บทที่ 1
พิ้งค์วางกล่องของขวัญไว้บนชั้นที่เคยเก็บกล่องของขวัญกล่องอื่น ๆ เธอก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วมองกล่องพวกนั้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง หากแต่สมองกำลังคิดวิเคราะห์ในสิ่งที่เจอมาเมื่อครู่ กล่องเหมือนกันทุกครั้ง ไม่มีข้อความและไม่มีสีสันอะไรเลย ก็แค่กล่องที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลที่ไม่รู้ว่าข้างในนั้นใส่อะไรไว้เพราะเธอไม่เคยคิดจะเปิดดู
“ปีหน้าก็คงจะได้แบบเดิม” เธอทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเชิงตัดพ้อแล้วหันหลังเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน นั่งกินหนังไก่ทอดจนหมดแล้วค่อยเปิดอ่านข้อความจากไลน์กลุ่มเพื่อน ๆ
H (โฮป) : โอเคไหม
P (พิ้งค์) : โอเคดิ แล้วกลับกันยังไง
W (วอร์) : กลับรถไอ้โฮปอะ เออแล้วทะเลาะกับพี่เทนต์ไหมเนี่ย
วอร์พิมพ์ข้อความนั้นถามพิ้งค์ในแช็ตกลุ่ม
P (พิ้งค์) : เปล่า
O (ไออุ่น) : งั้นพรุ่งนี้แก้มือไหม เดี๋ยวอุ่นเลี้ยงเอง
P (พิ้งค์) : เอาดิ อยากกินอยู่เหมือนกันแต่ก็กลัวอ้วน
W (วอร์) : อย่ามาพูดเลย เมื่อตอนเที่ยงยังกินไม่บันยะบันยังอยู่เลย
P (พิ้งค์) : 5555 อืม ๆ ไปอาบน้ำแล้วนะ
แช็ตส่วนตัว H (โฮป)
พิ้งค์ : แกถามไรหน่อยดิ
โฮป : ไง ไมไม่พิมพ์ในแช็ตกลุ่ม
พิ้งค์ : มีเรื่องอยากถามนิดหน่อยอะ
โฮป : ว่ามาเลย
พิ้งค์ : ถ้าผู้ชายให้ของขวัญเราทุกปี ๆ และให้เนื่องในวันพิเศษแบบนี้เขามีใจปะ
โฮป : มองได้หลายมุม
พิ้งค์ : ยังไง
โฮป : ขอโทร.แล้วกัน ขี้เกียจพิมพ์แล้วมันยาว
Rrr
สายเรียกเข้าจากโฮป เธอกดรับสายพร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหูด้วยท่าทางสบาย ๆ
“ว่าไง มีกี่มุมนะ”
(มองได้สองมุมอะพิ้งค์ หนึ่งคือให้เพราะอยากให้ เนื่องจากแสดงความยินดีกับทุกโอกาสของเรา สองคือให้เพราะรู้สึกดี อยากให้ของขวัญกับคนพิเศษคนสำคัญอะไรแบบนั้นมั้ง) โฮปพูดกำกวมจนพิ้งค์ขมวดคิ้วมุ่นเพราะไม่เข้าใจที่เพื่อนบอกเท่าไหร่
“แล้วแบบนี้เราควรคิดไปทางไหน”
(ก็อยู่ที่ว่าใครให้ แล้วใครให้ของขวัญเรา)
“เปล่า แค่ถาม”
(อืม ๆ ไปพักผ่อนไป พรุ่งนี้เจอกัน)
“ขอบคุณนะ” หญิงสาวเอนหลังกับพนักเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะหมุนเก้าอี้ไปมองตู้เก็บกล่องของขวัญที่ได้รับจากเทนต์ “ไม่แกะหรอก อยากให้ก็ให้ไปดิ ใครอยากได้กัน” เธอไม่ได้ร้องขอให้เขาทำตามสัญญา และไม่ต้องการของขวัญสักชิ้นจากเขา
วันต่อมา
ร่างบางในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเดินลงมาจากบ้านพร้อมกับกระเป๋าสะพายคู่ใจ เธอถอนหายใจพรืดใหญ่แล้วก้าวเท้าลงจากบันไดขั้นสุดท้าย
“เทนต์”
“วันนี้นายใหญ่ให้ผมไปส่งคุณหนูที่มหา’ลัยครับ”
“ให้คนอื่นไปส่งก็ได้” เธอหลุบตามองพื้นแล้วเดินผ่านเขามา
“นายสั่งเอาไว้ ผมไม่กล้าขัดคำสั่ง”
“โอเคค่ะ ถ้ามันเป็นคำสั่งที่ขัดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
“…”
“งั้นพิ้งค์จะขับรถไปเอง”
“ไม่ได้ครับ มันอันตราย”
“แต่พิ้งค์โตพอที่จะทำอะไรเองได้แล้วนะ ไม่ใช่เด็กแล้วด้วย”
“งั้นให้ผมขับ” สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องยอมอ่อนข้อให้เขาจนได้ เทนต์เดินไปหยิบกุญแจรถแล้วเดินลงไปรอหญิงสาวที่หน้าบ้าน ขณะที่คนตัวเล็กกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“น่ารำคาญ!”
มหา’ลัย
สามหนุ่มเดินตะเล็ดเตร็ดเตร่มาจนถึงโต๊ะที่ประจำแต่จังหวะจะนั่งลงกลับมีรถยนต์คันหนึ่งขับมาจอดเทียบฟุตพาทตรงหน้า คนที่เปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับแล้วก้าวออกมาจากรถคือพิ้งค์
“อ้าว ไงได้นั่งรถคันนี้มา” วอร์เป็นคนถามก่อน ไออุ่นพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนส่วนโฮปมัวแต่จ้องคนขับจึงไม่ได้หันมาสนใจสนทนากับเพื่อน
“ป๊าไม่อยู่เลยอยากนั่งรถคันใหม่มาเรียน” เธอตอบเสียงหน่าย ระหว่างนั่งรถมามหา’ลัย ภายในรถก็เงียบเฉียบจนน่าอึดอัด
“นั่นพี่เทนต์ปะ?” โฮปหันมาถามพิ้งค์พร้อมทั้งชี้ไปที่รถยนต์ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวออกไป พิ้งค์ไม่ได้ตอบกลับเพียงแค่พยักหน้าให้เป็นคำตอบ เธอมองรถที่เคลื่อนตัวออกไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “อย่าบอกนะว่าทะเลาะกันอีกแล้ว ดูทำหน้าเข้า”
“เปล่า แค่เบื่อ”
“ไอ้เบื่อที่ว่านี่เบื่อพี่เทนต์คนเดียวไหม เห็นบอกว่าเบื่อ ๆ ตอนพี่เทนต์มาส่ง มารับตลอดเลย” วอร์ตั้งข้อสงสัยและหรี่ตาจับผิดพิ้งค์แต่เธอไม่แสดงอาการผิดสังเกตเลย “ก็น่าจะเป็นเรื่องอื่น” วอร์เปลี่ยนเรื่องแล้วหยิบอมยิ้มให้พิ้งค์หนึ่งอัน
“ไม่เอา เดี๋ยวฟันผุ”
“จะได้อารมณ์ดีไง กิน ๆ ไปเถอะ” พิ้งค์พยักหน้าหงึก ๆ แล้วแกะอมยิ้มกินไปพลางหันไปมองใต้ถุนอาคารซึ่งรุ่นพี่กลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้
“สวัสดีครับคนสวย”
“มาอีกแล้วเหรอ” หญิงสาวมองใบหน้าของคนที่ทักทายผ่านสีหน้าไร้ความรู้สึก อลินรุ่นพี่ปีสามที่ตามตื๊อตามจีบเธอ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะจีบทั้งที่ถูกสามยอดกุมารเล่นงานไปหลายครั้งแล้ว แต่เหมือนเขาจะยิ่งชอบและท้าทายอำนาจสามยอดกุมารไม่เลิก
“เห็นหน้าพี่เหมือนเห็นผีเลยนะหนูพิ้งค์”
“พิ้งค์ไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อนั้น ถ้าไม่สนิท” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่เพียงแต่ไม่สนใจแต่กลับไม่เคยมีเขาอยู่ในสายตาเลย นอกเสียจากผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามาหาตอนนี้ เพียงกลิ่นน้ำหอมที่ลอยมาตามสายลมพัดผ่านเธอก็จำได้ว่านั่นคือเทนต์ พิ้งค์หันไปมองลูกน้องผ่านรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“คุณหนูลืมหูฟังไว้ในรถครับ” ชายหนุ่มว่าพร้อมกับยื่นหูฟังให้หญิงสาว โฮปที่กำลังหรี่ตามองอย่างจับผิดก็เอ่ยถามขึ้น
“นี่พี่เทนต์ใส่ใจเพื่อนผมมากเลยนะครับ ไม่เสียแรงที่ป๊าแฟรงค์ส่งมาให้ดูแลพิ้งค์ของเรา”
“…” มือขวาคนสนิทมาเฟียไม่ได้หันไปมองโฮปที่เอ่ยชมเขาตรง ๆ ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม แม้ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้เขาก็พอเดาสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ได้ กลุ่มรุ่นพี่หันมาจ้องหน้าเทนต์เขม็งแล้วเดินออกไปทันที
“เฮ้อ!” หญิงสาวทรุดนั่งลงที่เดิม ปรายตามองลูกน้องหนุ่มที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ “จะมาเรียนด้วยกันเหรอ ถึงยังไม่กลับไปสักที”
“ครับ”
“ปากร้ายนักนะตัวเล็ก” โฮปยื่นมือมาบีบแก้มเพื่อนรักอย่างหยอกล้อแต่ทว่าโฮปกลับถูกมองด้วยสายตาดุดันจากคนที่กำลังจะหันหลังเดินออกไป ชายหนุ่มชะงักค้างแล้วรีบชักมือกลับมาเมื่อตนเผลอสบตากับเขา “น่ากลัว”
“อะไรของมึง” ไออุ่นถามเพื่อนหน้าเครียด จู่ ๆ โฮปบอกน่ากลัวแล้วยังมองตามหลังเทนต์ไม่ยอมละสายตาอีก
“ก็พี่เทนต์มองกูเมื่อกี้ไง ไม่เห็นเหรอ”
“ไม่”
“เขามองแบบไหน” พิ้งค์กอดอกถามพลางหันไปมองคนที่เดินออกไปแล้ว ก่อนจะดึงสายตากลับมามองโฮป
“ก็ทำแบบนี้” ชายหนุ่มทำหน้าขรึมแล้วทำตาดุดันเลียนแบบเทนต์ให้เพื่อน ๆ ดู ทว่าพวกเขากลับขำพรืดใหญ่แถมยังส่ายหัวไปมาเบา ๆ
“ไร้สาระ” วอร์ยิ้มขบขันยกมือขึ้นมาผลักศีรษะเพื่อนเบา ๆ “เอาเวลาไปทำงานส่งอาจารย์เหอะมึงอะ จะได้เอฟมาแดกกันยกกลุ่มอยู่แล้ว”
“เออ…ทำอยู่เนี่ย”
“รีบเลยนะ ส่วนของพิ้งค์ทำเสร็จแล้ว” ไม่ว่าเปล่าเธอยังส่งงานที่ทำเสร็จให้เพื่อนดู ทุกคนเกาหัวแกรก ๆ แล้วรีบทำในส่วยของตัวเองอย่างขะมักเขม้นโดยมีพิ้งค์นั่งฮัมเพลงกดดันอีกทีหนึ่ง
ตอนพิเศษ 2หลายวันต่อมา“…” พิ้งค์ยืนมองคนรักอยู่หลังประตูห้องฟิตเนสซึ่งเทนต์กำลังออกกำลังกายอยู่กับลูกน้องหลายคน เขาไม่รู้ว่าถูกมองและยังออกกำลังกายตามปกติจนกระทั่งลูกน้องคนหนึ่งเดินไปกระซิบบอกถึงได้หันมามองพิ้งค์พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้เธอ“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”“มานานแล้วค่ะ กำลังดูแดดดี้เพลินเลย ไม่น่ารู้ตัว” ไม่ว่าเปล่าแต่พิ้งค์ยังทำหน้าเสียดายใส่เขา เทนต์แค่นหัวเราะเบาๆ พร้อมกับบีบแก้มแฟนสาวด้วยความมันเขี้ยว“มาแอบดูอะไร หรือว่าแอบดูคนอื่นที่ไม่ใช่แดดดี้” “เปล่าเลย ดูแดดดี้นั่นแหละ ดูสิ….” ไม่ว่าเปล่าเธอยังลูบไล้แผงอกแกร่งแน่นหนั่นอย่างหลงใหลและซีดปากเบาๆ “แดดดี้ยิ่งแก่ยิ่งแซ่บนะเนี่ย”“เด็กดื้อ” เขาตีปลายจมูกพิ้งค์เบาๆ ก่อนที่จะพสเธอกลับเข้าไปในบ้าน พิ้งค์อมยิ้มขบขันที่สามารถแกล้งเขาได้ “วันนี้ไม่มีเรียนหรือไง ถึงได้จุ้นแต่เช้า”“มีค่ะ แต่ส่งงานอาจารย์แล้ว อาจารย์เลยยกคลาสไปเป็นพรุ่งนี้แทน”“แล้วต้องเข้ามหา’ลัยไหม” เทนต์หันมาถามขณะที่กระดกน้ำดื่ทดับกระหาย พิ้งค์ไม่ได้ตอบแต่กลับเดินเข้าไปใกล้แล้วกดริมฝีปากจูบที่หัวนมเขาทำเอาเทนต์แทบสำลักน้ำกับการกระทำอุกอาจของเธอ “ทำอะไร”“เปล่า เห
ตอนพิเศษ 1หลายเดือนต่อมาพิ้งค์เดินนวยนาดเข้ามาในห้องทำงานของคนรักบนชั้นสองของคลับในเวลาสิบโมงเช้า เธอคลี่ยิ้มทักทายเทนต์ที่กำลังนั่งขมวดคิ้วอยู่ในโต๊ะทำงาน แต่พอเห็นหน้าเธอเขาก็คลายสีหน้าตึงเครียดเป็นยิ้มแย้มพร้อมกับลุกออกมาโอบอุ้มจนพิ้งค์ตัวลอย“อื้อ~ แดดดี้มีหนวดอะ มันทิ่มแก้มหนู” เธอผลักใบหน้าเขาออกเล็กน้อยแล้วลูบไล้แก้มทั้งสองข้างลงมาที่ปลายคาง “โกนหนวดไหม เดี๋ยวหนูทำให้” เทนต์หรี่ตามองอย่างลังเลใจแต่ก็ยอมพยักหน้ารับเพราะเห็นความตั้งใจที่แสดงออกทางแววตาเธอ “โอเค” “ไม่เอาเลือดนะ” เทนต์กระตุกยิ้มอย่างขำขันที่พิ้งค์หันมาย่นจมูกใส่เขา เธอหายไปนานหลายนาทีแล้วกลับมาพร้อมกับที่โกนหนวดไฟฟ้า “มานั่งตรงนี้สิคะ” เทนต์เดินไปนั่งลงบนโซฟาตามที่แฟนสาวบอก พอเขานั่งลงแล้วพิ้งค์ก็จัดการเอาผ้าขนหนูสะอาดปิดเสื้อเขาไว้ “กลัวเหรอ มือเย็นเชียว”“ไม่เคยกลัวอยู่แล้ว”“แหม…ปากหวานจริงนะพ่อ มือเย็นเฉียบขนาดนี่ปากบอกไม่กลัวมันดูย้อนแย้งนะคะ”“ทำเถอะ”“หนูมือเบาสุดๆ แล้วนะคะแดดดี้ เพราะเคยโกนให้คนอื่นมาแล้ว” พิ้งค์กำลังจะโกนหนวดแต่ถูกเทนต์จับมือไว้แน่น เธอเลิกคิ้วถามเขาที่เอาแต่จ้องหน้า“โกนให้ใครมา”“ก็ว
บทที่ 61 บทส่งท้ายจากบอดี้การ์ดสู้สถานะใหม่คือคนรู้ใจของพิ้งค์ เขาและเธอครองสถานนี้มาเกือบหนึ่งปีเต็มโดยไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ มาขวางกั้น“แดดดี้”“ครับ?” เทนต์ที่นั่งทำงานอยู่ในโต๊ะรีบหันมาขานรับแฟนสาวทันที ซึ่งกำลังดูจอแสดงผลกล้องวงจรปิดอยู่ “เรียกแล้วไม่พูดนะ”“เปล่า หนูกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่ค่ะ”“จะถามอะไร”“อ๋อ! นึกออกแล้ว” เมื่อนึกออกแล้วเธอจึงลุกออกมาจากโซฟา เดินตรงไปหาเทนต์แล้วหย่อนตัวลงนั่งบนหน้าตักแกร่ง ตวัดแขนโอบกอดลำคอหนาไว้หลวมๆ “ว่าจะถามแดดดี้ ว่าเอาสร้อยข้อมือที่หนูให้ไปไว้ไหนทำไมไม่เห็นใส่เลย”“อ๋อ กลัวมันเก่า”“อะไรเนี่ย…” พิ้งค์เบ้ปากใส่เขา “ก็ซื้อมาให้ใส่ไหมคะ ใส่ก็ต้องเก่าเป็นธรรมดาไหม”“ก็ใส่ออกงานบ่อย เดี๋ยวทำขาดหายไปก็เสียดายแย่”“อา…แดดดี้คงไม่รู้สินะคะว่าหนูน่ะรวย”“รู้แล้วว่ารวย แต่กับของบางอย่างความเงินก็ซื้อไม่ได้นะ”“เช่น?”“หนู”“หนูซื้อได้นะถ้าเงินถึง อ๊ะ! แดดดี้ตีหนูทำไมเนี่ย” เทนต์ถลึงตาใส่คนตัวเล็กที่กำลังลูบตันแขนตัวเองอยู่“พูดเล่นก็ไม่ได้เหรอ”“บอกไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ชอบให้พูดแบบนี้ มันดูไม่ดี” พิ้งค์อมยิ้มแล้วโน้มลงไปกระซิบกระซาบเสียงพร่าข้างใบหู“
บทที่ 60เหมือนความสุขที่เคยขาดหายถูกเติมเต็มด้วยความรักที่เทนต์มีให้ ความรักความเอาใจใส่ที่เขาทำให้เป็นเครื่องยืนยันแล้วว่าเธอไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียว“แดดดี้” น้ำเสียงหวานใสของคนข้างกายทำเขาไม่อาจละเลยไปได้เลยสักครั้ง เทนต์หันมามองคนรักด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากทั้งรอฟังพิ้งค์ว่าเธอจะพูดอะไรด้วย “แดดดี้มีความสุขไหม”“ทำไมถึงถามแบบนี้”“อยากฟังจากปากแดดดี้มากกว่าค่ะ”“มีความสุขมากๆ”“หนูก็มีความสุข” แววตาและรอยยิ้มที่พิ้งค์แสดงออกบ่งบอกได้ถึงความสุขจนปิดม่มิด “แดดดี้ยิ้มทำไมเหรอคะ มีอะไรติดหน้าหนูเหรอ”“เปล่า ยิ้มเพราะมีความสุข และอยากให้หนูรู้เอาไว้ว่าความสุขของแดดดี้คือหนู”“ชอบแดดดี้เวอร์ชันนี้นะคะ มันดูน่ารักดูละมุนละไมดี แถมแดดดี้ยังเอาจเก่งจนบางครั้งหนูก็กลัวว่าแดดดี้จะรำคาญ”“ไม่เคยคิดแบบนั้น เห็นหนูมีความสุขก็ดีใจ”“รักแดดดี้~” พิ้งค์กระโดดกอดแล้วหอมแก้มแฟนหนุ่มอย่างไม่นึกอายสายตาคนอื่น จากนั้นเธอกับเขาก็จูงมือกันเดินออกมา ทว่าในตอนที่เทนต์เปิดประตูให้พิ้งค์ก้าวเข้าไปนั่งในรถโทรศัพท์มือถือเขาก็สั่นสะเทือนอยู่ในกระเป๋ากางเกง “ใครเหรอคะ” พิ้งค์ถามเพราะเห็นเทนต์หยิบโทรศัพท์มือถืออ
บทที่ 59หนึ่งชั่วโมงต่อมาพราวดาวกับพิ้งค์เดินกลับไปที่รถพร้อมกัน “หม่าม้าคะ”“ขาลูก”“ทำไมป๊าไม่มากับเราล่ะ หรือว่าป๊าไม่อยากเจอหน้าเทนต์เหรอ” ผู้เป็นแม่เอ็นดูคำถามลูกสาวมาก เธอยกมือขึ้นมาลูบผมพิ้งค์อย่างแผ่วเบาแล้วให้คำตอบลูกสาวผ่านน้ำเสียงนุ่มนวล“เพราะป๊าเราติดคุยงานช่วงเช้าค่ะ เลยมากับเราไม่ได้แต่ป๊าก็บอกหม่าม้าแล้วนะ เอาไว้ทำบุญครั้งหน้าเราได้มาพพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวแน่นอน”“ค่ะ ไหน ๆ วันนี้ก็หยุดเรียนแล้วหนูขอไปเที่ยวกับแดดดี้ได้ไหมคะ”“ได้ค่ะ หนูอยากไปเที่ยวไหนก็ไปได้เลยลูก หนูโตแล้วไม่ต้องมาขออนุญาตหม่าม้าหรอก”“งั้นหนูขอตัวกลับไปกับแดดดี้นะคะ”“ค่ะ” พราวดาวกับลูกสาวแยกย้ายกันไปด้วยเพราะเทนต์ให้ลูกน้องขับรถมาให้ที่วัด เขาจึงพาพิ้งค์กลับก่อน ระหว่างขับรถกลับคนข้างกายก็อ้อนเข้าใหญ่ เธอให้เหตุผลว่านานๆ จะใีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้จึงขออ้อนหน่อย“แดดดี้ว่าเราควรไปเที่ยวไหนก่อนดีคะ ระหว่างห้างกับคาเฟ่” พิ้งค์ถามความคิดเห็นคนรัก เสียงหวานใสทำให้เทนต์รีบกันมามองพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากหนาหนักจะกดลงตรงขมับบางหนักๆ หนึ่งครั้งแล้วเอ่ยตอบ“ไปไหนก็ได้ค่ะ ตามใ
บทที่ 58หนึ่งชั่วโมงต่อมาพิ้งค์ซบใบหน้าผ่าวร้อนลงกับอกแกร่งอย่างหมดเรี่ยวแรง เธอหอบหายใจถี่เร็วด้วยความเหนื่อยขณะเดียวกันร่างกายก็สั่นระริกเพราะเพิ่งเสร็จสมความต้องการกับเทนต์ในรอบที่สี่“แดดดี้กินจุมากนะคะ”“ไม่รู้สิ สงสัยของขาดมานาน” เขากดยิ้มที่มุมปากเล็กก่อนจะหันใบหน้าไปซบลงที่ลำคอระหงแล้วอุ้มหญิงสาวลงจากหน้าตักทำให้แก่นกายที่อ่อนตัวลงหลุดออกจากช่องทางรักจนเกิดเสียงเฉอะแฉะ พิ้งค์หลับตาแน่นเขินอายแล้วรีบเบือนหน้าหนี “อ้าขาสิ” เมื่อจัดการกับตัวเองเสร็จแล้วจึงสั่งให้อีกฝ่ายอ้าขาออกด้วยเพราะจะเช็ดน้ำรักที่เปรอะเปื้อนออกให้“หนูทำเอง” เทนต์ช้อนตามองเล็กน้อยเพียงเท่ทนั้นก็รู้ความต้องการเขาแล้ว เธอจึงยอมอ้าขาออกให้เขาเช็ดเอง “อ๊ะ! อย่าแกล้งหนู~”“หึหึ…แดงมากเลยนะ”“อย่าพูด”“หิวไหม” เขาถามด้วยท่าทางสบายๆ ทั้งที่มือยังเทียวดึงกระดาษทิชชูเปียกออกมาเช็ดดอกไม้งามเธออยู่เรื่อย พิ้งค์ย่นจมูกแล้วตอบกลับเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน“กินแดดดี้ตั้งชั่วโมงกว่า หนูทั้งจุกทั้งอิ่มแล้วล่ะค่ะ”“…หึหึ เด็กน้อย” เหมือนว่าเขาอึ้งกินในตอนแรกที่เธอกล้าพูดออกไปแบบนั้นและหลุดขำในลำคอเบาๆ ในเวลาต่อมา “งั้นเป