จันทร์เจ้ามาอยู่ไร่พสุธาได้หลายวันแล้ว เธอรู้สึกว่าคุณลุงดินของเจ้าขาเหมือนเล่นซ่อนหากับเธออยู่ โดยที่เธอเป็นคน ‘หา’ ลุงดิน ป้าอุ่นบอกว่าลุงดินไปไร่ พอเธอไปหา คนงานก็บอกอยู่ท้ายสวน แต่พอเธอไปถึงท้ายสวย คนอื่นๆ ก็บอกว่าเขากลับบ้านไปแล้ว แล้วก็เป็นแบบนี้วนไปวนมา ถึงเจอหน้าก็แวบๆ เขาทำตัวเหมือนยุ่งตลอดเวลา บางคืนก็ไม่กลับบ้าน คืนนี้ก็เช่นกัน เธอทิ้งตัวลงนอนแล้ว แต่ได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดก็อดดีดตัวลุกเดินไปที่หน้าต่าง เห็นรถของลุงดินจอดอยู่ เป็นไงเป็นกัน คืนนี้ต้องคุยกับลุงดินให้รู้เรื่อง ทำไมต้องคอยหลบหน้าเธอขนาดนี้ ด้วยความเคยชิน จันทร์เจ้าคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอนบางเบาสีชมพูหวาน แต่ไหนแต่ไรเธอก็แต่งตัวแบบนี้ ยามค่ำคืนที่เรือนใหญ่ไม่มีใครอยู่ ป้าอุ่นและคนอื่นๆ กลับไปนอนบ้านตัวเองกันหมด พสุธาเองก็ไม่ชอบให้ใครมาคอยรับใช้อะไรมากมาย แค่ดูแลบ้านช่องตามสภาพก็พอแล้ว จันทร์เจ้าได้ยินเสียงเปิดปิดประตูห้องซึ่งมั่นใจได้ว่ามีแค่เจ้าของบ้านที่กลับมาห้องนอนของตัวเองแล้ว เจ้าของร่างเล็กจึงเดินมาที่ห้องของพสุธา กำลังจะเอื้อมมือเคาะประตูแต่บานประตูปิดไม่สนิทเ
ชายหนุ่มวัยสี่สิบสองได้รับโทรศัพท์จากแม่บ้านว่า ‘จันทร์เจ้า’มาที่ไร่ ยัยเด็กแก่แดดแก่ลมคนนั้นกลับมาที่ไร่ของเขาหลังจากหายหน้าไปเกือบสี่ปี ไม่รู้ว่ายังนิสัยเหมือนเดิมอยู่ไหม? เมื่อร่างสูงกำยำเดินขึ้นมาชั้นสองของบ้าน เขาเอ๊ะใจอยู่เล็กน้อยราวกับมีพรายกระซิบ หมุนข้อเท้าเดินไปที่ห้องของตนเองซึ่งอยู่คนละฝากกับห้องนอนสำหรับแขก และเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็กวาดตามองไปยังเตียงนอนของตน อาจเป็นความผิดของเขาเองที่เอ็นดูเด็ก ‘เจ้าขา’ ครอบครัวของเขาก็ชอบเด็กน้อยช่างพูดช่างฉอเลาะเอาใจ ยิ่งโตยิ่งน่ารัก จนเขาเองยังเคยได้ยินพ่อแม่เปรยว่าอยากได้สะใภ้น่ารักๆ เหมือนจันทร์เจ้า แต่อายุเขากับจันทร์เจ้าห่างกันตั้ง...เอ้อ ไม่อยากจะนับนิ้วเลย แล้วก็ไม่รู้ทำไมสวรรค์ไม่เมตตาเข้าบ้าง เขาจริงจังกับผู้หญิงคนไหนก็ถูกหลอกอยู่เรื่อยไป เขาจึงเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยเพื่อไม่ให้ตัวเองอกหักซ้ำซาก แต่กลายเป็นว่าคนอื่นมองว่าเขาเป็นเสือผู้หญิง หรือเป็นผู้ชายเจ้าชู้ไปได้ บนเตียงนอนขนาดใหญ่มีร่างขาวผ่องนอนปิดเปลือกตาอยู่ พสุธายืนนิ่งงันเหมือนเท้าถูกตรึงด้วยตะปูดอกใหญ่ ภาพในวันวานหวนคืน เขาจำได้ว่าเด
จันทร์เจ้า หรือ เจ้าขาสาวสวยหุ่นเซ็กซี่อายุยี่สิบสองแอบชอบลุงดิน หรือพ่อเลี้ยงพสุธา หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบสองมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กสาวเขาคือรักแรกและเธอตั้งใจมอบหัวใจให้เป็นรักเดียวของเธอแต่นานวันเข้าเขายิ่งทำเย็นชาและห่างเกินจันทร์เจ้าตัดสินใจเป็นฝ่ายรุกเพื่อความรักของตัวเอง!ตอนที่1.หญิงสาวเจ้าของความสูง156 ซม. ถือกระเป๋าลงมาจากรถโดยสาร มองแผ่นป้ายไม้ขนาดใหญ่ ที่อยู่เบื้องหน้า ชื่อไร่ พสุธา ทำให้มั่นใจว่า เธอมาถึงที่หมายถูกต้องแล้ว เธอไม่ได้มาที่นี่หลายปีแล้ว ดูเหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไป เล็กน้อย แต่เธอหวังว่าคนที่อยู่ที่นี่จะไม่เปลี่ยนไป…‘จันทร์เจ้า’ ไม่ได้กลับมาที่นี่ 5 ปีแล้ว ตอนนี้เธออายุ 22 ปี เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีแผนจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ได้ข่าวว่าคุณลุงสุดที่รักทำตัวไม่น่ารัก เห็นทีว่าถ้าเธอไม่มาคงไม่มีใครจัดการเจ้าของไร่พสุธาได้อย่างแน่นอน เพราะมาแบบไม่ได้บอกล่วงหน้าและเดินทางตามลำพัง เธอนั่งเครื่องบินแล้วมาใช้บริการรถโดยสาร เจ้าของร่างเล็กสะพายกระเป๋าเดินเข้าไปในไร่อย่างคุ้นเคย พนักงานต้อนรับเป็นคนเก่าแก่ที่นี่ แค่เห็นหญิงสาวเข้ามาก็ยิ้มกว้างปรี่
วินัยตวาดแล้วกระชากกระเป๋าของนิรณาไป หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวจึงพลาดให้กระเป๋าหลุดมือ วินัยเทข้าวของออกจากกระเป๋า ของใช้ข้างในหล่นเกลือนพื้นห้อง คนเสี้ยนยารีบคว้ากระเป๋าสตางค์ แต่พอเปิดออกดูพบว่ามีเงินติดกระเป๋าไม่กี่ร้อยบาทก็หยิบเงินออกมาแล้วปากระเป๋าเงินใส่หน้าหลานสาวอย่างแรง“ทำไมมีเงินแค่นี้!” วินัยตวาด “อ้อ! เลี้ยงผู้ชายหมดสินะ! อีนี่! กูบอกแล้ว ถ้าอยากมากก็อ้าขาให้กูเอาไม่ต้องไปให้คนอื่นกินฟรี”“ลุงนัย!” นิรณาลุกขึ้นยืนใช้ตัวเองบังร่างบอบช้ำของป้าอำพร “ได้เงินแล้วก็รีบออกไป ถ้ายังปากดีอยู่ หนูโทรแจ้งตำรวจข้อหาทำร้ายร่างกายแน่”“กล้าเรอะ!” วินัยหัวเราะเหมือนคนเสียสติ แล้วชี้นิ้วไปยังเมียของตนที่นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียงเก่าๆ “น้ำหน้าอย่างพวกมึงจะทำอะไรกูได้” สายตาของวินัยย้ายมาที่ร่างอิ่มเอิบของหลานสาว รู้สึกว่าหลานสาวหน้าตาสวยสดขึ้น ผิวพรรณก็ดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจที่เหมือนว่าจะใหญ่ขึ้นด้วย เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก แล้วยื่นมือไปกระชากแขนของนิรณาอย่างแรง“ว้าย!” นิรณาร้องอย่างตกใจ จู่ๆ ลุงวินัยก็เปลี่ยนเป้าหมายมาทำร้ายเธอ เพราะไม่ทันตั้งตัวจึงเสียหลักถูกเหวี่
นิรณายังคงใช้ชีวิตเช่นที่ผ่านมา เพิ่มเติมคือมีผู้ชายตัวโตมานอนค้างด้วย งานของเธอเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยดูแลเสื้อผ้าของใช้ของเขา ชั้นบนมีสองห้องนอน ข้าวของทั้งสองคนแยกกัน แต่เวลานอน นิรณาไม่ต้องวิดิโอคอลคุยกับเขาเพื่อ(กล่อม)ให้เขาหลับอีกแล้ว แค่เขากอดเธอไว้ก็ทำให้เขาหลับได้อย่างง่ายดายหญิงสาวยังคงทำแซนด์วิชขาย และไลฟ์สดขายสินค้าจากแบรนด์ของไออุ่น-น้องสาวของจิรายุ ‘สนใจรับทักได้ค่ะ’ เป็นประโยคที่คุ้นเคยดียามเธอไลฟ์สดขายสินค้า เธออยากหางานประจำทำแต่ไม่กล้าพูดออกไป เพราะกลัวเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอต้องการให้เขาหาตำแหน่งงานในบริษัท หญิงสาวจึงสมัครงานบริษัทอื่นด้วยตัวเอง การเป็นเด็กจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ทำให้เธอไปสัมภาษณ์งานหลายที่แต่ก็ยังเงียบอยู่ แต่เธอก็ไม่เคยท้อ เหมือนเช่นวันนี้ มีบริษัทติดต่อให้เธอมาสัมภาษณ์งาน และเหมือนทุกครั้ง หลังจบการสัมภาษณ์ด้วยประโยคคุ้นเคย‘ทางเราจะติดต่อกลับไปนะครับ/ค่ะ’เธอก็เดินออกมาจากห้องสัมภาษณ์แล้ว เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เบอร์ที่คุ้นเคยแต่เธอก็กดรับสาย“สวัสดีค่ะ”“หนูนานาหรือเปล่าลูก”“ค่ะ” เธอรับคำอย่างงงๆ“นี่ป้าไก่นะ จำได้ไหมที่อยู่ข้างบ้านเรานะ
นิรณาพูดเบาๆ แล้วอุ้มแมวที่ทำหน้าไม่ค่อยพอใจออกไปนอนในกรงของตัวเอง เดินกลับมาอีกครั้งตั้งใจจะเรียกให้เขาลุกไปนอนพักที่ห้องของตัวเองสักงีบก่อนค่อยกลับบ้านของเขา แต่เธอกลับตัดใจเรียกเขาไม่ลง ท่าทางเหนื่อยล้าทำให้เธออดเป็นห่วงไม่ได้ ร่างบอบบางค่อยๆ นั่งลงบนพื้นข้างโซฟาที่คนร่างใหญ่นอนหลับตาอยู่ ริมฝีปากของเขาหยักสวยเผยอขึ้นเล็กน้อย กลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นเหงื่อจางๆ กลายเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของเขาหลายต่อหลายคืนที่เธอมองเขาหลับผ่านจอมือถือ แค่เห็นเขาหลับเธอก็มีความสุข แต่คราวนี้เธอเห็นเขาหลับอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกอยากสัมผัสตัวเขาผุดขึ้นกลางอก เขาอยู่ตรงหน้าเธอจริงๆ ปลายนิ้วยื่นไปแตะหัวคิ้วของเขาเบาๆ หวังให้รอยยับย่นที่เคร่งเครียดนี้จางลงบ้าง เสียงลมหายใจผ่อนคลายทำให้เธอรู้ว่าเขายังหลับอยู่ ความอยากใกล้ชิดทำให้เธอยื่นริมฝีปากไปกดับริมฝีปากของเขาเบาๆ เธอรู้ว่ามันเบามากแต่ไม่คิดว่าเพียงริมฝีปากแตะกัน ดวงตาที่คิดว่าปิดสนิทอยู่ก็เปิดเปลือกตาขึ้น นิรณาตกใจผงะถอยหลังแต่มือข้างหนึ่งของเขากลับยื่นมาดึงแขนเธอไว้ก่อน เขาออกแรงเพียงนิดเดียว ร่างเล็กก็กลับมาใกล้เขาอีกครั้งและมืออีกข้างประคองท้ายทอยของเธ