ผับแห่งนี้เงียบสงบ ทั้งร้านมีโต๊ะตัวนี้ตั้งเด่นอยู่ตัวเดียว กับหลอดไฟเพดานที่ฉาบฉายแสงลงมาเพียงกระหย่อมหนึ่ง มันแทบจะยิงลงมาที่กลางหัวของพีผู้เป็นเจ้าของเสียงพูด ประโยคเด็ดจากเขาทำให้ทุกอย่างเงียบงัน เขาชี้นิ้วไปที่แพรวพลันพูดออกมาเป็นใจความสั้น ๆ ที่สรุปได้ว่า
.
ลับหลังนิทานพาฝันอันหวานแหววของแพรว ในช่วงกลางดึกของคืนเดียวกันเปรมกับพีนั้นมักจะออกไปมันส์ด้วยกันอยู่บ่อย ๆ พีก็เหมือนกับแพรวที่ตอนเป็นเฟรชชี่มักจะไปไหนไม่เป็น เขายังไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง? , คณะอยู่ตรงไหน? , ห้องสมุดอยู่ตรงไหน? , โรงอาหาร? , ชมรม? , โรงพยาบาล? , หรือแม้กระทั่งร้านเหล้า!
.
ในคืนวันพระเมื่อสองปีก่อนพีในวัย 18 เกิดโหยหารสชาติของสุราขึ้นมากลางดึก เขาเกิดอาการเสี้ยนที่ยังไม่ถึงกับเงี่ยน เพียงแค่ต้องการเหล้าสักกลมหนึ่งมาดื่มย้อมใจเพื่อให้หายคิดถึงบ้าน คิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจแวะไปที่โซนนิ่งที่ทางมหาลัยจัดเอาไว้
.
ลักษณะมันเป็นตรอกถนนเล็ก ๆ เส้นหนึ่ง ที่จะมีห้างร้านมากมายมาจ่ายสัปทานให้แก่สถานศึกษาเพื่อแลกกับการขายสุราและสันทนาการโลกีย์ ว่ากันว่าร้านเหล้าและผับตรงนี้สร้างรายได้ให้แก่สถาบันมากกว่าค่าเทอมที่พวกเด็ก ๆ จ่ายซะอีก ทว่ามีได้ก็ต้องมีเสีย ทุกสิ่งล้วนต้องแลกมาด้วยกฎระเบียบอันเคร่งครัด มีการควบคุมอาวุธ มีการกำหนดอายุผู้เข้าใช้บริการชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าตุ๊ดอายุ 18 ปีอย่างพีย่อมไม่มีสิทธิ์
.
ครานั้นความเสี้ยนเหล้าก็พาเขาไปถึงไนท์คลับแห่งหนึ่งจนได้ พียืนต่อล้อต่อเถียงอยู่กับการ์ดหน้าประตูจนเกือบจะมีเรื่องกัน
.
"แสดงบัตรประชาชนด้วยครับน้อง!"
การ์ดหน้าเข้มในชุดซาฟารีทำเสียงดุยิ่งกว่าหมาเห่า
.
"โหพี่.. หน้าหนูแก่กว่าพี่ปี 4 ทุกคนรวมกันซะอีก ให้หนูเข้าไปเถอะ.. หนูหิว..หนูอยากกรึ๊บ! , ไม่มีใครรู้หรอกน่า ไฟก็ออกจะมืด ให้หนูไปนั่งอยู่หน้าห้องส้วมก็ได้หนูสัญญาว่าจะไม่บอกใคร.. น๊าาาน๊าาาา"
กระเทยควายพยายามต่อรอง แล้วนิสัยดังกล่าวก็ยังติดตัวมาจนถึงปัจจุบัน
.
"ไม่ได้! จากคำพูดเมื่อกี้บวกกับการมาคนเดียวแสดงว่าน้องต้องเป็นเด็กปี 1 พี่ให้เข้าไม่ได้! กรุณารักษากฎด้วยครับ! ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ไปร้านขายของชำตรงหัวมุมดูสิ กินแบบ "กั๊ก" ก็น่าจะพอแก้ได้อยู่ไม่ใช่เหรอ? , หึๆๆ"
.
แล้วก็เป็นเสียงหัวเราะกับท่าทางเย้ยหยันกึ่งดูถูกนี่แหละที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้น เมื่อจู่ ๆ พีก็รู้สึกโมโหโกธาขึ้นมา เขาเป็นมนุษย์เพศทางเลือกที่ปกติก็โดนเหยียดอยู่แล้ว พอมาโดนไล่ให้ไปเซ็นเหล้าขาวแดกแบบนี้เข้า มันจะต่างอะไรกับแรงงานพม่า! ไม่รู้อะไรเข้าสิง! ตัดภาพมาอีกทีหมัดขวาตรงก็เหวี่ยงออกไปด้วยพิษสงของการบันดาลโทสะซะแล้ว!
.
"ฟิ้วววววววว!!!"
.
การ์ดดึงหลบพ้นอย่างฉิวเฉียด เขาจึงสวนกลับไปด้วยไม้กระบองทั้งดุ้นที่เหน็บอยู่ข้างเอว การง้างฟาดดอกนี้คงไม่แคล้วซัดลงกลางกบาลเป็นแน่ ทำให้พีถึงกับต้องก้มหลบ โดนชัวร์ ๆ แต่ขอให้โดนน้อยที่สุด!
.
"หมับบบ!!!!"
.
เดชะบุญที่เสี้ยวอึดใจนั้นดันมีมือข้างหนึ่งโผล่มารับเอาไว้ จากมุมเสยที่มองขึ้นไปพีจำได้แม่นว่านั่นคือมือของเปรมรุ่นพี่ที่คณะ เสี้ยววินาทีแห่งการหัวร้างข้างแตกที่กระเทยร่างโย่งอยู่ใต้วงแขนของเขา กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ นี่บอกเลยว่าแมนมาก ๆ กายเนื้อที่สัมผัสกันผ่านความบางของเนื้อผ้าทำให้พีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกแมวตัวน้อย ๆ ที่กำลังถูกปกป้อง ท่อนแขนอันกำยำที่ชูขึ้นรับไม้แม่งโคตรเท่ห์! ไม่ไหวแล้ว! พีพ่ายแพ้ต่อสิ่งนี้ในชั่วขณะจิต เลยจงใจเซถลาเข้าไปให้เปรมโอบ ซึ่งเขาเองก็ตอบรับเป็นอย่างดีโดยไม่ว่าสักคำ
.
เปรมกอดพีไว้ด้วยร่างกายท่อนบนทั้งหมด แล้วใช้กำลังเพียงเศษเสี้ยวดึงกระบองออกจากมือการ์ด พลันจับยัดเสียบเข้าไปในกางเกงตามเดิม ก่อนจะพูดขึ้นว่า
.
"น้องคนนี้มากับผม ขอเข้าไปหน่อยนะครับ โต๊ะเดิมที่บุ๊คไว้"
.
พอการ์ดได้ยินเข้าก็เปลี่ยนท่าทางทันที พลันก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวยิ้มแหย ๆ พร้อมกับพยักหน้าให้หนึ่งทีผายมือเป็นสัญญาณว่า "เชิญครับ"
.
บางทีแกอาจจะหมั่นไส้เด็กกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเปรมคือทายาทของร้านยาชื่อดัง กิจการตระกูลเขาควบรวมโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งในประเทศ แล้วโรงพยาบาลพวกนี้ก็เป็นผู้สนับสนุนหลักของมหาลัย กล่าวคือว่ากันว่ารั้วที่ปิดล้อมที่นี่ทั้งหมด , อิฐทุกก้อน , สีที่ทา , แม้กระทั่งช่างที่จ้างมาทำ , ล้วนแต่เป็นเงินที่ตระกูลของเปรมบริจาคให้ทั้งสิ้น
.
ขยายผลไปถึงสถานบริการทั้งหลายในตรอกแห่งนี้ ถ้ามีการต่อยตีกันแล้วมีผู้บาดเจ็บหรือมีอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขึ้นในละแวก รถมูลนิธิทั้งหลายก็จะเป็นอันรู้กันทันที ว่าจะต้องเอาร่างผู้เคราะห์ร้ายไปส่งที่โรงพยาบาลในเครือของครอบครัวเปรม
.
ไม่มีตระกูลเขามหาลัยนี้ก็จบเห่! นี่คือเรื่องจริง! การ์ดพวกนี้ก็จะตกงาน และนั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมน้าแกถึงยอมอ่อนข้อ ถึงแม้ว่าเปรมจะไม่เคยอวดเบ่งแถมยังสุภาพมาก ๆ แต่ไม่ว่าใครต่อใคร ร้านเหล้าผับบาร์ไหน ก็จะต้อนรับเปรมกับเพื่อนราวกับเป็นบุคคล V.I.P. เสมอ ซึ่งแน่นอนว่ากับครั้งนี้เองก็เช่นกัน
.
พีก็เลยเหมือนถูกหวย เขาได้เข้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับเปรมทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จบคืนวันพระนั้นทุกอย่างก็เลยเต็มไปด้วยความสับสน ทว่าหลังจากนั้นเป็นต้นมาไม่ว่าพวกเปรมจะกินเหล้ากันครั้งใด พีก็จะถูกชวนไปด้วยตลอด เขาเหมือนแบ็ทแมนที่จะมีตัวตนอยู่แค่ตอนกลางคืนเท่านั้น โฉบเฉี่ยวเป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยว ใช้เวลาเพียงแค่หน่อยเดียวไม่กี่สัปดาห์พีก็รู้จักย่านโลกีย์รอบมหาลัยทั้งหมด เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น หนักข้อขึ้นก็ถึงกับไปปาร์ตี้ส่วนตัวกับพวกเปรมถึงคอนโดฯ เลยก็มี
.
อาจจะเป็นเพราะพีเป็นคนเอ็นเตอร์เทนเก่งล่ะมั้ง เป็นกระเทยที่ชอบม้อผู้ชาย ประกอบกับพวกเภสัชตี๋ ๆ ขาวๆ ก็มีพวกเก้งกวางกันเยอะ หลายครั้งมากที่พีโดนจับก้น แต่เขากลับชอบมันซะงั้น เพื่อนของเปรมสลับผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยมากหน้าหลายตา แต่ไม่มีใครรังเกียจพีเลย เขาเป็นน้องปีหนึ่งคนเดียวที่ถูกเชิญเข้าตี้ แล้วก็หวิดจะโดนปี้อยู่หลายทีในตอนที่เมา ถ้าเปรมไม่เข้ามาห้ามเอาไว้ก่อน
.
"ระวังตัวหน่อยสิ.. พี่ดูอยู่นะ"
โดยไม่ทราบเจตนาแต่น้ำเสียงนี่นิ่งมาก เปรมไม่เมาแน่ ๆ และดูเหมือนว่าเขาจะเฝ้ามองพีอยู่ตลอด
.
หลังจากนั้นเป็นต้นมาพีก็เริ่มสังเกตเปรมเป็นระยะ ก่อนจะพบว่าทุกครั้งที่ตนเองนัวกับผู้ชายอื่นเปรมจะมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป มีหันหน้าหนีบ้าง มีการจือปากหงุดหงิด หรือหนักสุดก็ถึงกับลุกหนีไปเลย เป็นแบบนี้เป็นเดือนเป็นปี ไล่มาตั้งแต่เป็นเด็กเฟรชชี่จนตอนนี้ที่แก่พอจะไล่ปี้เฟรชชี่ได้ทุกคนเปรมก็ยังไม่เลิกพฤติกรรม
.
.
"ไม่จริง! แกโกหก! พี่เปรมไม่ใช่เกย์!"
แพรวลุกขึ้นยืนแผดเสียงสูงปรี๊ด
.
"เขาหึงฉัน! สายตาฉันนี่แหละหลักฐาน!"
พีโต้กลับ พลันลุกขึ้นยืนชี้หน้ากลับคืนไปบ้าง
.
"ไม่! , ฉันไม่เชื่อ!"
.
"ก็ตอนที่แกนอนหลับฝันหวานฟังนิทาน พี่เขาก็ออกไปฟันกับฉันตอนกลางคืนไงง่าย ๆ แค่นั้นแหละ!"
.
"อีพี! , มึงนี่มัน!"
.
เกิดการโต้เถียงกันขึ้นอีกหลายยก ต่างคนต่างไม่ยอมกันทั้งที่ต่างก็คิดเองเออเองกันทั้งสองฝ่าย โต๊ะไม้สั่นโครม ๆ ถังน้ำแข็งเทกระจาด ไม่รวมแก้วเหล้าที่โดนเขวี้ยงใส่กันจนบาด แพรวกับพีเหมือนจะวางมวยกันอีกรอบ จนเด็กเฝ้าร้านที่นั่งอยู่หลังเคาท์เตอร์เริ่มขยับตัว เขาคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ทรัพย์สินของทางร้านเสียหายไปมากกว่านี้
.
แต่ทว่ายังไม่ทันจะเดินไปถึงเลย มิวท์ที่นั่งอุดหูดูอยู่ข้าง ๆ ก็ชิงลงมือซะก่อน แต่สิ่งที่เธอเลือกทำนั้นชาวบ้านเขาดันไม่ทำกันก็แค่นั้นเอง
.
"กรี๊ดดดดดด! , หยุดเดี๋ยวนี้นะ.. ทั้งสองคนเลย!"
"นี่แหนะ! , นี่แหนะ!"
.
"ฟู่.. , ฟู่.. , ฟุ่ ๆ ๆ , ฟู่ ๆ ๆ"
.
ใครจะเชื่อว่ามิวท์จะกล้า เมื่อเธอเล่นเอาสเปร์ย์ฆ่าเชื้อฉีดเข้าปากเพื่อนทั้งสองคนโดยไม่สนคำเตือนในฉลากใด ๆ พลางบอกสาเหตุว่าแค่นี้ก็เสี่ยงมากแล้ว Social Distancing ก็ไม่มี ยังจะมาตะโกนพ่นน้ำลายใส่กันอีก หน้ากากอุตส่าห์ให้ไปก็ไม่ยอมใส่โดนซะบ้างจะได้เข็ด
.
"แค๊ก , แค๊ก , แค๊ก , แค๊ก"
.
"ค๊อก , ค๊อก , ค๊อก , ค๊อก"
.
"ยัยมิวท์นี่คิดจะฆ่ากันหรือไง.. ใครเขาทำกันแบบนี้?!"
แพรวสำลอกออกมา น้ำตาแตกขมคอ
.
"ก็ไม่รู้ล่ะ.. ถ้ามิวท์ไม่ป้องกันตัวเองมิวท์ก็อาจจะตายเพราะติดเชื้อ covid ก็ได้ อย่างน้อยมันก็ได้ผล เห็นไหมว่าพวกเธอหยุดทะเลาะกันแล้ว^^"
ยิ้มหวานทำตาบ่องแบ้วเช่นเคย พลางลุกขึ้นยืนเปิดทางให้พนักงานร้านเข้ามาปฏิบัติหน้าที่
.
เด็กหนุ่มหน้าสิวปรี่เข้ามาประชิดตัว เขาแจ้งให้ทั้ง 3 คนทราบว่าขณะนี้เวลา 21.30 น. เหลืออีก 30 นาทีจะถึงกำหนดเคอร์ฟิว ได้โปรดย้ายก้นออกจากที่นี่ตามที่ตกลงกันไว้ด้วย แล้วก็โปรดวางเงินค่าเสียหายพร้อมกับติปสินไหมให้แก่เขาผู้เป็นคนเฝ้าร้านด้วย
.
"รับเป็นโอนจ่ายนะครับ ผมไม่อยากสัมผัสเงินสดของพวกคุณ มันน่าจะสกปรก"
เด็กหนุ่มกำชับ
.
"แค๊ก ๆ , แค๊ก ๆ , ย่ะ! จ่ายเขาไปสิอีแพรวมึงอ่ะตัวก่อเรื่อง! ค๊อก ๆ , ค๊อก ๆ , แค๊ก ๆ"
.
สาวเจ้ามุ่ยหน้ามองบนใส่ เธอชักไม่แน่ใจว่าตัวเองไปตกลงปลงใจคบกระเทยพรรค์นี้เป็นเพื่อนได้ยังไง เพราะเผลอก้มลงมองสมาร์ทโฟนเข้าแอพแป๊บเดียว พีก็ดันตูดมิวท์ให้กลับออกไปทางช่องทิ้งขยะโดยไม่รอเธอเลย
.
.
ตัดภาพออกมาข้างนอก , ภายในรถเก๋งบุโรทั่งคันหนึ่งที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด
.
ฝ่าเท้ากระทุ้งคันเร่งมันส์อย่างกับเล่นเกมตู้ ถนนเมืองกรุงในช่วงโรคระบาดนี่โล่งพอ ๆ กับหยุดสงกรานต์หรือวันปีใหม่ เบรคมันอยู่ที่ใจก่อนใช้เพียงฝ่าเท้าเล้าโลมอารมณ์ตื่นเต้น พีเป็นคนขับ แพรวนั่งด้านข้าง ส่วนมิวท์นั่งอยู่ข้างหลัง
.
รู้ว่ายากที่จะเชื่อแต่ได้โปรดเชื่อเถอะว่า การหักพวงมาลัยเข้าโค้งแต่ละครั้งเข็มขัดนิรภัยนี่แทบจะกลายเป็นเชือกรัดคอ
.
"บรื๊นนนนน!!!!"
.
ควันดำยิ่งกว่าท้องฟ้า มืดขมุกขมัวแถมยังพ่นออกมาเป็นปื้น ๆ เพราะกลัวจะไม่ทันเคอร์ฟิว พีต้องไปส่งมิวท์ ส่งแพรว แล้วก็ต้องวกกลับเข้าบ้านตัวเองอีก
.
"บริ้นนนนน! ๆ ๆ , บรื้น ๆ ๆ ๆ ๆ !!! , เอี๊ยดดดด!!! , บรื้นนนนน!!!"
.
"มึงช้าลงหน่อยเถอะอีพี! กูขอโทษก็ได้! มึงแค้นกูใช่ไหม? มึงจะเนียนฆาตกรรมอำพรางกูใช่หรือไม่! อีเพื่อนเลว! อร๊ายยยยย!!! ทางโค้งหักศอก!!!!"
.
"แฟร๊บบบบบ!!!!! , ฟิ้ววววว!!!!"
ดริฟท์สไลท์ผ่านสวยงาม สีข้างรถไหลผ่านแท่นแบริเออร์เพียงแค่ 3 มิลลิเมตร!
.
"เฮือกกกก.. หัวใจกูจะวาย.. มึงจอดข้างทางให้กูขับแทนก็ได้อีพีเอ๊ยยย!"
แพรวขอร้องเธอเหงื่อแตกเต็มหน้า แล้วก็ถึงกับต้องดึงเข็มขัดนิรภัยมาพับเป็นสองทบรัดตัวเองให้แน่นขึ้นกว่าเก่า
.
สวนทางกับมิวท์ที่นั่งอยู่เหมาะหลัง เธอโคตรจะนิ่งแล้วก็ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์อยู่ตลอดตั้งแต่ขึ้นรถมา
.
"กูจะให้มึงขับได้ไงในเมื่อมึงเมาเป็นหมา! แหกด่านเคอร์ฟิวแล้วยังโดนจับเมาแล้วขับ มึงบ้าหรือมึงปัญญาอ่อน! หุบปากไปเลยแล้วนั่งเฉย ๆ ทำตัวให้ได้ครึ่งมิวท์เขาสิหัดดูเพื่อนเป็นตัวอย่างซะบ้าง!"
.
ไม่แม้แต่จะฟังคำซักค้านใด ๆ เวลาไม่เคยคอยท่าเคอร์ฟิวไม่เคยคอยใคร กลัวติดโรคตายมากกว่ากลัวรถคว่ำ ตรรกะโคตรป่วยแต่เชื่อเถอะว่าคนไทยหลายคนล้วนเป็นแบบนี้ ฝ่าเท้าใหญ่เท่าใบพายจากชายผู้แอ๊บตุ๊ดยังคงกระทุ้งแป้นเหยียบ เก๋งบุโรทั่งยังคงพุ่งทะยานขึ้นสะพานกระโดดจั๊มเนินราวกับคิดว่าตัวเองเป็นมอเตอร์ไซต์ไต่ถัง
.
ก่อนที่จุดเปลี่ยนของเรื่องจะมาถึง เมื่อพีบึ่งยนตรกรรมคันนี้มาถึงแยกไฟแดงหน้าหมาลัย เขาตีไฟเลี้ยวเตรียมจะเลี้ยวเข้าไปข้างในอยู่แล้ว แต่ก็ไม่แคล้วสังเกตเห็นว่าที่ด้านหน้ามีสัญญาณไฟแดงสว่างโล่อยู่ กฎหมู่ต้องไม่อยู่เหนือกฎหมาย ต่อให้สามคนบนรถจะรีบแทบตายแต่กฎก็ต้องเป็นกฎ
.
"พี! ไฟแดงเบรคคคคค!"
แพรวตะโกนลั่น
.
"เอ้อ! เห็นแล้วน่ะ! จะเบรคเดี๋ยวนี้แหละ!"
.
"เอี๊ยดดดดดดดด!!!"
.
ถ้าเป็นรถแดร็กที่แข่งวัดความเร็วทางตรงจะไม่ว่าเลย แต่นี่อะไร! สภาพรถอย่างกับเศษเหล็กแถมเบิร์นยางซะจนควันขึ้นเป็นรอยไหม้ ตัวมิวท์ถึงกับถลำทะลุออกมาคร่อมคันเกียร์ ในขณะที่แพรวนั้นกลายเป็นพรีเซ็นเตอร์ยาสระผมไปเป็นที่เรียบร้อย! Head & shoulder ไหมละมึง! หัวโขกกระจก ไหล่โขกคอนโซล แพรผมนี่สะบัดพริ้วรังแคกระจาย! ซึ่งคนเดียวที่ไม่เป็นอะไรเลยก็คือพีที่ตัวใหญ่เป็นควายป่าเก๊กหน้าอยู่หลังพวงมาลัยรถ
.
เขาได้แต่นั่งอึ้ง!
.
"มึงชนคนหรอ..?"
แพรวถาม ส่วนมิวท์เองก็กระท่อนกระแท่นตัวเองขึ้นมาจัดแต่งทรงผม โทรศัพท์เธอกระเด็นไปไหนแล้วก็ไม่รู้?
.
"เปล่าหรอก..รถคันนั้นต่างหาก! เขาวิ่งฝ่าไฟแดงตัดหน้าฉันไป!"
.
"อูยยยยย..คงรีบเหมือนเราล่ะมั้ง.. อีกแค่ 10 นาทีจะเคอร์ฟิวด่านตรวจก็อยู่แถวนี้นี่เอง.. โอย..เจ็บ ๆ ๆ"
เพื่อนสาวผมส้มตั้งข้อสังเกต
.
พียกมือขึ้นเท้าคางเขากำลังคิดอะไรบางอย่างระหว่างรอให้สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว ก่อนจะโพล่งคำออกมาว่า
.
"ไม่แพรว.. ฉันว่านั่นมันรถ Honda Civic IVTEC TURBO ปี 2019 สีดำ รถพี่เปรมชัด ๆ ! แกจะไปไหน? แล้วในเวลาแบบนี้เนี่ยะนะ!?"
.
.
แน่นอนว่าสีหน้าแพรวเปลี่ยนไป แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม? เพราะจู่ ๆ มิวท์ก็รีบควานหาสมาร์ทโฟนที่ทำหล่นเป็นการใหญ่
นั่นจึงเท่ากับว่าน้ำในทะเลอาจจะไม่ปลอดภัย บางทีแม่น้ำสาขาทุกสายก็อาจจะปนเปื้อนไปด้วยเชื้อแล้วก็ได้ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงโบ๊ทจึงได้ขยับนิ้วมือกับแหวนทั้ง 5 ของเขาอีกที .“ฟิ้ว~!”โดรนอารักขาลำเก่งโฉบปักหัวลงมาจากเบื้องบน ราวกับพญาอินทรีย์พร้อมเข้าประจำที่.มันยื่นท่อนเหล็กสีเงินลักษณะคล้ายก้านปรอทวัดไข้ออกมาจากลำตัวส่วนล่าง ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่กระสุน .35 มม. จำนวนมหาศาลร่วงกราวลงมาเมื่อตอนก่อน ความยาวของอุปกรณ์ชนิดนี้น่าจะราว 2 ไม้บรรทัดเห็นจะได้ และโบ๊ทเรียกมันว่า “โคโรน่ามิเตอร์” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีไว้สำหรับตรวจหาเชื้อโควิดโดยเฉพาะ.เขาสั่งการให้โดรนอารักขาหย่อนมันลงไปในน้ำทะเล แกว่งส่ายวนคนไปมาราว 20 - 30 ทีโดรนก็ยกตัวเองขึ้นจากน้ำ ปรากฏว่าไฟสถานะบนลำโดรนถึงกับแดงโล่! การลิงค์สัญญาณเกิดขึ้นทันที ก่อนจะฉายค่าสถานะและชุดข้อมูลพร้อมกับผลแล็บไปยังกระจกครอบแก้วที่โบ๊ทสวมใส่อยู่ พลันเปลี่ยนใบหน้าบ่องแบ้วของเขาให้กลายเป็นจอแสดงผลไปในบัดดล.“มันก็เหมือนการ “swab”(สว็อป) ตอนเราไปให้หมอแหย่จมูกนั่นแหละครับพี่ ๆ แค่เปลี่ยนจากรูจมูกคนเป็นน้ำทะเล ว่าแต่ผลเป็นไงบ้างครับ? ”โบ๊
ห้าชีวิตกับอีกหนึ่งลำโดรนย่างกรายเข้ามายังโซนลับแลแห่งนี้ด้วยความมุ่งมั่น ย้อนกลับไปไม่ได้คือเหตุผลข้อที่หนึ่ง ส่วนการไปต่อไม่ได้เพราะข้างหน้ามีแต่ทะเลคือเหตุผลข้อที่สอง แพรวก็เลยเดินนำหน้าแบกกระเป๋าเป้อาด ๆ พลางควัก Glock 18 อาวุธประจำกายขึ้นมาประทับเล็งเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เรียนตามตรงว่าท่าเรือเป็นแอเรียที่เธอมีข้อมูลน้อยมากเมื่อเทียบกับที่อื่น ที่นี่แทบจะไม่ได้ถูกเขียนรายละเอียดใด ๆ ไว้ในแผนที่เลย ฉะนั้นหน้าที่ของมันจึงจบลงเพียงเท่านี้.“พรึบ!”แพรวพับแผนที่เก็บเข้าไปในกระเป๋า สื่อให้ทุกคนเห็นว่าแต่นี้ต่อไปคือการด้นสดล้วน ๆ พลาดก็คือตายและถ้าไม่อยากตายก็จงอย่าพลาด.“ระวังตัวด้วยทุกคน เราจะเข้าไปในโกดังนั่นดู คิดว่าน่าจะเป็นคลังเก็บสินค้าและบันไดลงสู่ท่าเรือก็น่าจะอยู่ในนั้น”แพรวกระซิบบอก.เช่นกันกับเจนิสกับเพื่อน ๆ ที่ต่างก็ระวังหน้าระวังหลังให้กันเป็นอย่างดี เธอจับมือโบ๊ทเอาไว้แทบจะตลอดเวลา โดยหารู้ไม่ว่าโดรนอารักขาที่ลอยอยู่บนฟ้า นั้นมีขีดความสามารถที่สูงกว่าคนจริง ๆ อย่างพวกเธอสามคนรวมกันซะอีก.“ไม่เป็นไรครับพี่เจนิสไม่ต้องดูแลผมดีนักหรอก ทางที่ดีผมว่าพ
พรรคพวกของโบ๊ทมีกันอยู่หลายคน แล้วก็ดำรงชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จากการตามล่าของพวก AP เหมือนกับแคลนอื่น ๆ พวกเขามี LGBT รวมอยู่ในกลุ่มเยอะ ก่อนที่ความผิดพลาดจะมาเกิดขึ้นที่ท้องฟ้าจำลอง เมื่อหน่วยแพทย์ของ AP ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมเกิดย้อนกลับมาเช็คทรัพย์สิน มีการปะทะกันเกิดขึ้น! แคลนของโบ๊ทแตกเป็นเสี่ยงเนื่องจากไปถือวิสาสะยึดเอาแลนด์มาร์คตรงนี้เป็นจุดพักแรม ผู้คนก็เลยถูกกวาดต้อนไปเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงพ่อแม่ของเขาด้วย .ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมโบ๊ทถึงรอดมาได้นั้น ก็อยู่ที่แหวนทั้ง 5 วงบนนิ้วมือของเขานั่นเอง อุปกรณ์ชิ้นนี้มีไว้ใช้บังคับโดรนมากกว่า 150 ลำ บางลำเป็น Riot โดรนติดอาวุธหนัก บางลำเป็นโดรนอารักขา ส่วนบางลำก็เป็นโดรนข่าวสาร โบ๊ทใช้พวกมันอย่างคล่องแคล่วในการต่อสู้กับพวก AP และขับไล่พวกทรราชเหล่านี้ออกไปจากอาคารท้องฟ้าจำลองได้เป็นผลสำเร็จ ทว่าก็ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นการอยู่คนเดียวในอาคารหลังโตแบบโดดเดี่ยว พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว เพื่อนฝูงพี่น้องก็โดนหางเลขไปด้วยหมด.ย้อนกลับไปหลายตอนก่อนหน้านี้ เราจึงได้เห็นโบ๊ทใช้กล้องโทรทัศน์ส่องหาแคลนที่ยังมีผู้รอดชีวิตไปทั่วเมือง จนกระทั่งมาพบกับกลุ่
เสมือนหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่กระเสือกกระสนหาทางรอด ตัวเป็นจักรกลทว่าข้างในคงมีจิตวิญญาณของปลาช่อนที่กำลังจะโดนทุบหัวบรรจุอยู่ Riot โดรนถึงได้แสดงพฤติกรรมเกรี้ยวกราดดังที่เห็น เปลวไฟพ่นออกมารอบทิศราวกับลูกข้างที่รวมร่างกับกระบองไฟ มันพ่นขู่คำรามแล้วก็ได้ผล เมื่อกลุ่มเรดี้ทั้ง 4 นางต่างก็ถอยกรูออกห่างไปทุกที พอเจนิสลองสืบเท้าเข้าไปใกล้มันก็พ่นไฟออกมาใส่อีก.“อ๊ายยย! ไม่ได้เลยพี่แพรวไฟร้อนมากค่ะ!”เธอรีบผินหน้ากลับมาบอก.สวนทางกับแพรวที่มีประสบการณ์มากกว่า หลังจับสัญญาณได้จากไฟสถานะบนตัวโดรนที่มีการกระพริบเปลี่ยนจังหวะไป พลางบอกให้น้อง ๆ ตระเตรียมอาวุธขึ้นมือเอาไว้.“ไม่เป็นไรเจนิส.. ไม่ต้องเข้าไปหรอก.. เราแค่ต้องตามเจ้านี่ไปก็พอ”.“ไปไหนอ่ะพี่?”.“เดี๋ยวก็รู้! เจ้าโดรนนี่ไม่มีทางทำแบบนี้ได้ถ้าไม่มีใครบังคับ.. เชื่อฉัน!”.แล้วก็จริงอย่างที่แพรวสันนิษฐาน ผ่านไปราว 3 นาทีกับอีกนิดหน่อยแก๊สในตัวก็หมดลง จากไฟพุ่ง ๆ ตอนนี้แค่ถ่มถุยออกมายังยากลำบาก ไหนจะท่วงท่าการบินที่กระท่อนกระแท่นเต็มทีนั่นอีก เพดานบินเริ่มลดระดับต่ำลง Riot โดรน เริ่มเบี่ยงเส้นทางบินหนีออกไปอีกฝั่งผ่านการร่อนที่เอียงกระเ
เหลือเชื่อว่าจะได้ยินเสียงจิ้งหรีดแทนที่กระสุนปืน เจนิสส่งทุกคนเข้านอนและตอบแทนความไว้ใจจากแพรวด้วยการห่มผ้าให้กับพี่สาว แม้จะรู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้คงยากที่จะข่มตาหลับ แต่ชีวิตนั้นก็ต้องก้าวต่อไป แพรวอุตส่าห์นำทุกคนให้รอดมาถึงพื้นที่ใต้ทางด่วนตรงนี้ได้ แล้วมีหรือที่สายแข็งนักนอนเช้าอย่างเจนิสจะไม่ตอบแทนกลับไปบ้าง.เธอค่อย ๆ ย่องห่างออกมาจากจุดพัก สอดส่ายสายตาผ่านทะลุไปตามซอกหลืบต่าง ๆ ที่คิดว่าน่าสงสัย พลันตั้งคำถามกับตัวเองในใจว่าเสียงจิ้งหรีดนั้นมาจากไหน ถ้าเป็นเสียงปืนหรือเสียงคนฆ่ากันตายยังจะเป็นไปได้มากกว่า.“นั่นน่ะสิ! แปลกมากเลย? โควิดมันกินได้แม้กระทั่งผนังปูน แล้วกับสิ่งมีชีวิตเปลือกหุ้มอย่างจิ้งหรีดกลางคืนเนี่ยะนะ ไม่ใช่ล่ะ! เป็นไปไม่ได้!”“ถ้าเราไม่หูแว่วไปเอง เราควรจะตรวจสอบทุกจุดที่น่าสงสัยให้ละเอียดที่สุด”.กระชับหน้ากากครอบแก้วให้ติดแน่น ตัวเลขสถานะก๊าซลดลงเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น ส่วนในมือที่ถืออยู่ก็คือพลองไม้ขนาดยาวที่เป็นเหมือนอาวุธประจำกายของเธอ มันทั้งง่อนแง่นแล้วก็ดูบอบบางจนจินตนาการไม่ออกว่าถ้าเอาไปฟาดหัวใครเข้า Damage จะเข้าสักเท่าไหร่ แต่ครานั้นเจนิสก็
ฝุ่นตลบอบอวลควันโขมงโฉงเฉง ต่างคนต่างกรี๊ดกันไม่ออกด้วยเพราะถูกแพรวใช้ฝ่ามือปิดปากเอาไว้ 4 ชีวิตรอดตายแบบเฉียดฉิว รอจนกระทั่งทุกอย่างเริ่มเจือจาง และแสงจันทร์เริ่มจะสาดแสงทุกสายตาถึงเริ่มขยับเขยื้อน แผ่นปูนผืนใหญ่ยังคงตั้งตระหง่านเป็นกำบังให้ ส่วนพวกสาว ๆ เองก็ต่างพยายามจะชะเง้อออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังการถล่มของตึกหลังใหญ่ผ่านพ้น.“เบา ๆ นะระวังด้วย..”แพรวกระซิบเตือน.ความอยากรู้อยากเห็นนี่แหละที่เป็นทั้งคุณและโทษ มันทำให้เกิดความกระตือรือร้นก็จริง แต่ก็ทำให้เกิดช่องโหว่ได้ในคราวเดียวกัน เพราะสิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือขบวนรถพยาบาลที่วิ่งเข้ามากันอย่างขวักไขว่ สัญลักษณ์ AP บนตัวถังเด่นหลา มีการขนคนเจ็บรายทางออกมา แถมยังมีบางส่วนที่วิ่งตรงเข้าไปยังจุดปะทะเพื่อไปเอาคนเจ็บที่ตกค้างออกมาจากสมรภูมิ ไฟไซเรนหมุนติ้ววนวกคล้ายกันกับความสับสนแน่นอก ว่าจะเอายังไงต่อไปดี.พิจารณาแล้วคงเป็นไปไม่ได้หากแพรวจะยังดันทุรังทำตามแผนเดิม ถึงจะไม่รู้ว่าพวก AP กำลังสู้อยู่กับอะไร แต่ยังไงซะถ้าเข้าไปในสภาพแบบนี้ก็เท่ากับไปตายเปล่า แคลนของแพรวจะเอาอะไรไปสู้ ลำพังอาวุธที่มีอยู่ในมือก็ทำได้แค่ป้องกันตัวเอง