ร่างบางกวาดสายตามองไปรอบห้อง ไม่ใช่แค่คู่ของลัลลาเบลที่มีพฤติกรรมแบบนี้ อีกหลายคู่ที่นัวเนียเข้าหากันโดยไม่สนใจว่าใครจะมอง แต่สิ่งที่สะดุดตาฉันมากที่สุดก็เห็นจะเป็น อุปกรณ์เสพสิ่งเสพติดที่วางเกลื่อนกลาดอยู่บนโต๊ะ
“เธอเป็นเพื่อนของเด็กนี่เหรอ” เสียงของคนที่ฉันพึ่งด่าเขาไปถามขึ้น เรียกสติให้กลับมา
“ลัลลาเบล เรากลับกันเถอะ” ฉันไม่สนใจคำถามของสเตฟานรีบเดินเข้าไปดึงแขนเพื่อนตัวเองออกจากผู้ชายคนนั้น
หมับ! ยังไม่ทันจะเข้าถึงตัวเพื่อน ข้อมือเล็กก็ถูกกระชากเต็มแรงจากผู้ชายตัวสูง
“อย่าเมินคำถามฉัน” สเตฟานกดเสียงต่ำ สายตาดุจ้องมองหน้า
“ไม่รู้ก็คงไม่ตายใช่มั้ย”
“...” เมื่อได้รับคำตอบทำเอาสายตาของเขาเปลี่ยนไปทันที โมโหสินะ
“หรือจะตายที่ไม่ได้รู้ก็บอก ฉันจะได้เล่าให้ฟังว่าตัวเองเป็นใครแล้วคุณจะได้ไปตายซะ” ข้อมือเล็กพยายามดึงออกจากมือหนา แต่แรงบีบที่ข้อมือแรงขึ้นจนร่างบางแสดงสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด
“นี่มันคริส เด็กกำพร้าตระกูลที่ควีนมาเรียรับมาเลี้ยงนี่” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น ฉันก็ดังพอตัวเลยนะเนี่ย
“ก็แค่เด็กกำพร้า...แต่เป็นเด็กกำพร้าที่ปากดีดี” สายตาดูถูกของผู้ชายตรงหน้ายิ่งทำให้ฉันรู้สึกเกลียดเขาขึ้นทีละนิด
“...” เราทั้งคู่ต่างจ้องหน้ากัน
สเตฟานเดินผ่านฉันไปทิ้งตัวนั่งลงยังโซฟา สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ฉัน แต่ลัลลาเบลกลับฟุบหน้าซบลงบนอกผู้ชายไม่สนใจฉันเลยสักนิด สภาพของเธอเหมือนคนเมาอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่เหล้า
“ให้เธอพาเพื่อนกลับไป” สเตฟานพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ฉันเอากลับอยู่แล้ว” ร่างบางเดินตรงเขาไปคว้าแขนเพื่อนตัวเอง แล้วออกแรงดึง แต่อีกฝ่ายกลับขืนแรงเอาไว้ไม่ยอมลุกขึ้นตาม
“ปล่อย!” ลัลลาเบลสะบัดมือฉันออกแล้วซบหน้าลวงบนอกตามเดิม
“ลัลลาเบล กลับบ้านกับเรา” ฉันพยายามพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แม้ว่าภายในใจจะใกล้หมดความอดทนเต็มทีแล้ว
เธอยังคงสะบัดมือออกไม่ยอมให้ฉันโดนตัว ไม่คิดจะหันมามองหน้ากันด้วยซ้ำ ฉันมั่นใจว่าอาการเมานี้เกิดจากสารเสพติด สายตาทุกคนยังคงมองมาและอมยิ้มไม่เว้นแม้แต่หมอนั่น
“ลัลลาเบล มานี่สิครับเด็กดี” สเตฟานยกแขนพาดพนักโซฟาแล้วหันมองไปทางลัลลาเบล เพียงเขาส่งเสียงพูดก็ทำให้คนถูกเรียกรีบลุกเดินโซเซเข้าไปหาทันที
พึ่บ!
ร่างบางทิ้งตัวนั่งลงข้างเขา มือเล็กยกแตะข้างแก้มลูบไล้ลากมือเลื่อนลงมาจนถึงแผงอกแล้วซบหน้าลง เธอคลั่งไคล้ในตัวเขาจนยากที่ถอนตัว
“ไปไหนมาคะ เมื่อกี้เรายังจูบกันอยู่เลย” เสียงอ้อแอ้ของลัลลาเบลดังขึ้น เธอจูบกับใครก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ได้ไปไหนครับ ลัลลาเบลนั่นแหละไปไหนมา”
“ลัลลาเบลจะไม่ไปไหน จะอยู่กับพี่ตลอดไป”
“หึ! น่ารักจังครับ” ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่สายตากลับมองมาอย่างผู้ชนะ
“ลัลลาเบล กลับบ้านกันเถอะ” ฉันเดินเข้าไปดึงแขนเพื่อนขึ้นมาอีกครั้ง
“หื้อ ~ คริสเหรอ ไม่เอาเราไม่กลับ!” เธอยังคงยืนยันคำเดิม
“กลับกันนะ ตอนนี้ดึกแล้ว” จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีวะเนี่ย!
“ไม่เอา!”
“ลัลลาเบลมีสติหน่อยสิ เรากลับกะ!”
“เป็นแม่หรือไงบังคับเพื่อนกลับบ้านอยู่ได้” สเตฟานพูดแทรกขึ้น เขายกมือโอบแผ่นหลังของลัลลาเบลกอดไว้
“...” ฉันเมินคำพูดของเขาแล้วพยายามดึงแขนเพื่อนให้ลุกขึ้น
“อย่าเมินเวลาที่รุ่นพี่เขาคุยด้วยสิ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น มีตัวแทรกเข้ามาเพิ่มอีกหนึ่งเลย
“...” ฉันเมินทั้งสองคนแล้วพยายามดึงเพื่อนขึ้น สเตฟานไม่ได้จับลัลลาเบลเอาไว้ แต่เป็นเพื่อนฉันเองที่กอดเขาไว้แน่น โว้ย! ถ้าเป็นคนอื่นฉันไม่สนใจหรอก แต่นี่...ฉันมีเพื่อนแค่คนเดียวแล้วยังมาอยู่ในสภาพแบบนี้อีก
หมับ!
“เด็กกำพร้านี่เมินจังเลย ไม่รู้หรือไงว่าพวกฉันเป็นใคร” ผู้หญิงอีกคนเข้ามาคว้าแขนไว้ วุ่นวายกันจังคนพวกนี้
“ปล่อย” ฉันปาดสายตามองไปยังผู้หญิงที่จับแขนอยู่
“ฉันชอบสายตาแกตอนนี้นะ มันดูเหมือนหมาจรจัดที่พยายามจะสู้ดี”
“...” หมาเหรอ...
“กรี๊ด!”
พึ่บ!
มือเล็กปล่อยจากแขนเพื่อนแล้ว ใช้มือข้างที่โดนจับพลิกเปลี่ยนมาจับแขนของอีกฝ่ายพร้อมกับออกแรงกระชากเธอเข้าหาตัว มืออีกข้างที่ว่างเอื้อมไปสอดเข้าใต้หลังหัวก่อนออกแรงดึงผม บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นสยตา
“พูดอีกที!” ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว ทำเอาทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว
“กรี๊ด! อีเด็กกำพร้า มึงไม่ตายดีแน่!”
“มึงนั่นแหละไม่ตายดี”
หมับ!
แขนข้างที่ดึงผมคนตรงหน้าถูกมือหนึ่งจับเอาไว้ แล้วออกแรงบีบอีกฝ่ายก็ถูกเพื่อนของตัวเองจับเอาไว้ และช่วยกันดึงมือฉันออกจากแขนเธอเช่นกัน
“เก่งพอตัวเลยนี่ ขนาดมาคนเดียวนะเนี่ย” สเตฟานเป็นคนเข้ามาจับแขนฉันไว้
“ขอบคุณที่ชม แต่ทำตัวเหมือนหมาหมู่เลยนะ รุมผู้หญิงคนเดียว...กลัวไปหมดแล้วค่ะ” ริมฝีปากบางยกยิ้ม
“แน่ใจนะว่าเป็นแค่เด็กกำพร้า” เขาถามมันออกมาซึ่งหน้า และนั่นยิ่งทำให้ทุกคนต่างสนใจมาที่ฉัน
“ถ้าบอกแล้วจะไปตายเลยมั้ยล่ะ จะได้พูดให้ฟัง” คำถามเดิมถูกนำมาใช้อีกครั้ง สงสัยไม่จบไม่สิ้นจริงนะหมอนี่
พึ่บ!
ข้อมือเล็กปล่อยออกจากผมยาว และสะบัดออกจากมือเขา แล้วตรงเข้าไปคว้าแขนเพื่อนมาพาดคอไว้ข้างหนึ่ง มือโอบเข้าเอวบางแล้วออกแรงพยุงเพื่อนขึ้นมา ตัวหนักชะมัดเลยยายลัลลาเบล!
“ให้ช่วยมั้ย” สเตฟานมองสภาพฉันตอนนี้แล้วยิ้มมุมปาก
“ช่วยไปตายไหนก็ไป” นัยน์ตาคมปาดมองคนตัวสูง
“เฮ้ย! จะมากไปแล้วเด็กกำพร้า ไม่รู้หรือไงว่าสเตฟานเป็นใคร!” ผู้ชายอีกคนตะโกนขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ถ้าเขาไม่ใช่คนแล้วค่อยมาทำให้ฉันตื่นเต้นโว้ย!” เสียงเล็กตะโกนกลับไปอย่างไม่ยอมเหมือนกัน
“อีเด็กปากดีนี่!”
“แล้วจะทำไม!” กลายเป็นว่าฉันและเพื่อนของสเตฟานตะโกนด่ากันเอง ส่วนตัวต้นเหตุยังคงเอาแต่มองหน้าฉัน สงสัยอะไรนักหนา
“อ้าว! สเตฟาน!” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้ทุกสายตาหันมองไปที่เธอ
“เฮเลน เคท” สเตฟานเรียกชื่อบุคคลเข้ามาใหม่
“บังเอิญจังที่เจอกัน” พี่เคท หลานสาวของเลขาธิการประจำราชวงศ์ แน่นอนว่าเธอก็รู้จักฉันดีเป็นคนส่งเสียงขัดจังหวะ เธอมองมาที่ฉันและสลับไปที่ลัลลาเบล
“มาทำอะไรที่นี่เฮเลน” น้ำเสียงของสเตฟานเปลี่ยนไปทันทีตอนพูดกับพี่เฮเลน
“อ๋อ พอดีเรามาดื่มกับเคทน่ะ แล้วบังเอิญเห็นสเตฟานตอนที่พึ่งมาถึงเมื่อกี้ ก็ว่าจะมาเซอร์ไพรส์กว่าจะหาห้องเจอ” พี่เฮเลนกำลังโกหก สายตาของทั้งคู่มองมาที่ฉันขนาดนี้ตามมาสินะ
“ถ้างั้นเราสามคนไปที่อื่นกันเถอะ” สเตฟานทิ้งคนที่นี่เพื่อพี่เฮเลนเลยเหรอเนี่ย
“นั่น...น้องคริส” พี่เคทกะพริบตาปริบ ๆ ตอนเรียกชื่อฉัน
“ค่ะ” ฉันส่งยิ้มให้พี่เคท และพยุงเพื่อนตัวเองตรงไปยังประตู
“เคทรู้จักด้วยเหรอ” ยิ่งพี่เคททัก สเตฟานก็ยิ่งสงสัยเมื่อเรารู้จักกัน
“อื้อ เด็กสาวที่ตระกูลของควีนมาเรียดูแลอยู่ ฉันก็ต้องรู้สิ”
“อือ” ขนาดพี่เคทหลบได้ดี หมอนี่ก็ยังไม่หยุดมองฉันด้วยความสงสัย
“เพื่อนเมาเหรอคะ เดี๋ยวพี่ช่วย” พี่เฮเลนรีบเข้ามาช่วยพยุงลัลลาเบลอีกคน
“เฮเลนก็รู้จักเหรอ” ไอ้บ้านี่ขี้สงสัยจังวะ!
“ไม่รู้จักหรอก แต่ดูเหมือนน้องเขาจะหนักน่ะฉันแค่ช่วย เอางี้เดี๋ยวฉันกับเคทไปรอข้างล่างนะ แล้วก็...จัดการของบนโต๊ะด้วย” พี่เฮเลนชี้ไปที่โต๊ะแล้วไล่สายตามองทุกคนก่อนจะหยุดที่หน้าเพื่อนตัวเอง
“ไม่ต้องมองแบบนี้เลย เฮเลนก็รู้ว่าเราไม่เคยยุ่ง”
“ไม่รู้ละ ไปรอข้างล่างแล้วกัน” พูดจบพี่เฮเลนกับฉันก็พยุงลัลลาเบลออกไปทางประตู โดยมีพี่เคทเดินตามหลังมา
ร่างสูงจ้องมองกลุ่มคนที่เดินออกไปทางประตู ความสงสัยมากมายผุดขึ้นในหัว สายตาของเด็กนั่นไม่มีความกลัวอยู่ภายในนั้นเลย และเรื่องบังเอิญที่เพื่อนทั้งสองเข้ามาได้ทันเวลา ตอนที่ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นเหมือนเหนื่อยจากการวิ่งมา แค่จะเซอร์ไพรส์ต้องวิ่งตามหาเขาเลยเหรอ
“กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าเอาของแบบนี้มาเล่น” นัยน์ตาคมไล่มองเพื่อนตัวเองทีละคน
“...” ทั้งห้องเข้าสู่ความเงียบ
“แล้วมึงก็เลิกเอาชื่อกูไปใช้ล่อเด็กสักที เพื่อนเด็กนั่นเข้าใจว่าทั้งหมดกูเป็นคนทำแล้ว”
“สนใจอะไรวะ ก็แค่เด็กกำพร้า มันจะทำอะไรมึงได้”
“ทำไม่ได้ แต่กูรำคาญ” พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไปทันที ใบหน้าของเด็กคนนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัว สายตาของเธอที่ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นไม่เหมาะกับคนที่เป็นแค่กำพร้าเลยสักนิด
“อย่าพูดแบบนี้นะคะพี่สเตฟาน รู้สึกเหมือนจะอ้วกอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ” รอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้ายียวนจนน่าหมั่นไส้“ขนาดรู้สึกจะอ้วกยังพาติดตัวตลอดเวลาขนาดนี้ การกระทำกับคำพูดสวนทางกันจังเลยนะครับไอรีน” สเตฟานตั้งใจเรียกชื่อของอีกฝ่าย เพราะรู้ว่าฉันไม่ชอบเสียงของเขาเวลาเอ่ยชื่อตัวเอง“จะแปลกอะไรล่ะ มันก็เหมือนพกหมากระเป๋าติดตัวนั่นแหละ”“ขาดไม่ได้จนต้องให้อยู่ใกล้ตลอดเวลา คลั่งรักอะไรขนาดนี้ครับ หรือมีปมในชีวิตทำให้ขาดผู้ชายไม่ได้” ต่างฝ่ายต่างตั้งใจให้อีกคนถูกมองไปในทางที่แย่ แต่ดันไม่มีใครยอมใคร“ปากเก่งขนาดนี้ทำไมหลุดออกไปจากฉันไม่ได้ล่ะ อ๋อ ลืมไปเลยก็เพราะ...” นิ้วเรียวชี้ไปยังคนตัวสูงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ความหมายที่จะสื่อเตือนสมองนิ่ม ๆ ของเขาคือ ชื่อของฉันที่อยู่บนตัว“หุบปาก” สเตฟานพูดขึ้นก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้พึ่บ!ร่างสูงลุกขึ้นยืนสายตายังคงจับจ้องมาที่ฉัน ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องผ่านสายตาทุกคนออกไปทันที ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบ ชอบให้ฉันพูดมากทุกครั้งเลยพึ่บ!ตึก ตึก ตึกร่างบางลุกขึ้นจากโซฟาเช่นกัน แต่แทนที่จะเดินออกจากห้องไปทันทีฉันกลับเดินเข้าไปหยุดยืนตร
(ปัจจุบัน)นัยน์ตาเฉี่ยวจ้องมองรูปปั้นเทพพระเจ้ากรีกโบราณผ่านเลนส์กล้อง แม้เธอจะให้ความสนใจไปที่รูปปั้นตรงหน้า แต่ก็รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าสายตาคนรอบข้างกลับให้ความสนใจมาที่เธอหญิงสาววัยอายุ 25 ปี ผมยาวสีดำตรงถึงสะโพก ใบหน้าสวยคมเอกลักษณ์เด่นของตัวเองคือไฝใต้ตาขวา บางมุมมันก็ทำให้ใบหน้าของเธอสวยหวานชวนหลงใหล บางมุมสวยดุจนผู้ชายหลายคนอยากเข้ามาท้าทาย แต่สถานะที่เมื่อใครได้รับรู้ก็ต้องถอยห่างทำให้ผู้คนทั่วไปจึงทำได้เพียงมองแชะ แชะ แชะเสียงกดชัตเตอร์บันทึกภาพดังขึ้นเป็นจังหวะ สองเท้าก้าวเดินวนรอบรูปปั้นและกดบันทึกภาพไปด้วย อีรอสหรืออีกชื่อคิวปิดเทพพระเจ้าแห่งความรัก ภาพจำของใครหลายคนก็คือเทวดาตัวน้อยมีปีกสีขาวคอยยิงศรให้คนตกหลุมรักกันแต่สักกี่คนจะรู้ว่าเทพพระเจ้าตัวน้อยมีศรสองแบบ หนึ่งศรทำให้ตกหลุมรัก หนึ่งศรทำให้เกลียดกัน แม้แต่ในตำนานความรักของเทพพระเจ้าเองก็ยังมีอุปสรรค แล้วเราจะคาดหวังให้มีรักที่สมหวังตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันไปทำไมในเมื่อเทพเจ้าแห่งความรักยังทำมันไม่สำเร็จ“เจ้าชายมาถึงแล้วครับ” เสียงผู้ดูแลเอ่ยขึ้น แต่หญิงสาวก็ยังคงให้ความสนใจไปที่รูปปั้นตรงหน้ามากกว่าบุคคลระดับสูง
“เสียมารยาทจังนะครับ เจ้าของห้องยังไม่อนุญาตให้เข้าเลย” เสียงของชายผู้เป็นเจ้าของห้องดังทักท้วงขึ้น ทำเอาทุกคนหยุดชะงัก แม้แต่ตัวฉันเอง“...” ร่างบางหันกลับไปมอง“แล้วก็เอาคนบุกเข้ามาห้องคนอื่นขนาดนี้ เขาไม่ได้สอนมารยาทให้เด็กกำ อ้อ ไม่ใช่สิ...เจ้าหญิง” ตั้งใจด่ากันเลยนี่หว่า แต่เราก็ตั้งใจด่ากันมาตั้งแต่แรกแล้ว“ทุกคนออกไปรอข้างนอก” เมื่อได้ยินคำสั่งของฉัน สเตฟานยิ้มมุมปาก ส่วนคนอื่นหันกลับมามองด้วยความตกใจ“พวกเราไม่สามารถปล่อยให้เจ้าหญิงอยู่กับผู้ชายในเวลาแบบนี้โดยไร้การดูแลได้ครับ” หัวหน้าผู้ดูแลพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ไม่เป็นอะไร คุณสเตฟานเขาไม่ทำอะไรเราหรอก” ยิ้มฝีปากบางฉีกยิ้ม สายตายังคงจ้องมองกันและกัน“แต่...” ผู้ดูแลที่ยังเป็นกังวลพยายามจะพูดต่อ แต่เสียงของสเตฟานแทรกขึ้นมาซะก่อน“ผมไม่สิ้นคิดทำอะไรเจ้าหญิงหรอกครับ” ฉันล่ะชอบปากหมอนี่จริง ๆ ไม่ทำให้รู้สึกเบื่อดี“ช่วยสุภาพกับเจ้าหญิงด้วยครับคุณสเตฟาน” ผู้ดูแลกล่าวตักเตือนเขา แต่อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ได้สนใจในคำเตือน“ผมพูดผิดตรงไหนล่ะ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือเจ้าหญิงนะครับ ถ้าทำอะไรเธอผมก็แย่สิ” ปากพูดแบบนั้น แต่เชื่อเถอะในใจเ
ปึง!ประตูรถปิดลงทั้งสองฝั่งพร้อมกัน วันนี้ฉันถูกพากลับพร้อมพี่เฮนรี่ จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้ต้องเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง ทุกเรื่องที่รู้ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างสเตฟานกับลัลลาเบล แต่ยกเว้นเรื่องที่ตัวเองเข้าไปที่คลับเพราะไม่อยากให้พี่เฮนรี่เป็นห่วงไปมากกว่านี้“แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าเป็นเขา” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับหักเลี้ยวพวงมาลัยรถขับวนลงจากตึกจอด“ถ้าไม่ใช่เขาจะเป็นใคร เพื่อนของไอรีนมีผู้ชายที่ชอบอยู่แค่คนเดียว”“พี่ถึงถามนี่ไงว่าแน่ใจใช่มั้ย เพราะภาพนั้นถูกส่งเข้าสู่เมลนักศึกษาทั้งมหา’ลัยนะ แล้วพี่ก็เห็นว่าไม่ได้มีผู้ชายแค่คนเดียว”“เข้าข้างผู้ชายด้วยกันเองหรือเปล่าเนี่ย”“ไม่ใช่สักหน่อย” พี่เฮนรี่หันมาสบตา“มองน้องแบบนี้หมายความว่ายังไง”“ก็ที่รู้มานะ สเตฟานไม่มีทางคบผู้หญิงคนไหน และไม่มีทางพาเรื่องแบบนี้เข้ามาหาตัวเองแน่นอน ระดับคาร์พาเธียไม่ปล่อยอะไรโง่ ๆ แบบนี้หรอก”“ครั้งนี้อาจจะเล่นสนุกจนลืมนึกถึงผลที่ตามมาก็ได้”“ไม่มีทาง สเตฟานชอบเฮเลนผู้ดูแลพิเศษของไอรีนไง เขาไม่มีทางพลาดเรื่องแบบนี้ให้ตัวเองดูไม่ดี”“ชอบพี่เฮเลน?” ถึงว่าสิ น้ำเสียงเวลาคุยกับพี่เฮเลน ทั้งตอนที่รับโทร
ณ ห้องสมุดมหา’ลัยผ่านเหตุการณ์นั้นมาหลายอาทิตย์ลัลลาเบลก็ยังไม่ยอมกลับมาเรียน เราทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงเพราะฉันเข้าไปวุ่นวายชีวิตเธอเกินหน้าที่ของเพื่อนทำให้เราต่างห่างกันออกไป ฉันพยายามติดต่อเธอทุกทาง แต่ก็ไร้ความหมาย“เพื่อนล่ะคะ” พี่เฮเลนนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามถามขึ้น“ยังไม่กลับมาเรียนเลยค่ะ”“ไม่ใช่ความผิดของ...” พี่เฮเลนเหมือนจะยังไม่ชินกับการเรียกชื่อแฝงของฉันเฉย ๆ“คริสค่ะ”“ไม่ใช่ความผิดของคริสเลยนะคะ การที่เราเป็นห่วงเพื่อนที่หลุดเข้าไปวงโคจรแบบนั้น” พี่เฮเลนรู้ว่าฉันเป็นกังวลกับเรื่องนี้ จึงคอยเข้ามาปลอบใจอยู่บ่อยครั้ง“ค่ะ เดี๋ยวสักวันมันก็ดีขึ้นแหละ พวกเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ก็มีงอนกันบ้างตามประสาผู้หญิง พี่เฮเลนเคยเป็นมั้ยคะ”“ประจำค่ะ พวกพี่ทะเลาะกันเองเวลาว่าง ๆ ก็มี”“น่ารักจังเลยนะคะ” มีทะเลาะกันเวลาว่างด้วย“พี่ไม่รบกวนเวลาแล้ว ขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ” พี่เฮเลนลุกขึ้นยืนแล้วส่งยิ้มหวานมาให้“บ๊ายบายค่ะ” มือเล็กยกขึ้นโบกไปมา มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินออกจากห้องสมุดไปฉันหันกลับมาสนใจงานในโน้ตบุ๊กของตัวเองต่อ นิ้วเรียวเลื่อนคลิกหน้าจอเว็บของมหา’ลัยขึ้นมา แต่จู่ ๆ
ร่างบางกวาดสายตามองไปรอบห้อง ไม่ใช่แค่คู่ของลัลลาเบลที่มีพฤติกรรมแบบนี้ อีกหลายคู่ที่นัวเนียเข้าหากันโดยไม่สนใจว่าใครจะมอง แต่สิ่งที่สะดุดตาฉันมากที่สุดก็เห็นจะเป็น อุปกรณ์เสพสิ่งเสพติดที่วางเกลื่อนกลาดอยู่บนโต๊ะ“เธอเป็นเพื่อนของเด็กนี่เหรอ” เสียงของคนที่ฉันพึ่งด่าเขาไปถามขึ้น เรียกสติให้กลับมา“ลัลลาเบล เรากลับกันเถอะ” ฉันไม่สนใจคำถามของสเตฟานรีบเดินเข้าไปดึงแขนเพื่อนตัวเองออกจากผู้ชายคนนั้นหมับ! ยังไม่ทันจะเข้าถึงตัวเพื่อน ข้อมือเล็กก็ถูกกระชากเต็มแรงจากผู้ชายตัวสูง“อย่าเมินคำถามฉัน” สเตฟานกดเสียงต่ำ สายตาดุจ้องมองหน้า“ไม่รู้ก็คงไม่ตายใช่มั้ย”“...” เมื่อได้รับคำตอบทำเอาสายตาของเขาเปลี่ยนไปทันที โมโหสินะ“หรือจะตายที่ไม่ได้รู้ก็บอก ฉันจะได้เล่าให้ฟังว่าตัวเองเป็นใครแล้วคุณจะได้ไปตายซะ” ข้อมือเล็กพยายามดึงออกจากมือหนา แต่แรงบีบที่ข้อมือแรงขึ้นจนร่างบางแสดงสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด“นี่มันคริส เด็กกำพร้าตระกูลที่ควีนมาเรียรับมาเลี้ยงนี่” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น ฉันก็ดังพอตัวเลยนะเนี่ย“ก็แค่เด็กกำพร้า...แต่เป็นเด็กกำพร้าที่ปากดีดี” สายตาดูถูกของผู้ชายตรงหน้ายิ่งทำให้ฉันรู้สึกเ