หลังเลิกงานภคชนม์ก็โทรศัพท์ไปชวนภูวริษเพื่อนสนิทสมัยมัธยมให้ออกมาดื่มด้วยกันร้านอาหารกึ่งผับของกษิเดชรุ่นพี่ที่เขาสนิทด้วยตั้งแต่ก่อนไปเรียนต่างประเทศ เมื่อมาถึงชายหนุ่มก็ตรงไปยังมุมในสุดของร้านซึ่งเป็นที่นั่งประจำของกับเพื่อน
“สวัสดีครับพี่เดชวันนี้ลูกค้าเยอะนะครับ” เขาทักทายกษิเดชที่เดินเข้ามาหาทันทีเมื่อเห็นรุ่นน้องเดินเข้ามาในร้าน
“ช่วงต้นเดือนก็แบบนี้ คนเยอะกว่าปกติกินอะไรมาหรือยัง”
“ยังครับ หิวมากเลย”
เมื่อรุ่นน้องพูดแบบนั้นเขาก็เรียกพนักงานมาและสั่งอาหารให้โดยที่ภคชนท์ไม่ต้องบอกว่าจะกินอะไร
“นึกยังไงมาคนเดียวหรือไม่มีคนคบแล้ว” กษิเดชแซวรุ่นน้องยังไม่จริงจัง
“ก็เกือบไม่มีคนคบแล้วเหมือนกันครับ ดีที่ยังเหลือไอ้หมอภูกับพี่เดชอีกตั้งสองคนนะครับ”
“แล้วเพื่อนคนอื่นนี่เขาไม่คบหรือเพราะนายไม่ติดต่อพวกเขากันล่ะ” กษิเดชนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วชวนรุ่นน้องคุย
“ผมก็อยากติดต่อนะครับแต่ก็ขี้เกียจอธิบาย ว่าทำไมชีวิตถึงเปลี่ยนไป”
“เรื่องของนายจะมีกี่คนกันนะที่รู้ความจริง” เขามองด้วยแววตาที่เห็นใจ
“ถึงพวกเขาจะรู้ความจริงมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอกครับพี่เดช ปล่อยให้พวกเขาเข้าใจไปอย่างนั้นก็ดีแล้ว”
“นี่คือเหตุผลที่นายเปลี่ยนชื่อและนามสกุลหรือเปล่า”
“ก็ประมาณนั้นครับพี่ ถ้าผมยังใช้ชื่อเดิมคนที่เคยรู้จักก็คงมองผมด้วยสายตารังเกียจ คำว่าฆาตกรมันตามหลอกหลอนผมไปตลอด”
“พี่สงสารนายนะที่เจอกับความรักแย่ๆ ตั้งแต่ครั้งแรก”
“ผมว่าอย่าโทษความรักเลยครับพี่เดช โทษที่ตัวคนมากกว่า” ภูวริษพูดแทรกขึ้นเขารู้เรื่องเราทุกอย่างแตกต่างไปจากคนอื่นเพราะภคชนท์เล่าความจริงให้ฟังตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องขึ้น แต่ตอนนั้นเขาก็ห้ามเพื่อนตัวเองไม่ได้ ถ้ารู้ว่าเรื่องทุกอย่างมันจะเลวร้ายเขาคงต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกกับตำรวจ ภูวริษยังคงโทษว่าเป็นความผิดของตนเองมาจนถึงตอนนี้
“พูดเหมือนเคยมีความรักเลยนะภู” กษิเดชพูดกับเพื่อนรุ่นน้องพลางหัวเราะเพราะตั้งแต่รู้จักกับหมอภูวริษมานานถึงสามปีเขาก็ยังไม่เคยเห็นคุณหมอคนนี้มีแฟนเลยสักคน
“สวัสดีครับพี่เดช ถึงผมจะไม่เคยมีความรักแต่ผมก็พอรู้มาบ้าง ว่าแต่พี่เถอะครั้งก่อนที่ผมมาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งตัวติดกับพี่ตลอดแล้ววันนี้เธอไปไหนแล้วล่ะครับ” ภูวริษยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับภคชนท์
“อย่าสนใจเรื่องของพี่เลยน่า พี่ว่าเราสนใจเรื่องของนายชนท์ดีกว่าดูว่าวันนี้จะอารมณ์ดีแปลกๆ กมีข่าวดีอะไรหรือเปล่า”
“พี่เดชนี่รู้ทันผมจริงๆ เลยนะ”
“ข่าวดีอะไรวะ” ภูวริษก็สนใจอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้เพื่อนดูอารมณ์ดีผิดปกติ
“ฉันเจอเธอแล้ว” เขายิ้มเจ้าเล่ห์แววตาเป็นประกาย
“เจอใครวะหรือว่านายเจอรวี”
ภูวริษเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาทำให้สีหน้าของภคชนม์เปลี่ยนไป นานแล้วที่เขาไม่ได้ยินชื่อนี้ออกจากปากคนอื่นเพราะส่วนใหญ่จะได้ยินชื่อนี้ก้องอยู่ในหัวของตัวเองมาตลอด
“ไม่ใช่รวีหรอก”
“แล้วเจอใครทำไมถึงดูดีใจจังล่ะพี่ว่าคนที่เจอต้องเป็นคนที่มีความสำคัญมากกับนายแน่ๆ”
“เจอน้องสาวของรวี”
“อ๋อ เด็กที่คอยตามนายกับรวีนะเหรอ โตขึ้นเยอะแล้วสินะ”
“อือ ก็มันผ่านมาสิบปีแล้ว”
“แล้วสวยสู้รวีได้ไหมล่ะ” ภูวริษรู้จักคนรักเก่าของเพื่อนดีเพราะหญิงสาวเป็นดาวเด่นของโรงเรียนเธอทั้งสวยและเรียนเก่งอีกทั้งยังเป็นนักกิจกรรมตัวยงไม่มีใครในโรงเรียนที่ไม่รู้จักเธอ
“สวยนะแต่สวยคนละแบบ”
“แล้วนายได้ถามเธอไหมว่าตอนนี้รวีทำอะไรอยู่ที่ไหนเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่ะ”
“มันยังไงกันแน่ล่ะชนท์พี่งงนะ” กษิเดชที่นั่งฟังอยู่ขมวดคิ้ว
“ผมยังไม่ได้คุยกับเธอครับพี่เดช คงต้องรอคุยกันอีกทีวันอังคาร”
“นายช่วยเล่าแบบทีเดียวจบเลยได้ไหมวะชนท์ ฉันกับพี่เดชคิดตามจนปวดหัวแล้วนะ”
“ที่บอกว่าเจอก็คือวันนี้ฉันรับผู้ช่วยคนใหม่แล้วพอดีว่าหนึ่งในคนที่มาสมัครคือญาดาน้องสาวคงรวีน่ะ”
“นายเลยรับน้องสาวของคนรักเก่าเข้าทำงานเหรอ”
“อย่าเรียกว่าคนรักเก่าเลยฉันว่ารวีอาจไม่เคยรักฉันและเธอคงเห็นฉันเป็นแค่เด็กสักคนที่เธอเอาไว้เรียกใช้ ส่วนฉันก็คงหลงเธอจนมองไม่ออกว่าที่เธอทำดีด้วยนั้นมันเพราะอะไรกันแน่”
“แล้วนายรับน้องสาวของเธอมาทำงานด้วยเพราะอยากได้คนช่วยงานหรือเพราะเธอคือน้องสาวของรวีกันแน่ล่ะ” กษิเดชถามรุ่นน้องด้วยความไม่สบายใจ เขาไม่อยากให้ภคชนท์กลับไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อรวีอีกต่อไปแล้ว
“ผมไม่ได้รับเพราะเธอเป็นน้องของรวีหรอกครับ แต่ที่ผมรับเพราะเธอมีคุณสมบัติครบเหมือนกับคนอื่นที่มาสมัครน่ะ”
“แต่นายก็เลือกเธอแทนที่จะเลือกคนอื่นฉันว่านายต้องคิดอะไรอยู่แน่ๆ บอกฉันกับพี่เดชมานะว่าจากนี้นายวางแผนจะทำอะไรต่อ”
“ฉันยังคิดไม่ออกเลยขอเจอเธอก่อนก็แล้วกัน เผื่อว่าได้คุยกับเธอแล้วจะนึกอะไรออกบ้าง”
“นายคิดว่าน้องเขาจะจำนายได้ไหม”
“คงไม่หรอกขนาดฉันยังจำเธอไม่ได้เลย ถ้าไม่เห็นชื่อกับนามสกุลคงไม่รู้ว่าเธอเป็นน้องสาวของรวี”
“แล้วแน่ใจเหรอว่าใช่น้องของรวีจริงๆ ไม่ใช่ว่าคนอื่นที่มีชื่อกับนามสกุลเหมือนกันหรอกนะ”
“ถ้าชื่อกับนามสกุลซ้ำกันก็คงจะพอมีแต่คงเจอได้น้อยมาก แต่ที่ฉันมั่นใจก็เพราะประวัติการศึกษาฉัตรญาดาคนนี้เธอเรียนโรงเรียนเดียวกับเราตั้งแต่ ม. 1 ถึง ม. 6 เลยนะ”
“ถ้าเธอนี้เรียนที่เดิมแล้วทำไมบ้านของรวีถึงไม่มีคนอยู่ล่ะ นายว่ามันแปลกใหม่ชนท์
“นั่นสินะ” นี่เป็นคำถามที่ภคชนท์ต้องหาคำตอบให้ได้เขาอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เขาเข้าไปอยู่ในสถานที่ซึ่งยากต่อการรับรู้เรื่องราวจากโลกภายนอก
บรรยากาศบ้านสวนของคุณนิวัฒน์และภัทราดูมีชีวิตชีวาเมื่อลูกสาวคนโตของบ้านกับน้องสาววัยสิบห้ากำลังคุยกันอย่างออกรส“พลอยอยากให้พี่ญาดากลับมาบ้านบ่อยๆ” พลอยภัทรานั่งเกาะแขนพี่สาวไว้ไม่ยอมปล่อย“พี่เขาต้องทำงานนะพลอยจะให้กลับมาบ่อยๆ คงไม่ได้หรอก” ภัทราบอกกับลูกสาวที่เอาแต่เกาะติดพี่สาวต่างมารดาไม่ยอมปล่อยตั้งแต่ฉัตรญาดากลับมาถึงบ้าน“ก็พลอยเหงานี่คะ อยู่กับพ่อและแม่น่าเบื่อจะตาย ขอออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างก็ไม่ได้”“จริงเหรอคะพ่อ” ฉัตรญาดาหันไปถามบิดาเพราะตอนที่เธออายุเท่ากับพลอยภัทราบิดาไม่ได้เข้มงวดขนาดนี้“ไม่หรอกน่า น้องก็พูดเกินไป”“ไม่เกินไปเลยค่ะ พ่อห้ามไม่ให้พลอยออกไปเที่ยวกับเพื่อนหรือถ้าให้ไปก็ไปนั่งเฝ้าพลอยอึดอัดนะ”“ก็พ่อเป็นห่วงพลอย”“แต่พลอยโตแล้ว” เด็กสาวเถียงเพราะเพื่อนๆ ของเธอไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ“พลอยจ้ะ พี่ว่าเอางี้ดีไหมล่ะ” ฉัตรญาดากำลังหาทางออกให้บิดาและน้องสาว“ยังไงคะ”“ก็เวลาที่พลอยจะไปไหนพลอยก็บอกพ่อและนัดเวลารับส่งที่แน่นอน ส่วนพ่อก็ต้องไว้ใจน้องนะคะ ญาดาว่าน้องก็โตพอที่จับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ตอนที่ญาดาอายุเท่าน้องพ่อยังให้ญาดาขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวกับเพื่อนเลยน
บ่ายวันเสาร์ภคชนท์ขับรถไปรอลดาภัสน์ที่หน้าโรงพยาบาล พอถึงเวลานัดหญิงสาวก็ลงมาจากตึกด้วยชุดกระโปรงสายเดี่ยวผ้าพลิ้วสีฟ้าน้ำทะเลและสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกชายเสื้อไว้ทางด้านหน้า“รอนานไหมคะ”“ไม่ครับ คุณสวยมากเลยนะ วันนี้ใส่ชุดนี้มาทำงานเหรอ”“เปล่าค่ะเพิ่งเปลี่ยนเมื่อกี้คุณชนท์จะพาไปทานอาหารทะเลทั้งทีก็ต้องแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศหน่อยสิคะ” หญิงสาวยิ้มเมื่อเห็นว่าวันนี้เขาก็แต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงผ้าต่างจากทุกครั้งที่จะสวมเชิ้ตและสวมสูททับ“ผมซื้อพายกับกาแฟมาให้คิดว่าคุณคงหิวเพราะอีกนานเลยกว่าเราจะไปถึงร้านอาหาร” เขาส่งกล่องพายและกาแฟให้กับลดาภัสน์ก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปจากหัวหินตามที่ได้คุยกันไว้“ขอบคุณค่ะโอปอกำลังหิวอยู่พอดีเลย คุณชนท์ทานด้วยกันไหมคะ”“ไม่เป็นไรครับผมทานมาแล้ว”ระหว่างทางไปหัวหินทั้งสองคนก็คุยกันอย่างสนิทสนม ลดาภัสน์รู้สึกเหมือนตัวเองรู้จักกับเขามานาน ถ้าหากภคชนท์ไม่ใช่นักเรียนนอกเธอคงจะคิดว่าเขาคือคนเดียวกับวีรวัชร์อย่างแน่นอน“ปกติแล้ววันหยุดคุณชนท์ทำอะไรคะ”“ก็ออกกำลังกาย ว่ายน้ำแล้วนอนดูหนังสักเรื่องที่คอนโดครับ คุณล่ะ”“ก็อยู่บ้านกับแม่ค่ะ ท
“ยังไม่นอนอีกเหรอคะแม่” ลดาภัสน์แปลกใจที่กลับมาเวลานี้แล้วมารดายังไม่เข้านอน“ก็ว่าจะนอนแล้วล่ะ งานหนักเหรอกลับดึกเชียว”“เปล่าหรอกค่ะแม่ โอปอไปทานข้าวกับเพื่อนมาค่ะ แม่เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าไม่ดีเลย”“เย็นนี้ญาดาโทรมาหาแม่”“เหรอคะ แล้วญาดาว่ายังไงบ้างคะ”“ก็ถามเรื่องงานแล้วก็บอกว่าจะให้เงินเดือนแม่เพิ่ม”“เหรอคะ แล้วญาดาบอกไหมว่าจะให้เท่าไหร่”“แม่บอกน้องไปแล้วว่าไม่ต้องให้เพิ่มเพราะที่ให้มาก็มากพอแล้ว”“พอเหรอคะแม่ โอปอว่าน่าจะขอเพิ่มอีกสักหน่อย”“แค่นี้ก็รบกวนน้องมากแล้วนะโอปอ แม่เองก็พอมีเงินอยู่”“ญาดาไม่ได้ลำบากอะไรหรอกค่ะแม่ ตอนนี้ก็เพิ่งเข้าไปทำงานที่บริษัทใหม่เงินเดือนเยอะกว่าเดิมมาก”“ญาดาก็เล่าให้ฟังแล้วแต่แม่ก็อยากให้น้องเก็บเงินไว้บ้าง น้องยังต้องผ่อนคอนโดอีก แล้วโอปอล่ะลูกที่ทำงานใหม่เป็นยังไงบ้าง”“ก็ดีค่ะแม่ เงินเดือนเยอะขึ้นแต่ก็ต้องรับผิดชอบมากขึ้น วันเสาร์โอปอก็ต้องทำงานครึ่งวัน”“แล้วแบบนี้จะมีเวลาไปหาอาร์ทเหรอ”“ทำไมโอปอจะต้องไปหาเขาล่ะคะแม่ เขาต่างหากที่ต้องมาหาโอปอ นี่ก็หยุดยาวติดกันสามวันเขายังไม่มาเลย”“คุยกับเขาแล้วเหรอ”“เราคุยกันเมื่อตอนบ่ายค่ะ เขาว่าช่วง
ออกจากร้านอาหารแล้วภคชนท์ก็ไปนั่งดื่มที่ร้านของกษิเดชแต่เขาไม่ได้โทรนัดภูวริษออกมาเหมือนอย่างทุกครั้งเพราะวันนี้อยากนั่งดื่มคนเดียวและใช้ความคิดไปด้วย“ฉายเดี๋ยวเหรอวันนี้” กษิเดชเข้ามาทักทายรุ่นน้องที่เขาเห็นนั่งดื่มคนเดียวมาเกือบชั่วโมงแต่ก็ยังไม่เห็นเพื่อนสนิทของเขาอย่างหมอภูวริษมาด้วย“สวัสดีครับพี่เดช”“ดื่มคนเดียวเหงาไหมล่ะ”“ผมว่าผมเหงาจนชินแล้วล่ะครับ”“ไม่สบายใจเรื่องอะไร เล่าได้ไหม”“วันนี้ผมเจอโอปอ”“ใครกันโอปอ พี่พลาดอะไรไปหรือเปล่าเหมือนไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยนะ” เขานั่งข้างๆ สายตามองรุ่นน้องที่นั่งหน้าเครียด“ผมก็เพิ่งได้ยินวันนี้แต่ถ้าบอกว่าผมเจอรวีพี่ก็คงร้องอ๋อ”“จริงเหรอ แล้วเป็นไงบ้างได้คุยกันหรือเปล่า นายจำเธอได้ไหม”“เธอเหมือนจะจำได้แต่ผมก็ปฏิเสธไปแล้ว ถ้าพี่เป็นเธอพี่จะเชื่อไหมล่ะ”“มันอยู่ที่ว่านายกับเธอรู้จักกันดีมากแค่ไหนก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป แต่ถ้าว่ากันตามจริงก็เชื่อยากนะเพราะนายเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งชื่อนามสกุลรวมถึงการศึกษา”“มันก็จริงนะ แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ”“ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลย อีกอย่างเธอก็แต่งงานไปแล้ว”“เสียใจไหม”“ก็นิดหน่อย แต่ผมก็เผื่อใจ
ฉัตรญาดาขับรถมายังร้านอาหารที่เธอมักมารับประทานเวลาเลิกงานกับเจ้านายเพราะถามแพรพรรณแล้วว่าร้านนี้น่าจะเหมาะสมที่สุดเพราะมีทั้งที่จอดรถและอาหารอร่อยหญิงสาวมาถึงร้านอาหารก่อนเวลาเล็กน้อยและพี่สาวของเธอก็ยังไม่มาถึงฉัตรญาดาเลือกนั่งโต๊ะติดกับประตูทางเข้าเพราะกลัวว่าพี่สาวจะมาแล้วมองไม่เห็นหรืออีกเหตุผลหนึ่งก็คือถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็จะได้หนีแบบง่ายๆพนักงานของร้านรีบเดินเข้ามารับออเดอร์ทันทีที่เห็นหญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้“รับอาหารเหมือนเดิมมั้ยคะ” พนักงานสาวทำด้วยความคุ้นเคยเพราะจำได้ว่าเธอคือผู้หญิงที่มารับประทานอาหารกับแขกประจำอย่างภคชนท์“ขอเมนูดีกว่าค่ะวันนี้ฉันมากับคนอื่น”“ได้ค่ะ”พนักงานหยิบเมนูอาหารมาให้หญิงสาวสั่งสเต๊กปลาสองที่และสั่งสลัดผัดกับสปาเกตตี้มาอีกอย่างละหนึ่งจาน เหตุผลเธอสั่งอาหารไว้รอเพราะคิดว่าเมื่อพี่สาวมาถึงก็จะได้รีบคุยธุระกันทันทีฉัตรญาดานั่งรอไม่นานนักพี่สาวของเธอก็เดินเข้ามาในร้านและเห็นเมื่อเห็นน้องสาวนั่งรออยู่ก็รีบตรงเข้ามาหาทันที“รอนานไหมญาดา โทษทีนะพี่ไม่คุ้นกับถนนเส้นนี้เลยขับมาแบบช้ามากๆ”“ไม่นานหรอกค่ะ ญาดาสั่งสลัดสเต๊กปลาแล้วก็สปาเกตตี้ให้แล้วนะคะ
“บอสเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ฉัตรญาดาสังเกตว่าวันนี้เจ้านายของเธอมีท่าทางแปลกตั้งแต่ขับรถออกจากบริษัท เขาดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา“เปล่านี่”“แน่นะคะ ญาดาว่าบอสเหมือนกำลังตื่นเต้นนะคะ งานนี้ไม่ใช่งานแรกที่บอสจะต้องไปสักหน่อย”“ผมบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ เรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะเดี๋ยวงานก็จะเริ่มแล้ว”การเปิดแผนกเสริมความงามแบบครบวงจรมีผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ภคชนท์มอบช่อดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีกับแพทย์เจ้าของโรงพยาบาลและพูดคุยเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นได้เข้าไปแสดงความยินดีบ้างชายหนุ่มเดินไปตามบูทต่างๆ เพื่อหวังว่าจะเห็นผู้หญิงที่ชื่อลดาภัสน์แต่เขาผ่านมาหลายบูทก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา“บอสจะกลับเลยไหมคะ” ฉัตรญาดาเห็นว่าแขกบางคนเมื่อแสดงความยินดีเสร็จแล้วก็ทยอยกลับเขาจึงชวนเจ้านายกลับ“ผมว่าจะเดินดูรอบๆ สักหน่อย ถ้าคุณเมื่อยก็ไปนั่งรอได้นะญาดา”“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้สบายมา ญาดาว่าคนให้ความสนใจเยอะเหมือนกันนะคะ เขาจัดโปรโมชั่นได้น่าสนใจทีเดียว”“คุณอยากทำศัลยกรรมบ้างไหมล่ะ”“ไม่ค่ะ ญาดากลัวเข็ม”“กลัวเข็มแต่มาเป็นพยาบาลเนี่ยนะ”“ก็เราใช้เข็มกับคนอื่นนี่คะไม่ได้