Masuk[Part Peerakan]
“กลับมาแล้วฮะ”
ผมหันไปตามเสียงเจื้อยแจ้ว ปรากฏร่างเด็กชายสูงราวร้อยยี่สิบเซนติเมตร ในชุดนักเรียนประถม วิ่งผ่านหน้าผมไปยังห้องครัว โผเข้ากอดเอวผู้หญิงวัยกลางคนที่ยืนอ้าแขนรอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“วันนี้ วันอะไรน้า” เสียงหวานที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยนเอ่ยถาม ขณะก้มมองพลางลูบหัวลูกชายในอ้อมกอดด้วยความเอ็นดู
“วันเกิดผมฮะ” เสียงตอบกลับอู้อี้ เมื่อใบหน้ายังซุกอยู่บริเวณหน้าท้องผู้เป็นแม่ ราวกับเขาอยากกักเก็บความอบอุ่นให้นานที่สุด
เธอดันร่างลูกชายออก ก่อนจะย่อตัวลงให้อยู่ในระดับไล่เลี่ย
“ลูกแม่โตขึ้นอีกปีแล้วสินะ วันนี้ลูกอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม”
“ผมอยากไปหาเจ้าหนู” คนถูกถามไม่มีท่าทีคิดหรือไตร่ตรอง ตอบทันควัน เหมือนเตรียมคำตอบไว้อยู่แล้ว
“งั้นลูกลองขอพ่อดูนะ” การตัดสินใจถูกปัดไปอยู่ที่หัวหน้าครอบครัว
สิ้นเสียงผู้เป็นแม่ เด็กชาย รีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านด้วยความรีบร้อน
“พ่
ผมพ่นลมหายใจออกยาว ขยับเท้าถอยเล็กน้อยเบือนหน้าไปทางอื่นพร้อมกับล้วงสองมือเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเอง พยายามควบคุมทุกอย่างไม่ให้มันรุนแรงเกินกว่าเหตุเป็นท่านประธานที่เดินเข้ามาขว้างระหว่างกลางและพูดแทนในสิ่งที่ผมคิด“ฉันว่า มันถึงเวลาที่ต้องจบเรื่องพวกนี้สักทีนะ”“จบเหรอคะ จบแล้วมีใครฟื้นขึ้นมาไหมคะ” ริสาสวนกลับแววตาเธอดุดันขึ้นฉับพลัน ราวกับคนละคน“แล้วเธอขาดตรงไหน พวกฉันชดใช้ให้เธอไปหมดทุกอย่างแล้ว” คุณอาฉัตรเป็นตัวแทนที่พูดได้ตรงกับที่ผมคิดทุกอย่างส่วนผมยังเลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพื่อยับยั้งความพังพินาศ“หมดแล้วจริงๆ เหรอคะ” เธอยิงคำถามใส่คุณอาฉัตร ก่อนจะเลื่อนมาจ้องหน้าผมตาเขม็ง“แล้วเธอจะเอาอะไรอีก ตอนนี้เธอก็มีชีวิตที่ดี มีสามีที่ดี เธอมีทุกอย่างแล้ว แต่ทำไมเธอไม่คิดจะรักษามันไว้” ท่านพูดถูกทุกอย่าง“แต่ฉันไม่มีความสุข”“มันเป็นเพราะเธอเองต่างหาก ที่ทำให้ตัวเองไม่มีความสุข” ผู้ที่ผ่านโลกมาพอสมควร สวนกลับด้ว
ว่าถ้าปล่อยไว้จะมีเรื่องร้ายแรงตามมาแน่ๆ” ที่ท่านพูดไม่ผิดเลยสักนิด ภายนอกริสาดูเหมือนคนปกติมาก จนตอนแรกผมก็คิดว่าเธอหายแล้ว แต่ความจริงคือเหมือนจะดิ่งลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ“แล้วอายังปล่อยให้ริสา เข้าใกล้คนของผมงั้นเหรอ” ผมถามด้วยความสงสัย ทั้งที่คุณอาฉัตรรู้อยู่แล้ว ทำไมถึงยังปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น“อาไม่ได้ละเลย นี่เป็นสาเหตุที่ดึงให้ริสามาอยู่ที่นี่เพราะอย่างน้อยถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็ยังอยู่ในสายตา และเราสามารถควบคุมได้ทันเวลา หลานเข้าใจใช่ไหม”“...” ผมเงียบ ใช้สมาธิในการไตร่ตรอง“และที่หลานลงทุนบินไปถึงรัสเซียก็เพราะอยากจบเรื่องนี้แบบไม่ต้องมีฝ่ายไหนพังพินาศ ไม่ใช่เหรอ” ข้อนี้ดูมีเหตุผลสมควรที่สุด ในการที่ผมต้องใจเย็นกว่านี้ ไม่งั้นทุกอย่างจะสูญเปล่าทั้งหมด“แต่ผมไม่สามารถรับกับความสูญที่เกิดขึ้นจากตัวผมได้อีกแล้วนะ” ผมพูดขณะยันศอกสองข้างไว้กับหน้าขาและก้มมองสองมือที่ประสานอยู่ตรงหน้าผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเข้มแข็งพอจะปกป้องใครได้เลย ถึงผมจะพยายามมากแค่ไหน ผมยังอ่อนแอ
วันต่อมา…09:00น.@พีพีเอ็นหลังจากลงเครื่อง ผมเลือกที่จะตรงเข้าหาสาเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อน ถ้าหวังจะไปคาดคั้นเอาคำตอบจากคนถูกกระทำโอกาสจะได้ความจริงคงเป็นศูนย์ เพราะถ้าเธอคิดจะบอกคงไม่ปิดปากเงียบมาจนถึงตอนนี้ประตูกระจกถูกผลักเข้าไปอย่างแรงโดยไม่มีการให้สัญญาณหรือขออนุญาตใดๆ ทั้งสิ้น ส่งผลให้เจ้าของห้องสะดุ้งเฮือก ลุกพรวดจากเก้าอี้ทำงานด้วยความตกใจ“นี่…หลานมาถึงเร็วขนาดนี้เลยเหรอ” ประโยคคำถามหลุดออกมาพร้อมสีหน้าตื่นตระหนก ราวกับเวลาการมาปรากฏตัวของผมมันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายแถมท่านประธานยังเป็นคนเดียวที่ทราบถึงเหตุผลที่ทำให้ผมละทิ้งหน้าที่เพื่อบินกลับจากรัสเซียโดยไม่มีการไตร่ตรอง“ผมไม่ได้มาเพื่อตอบคำถาม” น้ำเสียงนิ่งเรียบที่ถูกควบคุมให้อยู่ในโทนปกติจริงอยู่ว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดท่าน แต่ท่านเป็นเพียงคนเดียวที่จะให้คำตอบผมได้ดีที่สุด“หลานต้องใจเย็นก่อนนะ” ผู้หญิงที่ดำรงตำ
พูดจบคุณหมอไวน์ก็ลากฉันเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ทิ้งเครื่องหมายคำถามมากมายให้คุณเต ที่ยืนขมวดคิ้วมองตามเราสองคนด้วยความไม่เข้าใจฉันถูกพามาทำความสะอาดและทาเจล ประคบเย็น ตามขั้นตอนโดยพยาบาลสาวสวย และยังมีคุณหมอหนุ่ม ยืนกอดอกควบคุมอยู่ไม่ห่าง“คุณหมอ อย่าบอกเฮียฟิวส์นะ” ฉันเริ่มร้องขอในสิ่งที่ต้องการ“ทำไม ใครทำ”“ไม่มีใครทำ มันเป็นอุบัติเหตุ”“แล้วเธอจะปิดมันได้ยังไง แดงเป็นปื้นขนาดนี้”“กว่าเฮียฟิวส์ จะกลับมา ก็คงดีขึ้นแล้วแหละค่ะ” ฉันว่า พลางก้มมองร่องรอยบาดเจ็บตามแพลน น่าจะอีกสองถึงสามวันกว่าเฮียฟิวส์จะมาถึงไทย ฉันคิดว่ามันน่าจะทุเลาเยอะแล้ว เพราะความจริงมันก็ไม่ได้ใหญ่มาก คุณหมอก็พูดซะเวอร์เชียว“นี่ฉันลำบากใจนะเนี่ย” เขาถอนหายใจแรงเพื่อตอกย้ำความชัดเจนในประโยค“นะคะ ช่วยหน่อย…”ฉันยังพูดไม่ทันจบ มือถือเจ้ากรรมก็สั่นขัดจังหวะซะก่อน มีแวบหนึ่งฉันรู้สึกหวั่นใจแปลกๆ ว่าจะเป็น…ครืดดด!...ครืดด!ม่านตาขยายกว้างข
“ได้ค่ะ”หลังจากฉันพาตัวเองออกมาจากห้องได้สำเร็จ เสียงกรี๊ดดังก้องอยู่ในหัวราวกับมันอัดอั้นมานาน แต่ใช่ว่าจะระบายออกมาได้ผู้หญิงคนนี้มีอะไรผิดปกติแน่ๆ แต่ฉันไม่รู้ความต้องการที่แน่ชัดของเธอ ไม่รู้ว่าเรื่องที่เธอพูดมันหมายความว่ายังไง...ฉันพ่นลมหายใจยาวผ่านปลายจมูก ก่อนจะเดินกระแทกเท้าอย่างไม่สบอารมณ์ไปชงกาแฟร้อนให้คุณลูกค้าบ้าอำนาจนั่น คิดว่าเป็นลูกค้าแล้วจะกดขี่พนักงานยังไงก็ได้รึไง พีพีเอ็นก็แปลก บริษัทตั้งใหญ่โต ไหงมีลูกค้านิสัยแบบนี้แล้วก็ยังจะมานึกอยากดื่มกาแฟอะไรตอนนี้…ไม่นานฉันก็เดินกลับมายังห้องเดิมพร้อมกับถือจานรองแก้วกาแฟด้วยความระมัดระวัง ยกมือข้างที่ว่างขึ้นเคาะกระจกเพื่อขออนุญาตก๊อก…แต่เสียงดังขึ้นเพียงครั้งเดียว ประตูถูกดึงเปิด ก่อนที่คุณเจนิสาจะเดินสวนออกมา…จังหวะนั้นฉันไม่ทันระวัง แขนฝ่ายตรงข้ามเหวี่ยงโดนแก้วกาแฟในมือ แน่นอนว่าทุกอย่างเสียหลักภายในเสี้ยววินาที“อ๊ะ!...อ๊าย”ฉันเผลอส่งเสียงร้องในตอนที่ความร้อนสัมผัสโดนผิวหนังช่วงข้อมือข้างซ้ายที่ถือจานรองแ
[Part Plernta]15:50 น.@พีพีเอ็น“เพลินตา”ฉันเงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ไปตามเสียงเรียกที่คุ้นเคย เพราะได้ยินทุกวัน ไม่สิ…แทบจะทุกเวลาเลยมากกว่า แฟ้มเอกสารมาถูกยื่นมาต่อหน้าพร้อมประโยคคำสั่งจากคุณหัวหน้า“วานเอาเอกสารนี้เข้าไปให้ลูกค้าในห้องประชุมหน่อย พอดีฉันติดงานด่วน”“ได้ค่ะ” ฉันตอบรับ ขณะผุดลุกจากเก้าอี้ รับแฟ้มมาถือไว้ในมือ เดินตรงไปยังห้องประชุมขนาดกลาง ที่มีไว้เพื่อรับรองลูกค้าคนหรือสองคนก๊อกๆๆฉันส่งสัญญาณตามมารยาท ก่อนจะดันประตูเปิดเข้าไปนาทีต่อมา ฝีเท้าถูกชะลอลง ไม่คาดคิดว่าลูกค้าคนสำคัญของวันนี้ คือคุณเจนิสา‘อย่าไว้ใจลูกค้าคนนี้’ฉันจำได้ขึ้นใจว่าเฮียฟิวส์พูดไว้แบบนี้ บวกกับรอยยิ้มมุมปากแสนเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏบนใบหน้าสวย ยิ่งตอกย้ำว่าฉันไม่ควรละเลยประโยคที่ลอยเข้ามาให้หัวลมหายใจถูกสูดเข้าลึกพร้อมกับก้าวนำแฟ้มเอกสารไปวางให้บนโต๊ะ โค้งตัวเล็กน้อยตามธรรมเนียมปฏิบัติ&



![Evil Engineerร้ายรักวิศวะเลว [ไนต์]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



