หาจนล้าแต่นี่ไวรัสนะไม่ใช่หาเห็บหมาออกจากหลังสุนัขจรจัด ที่จะได้เจอกันง่าย ๆ ไม่ใช่ความโชคร้ายเลวทรามอะไรหรอก หากแต่เป็นการไม่เจียมตัวและประเมินกำลังตัวเองผิดไปของแพรวมากกว่า ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นการล้มเหลวอย่างพังพินาศ ไม่พบไวรัสคร่าชีวิตตามที่บันทึกเขียนบอก และต่อให้เจอแพรวก็ดูไม่ออกอยู่ดีว่ายาที่เห็นใช้สิ่งที่ต้องการหรือไม่ เจ็บใจแต่ไม่เจ็บปวด เพราะอย่างน้อยเธอก็ได้ทำเพื่อพีแล้ว แม้ภารกิจสุดท้ายจะไม่สำเร็จ แต่หากนับปริมาณรูปถ่ายกับหน่วยความจำเมมโมรี่ในโทรศัพท์ที่พร่องลงไป ก็นับว่าได้การณ์อยู่พอตัว แพรวมีข้อมูลหลักฐานมากพอที่จะทำให้พีเชื่อได้ว่าพ่อนักวิทยาศาสตร์ของเขา มีส่วนสำคัญในการทำให้เพศสภาพลูกเป็นแบบนี้
.
“เอาล่ะถ้างั้นก็ถึงเวลาออกจากที่นี่สักที”
หญิงสาวปาดเหงื่อพลันบ่นกับตัวเองในใจ
.
“ฉันล้อเล่นหรอกน่าใครจะเป็นบ้ามุดท่อระบายน้ำใต้ตะแกรงเหล็กนี่ออกไปกัน ขี้คร้านเชื้อโรคจะเยอะกว่าโควิดข้างนอกซะอีก ฉันมีอีกวิธีหนึ่งที่เพิ่งคิดออกสด ๆ ร้อน ๆ เลย มาลองดูกันเถอะ!”
.
ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็จัดแจงเดินทะลุออกมาจากโซนห้องแล็บแล้วตรงเข้าไปในครัว เธอกระเถิบร่างบางผ่านโต๊ะกินข้าวที่มีพ่อฟุบหลับอยู่อย่างระแวดระวัง ก่อนจะหยิบมีดบังตอติดมือออกมาเล่มหนึ่ง แพรวชักมันออกมาจากที่เก็บมีดบนเคาท์เตอร์ พลางชูขึ้นอาบฉาบต้องแสงไฟ
.
“ฉันจำได้ว่าพ่อใช้กำปั้นทุบกับผนังแล้วประตูแล็บก็เปิดออก เพราะงั้นจะต้องมีเซ็นเซอร์ที่บันทึกลายนิ้วมืออยู่ตรงประตูแน่"
“ไม่ลองไม่รู้ กล้า ๆ หน่อยแพรว ก็แค่ตัดมือคนแก่ไปนาบกับข้างประตูมันจะไปยากอะไร แกกลัวคนเมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ลำพังจะยืนให้ตรงพ่อยังทำไม่ได้เลย!"
.
ปลุกใจตัวเองเสร็จก็เป่าปากพรูไปหนึ่งที แพรวเอาจริงเธอเดินอาด ๆ เข้ามากระชากหัวพ่อที่ฟุบคาอยู่บนโต๊ะให้แหงนไปด้านหลัง พลันจับเอามือข้างที่เคยเห็นใช้ทุบกำแพง ขึ้นมาวางพาดบนโต๊ะในท่าทางที่สุดจะทะมัดทะแมง เม้มปากแน่นกัดเกร็งก่อนจะฟันฉับ! ลงใส่บริเวณข้อมือของพ่อ!
.
“ฉึบ!!!”
.
“ซู่!!!”
ไม่ได้เอาแค่นิ้วแต่สาวเจ้าล่อทั้งมือเลย สายโลหิตกระซ่านเซ็นราวกับน้ำพุ!
.
แพรวยิ้มกึ่งหัวเราะแปลกที่เธอไม่ยักจะได้ยินเสียงกรีดร้องของพ่อสักแอะ หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเมาจนสลบไสลก็ไม่รู้ เธอไม่สนใจ แพรวมองดูรอยบากขนาดยาวบนโต๊ะไม้ และมองดูมีดบังตอที่ปักคาอยู่ด้านบนราวกับอนุสรณ์สถาน เลือดเจิ่งนองหยดติ๋ง ๆ โต๊ะทั้งโต๊ะแดงฉานแถมยังเหม็นคาวคละคลุ้งไปทั่วห้อง
.
“มือกระเด็นไปไหนนะ?”
เธอถาม
.
ผีห่าซาตานตนใดเข้าสิงถึงเปลี่ยนผู้หญิงสวย ๆ ให้อำมหิตได้ถึงเพียงนี้ เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ความจิตตกหมกมุ่นไม่เคยเป็นคาร์แร็คเตอร์ของเธอเลย เหตุผลของความรุนแรงยังคงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม และก่อนจะได้คำตอบที่ต้องการแพรวก็ได้จัดแจงก้มลงไปที่ใต้โต๊ะ จากการหาไวรัสตอนต้นบท เข้าสู่ช่วงท้ายบทดันกลายเป็นการหามือที่กระเด็นหลุดออกจากแขนคนไปซะงั้น สาวเจ้าก้มคลานสอดส่ายสายตาหาจนทั่วแต่ก็ไม่พบ และจังหวะถอดใจจะลุกขึ้นยืนเท่านั้นแหละ ดวงดันซวยเอาหัวไปโขกชนเข้ากับขอบโต๊ะซะได้
.
“โป๊ก!!!”
.
“โอ๊ยยย!!!”
.
ความอัศจรรย์บังเกิดเมื่อจู่ ๆ ก็เกิดได้สติฟื้นคืนกลับมา ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ค่อย ๆ รีเพลย์ย้อนกลับหลังเป็นภาพสโลโมชั่น back forward reverse ย้อนทิศทางทีละเฟรม ๆ จนมาหยุดกึกอยู่ตอนที่แพรวกำลังจะเดินเข้าไปในครัว แล้วมีพ่อนอนหน้าทิ่มอยู่บนโต๊ะ ให้ตายเถอะ! ทุกสิ่งเธอคิดไปเองล้วน ๆ แพรวจะใจไม้ไส้ระกำทำกับคนรุ่นลุงแบบนั้นได้ยังไง เธอก็แค่คิดไปตามประสาเด็กวัยรุ่น ว่าถ้าหั่นนิ้วหั่นดุ้นลุงออกไปได้ก็คงดี อะไร ๆ คงจะง่ายขึ้นเยอะไม่ต้องมาติดแหง็กอยู่แบบนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีหรอกนะ
.
“มา! มาเริ่มกันเลย!”
ตีอกชกตัวแพรวขอลองอีกหน
.
คราวนี้ของจริงไม่ใช่ภาพฝัน เธอจิกหัวพ่อแหงนหน้าพาดไปด้านหลังพนักเก้าอี้ ต่อด้วยการหยิบเอามือข้างขวาของแกขึ้นมาวางราบไว้บนโต๊ะ โดยจับพลิกด้านให้ฝ่ามือแหงนโชว์ขึ้นข้างบน หลังจากนั้นก็จัดแจงเอาสมาร์ทโฟนของตัวเองที่กล้องหลังชัดสุด ๆ มากดถ่ายรูปนิ้วมือของพ่อเอาไว้
.
“แชะ!!!”
.
ในโหมดหน้าชัดหลังเบลอนิ้วหัวแม่มือนี่เห็นแบบเต็ม ๆ ชัด ๆ สาดซูมเข้าไปถึงรูขุมขน เรียกได้ว่าถ้าไม่ผ่านก็ให้มันรู้ไป เสร็จจากตรงนี้แพรวก็ส่งพ่อเข้านอนบนโต๊ะตามเดิม ไม่มีลากไปที่โซฟาหรือหาผ้าห่มมาห่มให้ตามแบบฉบับของสาวน้อยวัยใสใด ๆ ทั้งสิ้น
.
"หวัดดีค่ะพ่อ"
คือสิ่งที่แพรวแจ้งบอก เธอจับสมาร์ทโฟนถือเท่ ๆ เดินโทง ๆ ย้อนกลับมาที่หน้าประตูห้องแล็บอีกครั้ง ก่อนจะชูมันเข้าหาแผงตรวจจับเซ็นเซอร์ที่ด้านข้างประตู แล้วรออย่างมีความหวัง
.
“ตุ๊ด.. ด.. ด.. ด.. ด ตุ๊ด.. ด.. ด.. ด..”
“ตู๊ด ๆ !”
“ยืนยันตัวตนถูกต้อง..”
“เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะด็อกเตอร์”
คือเสียงคอมพิวเตอร์จากระบบ security แจ้ง
.
สุดท้ายแพรวก็ทำสำเร็จเธอหลอกระบบได้ง่าย ๆ ด้วยการอาศัยเทคโนโลยีจากโลกปัจจุบัน ที่พ่อค้าแม่ค้าใช้ขายของผ่านการแสกนจ่าย เธอก็เลยเดินขึ้นบันไดชั้นใต้ดินออกมาสู่ภาคพื้นได้อย่างสง่างาม
.
.
ประตูห้องเก็บของแง้มเปิดออก แพรวโผล่ขึ้นมา ณ จุดกึ่งกลางบ้าน พลันสังเกตเห็นจากนอกหน้าต่างว่าฝนโควิดด้านนอกนั้นหยุดตกแล้ว
.
“โอเค~! โล่งอกไปที~! หาหน้ากากครอบแก้วใส่สักอันแล้วออกไปข้างนอกกัน อีพีจะต้องรู้เรื่องนี้ สิ่งที่พ่อมันทำสำคัญกว่ายาคุมฉุกเฉินกันท้องของเราเยอะ”
.
ไม่รู้จริงไหมแต่โชคดีมากที่บ้านไม้พัง ๆ ที่สร้างขึ้นมาหลอก ๆ นี้ดันมีหน้ากากกันแก็สอยู่อันหนึ่ง มันถูกแขวนไว้ตรงหน้าประตูราวกับเป็นของ ๆ คุณพ่อที่จำเป็นจะต้องใช้เวลาออกนอกบ้าน เพราะนอกจากเจ้านี่แล้วก็ยังมีกุญแจรถ แล้วก็มีกุญแจมอเตอร์ไซต์แขวนรวมปะปนกันอยู่
.
“หึ! คนแก่ก็แบบนี้! พอสมองเลอะ ๆ เลือน ๆ ก็มักจะวางของไว้ที่เดิม ๆ เพื่อกันหลง ดูจากรอยแดดเลียแล้วคงแขวนไว้ตรงนี้ประจำสินะคะ หนูขอเอาไปใช้หน่อยนะคะพ่อ ขอบคุณค่ะ”
ประนมมือย่อเข่าถอนสายบัวอย่างสวยงาม พลางตวัดเอาหน้ากากกันแก็สเข้ามาครอบลงที่หน้าตัวเอง ณ เดี๋ยวนั้น ใกล้กันยังมีเสื้อกันฝน รองเท้าบูธที่แม้จะเบอร์ใหญ่เกินไซต์ผู้หญิงไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรป้องกันเชื้อโรคเลย
.
หลักฐานพร้อม อุปกรณ์พร้อม แต่งตัวเสร็จแพรวก็เปิดประตูหน้าบ้านผุ ๆ ออกไปสู่โลกภายนอก
.
“พ่ามมม!!!!”
.
สนามหญ้าแห้งกรอบหงิกหงอยใบเหี่ยวเฉา เดินย่ำเท้าลงมาเหยียบเบา ๆ แทบจะกลายเป็นฝุ่นขี้เถ้าปลิวล่องลอย แพรวกระชับหน้ากากกันแก็สให้แน่นขึ้นไปอีก เธอรู้ว่ามันไม่ใช่ของดีที่กันเชื้อได้แบบของบริษัท AP จึงต้องเช็ครอยต่อตรงคอว่าแนบสนิทดีไหม พลางทอดสายตามองสิ่งต่าง ๆ หลังพายุผ่านพ้นไปพร้อมกันไปด้วย
.
“ซีดดด!!!”
“โกลาหลมากอ่ะ แบบนี้จะติดต่ออีพียังไง”
.
เสาไฟหักโค่นขวางทางรถ ถนนแตกเป็นหลุมราวกับหลุมยุบที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำใต้ดิน สัญญาณเน็ตเป็นศูนย์ สัญญาณโทรศัพท์ไม่มี แทบเป็นไปไม่ได้ที่อีพีจะมาถึงที่นี่ได้ ติดต่อครั้งสุดท้ายพีบอกจะรีบมาหาแพรว แต่ดูจากความอเนจอนาถของสิ่งแวดล้อมแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าค่อนข้างจะยาก รถประสบอุบัติเหตุเกินกว่าสิบคันซ้อน เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็มีกันน้อยนิดแค่ 2 -3 คน บางทีอาจจะกระจายตัวไปช่วยที่ต่าง ๆ อยู่ ซึ่งนี่คือกลียุคโดยไม่ต้องสืบ คือมหาวิบัติที่หนักกว่าสึนามิหรือภูเขาไฟระเบิด แต่ละคนทำงานกันหนักมากและขณะที่แพรวเดินสืบเท้าออกมาจากสนามหญ้าหน้าบ้านช้า ๆ นั่นเอง เธอก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
.
“นี่ประเทศเรามาถึงจุดนี้แล้วเหรอ? ”
“จุดที่หน่วยกู้ภัยปอเต็กตึ้ง , ร่วมกตัญญู ต้องใส่ชุด PPE ออกมาเก็บศพ!?”
“(อีพี~! มึงถึงไหนแล้วเนี่ยะ~! มึงปลอดภัยดีรึเปล่า?)”
“ผมทุบกระป๋องก๊าซได้รึยังพี่แพรว!”หนูน้อยป้องปากตะโกนถาม ภายใต้กระแสลมต้านที่พุ่งอัดเข้ามาอย่างรุนแรง .ณ ตอนนี้หัวเรือกำลังเชิดทำมุมราว 30 องศา มันแล่นแหวกอากาศและโดนน้ำทะเลน้อยมาก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร เพราะทุกครั้งที่แรงพุ่งจากก๊าซด้านหลังเริ่มซาลง ส่วนหน้าที่โบ๊ทรับผิดชอบอยู่ก็จะเป็นที่แรกที่โดน Covid-19 เล่นงานก่อนส่วนอื่น แพรวจึงรีบตะโกนตอบน้องกลับไปในเสี้ยวอึดใจ.“รอจังหวะให้เรือช้ากว่านี้อีกนิดแล้วจัดการเลยโบ๊ท! เราต้องทำงานให้สัมพันธ์กันนะ งั้นจะใช้ประโยชน์จากก๊าซได้ไม่เต็มที่!”“เราอาจจะหนีไปไม่พ้นเมืองหลวงก็ได้ ถ้าก๊าซในสต็อกเราหมดก่อน!”.“ครับพี่.. ผมเข้าใจแล้ว!”.ร่างเล็กของเด็กประถมก้มต่ำลงจนลำตัวแทบจะครูดกับพื้นเรือ โบ๊ทเจตนาจะทำให้ตัวเองสัมผัสโดนลมให้น้อยที่สุด พลันกระเถิบตัวขึ้นหน้ากระดืบ ๆ ไปราวกับตัวหนอน กระทั่งมาถึงจุดที่เป็นมุมสามเหลี่ยมตรงหัวเรือได้สำเร็จ ที่นี่เขาก้มลงไปมองผืนน้ำด้านล่างได้อย่างสบาย อ่านค่าความเร็วจากการกะด้วยสายตา แล้วทันทีที่เห็นว่าเรือเริ่มช้า เขาก็ได้ทุบก๊าซกระป๋องหนึ่งแล้วก็ปามันลงไป.“ตูมมมมม!!!!”.“ฟู่~~~!!!!!!!
“ซ่าาาา~!”เสียงโครงเรือยอร์ชที่ยังต่อไม่เสร็จกระทบผิวน้ำกระซ่านเซ็น พอดีกันกับโดรนอารักขาที่ใช้งานได้โคตรจะคุ้ม มันตัดสายเคเบิลที่ยึดโยงออกไปหมดสิ้น พลันลอยขึ้นไปบนฟ้าเพื่อทำหน้าที่ฉายไฟส่องสว่างลงมา ราวกับสปอร์ตไลท์ตามสนามกีฬากลางแจ้ง.“แชะ! , แชะ!”.ราตรีกาลเข้าครอบครองท้องฟ้า ส่วนท้องธาราก็เป็นไปตามการคำนวณ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจริงเฉกเช่นที่แพรวฟันธงเอาไว้ ต่างคนต่างรีบกระโจนลงเรือ และแม้ตัวบอดี้จะโคลงเคลงหนักมาก แต่ก็นับว่าดีอย่างที่ยังพอจะแบกรับน้ำหนักของทุกคนไหว ในส่วนนี้ต้องยกเครดิตให้กับทักษะของช่างต่อเรือ หรือไม่ก็เศรษฐีเจ้าของทุนทรัพย์ เพราะลำพังก้าวแรกที่ย่ำลงมา แพรวก็เห็นแล้วว่าทุกส่วนของโครงสร้างล้วนทำขึ้นจากวัสดุชั้นเยี่ยมเกรดพรีเมี่ยมทั้งสิ้น .เธอสั่งให้สองเด็กสาวเพื่อนเจนิสเอาเศษไม้แผ่นแบน ที่วางกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปมาทำเป็นที่คัดท้าย มีความโชคดีอย่างที่ของเหล่านี้ไม่ใช่ของหายากอะไรนัก ถ้าอยู่บนเรือที่ยังต่อไม่เสร็จ หลังจากนั้นก็สั่งให้พวกเธอ Stand by รอคัดท้ายตามคำสั่งอีกที ก็เลยเหลือแต่เจนิสกับโบ๊ทที่ยังว่างงานและยังไม่ได้รับมอบหมายให้ทำอะไร.เรือค่อย ๆ แล่นออ
นั่นจึงเท่ากับว่าน้ำในทะเลอาจจะไม่ปลอดภัย บางทีแม่น้ำสาขาทุกสายก็อาจจะปนเปื้อนไปด้วยเชื้อแล้วก็ได้ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงโบ๊ทจึงได้ขยับนิ้วมือกับแหวนทั้ง 5 ของเขาอีกที .“ฟิ้ว~!”โดรนอารักขาลำเก่งโฉบปักหัวลงมาจากเบื้องบน ราวกับพญาอินทรีย์พร้อมเข้าประจำที่.มันยื่นท่อนเหล็กสีเงินลักษณะคล้ายก้านปรอทวัดไข้ออกมาจากลำตัวส่วนล่าง ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่กระสุน .35 มม. จำนวนมหาศาลร่วงกราวลงมาเมื่อตอนก่อน ความยาวของอุปกรณ์ชนิดนี้น่าจะราว 2 ไม้บรรทัดเห็นจะได้ และโบ๊ทเรียกมันว่า “โคโรน่ามิเตอร์” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีไว้สำหรับตรวจหาเชื้อโควิดโดยเฉพาะ.เขาสั่งการให้โดรนอารักขาหย่อนมันลงไปในน้ำทะเล แกว่งส่ายวนคนไปมาราว 20 - 30 ทีโดรนก็ยกตัวเองขึ้นจากน้ำ ปรากฏว่าไฟสถานะบนลำโดรนถึงกับแดงโล่! การลิงค์สัญญาณเกิดขึ้นทันที ก่อนจะฉายค่าสถานะและชุดข้อมูลพร้อมกับผลแล็บไปยังกระจกครอบแก้วที่โบ๊ทสวมใส่อยู่ พลันเปลี่ยนใบหน้าบ่องแบ้วของเขาให้กลายเป็นจอแสดงผลไปในบัดดล.“มันก็เหมือนการ “swab”(สว็อป) ตอนเราไปให้หมอแหย่จมูกนั่นแหละครับพี่ ๆ แค่เปลี่ยนจากรูจมูกคนเป็นน้ำทะเล ว่าแต่ผลเป็นไงบ้างครับ? ”โบ๊
ห้าชีวิตกับอีกหนึ่งลำโดรนย่างกรายเข้ามายังโซนลับแลแห่งนี้ด้วยความมุ่งมั่น ย้อนกลับไปไม่ได้คือเหตุผลข้อที่หนึ่ง ส่วนการไปต่อไม่ได้เพราะข้างหน้ามีแต่ทะเลคือเหตุผลข้อที่สอง แพรวก็เลยเดินนำหน้าแบกกระเป๋าเป้อาด ๆ พลางควัก Glock 18 อาวุธประจำกายขึ้นมาประทับเล็งเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เรียนตามตรงว่าท่าเรือเป็นแอเรียที่เธอมีข้อมูลน้อยมากเมื่อเทียบกับที่อื่น ที่นี่แทบจะไม่ได้ถูกเขียนรายละเอียดใด ๆ ไว้ในแผนที่เลย ฉะนั้นหน้าที่ของมันจึงจบลงเพียงเท่านี้.“พรึบ!”แพรวพับแผนที่เก็บเข้าไปในกระเป๋า สื่อให้ทุกคนเห็นว่าแต่นี้ต่อไปคือการด้นสดล้วน ๆ พลาดก็คือตายและถ้าไม่อยากตายก็จงอย่าพลาด.“ระวังตัวด้วยทุกคน เราจะเข้าไปในโกดังนั่นดู คิดว่าน่าจะเป็นคลังเก็บสินค้าและบันไดลงสู่ท่าเรือก็น่าจะอยู่ในนั้น”แพรวกระซิบบอก.เช่นกันกับเจนิสกับเพื่อน ๆ ที่ต่างก็ระวังหน้าระวังหลังให้กันเป็นอย่างดี เธอจับมือโบ๊ทเอาไว้แทบจะตลอดเวลา โดยหารู้ไม่ว่าโดรนอารักขาที่ลอยอยู่บนฟ้า นั้นมีขีดความสามารถที่สูงกว่าคนจริง ๆ อย่างพวกเธอสามคนรวมกันซะอีก.“ไม่เป็นไรครับพี่เจนิสไม่ต้องดูแลผมดีนักหรอก ทางที่ดีผมว่าพ
พรรคพวกของโบ๊ทมีกันอยู่หลายคน แล้วก็ดำรงชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จากการตามล่าของพวก AP เหมือนกับแคลนอื่น ๆ พวกเขามี LGBT รวมอยู่ในกลุ่มเยอะ ก่อนที่ความผิดพลาดจะมาเกิดขึ้นที่ท้องฟ้าจำลอง เมื่อหน่วยแพทย์ของ AP ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมเกิดย้อนกลับมาเช็คทรัพย์สิน มีการปะทะกันเกิดขึ้น! แคลนของโบ๊ทแตกเป็นเสี่ยงเนื่องจากไปถือวิสาสะยึดเอาแลนด์มาร์คตรงนี้เป็นจุดพักแรม ผู้คนก็เลยถูกกวาดต้อนไปเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงพ่อแม่ของเขาด้วย .ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมโบ๊ทถึงรอดมาได้นั้น ก็อยู่ที่แหวนทั้ง 5 วงบนนิ้วมือของเขานั่นเอง อุปกรณ์ชิ้นนี้มีไว้ใช้บังคับโดรนมากกว่า 150 ลำ บางลำเป็น Riot โดรนติดอาวุธหนัก บางลำเป็นโดรนอารักขา ส่วนบางลำก็เป็นโดรนข่าวสาร โบ๊ทใช้พวกมันอย่างคล่องแคล่วในการต่อสู้กับพวก AP และขับไล่พวกทรราชเหล่านี้ออกไปจากอาคารท้องฟ้าจำลองได้เป็นผลสำเร็จ ทว่าก็ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นการอยู่คนเดียวในอาคารหลังโตแบบโดดเดี่ยว พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว เพื่อนฝูงพี่น้องก็โดนหางเลขไปด้วยหมด.ย้อนกลับไปหลายตอนก่อนหน้านี้ เราจึงได้เห็นโบ๊ทใช้กล้องโทรทัศน์ส่องหาแคลนที่ยังมีผู้รอดชีวิตไปทั่วเมือง จนกระทั่งมาพบกับกลุ่
เสมือนหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่กระเสือกกระสนหาทางรอด ตัวเป็นจักรกลทว่าข้างในคงมีจิตวิญญาณของปลาช่อนที่กำลังจะโดนทุบหัวบรรจุอยู่ Riot โดรนถึงได้แสดงพฤติกรรมเกรี้ยวกราดดังที่เห็น เปลวไฟพ่นออกมารอบทิศราวกับลูกข้างที่รวมร่างกับกระบองไฟ มันพ่นขู่คำรามแล้วก็ได้ผล เมื่อกลุ่มเรดี้ทั้ง 4 นางต่างก็ถอยกรูออกห่างไปทุกที พอเจนิสลองสืบเท้าเข้าไปใกล้มันก็พ่นไฟออกมาใส่อีก.“อ๊ายยย! ไม่ได้เลยพี่แพรวไฟร้อนมากค่ะ!”เธอรีบผินหน้ากลับมาบอก.สวนทางกับแพรวที่มีประสบการณ์มากกว่า หลังจับสัญญาณได้จากไฟสถานะบนตัวโดรนที่มีการกระพริบเปลี่ยนจังหวะไป พลางบอกให้น้อง ๆ ตระเตรียมอาวุธขึ้นมือเอาไว้.“ไม่เป็นไรเจนิส.. ไม่ต้องเข้าไปหรอก.. เราแค่ต้องตามเจ้านี่ไปก็พอ”.“ไปไหนอ่ะพี่?”.“เดี๋ยวก็รู้! เจ้าโดรนนี่ไม่มีทางทำแบบนี้ได้ถ้าไม่มีใครบังคับ.. เชื่อฉัน!”.แล้วก็จริงอย่างที่แพรวสันนิษฐาน ผ่านไปราว 3 นาทีกับอีกนิดหน่อยแก๊สในตัวก็หมดลง จากไฟพุ่ง ๆ ตอนนี้แค่ถ่มถุยออกมายังยากลำบาก ไหนจะท่วงท่าการบินที่กระท่อนกระแท่นเต็มทีนั่นอีก เพดานบินเริ่มลดระดับต่ำลง Riot โดรน เริ่มเบี่ยงเส้นทางบินหนีออกไปอีกฝั่งผ่านการร่อนที่เอียงกระเ