LOGIN@ห้างสรรพสินค้า
ขณะที่เดินเข้าไปในห้าง เกวรินก็พิมพ์คุยอะไรบางอย่างในมือถือไม่หยุดจนเกือบจะเดินชนเข้ากับคนอื่นอยู่หลายที จนภากรต้องเป็นฝ่ายจูงมือให้เธอเดินตาม เด็กสาวถึงยอมละความสนใจจากมือถือแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้เขา
“มือเฮียใหญ่จัง...หนูชอบ”
ว่าแล้วก็ประสานนิ้วมือเข้ากับเขาแล้วแกว่งไปมาอย่างอารมณ์ดี ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา ไม่บ่อยนักที่เฮียจะเป็นฝ่ายจับมือเธอก่อนแบบนี้ มีแค่เธอที่อ้อนกึ่งบังคับจับมือเขาเองมากกว่า
“ไม่เล่นมือถือต่อแล้วหรือไง”
“ทำไมคะ น้อยใจเหรอ?”
“เปล่า...” เขาปฏิเสธเสียงเรียบ ทว่าใบหน้ากลับแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักกับเรื่องเมื่อครู่
“หนูคุยกับแม่ค่า~ ไม่ได้คุยกับผู้ชาย เฮียไม่ต้องหึงน้า”
“ไร้สาระ...”
“ชิ ว่าหนูตลอดเลย” เธอยู่ปากน้อยๆ ไม่ได้แซวอะไรเขาอีก
“แล้วได้บอกแม่หรือยังว่ามานอนที่ห้องเฮีย”
“บอกแล้วค่ะ แม่บอกว่านอนยาวๆ เลย ไม่ต้องห่วง แม่โอเค”
“เกี๊ยว...เอาดีๆ”
“แหะๆ ไม่กล้าบอกค่ะ เฮียอย่าบอกแม่นะ หนูกลัวโดนดุ”
“แต่ไม่กลัวเฮียดุว่างั้น?”
“ถึงเฮียดุ แต่ได้ค้างห้องเฮีย หนูก็ยอมค่ะ” เธอยิ้มแป้นอย่างภูมิใจ แม้จะรู้สึกผิดที่โกหกแม่ แต่เรื่องค้างห้องผู้ชายเธอจะปล่อยให้หลุดมือไม่ได้
“เด็กแสบ” ภากรได้ฟังแบบนั้นก็ส่ายหัวไปมาอย่างจนใจกับความดื้อรั้นของคนตัวเล็ก
พอมาถึงหน้าโรงหนัง ซื้อบัตร ซื้อน้ำกับป๊อปคอร์นเสร็จ ทั้งคู่ก็มานั่งรอบนโซฟากำมะหยี่สีแดงหน้าโรงหนังเพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะเริ่มฉายแล้ว
“นั่งนิ่งๆ รอเฮียตรงนี้นะ เดี๋ยวไปคุยธุระก่อน”
สิ้นเสียง ภากรก็ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์บริเวณที่ไม่ค่อยมีเสียงรบกวนมากนัก จะได้คุยธุระสำคัญได้สะดวก
“โอเคค่า~” เกวรินตอบรับอย่างนึกเสียดาย แต่ก็เข้าใจว่าเขาคงคุยเรื่องงานจึงไม่อยากงี่เง่าให้เขาต้องรู้สึกอึดอัดใจ
“น้องครับ”
เธอกำลังจะหยิบป๊อปคอร์นเข้าปาก จู่ๆ ก็มีผู้ชายผิวขาวหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก เกวรินจึงเอียงคอน้อยๆ มองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“หนูเหรอคะ?”
“ครับ พี่ชื่อบาสนะ” เขาคนนั้นเอ่ยพร้อมรอยยิ้มน่ารัก ดูเป็นผู้ชายขาวตี๋ที่หล่อมากทีเดียว
แต่เกวรินก็ยังยกให้เฮียภีมของเธอเป็นอันดับหนึ่งอยู่ดี!
“เอ่อ...”
“ขอเบอร์หน่อยสิ”
“คือ...หนูไม่สะดวกอะค่ะ” เธอส่งยิ้มแหยไปให้พร้อมโบกมือหย็อยๆ เป็นเชิงปฏิเสธ ถึงแม้จะหล่อยังไงเธอก็ไม่สนหรอก เพราะมีว่าที่คู่หมั้นอยู่แล้วทั้งคน
“ทำไมล่ะครับ” เขาเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ ปกติเวลาขอเบอร์ใครเขาไม่เคยโดนปฏิเสธเลยสักครั้ง
“ก็เราไม่ได้รู้จักกัน”
“แล้วน้องชื่ออะไร”
“ชื่อเกี๊ยวค่ะ”
“ดี...งั้นเราก็รู้จักกันแล้ว ทีนี้ให้เบอร์พี่ได้ยัง”
ใบหน้าของบาสยังคงประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับยื่นมือถือเข้ามาใกล้คนตัวเล็กมากขึ้น
“คือว่า...”
ฟึ่บ!
“อ๊ะ! เฮียภีม”
เสียงหวานร้องอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็ถูกมือหนาดึงให้ลุกขึ้นจากโซฟาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“เข้าโรงหนังได้แล้ว”
เขากดเสียงต่ำพยายามระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้ แต่ไม่วายตวัดสายตาไปมองผู้ชายคนนั้นอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูงเธอเข้าไปในโรงหนังด้วยกัน ไม่รอให้เธอปฏิเสธอะไรทั้งนั้น โชคดีที่เธอยังหิ้วถังป๊อปคอร์นติดมือมาทัน จะเสียดายก็แต่เครื่องดื่มที่ยังไม่ได้แตะเลยสักแอะเดียว
“เฮียภีม ดะ เดี๋ยวก่อน หนูลืม...อ๊ะ! นะ หนูเจ็บนะคะ” เกวรินเบ้หน้าอย่างเจ็บปวด พยายามดึงแขนของตัวเองกลับมาอย่างยากลำบากเพราะว่าเขาบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มทนไม่ไหว
“หึ”
“ถึงเฮียจะหึงยังไงหนูก็ไม่ชอบให้ใช้ความรุนแรงแบบนี้นะคะ”
“เฮียไม่ได้หึง”
ว่าแล้วก็กุมมือเธอเดินเข้าไปในโรงหนัง ดันไหล่บางนั่งลงบนเบาะโซฟานุ่ม แล้วกระแทกตัวลงนั่งอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“ค่ะ ไม่ได้หึงเลยค่ะ!” เกวรินค้อนให้เขาทีหนึ่งอย่างนึกหมั่นไส้
“เฮียบอกให้นั่งอยู่นิ่งๆ ไปคุยกับคนแปลกหน้าทำไม”
พอเริ่มสงบสติอารมณ์ได้บ้างก็หันไปถามด้วยน้ำเสียงที่ยังแข็งกระด้างอยู่
“หนูก็นั่งนิ่งๆ นะคะ”
“เกี๊ยว”
“แค่คุยนิดเดียวเองค่ะ อีกอย่างหนูก็ไม่ได้ให้เบอร์เขาไปสักหน่อย เฮียไม่เห็นต้องโมโหขนาดนั้นเลย” เธอบ่นอุบอิบอย่างนึกโมโหระคนน้อยใจ
ภากรเหลือบมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะดึงมือเรียวมาวางไว้บนตักแล้วลูบไปมาเบาๆ อย่างรู้สึกผิดที่ทำให้เธอเจ็บตัว
“เจ็บมากไหม...เฮียขอโทษนะ”
เป็นความผิดของเขาเองที่โมโหจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เผลอทำร้ายเธอโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่ผ่านมาเขาทะนุถนอมเธอไม่ต่างอะไรจากไข่ในหินด้วยซ้ำ
ปกติแล้วเขาเป็นคนใจเย็นมากคนหนึ่ง น้อยคนนักที่จะทำให้เขาโกรธได้ แต่พอเป็นเรื่องนี้ เส้นสติเขาแทบขาดผึงจนเกือบจะปล่อยหมัดซัดใส่หน้าไอ้หมอนั่นอยู่แล้ว
แม่ง...
กล้าดียังไงมาขอเบอร์เด็กของเขา!
“ไม่เจ็บแล้วค่ะ แต่ว่า...”
“แต่ว่า?”
“เป๊ปซี่หนูอะ! เป๊ปซี่หนู~”
คิดแล้วก็เสียดายที่ไม่ได้หยิบเครื่องดื่มเข้ามาด้วยเพราะเขามัวแต่กระชากเธอเข้าโรงหนังโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวไปซื้อให้ใหม่”
เห็นคนตัวเล็กงอแงเรื่องของกินเขาก็หลุดยิ้มออกมาจนได้ ก่อนหน้านี้เธอคุยกับผู้ชายหน้าโรงหนังเลยยอมปล่อยไปชั่วคราว
“ออกไปเอาได้เหรอเฮีย”
“ไม่รู้...รู้แค่ว่าถ้าปล่อยให้คนแถวนี้หิวคงโดนงอนเป็นวันแน่ๆ”
“เฮีย!”
“หึ รออยู่นี่แหละ อย่าไปไหนนะ เดี๋ยวเฮียรีบมา”
“ค่า...ขอบคุณนะคะ” เกวรินฉีกยิ้มกว้างให้เขาไปทีหนึ่ง แล้วนั่งรอเขาในโรงหนังอย่างว่าง่าย
พอคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้แล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียวอย่างมีความสุข เธอมั่นใจว่าไม่เคยเห็นเขาโมโหขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
คราวนี้ไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ …
เฮียภีมหึงเธอชัวร์!
2 ชั่วโมงต่อมา...
“เดี๋ยวหนูมานะคะ”
“จะไปไหน”
“ไป...เอ่อ ไปเข้าห้องน้ำค่ะ” เกวรินฉีกยิ้มกว้าง พยายามโกหกให้เนียนที่สุด เพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าจะไปทำอะไร
“รีบไปรีบมา เฮียไปรอร้านนั้นนะ” ภากรพยักหน้ารับรู้...
รู้ว่าเธอโกหก...
แต่คิดว่าเด็กสาวคงคิดแผนการอะไรอีกตามเคย เลยเล่นไปตามน้ำอย่างที่ทำ เพราะไม่อยากทำให้เธอหมดสนุกไปเสียก่อน
“โอเคค่ะ เดี๋ยวมานะคะเฮีย”
สิ้นเสียง เกวรินก็ก้าวฉับๆ เดินไปร้านเสื้อผ้าที่เล็งเอาไว้อย่างอารมณ์ดี
เข้ามาถึง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยแพขนตางอนก็กวาดมองรอบๆ ร้านอย่างนึกสนุก ยกมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปแล้วส่งไปในไลน์เพื่อถามความเห็นจาก ‘ของขวัญ’ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ
เกี๊ยว : sent a photo.
: ชุดนี้ดีมะ
ของขวัญ : เริ่ดดดดด
: ยั่วเพศมากเว่อร์~
เกี๊ยว : แกว่าใส่ชุดนี้จะโดนเฮียไล่ออกจากคอนโดไหมอะ
: ชุดนี้แรงกว่าเมื่อเช้าอีกนะขวัญ
ของขวัญ : ไม่ลองไม่รู้
เกี๊ยว : อ้าว สรุปยังไง
ของขวัญ : โอ๊ยยย แกจะกลัวอะไรอีก
: โดนไล่ออกมาจากคอนโดตั้งกี่รอบแล้ว
: โดนไล่อีกสักทีจะเป็นอะไรไป
เกี๊ยว : ยัยขวัญ!
ของขวัญ : หยอกกกก
: แกใส่ไปเหอะน่า
: ถ้าเฮียแกไม่ชอบจริงคงไล่แกออกตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วไหมล่ะ
: ถ้าไม่ชอบคงไม่ยอมพามาดูหนัง เดินห้างแบบนี้หรอก ถูกไหม?
พอคิดตามประโยคที่ของขวัญบอก เกวรินพยักหน้าน้อยๆ อย่างเห็นด้วย แล้วรีบพิมพ์ตอบกลับไปทันที
เกี๊ยว : อือ ก็จริง
: งั้นไปละ ไม่อยากให้ผู้รอนาน
: แต๊งกิ้วนะค้า~
ของขวัญ : จ้ะ!
คุยเสร็จ เกวรินก็ฮัมเพลงเบาๆ เลือกชุดเซ็กซี่ละลานตาอย่างอารมณ์ดี ไม่นานเธอก็เดินออกมาจากร้านพร้อมกับถุงเสื้อผ้าใบใหญ่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่มิด
“ไหนบอกไปเข้าห้องน้ำ”
“ก็...แวะเข้าไปซื้อตอนขากลับไงคะ” เกวรินโกหกคำโต แอบขอโทษเขาในใจเพราะเมื่อครู่ไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำเลยด้วยซ้ำ
“งั้นเหรอ”
มุมปากหยักยกยิ้มน้อยๆ อย่างนึกเอ็นดู จากนั้นจึงยื่นแก้วชาเขียวปั่นและมาการองไปตรงหน้า
“งุ้ยยย ขอบคุณค่ะ เฮียรู้ใจหนูที่สุด”
คนตัวเล็กรับแก้วน้ำและขนมมาจากเขาพร้อมยิ้มให้จนตาหยี
“จะไปเดินดูอะไรต่อไหม”
“ไม่เอาค่ะ หนูหิวแล้ว เราไปหาร้านอร่อยๆ กันดีไหมคะ นี่ก็เที่ยงแล้วด้วย”
“หึ...เอาสิ ลืมไปเลยว่ามากับใคร” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ ในใจนึกมันเขี้ยวเด็กกินจุจนแทบคลั่ง แต่ก็พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มระเรื่อนั่นอย่างสุดความสามารถ
“เฮียว่าหนูเหรอคะ”
“เปล่า” เขาตีหน้าซื่อตอบกลับไปเสียงราบเรียบ
“ชิ...ไม่ว่าก็ไม่ว่า” เธอไม่อยากจะคาดคั้นเอาคำตอบจากเขาเพราะตอนนี้ท้องเริ่มร้องประท้วง อยากจะหาอร่อยๆ ยัดเข้าไปข้างในมากกว่า
“งั้นไปกัน จะเลือกร้านเอง หรือให้เฮียเลือกให้”
“ให้เฮียเลือกค่ะ...หนูอยากกินของเฮีย”
ว่าแล้วก็ยิ้มแพรวพราวมองเขาอย่างเจ้าเล่ห์
“เกี๊ยว” เขากดเสียงต่ำ ดุเด็กสาวที่พูดอะไรกำกวมเมื่อครู่
“อะไรคะ หนูพูดผิดนิดหน่อยเอง หนูหมายถึงอยากกินร้านที่เฮียเลือก~”
“เจ้าเล่ห์นักนะเรา” ภากรส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกลับไปที่รถ และไปร้านอาหารญี่ปุ่นร้านดังซึ่งเป็นร้านที่เด็กสาวเคยบ่นอยู่ครั้งหนึ่งว่าอยากมากินที่นี่
“เฮียรู้ได้ไงอะว่าหนูอยากมาที่นี่” เกวรินถามอย่างแปลกใจ หันไปมองคนข้างๆ อย่างงุนงงเพราะจำได้ว่าไม่เคยบอกเขามาก่อน
“ไม่รู้...แค่สุ่มเอา” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะปลดสายเบลท์แล้วเปิดประตูเดินนำเข้าไปในร้านก่อน
“ง่ะ...เฮียภีม รอหนูด้วยยย~”
ร่างอวบอิ่มในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีดำหมุนตัวไปมาหน้ากระจกอย่างพอใจ ปกติเกวรินไม่ค่อยใส่ชุดรัดรูป แหวกหลัง โชว์เนินอกแบบนี้เท่าไหร่ แต่เพราะคืนนี้เธอวางแผนบางอย่างกับเพื่อนรักเอาไว้แล้ว เลยต้องเปลี่ยนลุคให้ดูเซ็กซี่มากกว่าปกติแชะ แชะ“ลงรูปนี้แล้วกัน...” เกวรินโพสต์ท่าถ่ายรูปหน้ากระจก จงใจโน้มตัวลงต่ำเล็กน้อย แล้วถ่ายมุมสูงให้เห็นร่องอกขาวชัดๆ แล้วลงสตอรี่ในไอจี พร้อมกับแท็กสถานที่ที่เธอนัดกับของขวัญเอาไว้TrrrrrrrrTrrrrrrจังหวะที่เธอหยิบกระเป๋ากลิตเตอร์สีดำขึ้นมา เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นพอดี เกวรินจึงกดรับสายแล้วใส่รองเท้าส้นสูงไปด้วย[ออกมายัง]“ใกล้ถึงแล้ว”[ถึงไหน]“ถึงหน้าประตูห้องฉันเนี่ยแหละ” เกวรินตอบกลับไปกวนๆ จากนั้นก็ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจแรงๆ จากเพื่อนรักอย่างที่คิดเอาไว้แกล้งยัยขวัญนี่สนุกจริงๆ ~[ไม่กวนสักวันได้ไหมยัยเกี๊ยว?]“ชิ...ให้ฉันมีความสุขบ้างเหอะ ฉันร้องไห้มาเยอะแล้ว”[ความสุขแกคือการแกล้งชาวบ้าน?]ได้ฟังแบบนั้นเธอก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วตอบกลับไปทันควัน“ถูก!”[…….]“ชิ ไม่แกล้งแล้วก็ได้...แล้วนี่แกถึงไหนแล้วอะ”ตอนนี้ต้องให้เพื่อนตัวดีช่วย เธอเลยยอมหยุดกวนประสาทชั่
หลายวันต่อมา@มหาวิทยาลัย“โอเคไหมแก” ของขวัญถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสภาพหมดอาลัยตายอยากของเพื่อนรักที่แม้จะมาเข้าเรียน แต่เหมือนจะลืมเอาวิญญาณมาด้วย“แกคิดว่าไงล่ะ” เกวรินหันไปคุยด้วยช้าๆ เบะปากเตรียมจะร้องไห้ แต่โดนชี้นิ้วห้ามไว้เสียก่อน“หยุดค่ะ! ไม่ต้องร้องแล้ว!”“อึก...ไม่ได้ร้อง~”“เฮ้อออ...มานี่เลยแก อายชาวบ้านเขา”ว่าแล้วก็ดึงข้อมือเล็กของเกวรินให้เดินตามไปที่ศาลาใต้ร่มไม้ใหญ่แห่งหนึ่งนอกอาคาร ซึ่งบริเวณนี้ค่อนข้างเงียบสงบ คนไม่พลุกพล่านเหมือนตอนอยู่ในโรงอาหารเมื่อครู่“เอาเลย ทีนี้อยากร้องก็ร้องเลย”“อึก...บอกแล้วไงว่าไม่ได้ร้อง” เธอตอบกลับไปเสียงอ้อมแอ้ม ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ทีหนึ่ง แล้วสูดน้ำมูกกลับคืนแรงๆ ราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปานหลังจากเกิดเรื่องคืนนั้น ตอนเช้าเขาแค่มาส่งที่คอนโดแล้วก็กลับไป เธอรู้ว่าเขาโกรธ แต่เธอก็น้อยใจเขาเหมือนกัน เลยไม่ได้โทรไปง้อหรือคุยกับเขาเลยสักคำจนตอนนี้ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว...“จ้ะ ไม่ร้องเลย”“ฮึก...แกว่าเฮียภีมเขารังเกียจฉันไหม”“ฉันว่าไม่นะ”“แต่เฮียไม่ให้ฉันไปหาที่ห้องแล้วนะ...”“เดี๋ยวก็หายโกรธเองแหละน่า แกอย่ากังวลไปเลย ฉันไม่เคยเห็นเฮี
หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ เกวรินก็อ้อนให้ว่าที่คู่หมั้นไปร้านคาเฟ่ดัง ตกเย็นก็แวะซื้อขนมเข้าห้องเล็กน้อย และด้วยความเพลียจากการเดินทางเมื่อวาน บวกกับการเที่ยวเล่นในวันนี้ ระหว่างทางที่ขับกลับคอนโด เด็กสาวจึงผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย กว่าจะตื่นอีกทีก็เป็นตอนที่ภากรอุ้มเธอขึ้นมานอนบนเตียงนุ่มแล้ว“อื้อ~…เฮียภีมขา นอนเป็นเพื่อนหนูหน่อย” เธอปรือตามองคนตัวโตที่กำลังห่มผ้าให้ ดึงข้อมือหนาเต็มไปด้วยเส้นเอ็นของเขาเอาไว้อย่างออดอ้อน“เฮียต้องไปเคลียร์งาน” ภากรตอบเสียงเบา ลูบผมนุ่มของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน“ไหนบอกวันนี้ไม่ทำงานไงคะ”“อย่าดื้อสิเกี๊ยว”“แต่ว่า...”“ถ้าไม่ให้ทำงานคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าได้อยู่ห้องคนเดียวนะ จะเอาแบบนั้นไหม”“ไม่เอาค่ะ” เกวรินตอบกลับไปทันควัน ยู่ปากน้อยๆ อย่างเสียดาย อยากให้เขานอนเฝ้าเหมือนสมัยเรียนประถมต้น แต่ก็เข้าใจว่าเขามีภาระหน้าที่ของตัวเองที่ต้องจัดการเธอไม่ดื้อแล้วเธออยากเป็นเด็กดีของเฮีย...“งั้นฝันดีนะครับ ค่ำๆ เดี๋ยวปลุกไปอาบน้ำกินข้าว”“อื้อ...สู้ๆ นะคะเฮียภีมคนเก่งของหนู” เธอคลี่ยิ้มหวานส่งไปให้ก่อนจะปิดปากหาววอดแล้วปิดเปลือกตาลงช้าๆ ภากรเห็นแบบนั้นหัวใจแกร่ง
@ห้างสรรพสินค้าขณะที่เดินเข้าไปในห้าง เกวรินก็พิมพ์คุยอะไรบางอย่างในมือถือไม่หยุดจนเกือบจะเดินชนเข้ากับคนอื่นอยู่หลายที จนภากรต้องเป็นฝ่ายจูงมือให้เธอเดินตาม เด็กสาวถึงยอมละความสนใจจากมือถือแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้เขา“มือเฮียใหญ่จัง...หนูชอบ”ว่าแล้วก็ประสานนิ้วมือเข้ากับเขาแล้วแกว่งไปมาอย่างอารมณ์ดี ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา ไม่บ่อยนักที่เฮียจะเป็นฝ่ายจับมือเธอก่อนแบบนี้ มีแค่เธอที่อ้อนกึ่งบังคับจับมือเขาเองมากกว่า“ไม่เล่นมือถือต่อแล้วหรือไง”“ทำไมคะ น้อยใจเหรอ?”“เปล่า...” เขาปฏิเสธเสียงเรียบ ทว่าใบหน้ากลับแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักกับเรื่องเมื่อครู่“หนูคุยกับแม่ค่า~ ไม่ได้คุยกับผู้ชาย เฮียไม่ต้องหึงน้า”“ไร้สาระ...”“ชิ ว่าหนูตลอดเลย” เธอยู่ปากน้อยๆ ไม่ได้แซวอะไรเขาอีก“แล้วได้บอกแม่หรือยังว่ามานอนที่ห้องเฮีย”“บอกแล้วค่ะ แม่บอกว่านอนยาวๆ เลย ไม่ต้องห่วง แม่โอเค”“เกี๊ยว...เอาดีๆ”“แหะๆ ไม่กล้าบอกค่ะ เฮียอย่าบอกแม่นะ หนูกลัวโดนดุ”“แต่ไม่กลัวเฮียดุว่างั้น?”“ถึงเฮียดุ แต่ได้ค้างห้องเฮีย หนูก็ยอมค่ะ” เธอยิ้มแป้นอย่างภูมิใจ แม้จะรู้สึกผิดที่โกหกแม่ แต่เรื่องค
“เฮ้อออ...เฮียภีมขา ทำไงดีคะ หนูลืมเอาคีย์การ์ดคอนโดมา ว้า~ แย่จัง...ลืมของสำคัญได้ไงน้า~”เสียงหวานของเกวรินเอ่ยขึ้นเหมือนรู้สึกผิดเต็มประดา ทว่ามุมปากกลับยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“เกี๊ยว...เฮียไม่เล่น” ภากรกดเสียงต่ำ หันไปมองเด็กสาวที่นั่งทำตาปริบๆ อยู่ข้างๆ อย่างคาดโทษ“โถ่...เฮียอะ ให้หนูไปค้างห้องเฮียแค่ไม่กี่วันเอง แป๊บเดียวก็สิ้นเดือนแล้ว นะๆๆๆ”“ไปติดต่อนิติ ขอคีย์การ์ดอันใหม่”“ไม่เอา~”“งั้นไปนอนโรงแรม”“ง่ะ...เฮียให้หนูไปนอนด้วยน้า~”ว่าแล้วก็กอดแขนล่ำๆ ของอีกฝ่ายไว้แน่น มองเขาตาแป๋วอย่างน่าสงสารเผื่อเขาจะใจอ่อนบ้าง“ไม่ได้”“แต่แม่ฝากหนูไว้ให้เฮียดูแลแล้วนะ ถ้าเฮียผิดคำพูดมันจะไม่ดีเอานา~”“นี่วางแผนมาแล้วใช่ไหม?” เขาหรี่ตาลงมองคนตัวเล็ก รู้ดีว่านี่ต้องเป็นแผนการของเด็กสาวอย่างแน่นอนรอบก่อนที่มาเล่นในห้องเขาก็แกล้งหลับไม่ยอมกลับห้อง จนต้องอุ้มออกไปส่งที่คอนโดด้วยตัวเอง แต่เธอก็ไม่วายงอแงตลอดทาง จะนอนค้างกับเขาให้ได้ให้ตาย...ทำไมนับวันยิ่งดื้อแบบนี้!“ปะ เปล่านะคะ”“โทรไปบอกน้าภาดีไหมว่าเด็กดื้องอแงจะไปค้างห้องเฮีย?”“เฮียอ่า~ อย่าขู่หนูสิคะ ปกติหนูก็ไปเล่นห้องเฮียอยู่แล้ว แค
แอดดดเสียงเปิดประตูเข้ามา ทำให้เจ้าของใบหน้าน่ารักหันไปมองทางต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ฉีกยิ้มหวานส่งไปให้ทันที“เสร็จหรือยังเกี๊ยว พี่เขามานั่งรอสักพักแล้วนะ”“ใกล้เสร็จแล้วค่า~ เดี๋ยวหนูตามลงไปนะคะ”เสียงของ ‘เกวริน’ ตอบรับเสียงใส ก่อนจะหันมามองกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ปัดแก้มและเติมลิปกลอสสีชมพูหวานอย่างเร่งรีบ“อย่าให้รอนานนักล่ะ รีบๆ ลงมาได้แล้ว กว่าเดินทางถึงกรุงเทพ เดี๋ยวก็มืดค่ำเสียก่อน”“ค่าๆ เดี๋ยวรีบตามไปค่า~”ว่าแล้วร่างอวบอิ่มในชุดเดรสสีชมพูแขนตุ๊กตาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หมุนตัวไปมาหน้ากระจกอยู่หลายที จนมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยจึงรีบไปลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกจากห้องไปอย่างทุลักทุเลทางฝั่งของ ‘ภากร’ ซึ่งกำลังนั่งคุยกับผู้เป็นแม่ของเด็กสาวอยู่ด้านล่าง พอเหลือบเห็นเจ้าของร่างอวบอิ่มเดินลงมาจากบันได ก็ลุกขึ้นแล้วไปช่วยเธอถือกระเป๋าเดินทางใบนั้นอย่างที่ทำเป็นประจำ“เอามา เฮียช่วย”“อุ้ย...ขอบคุณค่ะเฮียภีม”เกวรินฉีกยิ้มสดใสส่งไปให้ ‘ว่าที่คู่หมั้น’ สุดหล่อของตัวเองอย่างนึกขอบคุณ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงตีหน้านิ่งเหมือนเดิม และตอบกลับมาว่า ‘อืม’ เพียงคำเดียวเท่านั้นปกติแล้ว







