หาจนล้าแต่นี่ไวรัสนะไม่ใช่หาเห็บหมาออกจากหลังสุนัขจรจัด ที่จะได้เจอกันง่าย ๆ ไม่ใช่ความโชคร้ายเลวทรามอะไรหรอก หากแต่เป็นการไม่เจียมตัวและประเมินกำลังตัวเองผิดไปของแพรวมากกว่า ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นการล้มเหลวอย่างพังพินาศ ไม่พบไวรัสคร่าชีวิตตามที่บันทึกเขียนบอก และต่อให้เจอแพรวก็ดูไม่ออกอยู่ดีว่ายาที่เห็นใช้สิ่งที่ต้องการหรือไม่ เจ็บใจแต่ไม่เจ็บปวด เพราะอย่างน้อยเธอก็ได้ทำเพื่อพีแล้ว แม้ภารกิจสุดท้ายจะไม่สำเร็จ แต่หากนับปริมาณรูปถ่ายกับหน่วยความจำเมมโมรี่ในโทรศัพท์ที่พร่องลงไป ก็นับว่าได้การณ์อยู่พอตัว แพรวมีข้อมูลหลักฐานมากพอที่จะทำให้พีเชื่อได้ว่าพ่อนักวิทยาศาสตร์ของเขา มีส่วนสำคัญในการทำให้เพศสภาพลูกเป็นแบบนี้
.
“เอาล่ะถ้างั้นก็ถึงเวลาออกจากที่นี่สักที”
หญิงสาวปาดเหงื่อพลันบ่นกับตัวเองในใจ
.
“ฉันล้อเล่นหรอกน่าใครจะเป็นบ้ามุดท่อระบายน้ำใต้ตะแกรงเหล็กนี่ออกไปกัน ขี้คร้านเชื้อโรคจะเยอะกว่าโควิดข้างนอกซะอีก ฉันมีอีกวิธีหนึ่งที่เพิ่งคิดออกสด ๆ ร้อน ๆ เลย มาลองดูกันเถอะ!”
.
ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็จัดแจงเดินทะลุออกมาจากโซนห้องแล็บแล้วตรงเข้าไปในครัว เธอกระเถิบร่างบางผ่านโต๊ะกินข้าวที่มีพ่อฟุบหลับอยู่อย่างระแวดระวัง ก่อนจะหยิบมีดบังตอติดมือออกมาเล่มหนึ่ง แพรวชักมันออกมาจากที่เก็บมีดบนเคาท์เตอร์ พลางชูขึ้นอาบฉาบต้องแสงไฟ
.
“ฉันจำได้ว่าพ่อใช้กำปั้นทุบกับผนังแล้วประตูแล็บก็เปิดออก เพราะงั้นจะต้องมีเซ็นเซอร์ที่บันทึกลายนิ้วมืออยู่ตรงประตูแน่"
“ไม่ลองไม่รู้ กล้า ๆ หน่อยแพรว ก็แค่ตัดมือคนแก่ไปนาบกับข้างประตูมันจะไปยากอะไร แกกลัวคนเมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ลำพังจะยืนให้ตรงพ่อยังทำไม่ได้เลย!"
.
ปลุกใจตัวเองเสร็จก็เป่าปากพรูไปหนึ่งที แพรวเอาจริงเธอเดินอาด ๆ เข้ามากระชากหัวพ่อที่ฟุบคาอยู่บนโต๊ะให้แหงนไปด้านหลัง พลันจับเอามือข้างที่เคยเห็นใช้ทุบกำแพง ขึ้นมาวางพาดบนโต๊ะในท่าทางที่สุดจะทะมัดทะแมง เม้มปากแน่นกัดเกร็งก่อนจะฟันฉับ! ลงใส่บริเวณข้อมือของพ่อ!
.
“ฉึบ!!!”
.
“ซู่!!!”
ไม่ได้เอาแค่นิ้วแต่สาวเจ้าล่อทั้งมือเลย สายโลหิตกระซ่านเซ็นราวกับน้ำพุ!
.
แพรวยิ้มกึ่งหัวเราะแปลกที่เธอไม่ยักจะได้ยินเสียงกรีดร้องของพ่อสักแอะ หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเมาจนสลบไสลก็ไม่รู้ เธอไม่สนใจ แพรวมองดูรอยบากขนาดยาวบนโต๊ะไม้ และมองดูมีดบังตอที่ปักคาอยู่ด้านบนราวกับอนุสรณ์สถาน เลือดเจิ่งนองหยดติ๋ง ๆ โต๊ะทั้งโต๊ะแดงฉานแถมยังเหม็นคาวคละคลุ้งไปทั่วห้อง
.
“มือกระเด็นไปไหนนะ?”
เธอถาม
.
ผีห่าซาตานตนใดเข้าสิงถึงเปลี่ยนผู้หญิงสวย ๆ ให้อำมหิตได้ถึงเพียงนี้ เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ความจิตตกหมกมุ่นไม่เคยเป็นคาร์แร็คเตอร์ของเธอเลย เหตุผลของความรุนแรงยังคงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม และก่อนจะได้คำตอบที่ต้องการแพรวก็ได้จัดแจงก้มลงไปที่ใต้โต๊ะ จากการหาไวรัสตอนต้นบท เข้าสู่ช่วงท้ายบทดันกลายเป็นการหามือที่กระเด็นหลุดออกจากแขนคนไปซะงั้น สาวเจ้าก้มคลานสอดส่ายสายตาหาจนทั่วแต่ก็ไม่พบ และจังหวะถอดใจจะลุกขึ้นยืนเท่านั้นแหละ ดวงดันซวยเอาหัวไปโขกชนเข้ากับขอบโต๊ะซะได้
.
“โป๊ก!!!”
.
“โอ๊ยยย!!!”
.
ความอัศจรรย์บังเกิดเมื่อจู่ ๆ ก็เกิดได้สติฟื้นคืนกลับมา ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ค่อย ๆ รีเพลย์ย้อนกลับหลังเป็นภาพสโลโมชั่น back forward reverse ย้อนทิศทางทีละเฟรม ๆ จนมาหยุดกึกอยู่ตอนที่แพรวกำลังจะเดินเข้าไปในครัว แล้วมีพ่อนอนหน้าทิ่มอยู่บนโต๊ะ ให้ตายเถอะ! ทุกสิ่งเธอคิดไปเองล้วน ๆ แพรวจะใจไม้ไส้ระกำทำกับคนรุ่นลุงแบบนั้นได้ยังไง เธอก็แค่คิดไปตามประสาเด็กวัยรุ่น ว่าถ้าหั่นนิ้วหั่นดุ้นลุงออกไปได้ก็คงดี อะไร ๆ คงจะง่ายขึ้นเยอะไม่ต้องมาติดแหง็กอยู่แบบนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีหรอกนะ
.
“มา! มาเริ่มกันเลย!”
ตีอกชกตัวแพรวขอลองอีกหน
.
คราวนี้ของจริงไม่ใช่ภาพฝัน เธอจิกหัวพ่อแหงนหน้าพาดไปด้านหลังพนักเก้าอี้ ต่อด้วยการหยิบเอามือข้างขวาของแกขึ้นมาวางราบไว้บนโต๊ะ โดยจับพลิกด้านให้ฝ่ามือแหงนโชว์ขึ้นข้างบน หลังจากนั้นก็จัดแจงเอาสมาร์ทโฟนของตัวเองที่กล้องหลังชัดสุด ๆ มากดถ่ายรูปนิ้วมือของพ่อเอาไว้
.
“แชะ!!!”
.
ในโหมดหน้าชัดหลังเบลอนิ้วหัวแม่มือนี่เห็นแบบเต็ม ๆ ชัด ๆ สาดซูมเข้าไปถึงรูขุมขน เรียกได้ว่าถ้าไม่ผ่านก็ให้มันรู้ไป เสร็จจากตรงนี้แพรวก็ส่งพ่อเข้านอนบนโต๊ะตามเดิม ไม่มีลากไปที่โซฟาหรือหาผ้าห่มมาห่มให้ตามแบบฉบับของสาวน้อยวัยใสใด ๆ ทั้งสิ้น
.
"หวัดดีค่ะพ่อ"
คือสิ่งที่แพรวแจ้งบอก เธอจับสมาร์ทโฟนถือเท่ ๆ เดินโทง ๆ ย้อนกลับมาที่หน้าประตูห้องแล็บอีกครั้ง ก่อนจะชูมันเข้าหาแผงตรวจจับเซ็นเซอร์ที่ด้านข้างประตู แล้วรออย่างมีความหวัง
.
“ตุ๊ด.. ด.. ด.. ด.. ด ตุ๊ด.. ด.. ด.. ด..”
“ตู๊ด ๆ !”
“ยืนยันตัวตนถูกต้อง..”
“เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะด็อกเตอร์”
คือเสียงคอมพิวเตอร์จากระบบ security แจ้ง
.
สุดท้ายแพรวก็ทำสำเร็จเธอหลอกระบบได้ง่าย ๆ ด้วยการอาศัยเทคโนโลยีจากโลกปัจจุบัน ที่พ่อค้าแม่ค้าใช้ขายของผ่านการแสกนจ่าย เธอก็เลยเดินขึ้นบันไดชั้นใต้ดินออกมาสู่ภาคพื้นได้อย่างสง่างาม
.
.
ประตูห้องเก็บของแง้มเปิดออก แพรวโผล่ขึ้นมา ณ จุดกึ่งกลางบ้าน พลันสังเกตเห็นจากนอกหน้าต่างว่าฝนโควิดด้านนอกนั้นหยุดตกแล้ว
.
“โอเค~! โล่งอกไปที~! หาหน้ากากครอบแก้วใส่สักอันแล้วออกไปข้างนอกกัน อีพีจะต้องรู้เรื่องนี้ สิ่งที่พ่อมันทำสำคัญกว่ายาคุมฉุกเฉินกันท้องของเราเยอะ”
.
ไม่รู้จริงไหมแต่โชคดีมากที่บ้านไม้พัง ๆ ที่สร้างขึ้นมาหลอก ๆ นี้ดันมีหน้ากากกันแก็สอยู่อันหนึ่ง มันถูกแขวนไว้ตรงหน้าประตูราวกับเป็นของ ๆ คุณพ่อที่จำเป็นจะต้องใช้เวลาออกนอกบ้าน เพราะนอกจากเจ้านี่แล้วก็ยังมีกุญแจรถ แล้วก็มีกุญแจมอเตอร์ไซต์แขวนรวมปะปนกันอยู่
.
“หึ! คนแก่ก็แบบนี้! พอสมองเลอะ ๆ เลือน ๆ ก็มักจะวางของไว้ที่เดิม ๆ เพื่อกันหลง ดูจากรอยแดดเลียแล้วคงแขวนไว้ตรงนี้ประจำสินะคะ หนูขอเอาไปใช้หน่อยนะคะพ่อ ขอบคุณค่ะ”
ประนมมือย่อเข่าถอนสายบัวอย่างสวยงาม พลางตวัดเอาหน้ากากกันแก็สเข้ามาครอบลงที่หน้าตัวเอง ณ เดี๋ยวนั้น ใกล้กันยังมีเสื้อกันฝน รองเท้าบูธที่แม้จะเบอร์ใหญ่เกินไซต์ผู้หญิงไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรป้องกันเชื้อโรคเลย
.
หลักฐานพร้อม อุปกรณ์พร้อม แต่งตัวเสร็จแพรวก็เปิดประตูหน้าบ้านผุ ๆ ออกไปสู่โลกภายนอก
.
“พ่ามมม!!!!”
.
สนามหญ้าแห้งกรอบหงิกหงอยใบเหี่ยวเฉา เดินย่ำเท้าลงมาเหยียบเบา ๆ แทบจะกลายเป็นฝุ่นขี้เถ้าปลิวล่องลอย แพรวกระชับหน้ากากกันแก็สให้แน่นขึ้นไปอีก เธอรู้ว่ามันไม่ใช่ของดีที่กันเชื้อได้แบบของบริษัท AP จึงต้องเช็ครอยต่อตรงคอว่าแนบสนิทดีไหม พลางทอดสายตามองสิ่งต่าง ๆ หลังพายุผ่านพ้นไปพร้อมกันไปด้วย
.
“ซีดดด!!!”
“โกลาหลมากอ่ะ แบบนี้จะติดต่ออีพียังไง”
.
เสาไฟหักโค่นขวางทางรถ ถนนแตกเป็นหลุมราวกับหลุมยุบที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำใต้ดิน สัญญาณเน็ตเป็นศูนย์ สัญญาณโทรศัพท์ไม่มี แทบเป็นไปไม่ได้ที่อีพีจะมาถึงที่นี่ได้ ติดต่อครั้งสุดท้ายพีบอกจะรีบมาหาแพรว แต่ดูจากความอเนจอนาถของสิ่งแวดล้อมแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าค่อนข้างจะยาก รถประสบอุบัติเหตุเกินกว่าสิบคันซ้อน เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็มีกันน้อยนิดแค่ 2 -3 คน บางทีอาจจะกระจายตัวไปช่วยที่ต่าง ๆ อยู่ ซึ่งนี่คือกลียุคโดยไม่ต้องสืบ คือมหาวิบัติที่หนักกว่าสึนามิหรือภูเขาไฟระเบิด แต่ละคนทำงานกันหนักมากและขณะที่แพรวเดินสืบเท้าออกมาจากสนามหญ้าหน้าบ้านช้า ๆ นั่นเอง เธอก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
.
“นี่ประเทศเรามาถึงจุดนี้แล้วเหรอ? ”
“จุดที่หน่วยกู้ภัยปอเต็กตึ้ง , ร่วมกตัญญู ต้องใส่ชุด PPE ออกมาเก็บศพ!?”
“(อีพี~! มึงถึงไหนแล้วเนี่ยะ~! มึงปลอดภัยดีรึเปล่า?)”
“มึงเป็นไงบ้างแพรว กูห่วงมึงแทบแย่! พ่อกูได้ทำอะไรมึงไหม? แกเมารึเปล่า? แล้วพูดอะไรกับมึงบ้าง? มึงอย่าเชื่อแกเชียวนะเว๊ย!”ลิ้นพันกันเป็นระวิงพียิงคำถามใส่แพรวแบบไม่มีเว้นวรรค พลางจับหัวไหล่เธอเขย่าโครม ๆ.ทำเอาสาวเจ้าถึงกับต้องออกปาก ภายใต้หน้ากากกันแก๊ซกับหน้ากากครอบแก้วจากบริษัท AP ที่พีสวมอยู่ ศีรษะพวกเขาแทบจะโขกกัน เห็นแต่ดวงตาจึงเดาไม่ถูกว่าต่างคนต่างเก็บอะไรไว้ในใจบ้าง ฝ่ายหญิงจึงได้โพล่งคำออกไปก่อน.“กูไม่เป็นไรหรอก! พ่อมึงเมาชิบหาย! กูก็เลยปล่อยให้แกหลับคาโต๊ะกินข้าวอยู่ในห้องใต้ดินโน่น!”.“ห้องใต้ดิน?! มึงลงไปแล้วเหรอ?!" .“อ่า~! กูรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวมึงหมดแล้ว ว่าแต่มึงเหอะไม่เป็นไรใช่ไหม? กูถามพี่เจ้าหน้าที่มูลนิธิคนหนึ่งเขาบอกว่าหน่วยคัดกรองโรคตรวจหากระเทยกันเข้มมาก กูล่ะเสียวมึงจะโดนจับ!”.พีเป่าปากถอนใจเฮือกใหญ่ แววตาเขาดูมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับห้องใต้ดินมาก จึงรีบเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองให้แพรวฟัง เพื่อที่เสร็จแล้วจะได้รีบถามเธอกลับไปว่า ที่บอกว่ารู้ความจริงน่ะคือรู้เรื่องอะไร ไปรับสาส์นมาแบบบิดเบือนข้อเท็จจริงรึเปล่า.แล้วภาพเหตุการณ์ก็ถ
ความสงสัยใคร่รู้อันเป็นนิสัยประจำตัวมิอาจหยุดยั้งได้ ขนาดเสือกไดอารี่ของคนอื่นยังทำได้ ประสาอะไรกับการถามใครสักคนถึงเรื่องที่อยากทราบ แพรวตรงดิ่งเข้าไปหาเจ้าหน้าที่มูลนิธิคนหนึ่งที่ยืนอยู่แถวนั้น.“พี่คะทำไมพวกพี่มากันน้อยจังเลยอ่ะ รถชนกันมากมายเสาไฟฟ้าก็ล้ม แล้วแบบนี้กว่าจะกู้สัญญาณต่าง ๆ ได้ไม่ใช้เวลาเป็นวันเลยหรอคะ?”เท้าสะเอวถาม ยืนจังก้าแถมยังไม่เว้นระยะห่าง.“บ้านน้องอยู่แถวนี้เหรอ?”.“อะ.. เอิ่มค่ะ.. บ้านไม้ข้างหลังนี่บ้านหนูเอง หนูจะเอารถออกแต่ถนนดันเละไปหมด ทีมงานพี่ไปไหนหมดคะ?”ขายผ้าเอาหน้ารอดไปพลาง ดีที่แพรวยังหัวไวทำให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิในชุด PPE ต้องเล่าความจริงก่อนหน้าที่จะมาถึงที่นี่ให้ฟัง.ว่าสาเหตุที่มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาน้อยก็เพราะคณะทำงานทีมสอบสวนโรคเชิงรุก ได้ทำการตั้งด่านตรวจหากระเทยอย่างเข้มข้น พวกเขาเพิกเฉยต่อการตรวจหาเชื้อโควิดแล้ว แต่มาสนใจวิธีฆ่าเชื้อด้วยการนำสิ่งมีชีวิตผิดเพศไปทดลองในห้องแล็บแทน กระเทยก็เลยเป็นที่ต้องการตัว ใครที่มีบุคลิกเป็นผู้ชายเลยต้องโดนตรวจสอบผ่าน 3 กรรมวิธีสำคัญได้แก่.หนึ่งการตรวจความกว้างของปลายลิ้น กล่าวคือโดยทั่วไปผู้หญิงจะมี
หาจนล้าแต่นี่ไวรัสนะไม่ใช่หาเห็บหมาออกจากหลังสุนัขจรจัด ที่จะได้เจอกันง่าย ๆ ไม่ใช่ความโชคร้ายเลวทรามอะไรหรอก หากแต่เป็นการไม่เจียมตัวและประเมินกำลังตัวเองผิดไปของแพรวมากกว่า ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นการล้มเหลวอย่างพังพินาศ ไม่พบไวรัสคร่าชีวิตตามที่บันทึกเขียนบอก และต่อให้เจอแพรวก็ดูไม่ออกอยู่ดีว่ายาที่เห็นใช้สิ่งที่ต้องการหรือไม่ เจ็บใจแต่ไม่เจ็บปวด เพราะอย่างน้อยเธอก็ได้ทำเพื่อพีแล้ว แม้ภารกิจสุดท้ายจะไม่สำเร็จ แต่หากนับปริมาณรูปถ่ายกับหน่วยความจำเมมโมรี่ในโทรศัพท์ที่พร่องลงไป ก็นับว่าได้การณ์อยู่พอตัว แพรวมีข้อมูลหลักฐานมากพอที่จะทำให้พีเชื่อได้ว่าพ่อนักวิทยาศาสตร์ของเขา มีส่วนสำคัญในการทำให้เพศสภาพลูกเป็นแบบนี้.“เอาล่ะถ้างั้นก็ถึงเวลาออกจากที่นี่สักที”หญิงสาวปาดเหงื่อพลันบ่นกับตัวเองในใจ .“ฉันล้อเล่นหรอกน่าใครจะเป็นบ้ามุดท่อระบายน้ำใต้ตะแกรงเหล็กนี่ออกไปกัน ขี้คร้านเชื้อโรคจะเยอะกว่าโควิดข้างนอกซะอีก ฉันมีอีกวิธีหนึ่งที่เพิ่งคิดออกสด ๆ ร้อน ๆ เลย มาลองดูกันเถอะ!”.ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็จัดแจงเดินทะลุออกมาจากโซนห้องแล็บแล้วตรงเข้าไปในครัว เธอกระเถิบร่างบางผ่านโต๊ะกินข้าวที่มีพ่อฟุบหลับ
“จะไปยากอะไรในเมื่อไม่มีลิมิตว่าให้ใส่รหัสได้กี่ครั้ง เราก็ใส่สุ่ม ๆ เดา ๆ จนกว่าจะถูกไปเลยสิ”.ว่าแล้วมือเรียวก็จ่อนิ้วไปที่แป้นกดทัชสกรีน สีของหน้าจอยังคงแดงฉานประหนึ่งสัญญาณเตือนว่าจะไม่ยอมให้ใครออกไปจากห้องเก็บตัวอย่าง DNA นี้ได้ง่าย ๆ .“หนึ่ง , เก้า , เก้า , เก้า" "1999 เอ้า! เอาปี ค.ศ.แรกที่เขียนไว้ในสมุดไดอารี่นี่แหละ มี 4 ตัวพอดีลองดูซิว่าใช่รึเปล่า?”.“ติ๊ด! , ติ๊ด! , ติ๊ด! , ติ๊ด!”เกิดเสียงสัญญาณดังขึ้นในทุก ๆ ครั้งที่ลงน้ำหนักนิ้ว ฟังผ่าน ๆ เหมือนกับเสียงแป้นตัวเลขตามตู้ ATM หน้าธนาคาร.แต่ใครจะสนล่ะในเมื่อมันถูก! คุณพระช่วย! บอกแพรวทีว่าเธอฟลุ๊คหรือเธอฟลุ๊คกันแน่ เมื่อหน้าจอแดง ๆ ขนาดเกือบฟุตเปลี่ยนสีกลายเป็นสีเขียวพร้อมกับคำว่า “Open” ที่สว่างโพลงขึ้นมาแจ่มแจ้ง จากนั้นตัวล็อคสปริงข้างในก็ได้คลายตัวออก ทำให้ประตูเหล็กทั้งบานแง้มเปิดออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่มีควันฟุ้งแบบอลังการ มีแต่เศษขี้ฝุ่นของความปิดไว้นานที่กระจายพรมลงบนหัวแพรวพร้อมกับรอยยิ้ม.“อ่าฮ่ะให้มันได้อย่างงี้สิ! ทีเดียวผ่านเลยลำดับต่อไปก็แค่หาทางออกจากบังเกอร์นี้ให้ได้ก่อนที่พ่อจะตื่นขึ้นมา เป็น
“ฝ่าเท้าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงขนาด องศาจากการพิมพ์ฟุตปริ้นท์บันทึกการเฉียงได้ที่มุม 37 องศางุ้มปลายส่วนหน้าหันเข้าด้านใน เป็นสัญญาณที่ดีที่บ่งชี้ว่าสรีระของพีมีการเปลี่ยนแปลง วันนี้ผมจะพอเท่านี้ก่อนผมจะส่งลูกเข้านอนในแบบที่คุณทำกับเขาทุกวัน อีกไม่นานนุช.. พีเริ่มจะคล้ายคุณขึ้นบ้างแล้ว”.“วันที่ 15 มี.ค. ค.ศ. 2000 / กลางวัน / แล็บใต้ดินที่บ้าน”“การลาออกจากบริษัทถือเป็นการตัดสินใจที่ไม่เลวทีเดียว ผมเอางานที่คุณทำค้างไว้กลับมาสานต่อด้วยนะ แล้วก็ให้ช่างมาทำห้องแล็บลับไว้ที่ใต้ดินด้วย ผมย้ายสิ่งที่ทำบนดินลงมาไว้ที่นี่แล้ว เสียใจจริงที่คุณไม่ได้อยู่ดู พีไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่หรอกเขาบอกว่ามันน่ากลัว ไม่เหมือนปราสาทบนดินที่มีเจ้าหญิง เขียดเส้นใต้คำว่า “เจ้าหญิง” ทีนุช แล้วบอกผมทีว่าหูผมไม่ได้ฝาด ค่ำ ๆ ผมจะลองเช็คคลื่นสมองเขาอีกที ผมว่าตอนนี้จิตใต้สำนึกเขาเริ่มจะกลายเป็นเด็กผู้หญิงแล้ว”.หยุดเดินลงตรงมุมโต๊ะเครื่องแป้ง แพรวถึงกับชะงัก ร่างบางของเธอชาไปครึ่งซีกพลันกระชับไดอารี่ไว้จนแน่น .“เดี๋ยวนะ! นี่คืออะไรกัน?! ทำไมอ่านแล้วให้อารมณ์เหมือนพ่อกำลังเปลี่ยนพีให้เป็นผู้หญิงเลยอ่ะ ดูจากตัวเลขปี
“มึงมันเป็นพ่อที่ไม่เอาไหน โทรศัพท์ขึ้น miss call 20 กว่าสายยังปาทิ้งได้ไม่ใยดี นั่นเมียมึงโทรมานะ ถ้ารู้ว่าพีน้อยอ๊วกเป็นเลือดกูจะไม่มีวันเลือกงานก่อนครอบครัวเลย 22.00 น. หยุดการสังเกตผลแล็บ เก็บของทุกอย่างรีบไปโรงบาล และขอให้รถไม่ติดมาก แต่แม่งก็ติดชิบหายอยู่ดี เมืองหลวงเป็นเหี้ยอะไรวะ ลูกกูจะตายอยู่แล้ว ชีวิตดีที่ลงตัวพ่องมึงสิ ไอ้ส้นตีน! เบื่อว่ะ.. เซ็งโคตร! " .ช่างเป็นการเขียนไดอารี่ที่ฮาร์ดคอร์สะใจมาก ลายมือตวัดรุนแรงราวกับรีบร้อน แพรวผู้ถูกขังยังคงตั้งหน้าตั้งตาอ่านแม้เธอจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าพีน้อยจะไม่เป็นอะไร และเติบโตขึ้นมาเป็นสาวประเภทสอง แต่ก็ยังอยากรู้เรื่องราวในตอนนั้นอยู่ดี.“ ดึ๋ง ๆ , ดั๋ง ๆ , ดึ๋ง ๆ ”ขย่มเตียงดีดเด้งขยับก้นนั่งให้ถนัด ๆ พลันหลุบสายตาลงไปยังหน้ากระดาษต่อ.“พรึบ!”.“ตอนนั้นกูเครียดมากจริง ๆ พยายามโทรหานุชแล้วแต่เธอคงไม่ว่างรับสาย ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง รถโรงบาลที่บอกว่าเรียกมาแม่งจะฝ่ารถติดหนักกับศุกร์คืนฝนพรำแบบนี้ได้เหรอ ไม่มีทางหรอก! กลัวว่ะ! กลัวว่าลูกจะเป็นอะไรไปบนรถ! กังวลมากด้วย! เลยหักพวงมาลัยปาดคร่อมเลน แล้วเอารถกระบะบริษัทจอดยัดไว้ในจุ