดเจรจาธุรกิจกับประธานบริษัทเอ็มเอ็นกรุป
การนัดหมายสำคัญเช่นนั้น แต่วศินกลับจำเวลาผิดพลาด ทำให้เขาตั้งไปนั่งรอก่อนเวลานัดหมายเป็นชั่วโมง หนำซ้ำยังลืมหยิบเสื้อสูทมาให้เขา จนเป็นเหตุให้เขาต้องถูกคนที่นั่นเข้าใจผิดว่าเป็นพนักงานบริษัท สุดท้ายถูกกาแฟหกราดตัวเต็ม ๆ
จึงทำให้การเจรจาธุรกิจในวันนั้นล้มอย่างไม่เป็นท่า เลขาฯ ที่ทำงานง่าย ๆ ยังพลาดได้เช่นนี้ เขาจะจ้างไว้ทำไม
“อะ... เอ่อ...”
หัวหน้าฝ่ายบุคคลติดอ่างขึ้นมากะทันหัน เธอจะบอกกับบอสใหญ่ได้อย่างไรว่า วศินตามตื๊ออ้อนวอนขอให้เธอช่วยพูดกับท่านประธานเพื่อขอทำงานต่อ แต่เธอไม่กล้าเอ่ยปากเอง จึงให้เขาขึ้นมาขอร้องประธานบริษัทด้วยตนเอง
“ท่านประธานครับ อย่าไล่ผมออกเลยนะครับ ตอนนี้เศรษฐกิจแย่มาก หางานก็ยาก ขืนผมถูกไล่ออกตอนนี้ ลูกผม เมียผม ต้องอดตายแน่ ๆ ครับ”
วศินน้ำตาคลอ กอดขาประธานบริษัทเอาไว้แน่น ครั้งก่อนเขาตกงาน เพราะการระบาดของโรคโควิด19 ทำให้บริษัทที่ทำงานอยู่ต้องปิดตัวลง และเขาเองก็เพิ่งจะได้เข้าทำงานในตำแหน่งเลขาฯ เมื่อต้นเดือน
ความหวังทั้งหมดของเขาจึงอยู่ที่งานนี้ แต่คาดไม่ถึงว่ายังทำงานได้ไม่ถึงเดือน เขาก็จะถูกไล่ออกเสียแล้ว
ภูวเดชหลับตาลง แล้วเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขานิ่งขรึมมากขึ้นไปอีกเท่าตัว
“ผมจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง คุณโฉมสอางค์เรียก รปภ. ขึ้นมาลากตัวนายวศินออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้”
“ตะ...แต่...”
“หรือคุณอยากจะถูกไล่ออกด้วยอีกคน”
เสียงทุ้มต่ำของท่านประธานแผ่ซ่านเข้ามาทุกรูขุมขน ทำเอาสตรีวัยห้าสิบปีถึงกับเสียวสันหลังวาบ
“ไม่ค่ะ โฉมยังไม่อยากตกงานตอนแก่”
เธอรีบตอบบอสใหญ่ แล้วโทรศัพท์เรียก รปภ. ขึ้นมาทันที แม้จะสงสารนายวศินอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เธอก็ต้องเอาตนเองให้รอดจากเจ้านายจอมโหด และเผด็จการคนนี้เสียก่อน
“ท่านครับ ผมทำผิดครั้งแรก ท่านโปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้งนะครับ”
วศินไม่ยอมแพ้ ละล่ำละลักออกมาทั้งน้ำตา เสียงอ้อนวอนของเขาราวกับสายลมที่พัดผ่านก้อนหิน ไม่ว่าเขาจะพูด จะบีบน้ำตาเท่าใด อีกฝ่ายเพียงแต่ยืนนิ่ง ๆ แววตาคมกริบคู่นั้น ไม่เหลือบมองเขาแม้แต่น้อย
“ไม่... ผมไม่ออก คุณโฉมช่วยผมด้วย”
วศินร้องออกมาอย่างสุดเสียง รปภ. สองนายเข้ามาดึงเขาออกจากขาท่านประธาน
โฉมสอางค์ได้แค่ยืนมองเขาถูก รปภ. ลากออกไปจากห้องท่านประธานอย่างน่าสงสาร
“จัดการหาเลขาฯ คนใหม่ด้วย”
ภูวเดชเอ่ยเสียงเรียบ สั้น ๆ พลางโน้มตัวลงปัดรอยยับย่นที่ขากางเกง แล้วจัดให้เข้ารูปใหม่
“ค่ะ ๆ ดิฉันจะรีบไปจัดการตอนนี้เลยค่ะ”
โฉมสอางค์รีบออกมาจากห้องท่านประธานทันที เธอรู้สึกว่าอยู่ใกล้ประธานนานเกินไปไม่ได้ มันรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เกรงว่าชีวิตลูกจ้างที่อุตส่าห์ไต่เต้ามาจนถึงเป็นระดับหัวหน้าจะดับสูญไม่วินาทีใด ก็วินาทีหนึ่ง
นิวที่อยู่ในชุดทำงานสีอ่อน สวมป้ายห้อยคอที่ระบุตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายการตลาด ถือแฟ้มเอกสารขึ้นมาเสนอท่านประธานบริษัท แล้วบังเอิญเจอนายวศินถูก รปภ. ลากออกมาจากห้องพอดี
เขาหยุดมองฉากนั้นตาค้างไม่ต่างจากพนักงานคนอื่น ๆ
“เกิดอะไรขึ้นพี่โฉม”
นิวนี่เข้าไปประชิดตัวโฉมสอางค์ ซึ่งกำลังเพ่นแนบออกมาติด ๆ
“นายวศินถูกบอสใหญ่ไล่ออกนะสิ”
“หา... ไล่เลขาออกอีกแล้วเหรอพี่”
นิวตาโตเท่าไข่ห่าน
“ใช่... อีกแล้ว ตั้งแต่บอสใหญ่ขึ้นเป็นประธานบริษัท 5 ปี เปลี่ยนเลขาไปแล้ว 40 คน นายวศินเป็นคนที่ 41 แล้วฉันก็ต้องลำบากเปิดรับสมัครเลขาคนใหม่ให้ท่านประธานอีก !”
โฉมสอางค์ตอบพลางก้าวเท้าให้ห่างจากหน้าห้องท่านประธานเสียหน่อย เพื่อป้องกันไม่ให้คนในห้องได้ยินคำสนทนา
“จะยากอะไร พี่ก็เปลี่ยนตำแหน่งมาเป็นเลขาฯ ของบอสใหญ่สิ”
นิวพูดหยอกเย้า สตรีตรงหน้าอย่างเป็นกันเอง
“นี่น้องนิว... แม้ว่าพี่จะอยู่ที่นี่มานานจนหน้าด้านหน้าทนแล้ว แต่พี่ก็ไม่อยากเอาตัวเองไปอยู่ในที่อันตรายแบบนั้นหรอกนะ ก้าวพลาดก้าวเดียว เป็นได้กระเด็นออกนอกบริษัท !”
โฉมสอางค์เอ่ยพร้อมกับเอามือลูบไปตามแขน เพียงแค่คิดว่าต้องไปทำงานใกล้ชิดกับเจ้านายเจ้าระเบียบ เผด็จการ อีกทั้งยังเอาใจยากแบบนั้น เธอก็รู้สึกสยองขวัญอย่างบอกไม่ถูก
“โธ่เอ๊ย !... ให้มันได้แบบนี้สิ”คิงลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำจัดการปลดปล่อยตัวเองอย่างสุดเซ็ง“คืนนั้น ฉันยังไม่ได้เสียตัวให้คุณเหรอ แล้วทำไมฉันตื่นขึ้นมาในสภาพเปลือยเปล่าแบบนั้นล่ะ แถมยังนอนกอดคุณด้วย”กิ๊ฟซักถามสามี เช้าวันนั้นสภาพที่เห็น ทำให้เธอเข้าใจว่าได้เขาเป็นสามีไปแล้ว มิน่าเล่า ทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้เลย“ผมเป็นคนถอดเสื้อผ้าคุณออก สร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนว่าเรามีอะไรกันแล้ว เพื่อผูกมัดคุณไม่ให้หนีผมไปไง แต่คิดไม่ถึงว่า ผมยอมลงทุนขนาดนั้นแล้ว คุณยังกล้าทิ้งผมไปอีก ! คืนนี้คุณอย่าหวังว่าจะรอดเลย”คิงคำรามลั่น พร้อมกับพลักเจ้าสาวลงไปกับเตียง จากนั้นก็ขึ้นทาบทับเธอเอาไว้ทั้งตัว“ว๊าย ! เดี๋ยวคะ”หญิงสาวร้องโวยวายขึ้น ใช้สองมือดันหน้าอกเขาไว้ให้ออกห่าง หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าคืนนี้จะเป็นคืนแรกที่เธอจะเสียตัวจริง ๆ“เดี๋ยวอะไรอีก”ชายหนุ่มถามติดจะหงุดหงิด“กะ... กิ๊ฟกลัว” ร่างของเธอสั่นระริกขึ้นมาจริง ๆ ใบหน้าแดงก่ำ เธอเอ่ยตะกุกตะกักออกไปว่า “ขอกิ๊ฟดื่มเหล้าย้อมใจก่อนได้ไหม เผื่อว่าจะได้หายกลัว”คิงหัวเราะเต็มเสียง เลขาสาวผู้แสนจะเก่งกาจไม่เ
หญิงสาวน้ำตารื้นขึ้นมา แผ่นหลังของเธอแนบชิดกับแผงอกจนรับรู้ได้ถึงไออุ่นที่แสนคุ้นเคย แต่หัวใจเธอกลับบีบรัดกันแน่นจนรู้สึกเจ็บ เพราะหากเธอยอมกลับไปอยู่ในสถานะเดิม วันหนึ่งประวัติของเธอก็คงจะซ้ำรอยเหมือนกับแม่ของเธอแน่ ๆ“ปล่อยฉันเถอะค่ะคุณคิง เราสองคนไม่คู่ควรกัน สักวันหนึ่งคุณก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่คุณเลือกให้”เธอพยายามขยับตัวหนี แต่เขากลับรัดวงแขนแน่นขึ้นไปอีก“ไม่ ผมไม่ปล่อย ผมอุตส่าห์ตามคุณมาถึงที่นี่ ทำทุกอย่างเพื่อให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน คุณยังคิดจะหนีไปจากผมอีกหรือ.....”เขาส่งเสียงตัดพ้อออกมา ทันทีที่เขารู้เรื่องราวของหญิงสาวทุกอย่าง และรู้ว่าบริษัทไอยรา กรุปกำลังย่ำแย่ จึงวางแผนเข้ากวาดซื้อหุ้นของไอยรา แย่งชิงสิ่งที่ควรจะเป็นของเธอกลับคืนมาให้ แล้วบีบให้คนที่ทำร้ายเธอในอดีตให้จนตรอกอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าเขาจะหมดเงินไปกี่หมื่นล้านก็ตามชายหนุ่มจับต้นแขนของเธอทั้งสองข้าง แล้วผลักให้หญิงสาวหันมาสบตาเขา ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ชั่วชีวิตนี้ผมจะรัก และแต่งงานกับคุณแค่คนเดียวเท่านั้น”“ถ้าแม่คุณ.....”กิ๊ฟเอ่ยออกมาได้ยากยิ่ง เพราะก้อนแข็ง ๆ วิ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอ น้ำตา
คิงแกล้งส่งเสียงไอขึ้น พลางปรายตาคมดุมองมาที่คู่รักข้าวใหม่ปลามันที่จีบกันไม่รู้จักเวล่ำเวลา ทำเอาคนทั้งคู่ยิ้มเจื่อนไปทันที“ผมยังพูดไม่จบ...” คิงเอ่ยขึ้นอย่างทรงอำนาจแม้ว่าจะอยู่ในบริษัทของคนอื่นก็ตาม “เงื่อนไขของผมคือ หุ้นของบริษัทไอยรา กรุปในมือผม จะถูกโอนไปให้นางสาวกนกพิชญ์ เรืองระวี ทันทีที่เธอยอมลงนามในทะเบียนสมรส”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เจ้าหน้าที่อำเภอรีบนำเอกสารขึ้นมาทันที ทั่วทั้งต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน คิงจึงเอ่ยต่อท่ามกลางความเงียบนั้นว่า“หากคุณจันทิราต้องการให้ลูกชายของคุณครองตำแหน่งประธานบริษัท ก็เอาเงินที่มีทั้งหมดมาขอซื้อหุ้นจากคุณกิ๊ฟไปได้ แต่ตอนนี้ราคาหุ้นสูงขึ้นมากแล้ว อาจจะได้แค่ 2 – 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น”เมื่อคิงเอ่ยจบ คุณจันทิมาถึงกับกรีดร้องออกมาลั่นห้องทันที“กรี๊ดดดดดดด ฉันไม่ยอม !” หากนังลูกเมียเก็บนั่นยอมจดทะเบียนสมรสกับมหาเศรษฐีหนุ่มคนนี้ เธอสองแม่ลูกก็จะตกเป็นเบี้ยล่างมันทันที นี่เธอตกอับถึงขนาดต้องไปกราบกรานขอซื้อหุ้นจากมันเชียวหรือ“มันไม่ใช่คนในตระกูลไอยรา มันก็แค่ลูกเมียเก็บ มีสิทธิ์อะไรมาครอบครองหุ้นของโรงแรมนี้ !”จันทิราโวยวายขึ้นอย่างไม่ลืมหูลื
“ขออนุญาตค่ะ มิสเตอร์อเล็กซานเดอร์มาถึงแล้วค่ะ”เลขานุการของไอยรา เปิดประตูให้กับแขกคนสำคัญเดินเข้ามา ฝ่ายนั้นเดินเข้ามาในห้องเกือบสิบคนสามคนสุดท้ายที่เดินเข้ามานั้น ทำให้กิ๊ฟถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง หัวใจเธอเต้นโครมครามทันทีที่สบเข้ากับดวงตาคมกริบคู่นั้น“คุณคิง”เสียงแผ่วเบาหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากของหญิงสาว ในขณะที่น้องชายของเธอก็เอ่ยขึ้นว่า“ยินดีต้อนรับครับมิสเตอร์อเล็กซานเดอร์” เก่งรีบลุกขึ้นเข้าไปจับมือทักทายกับแขกคนสำคัญ “เชิญนั่งครับ”คณะของมิสเตอร์อเล็กซานเดอร์ หรือ คิงนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม เขามองหญิงสาวที่แสนคิดถึงนั้นด้วยแววตาวาววับคมกล้า ในขณะที่เขาเอ่ยแนะนำคนในทีมของตนให้อีกฝ่ายรู้จักผู้ร่วมทีมของเขาในวันนี้ประกอบด้วยทนายความฝีมือดีที่สุด ผู้แทนของบริษัทหลักทรัพย์ (Broker) เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนราษฎร ผู้จัดการสินทรัพย์ของบริษัท รองประธานคณะกรรมการ และหัวหน้าฝ่ายการตลาดนิวนี่ที่ถูกแนะนำเป็นคนสุดท้าย แอบยักคิ้วให้กับเพื่อนสาว ที่ยังคงนั่งแข็งค้างคล้ายคนถูกสาป คนในตระกูลไอยราไม่ทราบว่าเขากับกิ๊ฟเป็นเพื่อนสนิทกัน ดังนั้น เขาจึงร่วมทีมมากับคุณเค และคุณคิงโดยไม่ต้อง
จันทิราชะงักฝีเท้า แล้วหันมามองสามี แต่เมื่อแลเลยไปเห็นลูกสาวของเมียอีกคนของเขา คอเธอก็ชูตั้งแข็งขึ้นมาทันที“คุณแม่ครับ เชิญมาคุยกันก่อน”เก่งลุกขึ้น เข้าไปโอบมารดาให้มานั่งลงที่โซฟานุ่ม เพื่อที่จะได้สนทนาเรื่องสำคัญ“เรื่องอะไร มีอะไรต้องพูดกัน ทุกวันนี้แกสองพ่อลูกเคยเห็นฉันอยู่ในสายตาไหม ดีแต่จะคอยโอ๋เอาใจคนอื่น”จันทิราปรายตามองไปที่กิ๊ฟ จงใจกระแทกเสียงคำว่า – คนอื่น – ให้ลูกเมียเก็บได้ยิน“แต่คนอื่นที่คุณเอ่ยถึง คือ ลูกสาวของผม และคือคนที่ช่วยบริษัทของเราไว้ เป็นคุณเสียอีกที่ขายบริษัทให้กับคนอื่นกับมือตัวเอง !”ปนนธีร์ขึ้นเสียงเข้มกับภรรยา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง“นี่คุณอย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ ! ฉันขายบริษัทให้ใครที่ไหน”จันทิราตวาดสามีกลับ ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้พลาดพลั้งทำอะไรลงไป“ก็หุ้นของไอยรากรุป ที่คุณขายออกไปจนหมดอย่างไงล่ะ”ปนนธีร์จ้องหน้าภรรยาด้วยใบหน้าถมึงทึง“ฉันขายหุ้นในส่วนของฉัน มันผิดตรงไหน ถ้าราคามันสูงขึ้นเราก็รีบขายเอากำไรสิ ใคร ๆ เขาก็ขายกัน”จันทิราเถียงคอเป็นเอ็น ให้ตายเธอก็ไม่ยอมรับว่าเป็นคนขายบริษัท“พ่อครับ แม่ครับ ใจเย็น ๆ แล้วฟังผมอธิบายก่อนนะ
“เหอะ ! ไปทำงานที่บริษัทไม่กี่วัน แกก็จะนับญาติกับผู้หญิงคนนั้นแล้วเหรอ ผู้หญิงเขาทิ้งพี่แกไป แกยังจะไปเห็นดีเห็นงามอะไรอีก ยังไงยัยหนูมิ้น ลูกสาวของคุณหญิงก็ดีกว่าเป็นไหน ๆ”นริศรเชิดหน้าขึ้น พูดได้ไม่เต็มปากนัก เธอยังไม่อยากยอมรับหญิงสาวเป็นลูกสะใภ้ในตอนนี้ เพราะกลัวจะเสียหน้า“ที่คุณกิ๊ฟเขาทิ้งผมไป ก็เป็นเพราะว่าคุณแม่เป็นคนบีบบังคับให้เธอต้องหนีไป” คิงเอ่ยเสียงขรึม“ตาคิง !”นริศรเสียงสูง ตกใจที่ลูกชายของตนรู้เรื่องที่เธอแอบทำทั้งหมดแล้ว“ส่วนผู้หญิงที่คุณแม่อยากได้มาเป็นสะใภ้นั้น เธอมีผัวแล้ว และที่สำคัญครอบครัวเป็นหนี้ธนาคารอยู่ร้อยล้าน”“ไม่จริง !”นริศรส่ายหน้าอย่างยากที่จะยอมรับได้“คุณแม่ดูคลิปนี่ครับ”เคเปิดคลิปในมือถือให้คุณนริศรดูในหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ปรากฏภาพของมายด์มิ้นเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ใบหน้าหญิงสาวเต็มไปด้วยความหงุดหงิดนริศรได้ยินเสียงของมายด์มิ้นคุยโทรศัพท์กับคุณหญิงแม่ชัดถ้อยชัดคำ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า......ถ้าลูกชายของยัยป้านริศรหน้าโง่นั่นจับง่ายก็ดีสิ ฉันกับแม่จะได้สบายไปทั้งชาติ...........มิ้นกลับไปนอนกอดผัวให้กีฉ่ำดีกว่า....“ตายแล้ว !”นริศรยกมื