Share

บทที่ 3

Penulis: ACHICHI
last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-12 17:35:18

CRUSH ON YOU

CHAPTER 3

วันต่อมา

ฉันตื่นแต่เช้าเพราะต้องมาให้อาหารจัมโบ้ที่บ้านข้าง ๆ และดูเหมือนว่าคุณป้าสมรกับคุณลุงรัตน์จะไม่อยู่กันอย่างที่ไทบอกจริง ๆ

ถุงกอล์ฟที่มักจะเห็นวางอยู่ตรงประตูทางเข้าบ้านเป็นประจำหายไป เดาว่าพวกท่านคงจะพากันไปเที่ยวสองคนเหมือนอย่างเคย

ระหว่างที่ฉันกำลังเก็บกวาดหน้าบ้านพวกท่านที่ตอนนี้มีใบไม้จากต้นมะม่วงร่วงกราวอยู่เต็มพื้นคอนกรีต ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน หันไปมองก็พบว่าตอนนี้ไทตื่นแล้ว สภาพหัวยุ่งนิด ๆ เรือนผมสีดำชี้โด่ชี้เด่ไม่เป็นทรง นัยน์ตาหรี่มองมาเหมือนแสบตากับแสงสว่างจ้าในตอนเช้า

ร่างสูงเดินออกมาหาพร้อมทั้งขมวดคิ้วมองเมื่อเห็นว่าฉันกำลังกวาดใบไม้ด้วยไม้กวาดทางมะพร้าวแบบมีด้าม ฉันทำเป็นไม่สนใจเรือนร่างโตเต็มวัยของน้องที่ตอนนี้ยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดดีไม่ได้ โอเค… ฉันเวอร์จิ้นก็จริง

แต่ก็ไม่ถึงขั้นอาโนเนะไม่รู้เรื่องใต้สะดืออะไรขนาดนั้นหรอก ยังไงก็อายุตั้งยี่สิบหกเข้าไปแล้ว

“นาไม่ไปแต่งตัวอะ? จะไปแล้วเนี่ย”

“ก็แต่งแล้วนี่ไง… ไทนั่นแหละทำไมไม่อาบน้ำอีก?”

ฉันหยุดกวาดพื้นแล้วหันกลับไปมองสภาพเจ้าตัวในกางเกงนอนขายาวตัวเดียว สภาพคนเพิ่งตื่นชัด ๆ แล้วยังมีหน้ามาบอกให้คนอื่นรีบไปแต่งตัวอีก

“จะไปชุดนี้?” คนตัวสูงกว่าชำเลืองมองมา จนฉันถึงขั้นต้องก้มลงมองสภาพตัวเองอีกครั้ง

“ก็ปกติ” ฉันขมวดคิ้วใส่เด็กบ้าที่มองว่าการใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นเป็นเรื่องผิดปกติไปเสียแล้ว

“ก็นึกว่าต้องแต่งตัว…”

“จะไปไม่ไปอะ?” ฉันตัดบทขึ้นรู้สึกฉุนขึ้นมานิด ๆ ฉันรู้หรอกว่าไทหมายถึงอะไร

โอเค… เขาคงคิดว่าเป็นผู้หญิงก็คงต้องแต่งตัวให้สวย ๆ เวลาไปข้างนอก แต่ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างจะเรียบร้อยมาก ไอ้พวกชุดประเภทที่เขาเรียกกันว่า ‘แซ่บ’ ไม่มีหรอก ก็ดูเอาสิ… ชุดนอนฉันยังเหมือนเด็ก ๆ อยู่เลย แม้นจะทักมาแบบนั้น แต่ไทก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่เดินกลับเข้าบ้านไป

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

และใช่แหละ… จริง ๆ ฉันควรจะแต่งตัว หรือแต่งหน้าทำผมสักหน่อย…

ก็ใครมันจะไปคิดว่าการออกมาข้างนอกกับไทแล้วจะตกเป็นเป้าสายตาขนาดนี้ แค่ไทเดินผ่านไปตรงไหนก็มีแต่สาว ๆ หันมามอง ถึงแม้เจ้าตัวจะใส่เพียงแค่เสื้อยืดกางเกงยีนขนาดพอดีตัว แต่ก็หล่อจัด ออร่าพุ่งสุด ๆ ในขณะที่ตอนนี้ฉันกลายเป็นเด็กกะโปโลคนหนึ่งที่เหมือนมาช่วยถือของมากกว่า

“นาว่าสีไหนดี?”

“เจ๊ชอบสีน้ำตาล”

“อืม…”

ฉันยืนกอดอกมองคนตัวสูงเลื่อนสายตามองตัวอย่างลาย

วอลล์เปเปอร์ตรงหน้าอย่างใช้ความคิด มันมีทั้งลายหินอ่อน กระทั่งลายกราฟิกก็ยังมี แต่แค่คิดว่าเราโต ๆ กันแล้วน่าจะไม่มีใครเอาลายซูเปอร์ฮีโรไปติดเป็นวอลล์เปเปอร์หรอกมั้ง

“อันนี้เหรอ?” ไทหันมาถามความเห็นกันอีกครั้ง พร้อมชี้นิ้วไปยังลายหินอ่อนสีน้ำตาลที่ว่า

“อือ สบายตาดีต่อสุขภาพ” ฉันพยักหน้ารับ “ห้องนอนก็ต้องดูโปร่ง ๆ

โล่ง ๆ เข้าไว้สิ จะได้พักผ่อน”

“หืม…” ดวงหน้าหล่อชำเลืองมองมาแล้วยกยิ้ม “อายุเยอะขึ้นแล้วเป็นงี้กันทุกคนเหรอวะ…”

“เดี๋ยวเถอะ…”

“งั้นเอาอันนี้แหละ”

ไทไม่ได้สนใจกันแล้ว แต่หันไปก้ม ๆ เงย ๆ เลือกหาต่อ ฉันหมุนตัวดูรอบ ๆ ก็พบว่าใกล้กันมีเครื่องนวดวางขายอยู่ด้วย และเพราะว่าช่วงนี้มันเมื่อยขบเหลือเกิน เนื่องจากเข้าสู่วัยทำงานเต็มตัว บางครั้งก็จะมีอาการออฟฟิศซินโดรมเข้าเล่นงานอยู่บ้างเลยสนใจเป็นพิเศษ

เชื่อไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าฉันถึงขั้นเดินไปอ่านดูที่ฉลากสินค้าว่าไอ้เครื่องนี่มันทำอะไรได้บ้าง และแค่อ่านสรรพคุณดูก็รู้สึกปวดช่วงระหว่างคอกับไหล่ขึ้นมาดื้อ ๆ ทั้งที่นาทีก่อนยังไม่รู้สึกอะไรแท้ ๆ

“ไม่ต้องซื้อหรอก ไทนวดให้ได้นะ”

“…”

กล่องในมือฉันถูกดึงไปวางลงที่เดิมพร้อมกับร่างสูงที่หอบเอา

วอลล์เปเปอร์ที่ตั้งใจจะมาหาซื้อม้วนอยู่ในข้อแขนเรียกได้ว่าเกือบจะเหมามาทั้งแผง เรียวคิ้วเข้มยักขึ้นข้างหนึ่งอย่างกวน ๆ เมื่อเห็นว่าฉันกำลังสนอกสนใจเครื่องนวดเพื่อสุขภาพนั่นไม่น้อย และเพราะถูกสายตาล้อเลียนมองมาทำให้ฉันต้องเบนสายตาหนีด้วยความอายอย่างเสียไม่ได้

“นาหิวข้าวไหม? กินข้าวกัน ไทเลี้ยงเอง”

“เจ๊จะให้น้องเลี้ยงได้ยังไง?”

ฉันเงยหน้ามองไทที่เดินนำหน้ากันอยู่ คนตัวโตเอี้ยวใบหน้ามามองกันเล็กน้อยแล้วผุดยิ้ม ทั้งชะลอฝีเท้ารอเดินไปพร้อมกัน

“น้องแล้วยังไง? ไทมีเงินน่า”

“ไม่ต้องหรอก เจ๊เลี้ยงเอง”

“ไม่ได้… อย่างน้อยก็ถือว่าเลี้ยงขอบคุณที่วันนี้นามาช่วยไง”

“…เอางั้นก็ได้”

สุดท้ายแล้วฉันก็จำใจต้องยอมรับข้อเสนอ ว่ากันตามจริงต่อให้ฉันจะทำงานแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีเงินใช้จ่ายเท่าคนข้าง ๆ อยู่ดี

และถึงแม้เราจะอยู่บ้านติดกัน แต่บ้านไทก็เรียกได้ว่ารวยกว่ากันมาก

เพราะธุรกิจส่งออกของที่บ้านในช่วงหลังกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด เห็นว่าคุณป้าสมรกำลังดีลซื้อบ้านเดี่ยวหลังละห้าสิบล้านเมื่อเร็ว ๆ นี้ด้วยซ้ำ

ไทเองก็ได้อภิสิทธิ์เรื่องเงินไปเต็ม ๆ เพราะเป็นลูกชายแค่คนเดียว ไม่ต้องดูจากอะไรหรอก ในขณะที่บ้านฉันยังใช้รถญี่ปุ่นธรรมดา แต่ไทที่เป็นแค่นิสิตปีสี่ตอนนี้มีรถราคาสี่ห้าล้านเอาไว้ขับไปไหนต่อไหน เรื่องข้าวของเครื่องใช้เองก็เหมือนกัน ในขณะที่ตอนนี้ฉันยังใส่เสื้อผ้าธรรมดาราคาหลักร้อยหลักพัน แต่เสื้อยืดตัวเดียวของเจ้าตัวก็ปาไปครึ่งแสน

อืม… ก็เรียกได้ว่าขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกถ้าจะเลี้ยงข้าวกันสักมื้อ เพราะงั้นฉันไม่ต้องคิดอะไรให้มากความจะดีกว่า

เราเดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าหนึ่ง โชคดีที่วันหยุดของฉันเป็นวันธรรมดาที่คนอื่นเขาทำงานกัน เลยไม่ค่อยมีคนเท่าไร เราเลือกนั่งกันด้านในสุด เพราะฉันไม่อยากให้คนอื่นมองมาเท่าไร

“นากินอะไร?” คนตัวโตเปิดเมนูพร้อมทั้งเอ่ยถาม

“เอาข้าวหน้าปลาซาบะย่างเกลือค่ะ” ฉันหันไปบอกพนักงานพร้อมทั้งตอบไทไปในตัว เจ้าตัวยกยิ้มนิด ๆ โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง

“เอาเหมือนกันครับ” ว่าแล้วก็ปิดเมนูลงยื่นกลับไปส่งให้พนักงานที่ตอนนี้ดูเหมือนตาจะลอย ๆ เพราะเจอดาเมจคนหล่อยิ้มให้

หลังจากนั้นเราก็ได้แต่นั่งเงียบกันอยู่หลายอึดใจ ฉันพยายามจะไม่สนใจสายตาที่กำลังมองมาเงียบ ๆ กับรอยยิ้มที่ยังคงคลี่อยู่อย่างนั้น แต่เพราะไทเอาแต่มองกันอยู่ได้เลยจำต้องเงยหน้าขึ้นสบตา

“มีอะไร?”

“เปล่า… แค่รู้สึกว่านายังหน้าเหมือนเดิมเลย โกงอายุฉิบ”

“ไทต่างหากที่โตเกินอายุ”

“หืม? โตเกินยังไง? ยี่สิบสองนี่ไม่เด็กแล้วนะนา”

“…”

“โตเต็มที่แล้วด้วย”

“…”

คนตรงหน้ายิ้มกว้างจนเห็นไรฟันเรียงตัวสวยราวกับกำลังสื่อถึงอะไรบางอย่าง และเป็นฉันเองที่ต้องหลบสายตาไทอีกรอบ ไอ้เด็กบ้า…

ไม่ต้องบอกก็รู้หรอกโตไปทั้งตัวขนาดนี้…

“นา”

“อือ”

“ไนน์มันเป็นไงบ้าง?”

“…”

กระแสเสียงของไทเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถึงแม้ปากจะยังยิ้ม แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดบางอย่าง และก็อย่างที่รู้กันว่าทั้งสองคนคงจะมีปัญหาอะไรบางอย่างที่ไม่อยากบอกให้ที่บ้านรู้ ฉันเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จะถามยังไม่กล้าเลย

“ก็สบายดี… พักหลังไม่ค่อยกลับบ้านหรอก ติดเที่ยว”

“อืม… แล้วปล่อยพี่สาวอยู่บ้านคนเดียว?”

“เจ๊โตแล้วดูแลตัวเองได้”

“โตแล้วยังไง? ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อยู่บ้านคนเดียวยังไงก็อันตรายอยู่ดี”

“ก็อยู่มาหลายปีแล้ว”

“ก็ถ้ามีอะไร… เรียกไทได้ตลอด ยังไงก็กลับมาอยู่บ้านแล้ว”

“อือ”

บทสนทนาของเราจบลงแค่นั้น ฉันไม่ต้องทนมองสายตาแปลก ๆ ของไทอีก เพราะพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ เราสองคนนั่งกินกันไปคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่เป็นเขามากกว่าที่ถามนั่นถามนี่ไม่หยุด ระยะเวลาสามสี่ปีที่ไม่ได้เจอกันก็ดูเหมือนจะค่อย ๆ ต่อกันติดทีละน้อย

อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็เริ่มจะพูดคุยโต้ตอบได้แบบที่ไม่ต้องกระอักกระอ่วนเหมือนวันแรก แต่ก็ยังไม่ชินกับรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไปของไทอยู่ดี

หลายชั่วโมงต่อมา

ตอนนี้ฉันรับบทเป็นนางติดวอลล์เปเปอร์ นั่งอยู่บนบันไดทรงเอคอยรับแผ่นวอลล์เปเปอร์มาจากไทที่กรีดตัวแผ่นเพื่อให้รับกับช่วงมุมผนังห้องมาส่งให้ แม้ว่าฉันจะนั่งอยู่ข้างบนแต่แค่ไทยืนเต็มความสูงก็หัวก็อยู่ระดับเอวฉันแล้ว นัยน์ตาคมกริบจ้องมองมาเงียบ ๆ ทุกครั้งที่ฉันตั้งอกตั้งใจติดแผ่นต่อไปให้เท่ากันกับแผ่นก่อนหน้า

“ตรงนี้จะเสร็จแล้ว ไทไปตัดแผ่นใหม่เลย” ฉันบอกพร้อมทั้งผุดตัวลุกขึ้นยืน เพราะเหลือแค่แปะมุมบนเสร็จก็จะเสร็จไปมุมหนึ่ง

ไทไม่ได้ตอบอะไร และฉันเองก็ไม่ได้หันไปมอง คงเป็นเพราะยืนบนบันไดแบบไม่มั่นคงพอทั้งยังไม่ได้ใส่รองเท้า สุดท้ายก็เหมือนเท้าฉันจะหลุดจากตีนบันไดข้างหนึ่ง

“ว้าย!”

“นา!”

ตัวฉันเอียงไปด้านข้างเพราะไม่สามารถทรงตัวด้วยเท้าข้างเดียวได้ เท้าที่หลุดจากตีนบันไดทำให้หน้าแข้งกระแทกเข้ากับอะลูมิเนียมอย่างแรง และก่อนที่ร่างกายจะร่วงลงบนพื้นอ้อมแขนของคนที่ยืนอยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเอวไว้ได้อย่างทันท่วงที

ไทเซไปนิดหน่อยในขณะที่ฉันลืมตัวกอดบ่ากว้างเอาไว้ บันไดสั่นไหวเพียงแค่เล็กน้อยก่อนจะนิ่งสนิทเหมือนเดิม แต่เป็นเราสองคนที่ชะงักค้างแทน เท้าฉันถูกวางลงบนพื้นช้า ๆ ทั้งที่เรายังกอดกันอยู่ในสภาพหมิ่นเหม่ ใบหน้าห่างกันแค่ฝ่ามือเดียว

ลมหายใจเจือกลิ่นบุหรี่กำลังเป่ารดที่ข้างแก้ม นัยน์ตาสีอ่อนจ้องตากันเงียบ ๆ ฝ่ามือหนาอยู่ต่ำลงไปจากทรวงอกแค่นิดเดียวเท่านั้น ไทกลืนน้ำลายเล็กน้อยแล้วรีบปล่อยร่างฉันให้เป็นอิสระ

เราสองคนหันหน้ากันไปคนละทิศละทางเพราะความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นมาแบบกะทันหัน ข้างแก้มฉันร้อนผ่าวขึ้นมาจนต้องหันหลังหนีหลบซ่อนดวงหน้าที่ตอนนี้คงจะแดงปลั่ง

“เดี๋ยวไทขึ้นไปติดเองก็ได้ นาก็ติดอันที่ติดถึงก็แล้วกัน” หลังจากกระอักกระอ่วนกันอยู่นาน ไทก็เริ่มเดินไปหยิบชิ้นใหม่มาส่งให้เพื่อทำลายสถานการณ์ตึงเครียด

“อือ เดี๋ยวเจ๊ติดตรงนั้นแล้วกัน”

“โอเค”

ฉันเองก็ไม่อยากจะทำให้บรรยากาศมันอึดอัดเลยทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น อุณหภูมิห้องเย็นฉ่ำแต่กลับมีเหงื่อเปียกชื้นผุดซึมตามกรอบหน้า เรื่องเมื่อครู่ยิ่งตอกย้ำว่าระหว่างเราไม่ใช่พี่สาวน้องชายกันอีกแล้ว มันมีเส้นบาง ๆ คาบเกี่ยวกันอยู่ในแง่ของชายหญิง

และฉันก็อดที่จะกลัวใจไทขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ…

แต่ไทเป็นหนุ่มแล้ว และโตเต็มที่แบบที่เจ้าตัวคุยโว นึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าผ่านผู้หญิงมากี่คน… ในขณะที่ตัวฉันเองยังเป็นเด็กที่ก็คงโตแค่อายุอย่างที่น้องมันบอก

ที่สำคัญ… ไทเป็นผู้ชาย…

แต่เหตุการณ์ก็ดำเนินต่อไปไม่ได้มีการสัมผัสใกล้ชิดกันเกิดขึ้นอีก เว้นแค่สายตาเราทั้งคู่ที่เอาแต่สลับกันแอบมองอีกฝ่าย และก็มีหลายจังหวะที่ได้สบตากันจัง ๆ มันก็คงจะดีถ้าเกิดว่าเราไม่พากันหลบสายตาแล้วหันหน้าหนีไปคนละทิศละทาง

RRRR

เสียงเรียกเข้าจากวิดีโอคอลดังขึ้น ฉันยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองก็พบว่าเป็นบาสที่โทรเข้ามาเหมือนทุกวันที่ไม่ได้เจอกัน ไทไม่ได้หันมามองเจ้าตัวกำลังนั่งยอง ๆ กรีดวอลล์เปเปอร์แผ่นสุดท้ายอยู่ตรงกลางห้อง และเพราะไม่ได้คิดอะไรทำให้ฉันตัดสินใจกดรับสายแฟนตัวเอง

“อือ… ว่าไงบาส”

‘เจ๊ทำอะไรครับ? กินข้าวรึยัง?’

ใบหน้าหล่อยิ้มหวานส่งมาให้ผ่านหน้าจอ ในขณะที่ฉันพยายามไปยืนหลบมุมหันหลังให้ประตูห้องนอนเพื่อที่คนในสายจะได้มองไม่เห็นสภาพห้องนอนที่ไม่ใช่ของฉันอย่างที่เคย

“อีกสักพัก… บาสอยู่ไหน?” ฉันเลิกคิ้วถามบ้างเมื่อเห็นว่าด้านหลังของเจ้าตัวดูเหมือนจะเป็นเลาจน์โรงแรม

‘ผมมารับเพื่อนจะไปเที่ยวกัน’

“เที่ยวทุกวันเลย… พรุ่งนี้ไม่มีเรียนเหรอ?”

‘ตื่นไปเรียนได้ไม่ต้องห่วง นี่ใคร?’ คนหล่อยิ้มกว้างจนฉันหลุดยิ้มตามไปด้วยกับนิสัยที่ก็เป็นอย่างที่เจ้าตัวว่าจริง ๆ ถึงบาสจะเที่ยวแทบทุกคืน แต่การเรียนก็ออกมาดีอย่างไม่น่าเชื่อ

“มีอะไรรึเปล่า…” ฉันเอ่ยถามเข้าประเด็น เพราะเห็นไทชำเลืองมองมาเงียบ ๆ

‘ไม่มีอะไรหรอก… คิดถึง…’

“…”

‘อยากกอด’

คนในสายกระซิบบอกพร้อมทั้งยิ้มกว้าง แต่เพราะฝั่งฉันมันเงียบมากทำให้อีกคนได้ยินคำที่บาสพูดไปด้วย ไทชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้หันกลับมามอง แต่ฉันเองที่ลุกลี้ลุกลนจนพูดตะกุกตะกักออกไป

“จะ… เจ๊ก็คิดถึง แต่ไว้ค่อยคุยนะ จะไปอาบน้ำ”

‘อืม… งั้นฝันดีล่วงหน้านะครับเจ๊นา รักเจ๊นะ’

“อือ รักเหมือนกัน”

ปลายสายตัดไปแล้ว แต่ฉันยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้นที่มีคนอื่นได้ยินบทสนทนาแบบที่คู่รักเขาคุยกัน ไทผุดตัวลุกขึ้นยืนพร้อมวอลล์เปเปอร์ชิ้นสุดท้ายที่ตัดเสร็จแล้วหันมาพยักหน้าเรียก

“นาติดตรงนี้ให้หน่อย มือนาเล็กกว่าน่าจะติดง่าย”

“อือ ๆ”

ฉันโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้บนเตียงเดินเข้าไปหาร่างสูงที่อยู่ตรงมุมสุดของห้อง เพราะชั้นวางของติดผนังมีช่องด้านหลังที่มีระยะห่างจากกำแพงแค่เล็กน้อยทำให้ฉันต้องไปช่วยติด ยังไงข้อแขนฉันก็น่าจะสอดเข้าไปได้ ในขณะที่แขนแบบผู้ชายซึ่งมีเส้นเลือดปูดโปนเต็มไปหมดแบบไทไม่น่าจะเหมาะเท่าไร

แต่เพราะต้องยื่นแขนเข้าไปด้านในทำให้ฉันต้องตะแคงตัวเข้าไปใช้ความรู้สึกสัมผัสเอา โดยที่หันหน้าออกมาลำตัวด้านหน้าแนบสนิทชิดกับผนัง

“ไทมองให้”

ร่างสูงของไทเดินมาเบียดยืนอยู่ข้างกัน ชะโงกข้ามหัวไปมองด้านหลังของชั้นวางของพร้อมทั้งกำกับว่าฉันจะต้องขยับมือขึ้นหรือลง

และตอนนี้… กลิ่นน้ำหอมของคนตรงหน้าทำให้ฉันถึงกับต้องกลั้นหายใจ แผงอกของไทเบียดมาที่ใบหน้าฉันจนสัมผัสได้ถึงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ แต่ดูเหมือนคนตัวโตจะไม่ได้สนใจทำเพียงแค่อยากให้ไอ้

วอลล์เปเปอร์เฮงซวยนี่ติดให้ตรง แต่ฉันกลับรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาทั้งอย่างนั้น

รู้สึกว่ามันใกล้เกินไป…

“ได้แล้วนา”

“อือ”

เราสองคนสบตากันในจังหวะที่ไทขยับตัวออกเล็กน้อย สายตานิ่งสนิทก้มมามองกันโดยปราศจากคำพูด ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศเป็นครั้งที่เท่าไรไม่อาจรู้ได้ ลูกกระเดือกคนตรงหน้าขยับเล็กน้อยเหมือนกำลังกลืนน้ำลาย มือฉันเลื่อนออกมาจากหลังชั้นวางของช้า ๆ หลุบตาลงต่ำ ในขณะเดียวกันไทก็ถอยห่างออกไปเม้มริมฝีปากเบนสายตามองไปทางอื่น

ระยะห่างระหว่างเราแคบลงไปอีกขั้น… แต่แคบลงแบบนี้ไม่รู้เหมือนกันว่ามันดีหรือมันไม่ดี…
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
เบญจมาศ
สนุกน่าสนใจ
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • CRUSH ON YOU พี่สาวครับ   บทที่ 91

    CRUSH ON YOUตอนพิเศษ 2 3 ไอ้ไนน์เรียกไปเล่นเกมที่บ้าน… เพราะไม่มีอะไรให้ทำ ผมก็สะบัดตัวออกจากผ้าห่มเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อที่จะใช้วิธีปีนระเบียงข้ามไปบ้านข้าง ๆ แบบที่ชอบทำเป็นประจำ ก็ขี้เกียจจะไปเข้าทางประตูหน้ารั้วนั่นแหละ และเพราะทำแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร… คน

  • CRUSH ON YOU พี่สาวครับ   บทที่ 90

    CRUSH ON YOUตอนพิเศษ 1เจ็ดปีก่อน 1 “แดกข้าวยัง?” “ยัง แม่ไม่อยู่” “เจ๊นาทำข้าวเช้าไว้ให้ มึงเข้ามากินก่อนดิ” “…” ผมชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกไปมากกว่าการเดินตามคนที่เป็นเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เด็กแบบไอ้ไนน์เข้าบ้านหลังที่อยู่ติดกันกับบ้

  • CRUSH ON YOU พี่สาวครับ   บทที่ 89

    “อืม… เดี๋ยวไว้กินข้าวเสร็จไปดูด้วยกันก็ได้” ฉันชำเลืองมองไทอย่างแปลกใจว่าทำไมตัวฉันถึงจะต้องไปดูด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เรากินข้าวกันไปคุยกันไปเหมือนทุกวันไม่ได้มีอะไรต่างจากตอนที่ยังไม่แต่งงานเท่าไร แต่ที่ต่างคงเป็นเรื่องหัวข้อในการสนทนาเปลี่ยนเป็นอะไรที่โตขึ้นไม่ใช่แค่เร

  • CRUSH ON YOU พี่สาวครับ   บทที่ 88

    CRUSH ON YOUตอนที่ 44 สองปีต่อมา เราแต่งงานกันแล้ว… ตอนนี้ฉันกับไทแต่งงานกันได้ปีกว่าแล้ว และมีลูกด้วยกันหนึ่งคน แต่คนตั้งชื่อลูกกลับไม่ใช่ฉันหรือไทหรอก เป็นไนน์ต่างหาก… คุณป้าสมรกับคุณลุงรัตน์ย้ายไปอยู่บ้านที่เพิ่งซื้อมาเมื่อปีกลายได้สักพักแล้ว ตอนแรกก็ดูเหมือนว

  • CRUSH ON YOU พี่สาวครับ   บทที่ 87

    ไทหันมาเห็นกันก็ผุดตัวลุกขึ้นยืน เพราะต้องขับรถออกไปส่งกันเหมือนทุกวัน ไนน์มองมาเล็กน้อยแล้วก็หันกลับไป “แม่มาถึงกี่โมงอะเจ๊?” “เย็น ๆ นั่นแหละ ไม่ต้องออกไปไหนอีกล่ะ” “รู้แล้วน่า” “แล้วคุณลุงคุณป้ามาถึงวันนี้ไหม?” ฉันหันกลับมาถามอีกคนที่เดินนำออกไปนอกตัวบ

  • CRUSH ON YOU พี่สาวครับ   บทที่ 86

    CRUSH ON YOUตอนที่ 43 หลายเดือนต่อมา ในขณะที่ฉันกำลังงัวเงียตื่นเพราะถูกคนบางคนกวน แต่คนกวนดูเหมือนจะตื่นเต็มตามานานแล้ว เพราะนัยน์ตาสดใสที่กำลังเงยมองกันอยู่เป็นประกายวาววับ ผ้าห่มผืนหนาถูกสะบัดออกทันทีที่ฉันลืมตาขึ้นมอง ไทที่กำลังลากลิ้นเลียตรงกึ่งกลางร่างกายยังคงทำสิ่ง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status