"มันใช่ฮอนด้าซะที่ไหน โลโก้มันอาจจะคล้ายกัน แต่นั่นมันรถฮุนไดสัญชาติเกาหลีต่างหากแกอ่ะมั่วอีพี!"
แพรวโต้เถียง เธอดึงตัวเองกลับมานั่งพิงพนักตามเดิม
.
แล้วทั้งสองคนตรงเบาะหน้าก็สาดน้ำลายใส่กันอีกยก ต่างคนต่างอ้างเหตุผลของกันและกัน แพรวบอกว่าเธอนั่งรถเปรมมาหลายครั้ง ในขณะที่พีก็บอกว่าเขาเคยนอนกอดผู้ชายในรถคันนี้มาแล้วหลายหน ซึ่งเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าของแพรวมาก จนกระทั่งเวลาผ่านไปครูใหญ่ สัญญาณไฟเขียวก็สว่าง ล้อรถเริ่มเคลื่อนที่ออกไปข้างหน้าอีกครั้ง โดยที่สมาธิของคนขับนั้นกระเจิดกระเจิงไปพร้อมกับบทสนทนาแล้ว
.
ความรีบหายไปจนเกลี้ยงฝอยน้ำลายพ่นใส่กันนับสิบหยด จึงไม่แปลกที่ทิวทัศน์ด้านข้างจะไม่ถูกสนใจเลย ลำพังขับไปข้างหน้าให้ได้โดยไม่ชนใครก็ถือว่าเก่งแล้ว
.
"พี่เปรมเขาก็ต้องอยู่หอสิ! เขาเป็นประธานหอนะ เขาจะมาทำอะไรตรงนี้อีบ้า!"
แพรวพยายามย้ำ หล่อนปล่อยมือออกจากเข็มขัดนิรภัยเพราะรถมันแล่นช้ามาก ๆ
.
"เหอะ! หอที่ไม่มีคนอยู่สักคนสิไม่ว่า! ยังไงซะนั่นก็คือรถของพี่เปรมแน่นอน มึงอย่ามาเถียงกูเลยอีแพรว!"
.
พีให้เหตุผลโต้กลับโดยหารู้ไม่ว่าพ้นจากทางโค้งข้างหน้านี้ไป จะมีด่านตรวจเคอร์ฟิวตั้งอยู่หนึ่งจุด เวลา 22 .03 น. ถึงจะเป็นเส้นทางในมหาลัยก็จริง แต่ความผิดฐานฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉินและละเมิดมาตราการเคอร์ฟิวก็ถือว่าเกิดขึ้นซึ่งหน้าไปแล้ว พวกเขาไม่รอดแน่ถ้าโดนจับ แล้วก็คงไม่แคล้วโดนบันทึกประวัติขึ้นโรงขึ้นศาลกันอีกหลายรอบ
.
เพราะการทะเลาะกันเป็นเหตุแท้ ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเปรม ป่านนี้ทุกคนก็คงจะไปถึงหอพักนอนหลับพักผ่อนกันแล้ว
.
"ปี๊ดดดดดดดดด!"
เสียงนกหวีดดังลากยาวจากเจ้าหน้าที่ พร้อมกับการยกมือขึ้นห้าม
.
"หยุดตรวจ! ลดกระจกลงด้วยครับ!"
เขาตะโกนพลันเดินมาเคาะกระจกป๊อก ๆ เป็นสัญญาณให้คนข้างในรู้
.
แสงไฟสีแดงสลับน้ำเงินในด่านหมุนติ้ว ๆ ป้ายไฟคำว่า "หยุดตรวจ" พื้นสีขาวสว่างไสว ที่ด้านหลังมีเต็นท์ผ้าใบหลังใหญ่แบบที่พวกชาวบ้านชอบกางกันเวลามีงานศพ มีป้ายผ้าไวนิลที่มีอักษรเขียนว่า "ด่านตรวจคัดกรอง covid-19" แขวนห้อยไว้ตรงกลางอย่างชัดเจน
.
ทำเอาทั้งสามคนถึงกับหน้าชา อยากทะเลาะกันต่อนะแต่มันก็ไม่ใช่เวลาอีกต่อไปแล้ว ทุกคนมองหน้ากันเหลอหลาคล้ายจะทำอะไรไม่ถูก แพรวกลับมากำเข็มขัดนิรภัยเอาไว้แน่น กลัวตายจากการขับของพีก็ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าลูกสาวโดนจับที่ด่าน covid พร้อมกับปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดที่มากกว่า 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ล่ะก็ มีหวังงานนี้ได้ตายกันจริง ๆ แน่
.
เสียงเคาะกระจกถี่รัวและดังขึ้น พีเองก็นิ่งเช่นกันเขาเหงื่อแตกซิกเป่าปากพรู สายตากลับมามองตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง แล้วก็ได้แต่หวังว่าตัวเองจะไม่คิดทำอะไรโง่ ๆ อย่างการขับแหกด่าน ดีหรือชั่วขาวหรือดำกำลังตีกันนัวอยู่ในภวังค์ความคิด ฝ่าเท้านาบกับแป้นคันเร่งแตะเอาไว้ ก่อนจะอ่าวโอ้ถึงเปรมผู้จุดประเด็นเพราะถ้าไม่ใช่การเถียงกันในเรื่องของเขาเคสนี้ก็คงไม่เกิด
.
"ก๊อก ๆ , ก๊อก ๆ , ก๊อก ๆ"
.
"ดับเครื่องแล้วลงมาด้วยครับ!"
คราวนี้เปลี่ยนเป็นตะคอก หน้ากากอนามัยกับเฟสชิวที่ยื่นจ่อเข้ามาบ่งบอกว่าด่านตรงนี้รัดกุมขนาดไหน
.
และพอเห็นว่าจวนตัวแล้วมิวท์ก็เลยออกโรง เธอที่เงียบมานานตัดสินใจล้วงมือลงไปในกระเป๋าถืออีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะควานข้ามสมาร์ทโฟนตัวเองที่เพิ่งหาเจอไป แล้วก็หยิบหน้ากากอนามัยอันใหม่ออกมา 3 อันรวด!
.
"ใส่ซะแล้วตั้งสติ! นิ่ง ๆ เข้าไว้นะทุกคน ถ้าเจรจาดี ๆ เราอาจจะรอด! อย่างน้อยเจ้าหน้าที่เขาก็น่าจะเห็นในความเป็นนิสิตของเราบ้าง"
มิวท์ออกความคิด พลางยื่นหน้ากากให้
.
"ขอบใจนะมิวท์.."
แพรวหันมายิ้ม แต่ตาเธอโคตรแดง ทั้งกึ่มทั้งเมา
.
"โดยเฉพาะเธอแพรว! ใส่แมสแล้วปรับลวดตรงสันจมูกให้แน่น ลงรถไปพยายามอย่าพูดอะไร อย่าให้กลิ่นแอลกอฮอล์พ่นออกไปจากลมหายใจเธอได้เด็ดขาด แล้วก็ใส่แว่นนี้ไว้ด้วยจะได้ปิดบังสายตา"
.
มือเรียวยังคงควานหาของในกระเป๋า แล้วก็ได้ออกมาเป็นแว่นสายตาอันหนึ่งที่มีกรอบง่อย ๆ เป็นสีส้มสะท้อนแสง มิวท์คิดว่ามันน่าจะดีกว่าแว่นกันแดดสีดำ ในสถานการณ์และเวลาแบบนี้การใส่แว่นดำจะทำให้ผิดสังเกตได้ง่าย ประกอบกับขอบแว่นสีส้มก็น่าจะพอกลบความฉ่ำของตาแพรวได้
.
"อะ.. อืม.. ฉันจะทำตามที่เธอบอกนะ"
เพื่อนสาวรับปาก
.
ระหว่างนั้นพีก็สังเกตอยู่ตลอด สิ่งที่มิวท์ทำช่างเป็นอะไรที่มากกว่าความเป็นเพื่อน เหมือนเธอจะมีจิตใจโอบอ้อมเมตตาอยู่ตลอดเวลา และถึงเขาจะเป็นกระเทยแต่ลึก ๆ แล้วพีก็ยังมีฮอร์โมนเพศชายผลิตออกมาจากอัณฑะอยู่ เขารู้สึกละอายใจเหลือเกินที่ต้องมาเป็นคนที่ถูกปกป้อง แทนที่จะเป็นตัวเองที่คอยปกป้องผู้อื่น
.
สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด ตบหน้าตัวเองพั๊ว ๆ อยู่สองสามที พลันมองกระจกก่อนจะสวมแมสที่มิวท์ให้มา
.
"มา! เป็นไงเป็นกันสิวะ! กูพร้อมแล้ว!"
กระเทยควายคิดในใจ
.
"ทุกคนไม่ต้องกลัว! เดี๋ยวพอเปิดประตูลงไปที่เหลือฉันจะเป็นคนคุยเอง พวกเราต้องรอดไปด้วยกัน!"
.
ปลุกใจเพื่อนราวกับพระอาจารย์ธรรมโชติแห่งหมู่บ้านบางระจัน แต่นั่นก็นับว่าช่วยเพื่อนได้มากโข ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยแล้วปล่อยให้เหตุการณ์ยาวนานต่อไป
.
.
"กลั๊กกกก!!!!"
เสียงประตูด้านข้างคนขับคลายล็อคออก ตามติดมาด้วยบานอื่น ๆ ที่ดัง "กลั๊กกกก" ไล่หลังมาติด ๆ ทุกคนลงจากรถโดยมีพียืนอยู่หน้าสุดตามแผน
.
ก่อนที่ต่อมาทั้ง 3 จะถูกนำตัวไปที่เต็นท์ ระหว่างเดินเจ้าหน้าที่ใต้หน้ากากเฟสชิวก็ได้แจ้งข้อหาให้พวกเขาฟังไปด้วย ว่ามีความผิดมาตราไหนบ้าง แล้วพอลองมองย้อนกลับไปที่รถอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้มีเจ้าหน้าที่มากกว่า 3 นาย ที่กำลังส่องไฟฉายค้นรถของพวกเขาอยู่
.
"เย็นไว้.. ใจเย็นไว้.. เราต้องรอด"
พีคิด
.
แพรวเองก็ก้มหน้าก้มตาเดินตามต้อย ๆ ปกปิดสถานะตามที่มิวท์บอก ส่วนตัวมิวท์นั้นค่อนข้างผิดคาดเพราะดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่เลย เธอยังคงเดินไปพลางกดโทรศัพท์คุยแชทไปด้วยไม่เดือนไม่ร้อน
.
แต่ทว่า! ทันทีที่มาถึงและนั่งลงที่โต๊ะจุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องก็มาถึง เมื่อจู่ ๆ พีก็ทุบกำปั้นลงที่โต๊ะเสียงดัง!
.
"โครมมมมม!!"
.
เขาหันมาพูดกับแพรวว่าไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้จะจบในเวลาอันสั้นเพราะเขามีพ่อ
.
"ชู่วววว.. หมายความว่าไง? พ่อแกเป็นนักการเมืองหรอ? หรือเป็นคนใหญ่คนโต?"
แพรวกระซิบถาม
.
"เปล่าหรอกพ่อฉันแค่โดนจับเมาแล้วขับบ่อยน่ะ แกก็เลยรู้จักตำรวจ สน.นี้ทั้งโรงพัก โทรเรียกไปแล้วอีกประเดี๋ยวก็คงมา"
.
กระซิบกันเสร็จพีก็ได้ส่งสมาร์ทโฟนที่มีสายของพ่อค้างอยู่ ให้นายตำรวจในเต็นท์คุย
.
"อีพี! อีเวร! แล้วมันจะได้เรื่องไหมเนี่ยะ!?"
ศอกแหลม ๆ กระทุ้งเข้าสีข้าง แพรวป้องปากถามน้ำเสียงดูเป็นกังวลสูงสุด
.
"เอาน่าาาาามึง.. อย่างมากก็แค่รอลงอาญา ไม่ถึงกับติดคุกหรอก"
.
สถานการณ์ยังคงเต็มไปด้วยความสับสน ความมืดดำแห่งราตรีกาลยังไม่อับแสงเท่าคนสามคนในเต็นท์แห่งนี้ แพรวรู้สึกแย่มากจริง ๆ เนื่องจากสิ่งที่พีทำมันไม่ถูกต้อง แพรวไม่ชอบเอาเปรียบสังคมด้วยการโกงแบบนี้เลย แล้วบางทีมิวท์เองก็น่าจะคิดเช่นนั้น เธอถึงได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ออกไปรับโทรศัพท์ อาจจะเป็นสายสำคัญเพราะเห็นหายไปนานแล้ว
.
.
ตัดภาพมาที่มิวท์สาวตัวเล็กลุคคุณหนูคาวาอี้ เป็นไปได้สูงที่ปลายสายของเธอจะเป็นทีมทนายจากบริษัท AP ของพ่อแม่ แต่ไม่ใช่เลย! เพราะคนที่เธอคุยอยู่ก็คือ "เปรม" ใช่! เปรมรุ่นพี่เภสัช! ที่สองเพื่อนรักพยายามจะเคลมเอาเป็นผัวกันให้ได้นั่นแหละ
.
"ไม่ได้ค่ะพี่! มิวท์อยู่กับแพรวเราจะมาแอบคุยกันแบบนี้ไม่ได้นะคะ! มิวท์ไม่อยากหักหลังเพื่อน"
.
/ได้ไงล่ะ! ก็ตอนนี้พี่ยืนอยู่หน้าห้องมิวท์แล้วเนี่ยะ /
.
"ห๊ะ! , งั้นก็หมายความว่ารถคันที่ฝ่าไฟแดง..เมื่อกี้!?"
.
/พูดเรื่องอะไร? แต่ช่างเหอะ! เอาเป็นว่าพี่จะรอแล้วกันไปไหนไม่ได้ด้วยสิ.. ข้างนอกเขาเคอร์ฟิวกันหมดเลย รับผิดชอบพี่ยังไงดีน๊าาาา.. เห็นทีต้องนอนห้องมิวท์แล้วล่ะถ้างั้น^^ /
.
"บ้า! พี่เปรมบ้า!"
.
.
หัวใจเต้นโคตรแรงหว่างขาร้อนวูบวาบหวั่นไหว มิวท์กดตัดสายโทรศัพท์ทิ้งไป พลางยืนคิดนิ่ง ๆ ว่าจะตัดอะไรทิ้งได้อีกบ้างระหว่างเพื่อนรัก กับ คนรัก (ของเพื่อน)
จ้วงขาออกไปพร้อมกับการเชิดหน้า บานประตูกลายเป็นที่รองตีนให้เหยียบย่ำ ประดังความแค้นสุมทรวงทำให้แพรวแสดงออกเช่นนี้ เธอหยุดเจรจาพาทีมุ่งหน้าออกไปจากอพาร์ทเมนต์แห่งนี้โดยเร็ว และถึงแม้ว่าพีจะพยายามตะโกนไล่หลังพลันวิ่งเปลือยท่อนบนออกมาตาม แพรวก็ไม่สนอีกแล้ว.“อีแพรวเดี๋ยว! ชุดมึงมันไม่เรียบร้อย มึงจะโนบลาออกไปเดินโทง ๆ ไม่ได้!”.เห็นแต่แผ่นหลังเดินลงบันไดไปไกลลิบ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงตามสไตล์ของคนที่เพิ่งเสียตัว พีหยุดแล้วแต่แพรวไม่ยอมหยุด เขาไม่ใช่พระพุทธเจ้าแล้วแพรวก็ไม่ใช่องคุลีมาล ไม่มีทางที่จะตรัสรู้ชอบได้ด้วยตนเอง กระเทยหนุ่มเลยต้องปล่อยเลยตามเลยเดินวกกลับเข้าไปในห้อง พร้อมกับยกบานประตูทั้งบานเอาไปประกบไว้คืนที่เดิม.“อีห่า! ค่าส่วนกลางกูก็ต้องจ่ายอีก! ขอให้มึงไม่ท้องอย่าให้กูต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นการแต่งมึงเป็นเมียเลยอีแพรว!”..ตัดภาพมาที่หญิงสาวเพื่อนสนิท เธอยังคงมุ่ยหน้าเดินเหวี่ยงลงบันไดมาด้วยความหงุดหงิด ห้องของพีอยู่ชั้นบนสุดคือชั้น 5 ซึ่งไม่สูงพอที่จะทำให้อพาร์ทเมนต์แห่งนี้มีลิฟท์ไว้อำนวยความสะดวก สาวเจ้าจึงได้แต่เดินแล้วก็เดิน เดินไปคิดไปว่ายังไงซะสถานที่ ๆ จะไปก็คงไม่พ้
“วางถุงกาวแล้วตั้งสติ” ถ้าเป็นวลีฮิตสมัยก่อนต้องใช้คำนี้ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ต้องบอกเลยว่าพลาดที่ไม่ได้ใส่ถุง แพรวลุกขึ้นพรวดจากโซฟาเธอเดินไปเก็บเสื้อผ้า ค่อย ๆ ทยอยสวมใส่ทีละชิ้นด้วยความใจเย็น แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าใส่ไปก็มีแต่รอยขาดจากการถูกกระชากก็ตามที.“……”เงียบเป็นเป่าสาก สาวเจ้าสวมเสื้อนอกตัวบางเป็นลำดับสุดท้าย ก่อนจะขยับตัวไปยืนอยู่หน้าประตู.“มึงจะไปไหน?” พีถาม เขาถูฝ่ามือขยี้หน้าตัวเอง .กระเทยควายอยู่ในอาการจิตตกขั้นสุด บางทีเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยให้เซลล์อสุจิงอกอยู่ในช่องคลอดเพื่อน แพรวจึงโพล่งคำขึ้น.“ก็ไปหาทางแก้ปัญหาไง! กูขอถอนคำพูดที่ว่าไม่เป็นไรนะพี!”“ไอ้พวกผู้ชายสารเลว หน้าไหนก็ไม่ต่างจากหมา ตอนเอาก็ทำรุนแรงพอเลยเถิดทำเรื่องแดง แม่งเห็นมีแต่ผู้หญิงอย่างกูนี่แหละที่เดือดร้อน!”“เหี้ยเอ๊ย! ทำไมมึงปล่อยในวะ อีสัด..ด..ด..ด!”กำหมัดแน่นแถมยังกัดกรามเค้นเสียงสั่นในลำคอ ดูทรงแล้วแพรวคงจะโกรธมากจริง ๆ.แข้งขาเธออ่อนยวบยาบไปหมด แค่นึกถึงกลีบผกาก็สั่นไหว ไม่รู้เหมือนกันว่าเกี่ยวกันไหมแต่เหมือนแพรวจะรู้สึกว่าจุดซ่อนเร้นข้างในนั้นช่างชุ่มแฉะ โกรธจนหยาดน้ำเสียวเล็ดซึมอ
ภายใต้ผนังห้องที่ทึบตันอับทึบแสง แดดจะแยงยังยากลำบาก มิหนำซ้ำยังถูกพอกทับด้วยกระดาษกาวนานาชนิดที่ปิดผนึกทุกอย่างเอาไว้กันเชื้อโรค ให้ตายเถอะถ้าไม่ขาดใจตายก็มีแต่จะร้อนตายกันเท่านั้น เพื่อนซี้ที่เพิ่งได้กันเลยค่อย ๆ เผยอเปลือกตาสะลึมสะลือขึ้น.แพรวลุกขึ้นได้ก่อนเธอเห็นทุกอย่างขาวพร่าดวงตายังไม่โฟกัส แต่สติยังอยู่ดีไม่ได้ความจำเสื่อม กลีบผกายังคงแสบเสียวสะท้อนให้เห็นว่ากระเจี๊ยวที่แยงแหย่นั้นเร่าร้อนขนาดไหน.“ซีดดด.. มึนหัวจัง”พูดพลันเอื้อมมือไปคว้าเอาเสื้อยืดตัวบางมาสวมใส่แบบโนบลา ก่อนจะนั่งลงห้อยขาโน้มตัวมาด้านหน้าทำสีหน้าเศร้า.“มึงเป็นไงบ้างพี..?”.ร่างใหญ่ตวัดพลิกดีดตัวขึ้นนั่งขัดสมาธิ ในชุดนุ่งลมห่มฟ้าเนื้อตัวดำกร้านของเขากลืนไปกับบรรยากาศห้องที่มืดหม่น เขาลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา เอามือผสานกันวางไว้ที่ตักแบบเดียวกับที่แพรวทำ.“ครือ..อ..อ..อ..อ~!”เสียงแอร์ดังกลบทุกสรรพสิ่ง ราวกับว่าต่างคนต่างรอให้อีกคนมีปฏิกิริยาก่อน .“เราได้กันแล้ว..”พีเปิดประเด็น.“กูขอโทษ~ กูไม่เมาหรอก~ กูไม่~ แบบ..บ..บ..บ”“เหี้ยเอ๊ย! แม่งทำอะไรลงไปวะ?”ตีอกชกตัวทำทุกอย่างที่มีความรุนแรง แต่ใบหน้าดำคล้ำ
ปลายลิ้นสากลากวนหัวถันยอดเกสรลุกชูชันเกินจะต่อต้าน แพรวเริ่มขยับหนีตามจริตจะกร้านด้วยเพราะรู้โดยสันดานว่าตัวเองก็สมยอม แต่ก็ต้องพยายามขัดเอาไว้หน่อยไม่ให้ฝ่ายนั้นคิดว่าง่ายเกินไป เธอกระเถิบตัวขึ้นไปพิงกับพนักวางแขนของโซฟา ครานั้นพีก็ยังตามขึ้นมาโดยการใช้คางพาดไว้บนเนินอก.“หนีทำไม?”เขาเค้นเสียงถาม ลมหายใจร้อนผ่าวจนผิวเต้าเกร็งลุก.“…….”แพรวไม่ตอบเธอเหลือบมองไปทางอื่น พลันใช้มือปิดบังหน้าอกตัวเองเอาไว้ ก่อนจะดันร่างอันบอบบางกระเถิบหนีขึ้นไปพิงกับพนักโซฟา.“กูไม่ให้มึงหนีหรอก มึงพลาดแล้วที่คิดจะยั่วกูอีแพรว!”.ร่างหนาโผขึ้นไปประกบ ชั่วเสี้ยวอึดใจสองกายก็กลมกลึงรวมเป็นหนึ่ง พีสอดแขนเข้าล็อคตัวแพรวเอาไว้ก่อนจะใช้เข่าดันลำตัวส่วนบนอันแน่
เทปกาวหลายขนานปิดทับช่องว่างใต้ประตู ขอบหน้าต่างอัดแน่นไปด้วยกาวยางซิลิโคน ชนิดที่แม้แต่แมลงวันสักตัวก็แทรกผ่านเข้ามาไม่ได้ แอร์ถูกปิด เปิดเพียงระบบฟอกอากาศพอให้ได้ใช้หายใจ และถ้าหากฆ่าแพรวที่มีส่วนร่วมในการแย่งหายใจทิ้งได้ พีก็คงทำไปแล้ว.“มึงเว่อร์อ่ะอีพี!”แพรวตะโกนบอก ขณะนั่งกดโทรศัพท์เล่นอยู่บนโซฟา.“ช่างมึงสิ! ก็นี่มันห้องกู ๆ จะทำอะไรก็ได้ มึงไม่เห็นสิ่งที่มิวท์ทำเหรอ? มึงเห็นกับตาแล้วมิใช่รึไงว่าข้างนอกนั้นเป็นยังไงบ้าง กันไว้ดีกว่าแก้นะมึง!”ร่างหนาดั่งหมีป่าแบกตู้กับข้าวโครม ๆ พีลากมันมากั้นประตูหน้าห้องเอาไว้ เขากลัวเชื้อไวรัสขึ้นสมองจนต้องรีบกลับมารีโนเวทห้องตัวเอง ให้เป็นดั่งห้องปิดตายอย่างที่เห็น.“เฮ๊อะ! ตื่นตูมชะมัด! ต่อให้มีโคนัน 10 คนก็ไขเข้ามาไม่ได้หรอกถ้ามึงทำขนาดนี้”แพรวประชด.“ไม่ช่วยก็อย่าพาลดิ กูรู้หรอกว่ามึงคิดอะไรอยู่ในหัว ทำเป็นกลบเกลื่อนความเสียใจใช่ไหมล่ะ? ตอนซ้อนมอไซต์กูกลับมามึงถึงไม่พูดไม่จาสักคำ”.เจอประโยคนี้เข้าไปเล่นเอาสาวเจ้าถึงกับจุก แพรวเสยผมหนึ่งทีถึงรู้ว่าใบหน้าที่เคยขาวเด้งบัดนี้มีแต่คราบน้ำตา พีแทบไม่อยากเชื่อว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเห
เปรมที่ยืนอยู่บนท้ายกระบะพร้อมอยู่แล้ว เริ่มมีการขยับแข้งขาให้เข้าที่ ด้านหลังเขาคือตู้ตรวจเชื้อกระจกใส แต่ด้านหน้าคือฝูงชนมากมายที่ทยอยกันเข้ามาแออัดเนืองแน่น ส่วนหนึ่งต้องชมเจ้าหน้าที่ด้วยที่ทำงานได้อย่างขมีขมัน พวกเขากวาดต้อนผู้คนได้ครบจนเกือบหมด ไม่เช่นนั้นภาพที่ออกมาคงไม่คลาคล่ำขนาดนี้.หัวหน้าหน่วยเป่าปากพรูส่วนมือก็เริ่มมีการขยับ เปรมเริ่มหมุนจุกก๊อกตรงกลางฝ่ามือออกทั้งสองข้าง พลันทิ้งฝาปิดลงกับพื้นแล้วทันใดนั้นเอง กลุ่มก๊าซสีแดงฉานก็ลอยเอ่อออกมาจากรู บุ๋ง.. บุ๋ง.. บุ๋ง.. บุ๋ง..~!.“พร้อมแล้วทีนี้ก็เข้ามาเลย! พ่อจะพ่นให้ร่วงเป็นยุงหน้าฝนเลยคอยดู ไอ้ไวรัสสารเลว ฮึ่ย~!".คิดได้ดังนั้นการลงมือก็บังเกิด สายละอองก๊าซลอยคละคลุ้งเป็นมุมเสยขึ้นไปบนฟากฟ้า อาศัยว่ายืนอยู่บนจุดที่สูงกว่ามวลก๊าซก็เลยโค้งปกคลุมลงมาโดนศีรษะของผู้ติดเชื้อแบบครบทุกคน แดงฉานบานสะพรั่ง ใครใส่เสื้อสีขาวมาเจอละอองแห่งการรักษานี้เข้าไปมีสิทธิ์กลายเป็นหนึ่งในแกนนำนปช.ได้ในทันที.แม้กระบวนการจะดูนอกคอกไปนิด แต่ก็ได้ผลดีเหมือนเช่นทุกหน ไม่มีประชาชนคนไหนคิดจะหลบหนีเลย พวกเขาต่างรู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำคืออะไร ใ