Se connecter"เฮ้อ~" เสียงพ่นลมหายใจเบาๆ จากคนตรงหน้าทำให้มาร์ชที่กำลังจะตักอาหารเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งแล้วมองรุ่นน้องสาวด้วยสายตาเป็นห่วง
"หวายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ มีเรื่องไม่สบายใจตรงไหนบอกพี่ได้นะ" "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ" "หรือหวายไม่ไว้ใจพี่เหรอ?" น้ำเสียงน้อยใจของอีกคนทำเอาความรู้สึกแย่เมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง เธอเบิกตากว้างแล้วยกมือปฏิเสธอย่างลนลาน "ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่แบบนั้น" "หรือพี่ล้ำเส้นมากเกินไปจนทำให้เราอึดอัดหรือเปล่า" "หวายไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะคะ" เพราะเธอเข้าใจว่ามาร์ชเป็นห่วงเธอจริงๆ เลยไม่ได้มองเขาในแง่ร้ายแบบนั้น กลับกันเธอกลับรู้สึกเกรงใจเสียมากกว่าหากจะต้องพูดความรู้สึกให้อีกคนฟังแม้ตอนนี้ทั้งเธอและเขาจะอยู่ในสถานะกำลังศึกษาดูใจกันอยู่แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่มาร์ชจะต้องมาคิดมากเกี่ยวกับเรื่องของเธอ "บางครั้งการที่ได้ระบายให้ใครฟังมันก็ดีกว่าเก็บไว้คนเดียวนะ" ชายหนุ่มยิ้มเอ่ยบอกรุ่นน้องสาวเสียงอบอุ่นทำให้มัดหวายเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อยที่จะได้เล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันให้กับอีกคนฟัง เธอสบตากับมาร์ชแล้วเริ่มระบายถึงความรู้สึกออกมาเสียงงอแง "แค่รู้สึกว่าจะโดนคนไม่ชอบหน้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอยังไงก็ไม่รู้ค่ะ" "หืม? ไม่ชอบหวายเหรอ?" "ใช่ค่ะ" คนโดนถามยู่หน้าตอบกลับด้วยความน้อยใจ มือเล็กกำเข้าหากันแน่นก่อนจะเริ่มบ่นออกมาอีกครั้งในขณะที่ยังคงนึกถึงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่เพิ่งเจอกันเมื่อเช้าไปด้วย "ไม่รู้เหมือนกันว่าไปทำอะไรให้ คนอุตส่าห์ชื่นชมเห็นว่าเป็นคนดังแต่กลับมองด้วยสายตาแบบนั้น ชิ! คอยดูเถอะถ้าเจอกันอีกครั้งนะ" "คนดัง?" "ค่ะ เป็นนักธุรกิจที่ดังพอสมควร แต่หวายเพิ่งได้เจอตัวจริงเป็นครั้งแรก เขามองเหมือนหวายไปเผาบ้านเขาอย่างนั้นแหละ" มาร์ชเผลอหลุดยิ้มออกมาให้กับท่าทางเกรี้ยวกราดของคนตรงหน้าแม้จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงที่หญิงสาวเพิ่งเจอมาแต่มันก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้ ไม่รู้เป็นเพราะคำพูดหรือตัวของมัดหวายน่ารักอยู่แล้วทำให้ตอนนี้ยิ่งเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่กำลังขู่ฟ้อเสียมากกว่าคนหงุดหงิดปกติ "นี่พี่มาร์ชขำหวายเหรอ หวายจริงจังนะ!" "หึ พี่เพิ่งเคยเห็นหวายใส่อารมณ์แบบนี้ครั้งแรกเลย" มาร์ชพยายามกลั้นเสียงหัวเราะแล้วตอบกลับคนที่นั่งแก้มป่องอยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มต่างจากมัดหวายที่ยังคงรู้สึกโกรธเคืองพี่ชายของเพื่อนสนิทไม่หาย "จะไม่ให้หวายโกรธได้ไงล่ะคะ หวายมั่นใจเลยว่าสายตาเขาดูไม่ชอบหวายจริงๆ ทั้งๆ ที่หวายกับเขาเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกเอง" "พี่ว่าคงไม่มีใครที่จะไม่ชอบหวายหรอกนะ แล้วมันก็ดูไม่มีเหตุผลมากๆ เลยด้วยที่จะทำแบบนั้น" "..." "บางครั้งสายตาคนเราอาจจะเผลอมองแบบนั้นเองโดยไม่รู้ตัว แต่พี่เชื่อนะว่าคนน่ารักๆ แบบหวายยังไงคนที่เจอกันครั้งแรกก็ต้องรู้สึกถูกชะตาอยู่แล้ว" เพราะเธอทั้งน่ารัก และมีจิตใจดีมากขนาดนี้ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่มัดหวายจะมีแต่คนที่อยากใกล้ชิดอยากทำความรู้จักด้วย เช่นเดียวกับเขาที่รู้สึกอยากจะรู้จักผู้หญิงที่น่ารักคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ดังนั้นจึงทำให้มาร์ชไม่เชื่อว่าคนที่มัดหวายกำลังพูดถึงจะไม่ชอบหน้าเธอจริงๆ มัดหวายทำท่าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ตามคำพูดของอีกคน พอนึกย้อนไปได้ว่าพิชญ์มักจะมีท่าทีเย็นชาอยู่เสมอมันก็พอจะเป็นไปได้สูงหากจะเป็นตามที่มาร์ชบอกว่าชายหนุ่มอาจจะไม่ได้ตั้งใจมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น อีกทั้งเธอยังเป็นเพื่อนสนิทกับน้องสาวของเขา ยังไงชายหนุ่มก็คงจะไม่มีทางมองเธอในแง่ร้าย เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงทำให้มัดหวายรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มบางเริ่มกลับมาประดับบนใบหน้าหวานอีกครั้งก่อนเสียงเล็กจะเปล่งออกมาอย่างอารมณ์ดี "จริงแบบที่พี่มาร์ชพูดค่ะ สงสัยหวายคงคิดมากไปเอง" "เราน่ารักขนาดนี้ ไม่มีใครเกลียดลงหรอก" "นั่นน่ะสิ~ สงสัยครั้งหน้าหวายคงต้องลองเข้าหาเขาเอง เผื่ออาจจะดีขึ้น" มัดหวายสบตาคนตรงหน้าด้วยแววตาที่มุ่งมั่นเมื่อนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มอีกคน บางทีพิชญ์อาจจะคุ้นเคยกับการที่คนอื่นเข้ามาทำความรู้จักกับเขาก่อนเลยทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนั้น ดูเหมือนครั้งหน้าเธอต้องพยายามมากกว่านี้หากจะต้องการทำความรู้จักกับนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังที่พ่วงมาด้วยสถานะพี่ชายของเพื่อนสนิทอย่างเขา "ดูเหมือนคนนั้นจะสำคัญมากเลยนะหวายถึงสนใจเขาแบบนั้น" "หวายแค่รู้สึกชื่นชมเขาน่ะค่ะตามประสาของนักศึกษาคนหนึ่งที่อยากรู้เรื่องราวคนที่ประสบความสำเร็จ พี่เขาเป็นพี่ชายเพื่อนสนิทหวายเองแต่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ เอง หวายว่ามันน่าสนใจมากเลย~" "หึ เป็นเด็กที่หาแรงบันดาลใจนี่เองตอนแรกพี่ก็แอบเสียใจแล้วนะที่หวายดูสนใจคนอื่นมากกว่าพี่..คิดว่าตัวเองจะอกหักแล้ว" "พะ..พูดอะไรแบบนั้นคะ" มัดหวายก้มหน้างุดด้วยความเขินอายแล้วกลับมาให้ความสนใจจานอาหารตรงหน้าอีกครั้งในขณะที่มาร์ชเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีปฏิกิริยากับคำพูดของเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ดวงตาคมเข้มจ้องมองใบหน้าใสที่มีสีแดงระเรื่อไม่วางตายิ่งเห็นว่าเธอมีท่าทีเขินอายเพราะคำพูดของตัวเองก็ยิ่งรู้สึกมีความหวังว่าเธอจะเปิดใจและยอมพัฒนาความสัมพันธ์ในเร็วๆ นี้ตามที่หวังไว้ @อีกด้าน "คุณพิชญ์ครับ" เจ้าของใบหน้าคมคายละสายตาจากเอกสารตรงหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นมามองตามเสียงเรียกของลูกน้องคนสนิทซึ่งดีแลนก็รีบรายงานความคืบหน้าของหน้าที่ที่ได้รับอย่างรู้งาน "คุณพีชกลับไปกับไอ้ภาคินแล้วครับ" "มันได้ทำอะไรพีชไหม" "ไม่ได้มีการบังคับหรือการทะเลาะกันครับ คุณพีชยอมขึ้นรถกลับไปที่คอนโดและยอมขึ้นห้องไปกับไอ้ภาคินเอง" "คอยจับตาดูไว้ ถ้ามันทำอะไรพีชก็จัดการได้เลย ดูแลน้องสาวกูให้ดีที่สุด" "ครับ" "แล้วอีกเรื่องล่ะ" ริมฝีปากหนาเอ่ยถามอีกคนต่อหลังจากรับรู้เรื่องราวของน้องสาวตัวเองแล้วเนื่องจากเรื่องที่เขาได้ให้ลูกน้องไปจัดการนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของลูกพีชเพียงอย่างเดียวเท่านั้น "คืนนี้ผมจะส่งข้อมูลให้ครับ" "อืม ไปได้แล้ว""สวยจัง..." ร่างบางในชุดเดรสสีชมพูอ่อนหลุดปากออกมาตอนได้เห็นวิวของเมืองหลวงและบรรยากาศบนชั้นดาดฟ้าที่ถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงามพร้อมกับโต๊ะดินเนอร์สุดหรูที่เด่นอยู่ตรงกลาง ทำให้เธอนึกถึงตอนได้มาเดตกับพิชญ์ครั้งแรกเมื่อสามปีก่อนที่บรรยากาศทุกอย่างก็ดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรักแบบนี้ราวกับทุกอย่างไม่ได้หายไปตามกาลเวลาที่ยาวนานของทั้งคู่"เชิญครับ" พิชญ์ยื่นมือมาตรงหน้าแล้วพาคนตัวเล็กให้เดินไปยังโต๊ะอาหารซึ่งถูกจัดเตรียมเอาไว้ด้วยกันก่อนชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายเลื่อนเก้าอี้ให้แล้วรวบผมยาวสลวยให้เธออย่างอ่อนโยน"ขอบคุณนะคะ""หวายนึกถึงวันแรกที่เรามาเดตกันเลย แต่ไม่คิดว่าแด๊ดดี๊จะจำได้""พี่จำได้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรา" ไม่ว่าจะวันที่เจอกันวันแรก วันครบรอบที่เขาขอเธอเป็นแฟน หรือวันที่แต่งงานกันพิชญ์ล้วนจดจำมันได้ทั้งหมดถึงแม้ตลอดระเวลาที่ผ่านมาจะมีเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาแต่เขากลับไม่ลืมความทรงจำที่ได้ใช้ร่วมกับหญิงสาวเลยแม้แต่วินาทีเดียว"ตอนแรกหวายเห็นแด๊ดดี๊เฉยๆ ก็คิดว่าจะลืมแล้ว...""แล้วทำไมไม่เตือนพี่ล่ะ""ก็เพราะหวายไม่อยากเป็นคนงี่เง่าไงคะ แด๊ดดี๊ทำงานเหนื่อยแล้วต้องเลี้ยงลูกอีก ถ้าจะลืมเร
"เอาลูกของเธอมาให้ฉันก่อนสิ แล้วฉันจะยอมกลับ""พอเลยพอกันทั้งคู่เลยแกกับพีชเนี่ย ฉันไม่ใช่แม่แมวที่จะคลอดลูกออกมาให้พวกแกเลี้ยงเล่นนะ""อ้าว ทำไมต้องเอาฉันไปเกี่ยวข้องด้วยล่ะ ฉันแค่เลี้ยงหลานของฉันเองนะ""อีกหน่อยฉันจะติดป้ายไม่ให้พวกเธอสองคนเข้าบ้าน"เสียงพูดคุยที่ดังขึ้นบริเวณห้องโถงของบ้านทำให้ร่างสูงที่เพิ่งกลับจากการทำงานต้องชะงักฝีเท้าก่อนจะเห็นว่าภรรยาของตัวเองกำลังนั่งพูดคุยกับเพื่อนสนิททั้งสองของเธออยู่พร้อมกับลูกน้อยที่นอนหลับอยู่ภายในเปล มุมปากหนาเผลอยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพความอบอุ่นตรงหน้าก่อนเขาจะเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว"เหนื่อยไหมคะ?" และแน่นอนว่ามัดหวายเองหันมาถามเขาด้วยความเป็นห่วงอย่างเช่นทุกครั้ง มือเรียวลูบตามกรอบใบหน้าหล่อแล้วประทับจูบลงบนริมฝีปากหยักเบาๆ แบบที่ชอบทำโดยมีเสียงลอบถอนหายใจของสองหนุ่มสาวที่ดังออกมาอย่างเอือมระอา"นี่! ทีพวกเธอหวานกันต่อหน้าฉันยังไม่ทำขนาดนี้เลยนะ" มัดหวายหันไปแหวใส่เพื่อนรักทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในขณะที่พิชญ์ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ กับภาพเหตุการณ์ที่เขาเห็นบ่อยจนเคยชิน"ทะเลาะกันเหมือนเด็ก""ก็พวกนั้นแกล้งหวายก่อน""แ
"มะ..." เสียงของเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบที่กำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่เอ่ยเรียกคนเป็นแม่ราวกับต้องการอะไรบางอย่างก่อนมัดหวายจะหันมาพูดกับลูกชายคนเล็กของเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อรู้ว่าเวสตินต้องการอะไร"หนูอยากกินนมเหรอคะ เดี๋ยวรอให้พี่วินกินอิ่มก่อนได้ไหมแล้วตินค่อยกินนะ""ยม..." แต่ดูเหมือนเด็กน้อยจะไม่ค่อยเข้าใจที่คนเป็นแม่บอกเท่าไรนัก เขาจัดการคลานเข้ามาหาแม่และพี่ชายของตัวเองที่นั่งอยู่ไม่ไกล"ติน! ดะ..แด๊ดดี๊ ลูก..." ทว่าการกระทำต่อมาก็ทำให้คนเป็นแม่ต้องเอ่ยเรียกสามีเสียงสั่นเมื่อลูกน้อยพยายามที่จะดันร่างเล็กของตัวเองขึ้นก่อนเท้าเล็กจะทำการก้าวไปข้างหน้า แม้จะเป็นเพียงก้าวสั้นๆ ก่อนเวสตินจะล้มลงไปแต่กลับสร้างความตื้นตันให้กับคนเป็นแม่ไม่น้อยกับก้าวแรกของลูก"แด๊ดดี๊ ลูกเดินได้แล้วค่ะ เมื่อกี้แด๊ดดี๊เห็นไหม" มัดหวายหันไปถามสามีที่กำลังยืนอยู่นิ่งซึ่งพิชญ์เองพยักหน้ารับแล้วคลี่ยิ้มออกมาไม่ต่างกัน"เก่งมากเลยลูก หนูเก่งมากๆ เลยนะ" พิชญ์ที่เพิ่งได้สติก็วางจานขนมในมือลงแล้วเดินไปอุ้มลูกชายขึ้นมาแนบกับแผงอกแกร่งแล้วพาเข้าไปหามัดหวายเนื่องจากในตอนนี้เธอกำลังให้นมกับมาร์วินอยู่เลยทำให้ไม่สามาร
@สามปีต่อมา"นอนนะครับ คืนนี้อยู่กับอาพีชก่อนนะ" พิชญ์เอ่ยกับลูกน้อยที่กำลังนอนอยู่ในเปลภายในห้องนอนลูกพีชเสียงอ่อนโยน พวงแก้มป่องสีแดงระเรื่อที่คล้ายกับมัดหวายเวลาร้องไห้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือไปลูบเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยวแทนการอุ้มลูกชายมาหอมโดยตรงเนื่องจากตอนนี้ทั้งคู่ได้กินนมอิ่มหลับไปแล้ว"พี่พิชญ์ไม่ต้องห่วงนะ คืนนี้พีชจะดูแลเจ้าตัวแสบเอง รับรองว่าจะไม่เข้าไปขัดแผนการของพวกเราอย่างแน่นอน" ลูกพีชเอ่ยบอกกับพี่ชายของตัวเองอย่างมั่นใจในขณะที่กำลังถือขวดนมและของเล่นไปด้วย ซึ่งในตอนนี้บ้านของเธอก็ได้มีสมาชิกใหม่เพิ่มมาสองคนภายในระยะเวลาสองปีกว่า ซึ่งก็คือ'มาร์วิน'ที่เป็นพี่ชายคนโต และ'เวสติน'ที่ในตอนนี้ยังคงเป็นน้องคนเล็กอยู่ แต่สถานะนั้นก็คงจะอยู่ได้ไม่นานเมื่อเธอกับพิชญ์ได้วางแผนการที่จะหาน้องคนเล็กอีกคนมาแทนที่ในตำแหน่งลูกคนเล็กเพิ่ม เนื่องจากพิชญ์อยากได้ลูกสาวแต่ไม่ว่าจะพยายามขอมัดหวายอย่างไรเธอก็ยังคงไม่ยอมใจอ่อนสักที ทำให้เขาต้องทำการล่อลวงคนตัวเล็กให้มาติดกับดักในคืนนี้ให้ได้"ฝากด้วยนะพีช""ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะพีชเลี้ยงเจ้าตัวแสบมาแทบจะมากกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวันอีก พี
"มัดหวายอย่าวิ่ง!" เสียงของชายหนุ่มที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้เจ้าสาวคนสวยต้องหันหน้ากลับไปมอง เธอสบตากับสามีของตัวเองด้วยรอยยิ้มเจื่อนตอนเห็นพิชญ์มองมาอย่างคาดโทษ ซึ่งในตอนนี้เขากำลังทำหน้าที่ถือชายกระโปรงให้กับชุดเจ้าสาวตัวยาวของเธออยู่"พี่พิชญ์จะดุพี่สะใภ้ของพีชทำไมเนี่ย เดี๋ยวหลานก็เครียดหรอก" ลูกพีชเดินเข้ามาดุพี่ชายของตัวเองเมื่อเห็นสายตาขอความช่วยเหลือของมัดหวายทำเอาชายหนุ่มลอบพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ตอนเห็นหญิงสาวทั้งสองคนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ก่อนเขาจะเป็นฝ่ายปลีกตัวออกไปเพื่อหาของกินมาให้ภรรยาสาวซึ่งวันนี้ได้ทำพิธีแต่งงานเกือบทั้งวัน"พีชอยู่เป็นเพื่อนหวายก่อน เดี๋ยวพี่จะไปเอาน้ำกับของกินมาให้" "รับทราบค่ะ""หวายเป็นยังไงบ้างลูก" วิรดาเดินเข้ามาถามลูกสาวของตัวเองพลางลูบที่ใบหน้าซึ่งแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเล็กน้อย ระหว่างนั้นเธอก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ว่าหญิงสาวจะแพ้ท้องหรือไม่ แต่โชคดีที่พิธีการทุกอย่างได้จบลงแล้วจนตอนนี้เหลือเพียงแค่การไปทักทายแขกบางคนเท่านั้น"วันนี้เจ้าตัวเล็กไม่ดื้อเลยค่ะ หวายไม่มีอาการอะไรเลย""หึ หลานของแม่เก่งเหมือนลูกแม่อยู่แล้ว งั้นเดี๋ยวหวายทักทายแขกใน
"กอดแบบนี้ไม่เมื่อยเหรอคะ?" มัดหวายเอ่ยถามร่างสูงที่กำลังสวมกอดเธอเอาไว้อย่างนึกเอ็นดูเพราะตั้งแต่ที่กลับมาบ้านพิชญ์ก็เอาแต่กอดเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อยเลย"ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลดีใจมากเกินไปหน่อยเลยลืมกอด""พี่พิชญ์ปล่อยเพื่อนของพีชได้แล้ว พีชเองก็อยากกอดหลานบ้างนะ" ลูกพีชที่นั่งอยู่ด้านข้างเริ่มงอแงเมื่อชายหนุ่มเอาเพื่อนรักของเธอไปกอดไว้อยู่คนเดียวโดยไม่ปล่อยให้เธอได้สัมผัสมัดหวายเลยแม้แต่ปลายเล็บ แต่แทนที่พิชญ์จะสนใจเสียงของเธอเขากลับยังคงกอดมัดหวายไว้อยู่อย่างนั้นจนกระทั่งวิรดาเดินเข้ามาพร้อมกับจานผลไม้ในมือ ชายหนุ่มจึงยอมปล่อยคนรักให้เป็นอิสระ"พอรู้ว่ามีเจ้าตัวเล็กก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะหวาย ทั้งเรื่องการกิน การพักผ่อน หรือการใช้ชีวิตประจำวัน ยิ่งช่วงแรกๆ ยิ่งต้องระวังเลย""หมอบอกว่าให้ลดของหวาน...""ใช่ พวกของหวานหรือของที่มีรสจัด มีการปรุงแต่งเยอะหวายควรงด หรือแม้แต่ผลไม้ก็ต้องเลือกดีๆ ให้มีประโยชน์และมีน้ำตาลน้อยที่สุด""แม่ไม่ต้องห่วงครับ ผมจ้างเชฟกับนักโภชนาการที่คอยให้คำแนะนำมาแล้ว ส่วนในบ้านก็คิดว่าจะติดลิฟต์เพิ่มและปรับปรุงบางอย่างเพื่อความปลอดภัยด้วย แล้วเรื่องการบำรุงทั่วไปผมค







