ปล่องควันโพยพุ่งส่งคนเคยคุ้นขึ้นสู่ฟากฟ้า วิญญาณพีไม่ต่างจากฝุ่นผง Pm 2.5 ที่ลอยปลิวไปตามสายลม ไปแล้วไปลับเหลือไว้แต่ความทรงจำ หมดแรงที่จะเสียน้ำตาแพรวกับพ่อของพีจากลากันหลังจากพิธีเสร็จ ทั้งสองต่างอยู่บนพื้นฐานเดียวกันที่ว่าแต่นี้ต่อไปคงไม่มีเหตุผลใดให้กลับมาพบกันอีกแล้ว
.
ความเหงาความโศกเศร้าจะกลายเป็นเพียงอดีตที่หวนคิดถึงกี่ทีก็จะมีความทุกข์ พีคือสัญลักษณ์ของความโชคร้าย และเขาไม่จำเป็นต้องตายหากไม่ใช่เพราะฝีมือของ หมอ , เปรม , มิวค์ , และบริษษัท AP ที่แอบอ้างว่าตนเองเป็นองค์กรเดียวในโลกที่ต่อกรกับไวรัสร้ายชนิดนี้ได้
.
พีตายเพราะอยากได้เลือดไปทำยา เขาดับขัณฑ์อัปราเนื่องจากเป็นส่วนผสมสำคัญให้ก๊าซบนฝ่ามือเปรมได้ใช้ฉีดพ่น ทว่าสุดท้ายคืออะไร ความจริงในความจริงก็คือมันไม่ได้ช่วยในแง่ของการรักษาโรคเลย หน่วยแพทย์เชิงรุกที่มีเปรมเป็นหัวหน้าลงพื้นที่อย่างเข้มข้นก็จริง พวกเขาบุกเข้าไปในทุกตรอกซอกซอยของมหานครเมืองหลวง และทำการฉีดพ่นแล้วก็พ่น! แต่!
.
ก๊าซไม่ได้รักษาคนเลยสักนิด! มันแค่ยับยั้งการลุกลามของเชื้อในตัวให้อยู่ในวงจำกัด ทำให้ผู้ป่วยแค่ทุเลาอาการให้ตายช้าลงไม่ได้หายขาด แล้วนี่หรือคือสิ่งที่พีเสียสละ! เขาถูกจับไปทรมานจนตายเพียงเพื่อช่วยยื้อชีวิตของคนในชาติได้กระหย่อมหนึ่ง ยังมี LGBT อีกหลายล้านคนที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ พวกเขาต่างกลัวว่าตนเองจะโดนทีมของเปรมไล่ล่า โดนจับไปทำยาที่เอาไปรักษาใครก็ไม่หาย ช่างเป็นอะไรที่แสนจะไร้สาระสิ้นดี มีแต่บริษัท AP ที่มิวค์คุมบังเหียนอยู่นี่แหละ ที่เคลมนักหนาว่าการรักษาของพวกเขานั้นดีเลิศประเสริฐศรี
.
“หึ.. ขำเน๊อะ!”
“มีแต่คนปัญญาอ่อนแหละที่จะเชื่อเธอมิวค์!”
แพรวสบถคำหยัน เธอที่เพิ่งผ่านการเผาศพเพื่อนมาหยก ๆ เปิดหน้ากากครอบแก้วขึ้นพลางแหงนขึ้นไปมองจอโฆษณา LED ขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บนทางเชื่อมรถไฟฟ้า
.
ขนาดของมันกินพื้นที่ตึกถึง 2 คูหาใหญ่โตโอ่อ่า บดบังทัศนียภาพของสถานีรถไฟร้างแห่งนี้ได้อย่างสิ้นเชิง ตัวสถานีถูกสั่งงดใช้บริการมานานนับเดือน ทุกอย่างจึงดับสนิทบันไดเลื่อนหยุดทำงาน ทั้งสถานีไม่มีแม้แต่การจ่ายไฟ จะมีก็แต่ป้ายโฆษณาขายยายักษ์ใหญ่แผ่นนี้แผ่นเดียวที่เรียกร้องทุกสายตาให้จับจ้องไปที่มัน
.
“หึ.. รักษาทุกคนงั้นเหรอ? AP คืนกำไรเพื่อสังคม? แน่จริงก็บอกว่าฟรีสิทำไมถึงไม่กล้า?!”
“ถ้าคนในชาติรู้ว่าเบื้องหลังก๊าซพวกนั้นเป็นมายังไง บริษัทของเธอรวมทั้งพี่เปรมกับพวกหมอ ๆ ได้มีอันจบเห่แน่ ทำ LGBT ตายไปตั้งเท่าไหร่ พวกที่เป็นบ้ายังไม่ได้นับ ยังมีหน้ามายืนยิ้มแป้นทำตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์คู่หลอกลวงผู้คนอีกนะมิวท์!"
แพรวร่ายยาวเป็นฉาก ๆ เธอมุ่ยหน้างึมงำอิดหนาระอาใจไปกับพฤติกรรมของมิวค์และเปรม ที่ไม่ยอมมาแม้แต่งานเผาศพของเพื่อน พวกเขาอ้างประเด็นเรื่องการรักษาระยะห่าง แล้วก็มีเพียงพวงหรีดและเงินช่วยทำศพที่ส่งมาให้ผ่านทางทีมงานเลขาเท่านั้น โดนแบบนี้เข้าไปเป็นใครมันจะไม่แค้น
.
.
เหตุการณ์ได้ดำเนินไปอีก 2 ปี จาก 2019 เข้าสู่ปี 2022 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกระชับวงล้อมเอาไว้ได้ ตัวเลขผู้เสียชีวิตเหวี่ยงกลับมาสูงกว่าผู้ติดเชื้อ วันไหนที่ติดเชื้อถึงหลักพันวันนั้นจะมีคนตายเป็นหลักหมื่น มันคือไวรัสล้างโรคโดยแท้จริงกลืนกินทุกสรรพสิ่งราวกับเป็นเครื่องดูดฝุ่นของพระเจ้า ที่ต้องการจะเก็บกวาดโลกให้สะอาดเอี่ยมอ่อง
.
ผู้คนเริ่มทยอยหนีออกจากเมืองหลวงหลังรัฐบาลประกาศให้เป็นพื้นที่สีเลือด เลือดที่เข้มกว่าแดงแค่ตะแคงตีนเหยียบลงไปการันตีได้เลยว่าต้องมีศพ ปัจจุบันเมรุมีสภาพไม่ต่างจากเตาเผาขยะ ปากปล่องพ่นควันเศษขี้เถ้าทั้งวันทั้งคืนชนิดที่หมาต้องเห่าหอนกันเสียงแหบเสียงแห้ง ศพแล้วศพเล่าถูกนำมาเผาเพื่อเป็นการทำลายเชื้อไม่ให้แพร่กระจาย หมอพยาบาลทำงานดุจโสเภณีที่ต้องพลีกายให้แก่ผู้ป่วยแบบเต็มที่ 24 ชั่วโมง แถมยังฟรี No service ชาร์ท
.
บุคลากรทางสาธารณสุขหลายต่อหลายคนถึงกับหนีโรงพยาบาล ไม่ต่างจากทหารที่หนีศูนย์ฝึก พวกเขาไม่ใช่รั้วของชาติแต่มาตรการที่เกินจะรับมือก็ทำให้เกิดความรักตัวกลัวตายขึ้นมาบ้างเหมือนกัน หมอคนไหนอยู่ก็อยู่ด้วยอุดมการณ์ ส่วนคนไหนคิดจะหนีกลับบ้านมาตรการก็ต้องเข้มข้น เพราะนอกเหนือจากผู้ป่วยแล้วตัวหมอเองนั่นแหละคือแหล่งของโรคชั้นดี ถ้าไม่อยากเอาเชื้อไปติดคนที่รักสู้อยู่โรงพยาบาลอยู่ใกล้ยาอยู่ใกล้อุปกรณ์เหมือนจะดูดีกว่า
.
บ้านเมือง พ.ศ.นี้จึงเข้าสู่คำว่ากลียุคอย่างแท้จริง ทุกสรรพสิ่งจมดิ่งเศรษฐกิจพังการเมืองทรุด จนไม่มีใครอยากจะเข้ามาเป็นรัฐบาลในชั่วยามนี้ ประเทศรูปขวานนี้แทบจะไม่มีทรัพยากรใดหลงเหลืออยู่แล้ว ในน้ำมีปลาในนามีข้าวในทะเลมีบ่อก๊าซ แต่เดี๋ยวนี้ทุกที่แม่งมีแต่โควิด
.
การปล้นสะดมมีไม่เว้นแต่ละวัน ธนาคารถูกจี้ แม้แต่คนที่เป็นยามเฝ้าด้านหน้ายังเป็นคนงัดตู้ ATM เอาเงินออกมาแจกซะเอง สถานการณ์บานปลายจนเอาไม่อยู่ ส่วนคนที่เหลืออยู่ก็มีแต่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอด แค่ 2 ปีเท่านั้น 2 ปีให้หลัง ๆ จากการระบาดระลอกแรก นับถึงตอนนี้ประเทศก็ได้เข้าสู่การระบาดรอบที่ 200 เข้าไปแล้ว และอีกไม่นานเกินรอรอบที่ 300 ไปจนถึง 1,000 ก็คงจะมาถึง
.
"กร๊อบบบ!"
.
"ฟู่~~!"
.
ฟันคมที่ยังแข็งแรงแบบวัยรุ่นขบกัดลงบนแกนกระป๋อง ก่อนที่ต่อมาจะมีกลุ่มก๊าซสีแดงที่คาวเหมือนกลิ่นเลือดฟุ้งออกมาเล็กน้อยประปราย ดูจากลักษณะเหมือนจะเป็นของเก่าเหลือทิ้งที่เก็บมาใช้ มากกว่าจะเป็นของจริงที่เพิ่งซื้อมาใหม่ แพรวนักศึกษาสาวเป็นเจ้าของ ๆ สิ่งนี้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า 2 ปีผ่านไปนับจากที่พีเสียชีวิตหล่อนจะมาอยู่ตรงจุดต่ำสุดเยี่ยงนี้ได้
.
เธอเผยอโพรงจมูกสูดดมก๊าซฟุดฟิด ใบหน้าเริ่มผ่อนคลายแต่ก็น่าเสียดายที่ในกระป๋องเหลือก๊าซอยู่แค่นิดเดียว
.
"อ่า~! ช่างมันเถอะ! ถ้าไม่สูดก๊าซกระป๋องที่ AP ทำมาขาย เราเองก็คงได้ตายไปซะก่อน!"
.
"กร๊อบบบ!"
กัดย้ำลงที่เดิมอีกที แน่นอนว่าคราวนี้กระป๋องนั้นเงียบสนิท
.
โถชีวิตจากที่กระแนะกระแหนเขาซะดิบดี มาบัดนี้เหมือนแพรวจะต้องกลืนน้ำลายตัวเอง กระป๋องก๊าซจาก AP กลายเป็นไอเท็มประจำตัวที่จะขาดเสียไม่ได้ ซ้ำร้ายเมื่อทุกวันนี้แพรวยังต้องอาศัยเพิงพักชั่วคราวที่มีป้ายโฆษณา LED ของมิวค์และเปรมเป็นหลังคาคุ้มแดดกันฝน สถานีรถไฟร้างกลายเป็นแหล่งอยู่อาศัยที่ดีพอจะใช้พักพิงได้ชั่วคราว มันคงใช้หลบแดดหลบฝนได้อีกสัก 2 -3 เดือน แล้วหลังจากนั้นก็คงจะหลอมละลายเหมือนกับหอพักของเธอที่โดนโควิดย่อยสลายไปเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน
.
ร่อนเร่เต็มตัวพเนจรเต็มขั้น จากนักศึกษาสาว ๆ สวย ๆ ต้องระหกระเหินร่อนเร่จนแทบจดจำลุคเดิมไม่ได้ แต่ก็ไม่ต้องแปลกใจหรอก! เพราะทุกคนก็ไม่ต่างกัน! แต่ละคนล้วนมีเป้าหมายเดียวกันนั่นก็คือการหาทางออกไปจากมหานครที่พังทลายแห่งนี้ให้เร็วที่สุด ติดอยู่ที่ถนนหนทางที่ถูกตัดขาดนี่สิ! ผนวกกับรถรายานพาหนะก็ไม่มีรุ่นไหนยี่ห้อไหนที่ทนการกัดกินของเชื้อโควิดได้เกิน 1 สัปดาห์เลย เท่าที่ทำได้ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นคืออยู่เพื่อรอจังหวะ ถ้ามีช่องทางหรือมีโอกาสเหมาะ ๆ แพรวก็จะรีบเผ่นไปจากที่นี่ในทันที
.
"ฉันไม่ยอมตายหรอก! ฉันจะต้องอยู่ต่อไปให้ได้ อย่างน้อยก็เพื่ออีพีและศักดิ์ศรีของสาวประเภทสอง!"
เขาคนดังกล่าวผละตัวออกมาจากแผงคอนโทรลพร้อม ๆ กับจอมอนิเตอร์ที่ค่อย ๆ ดับแสงลง เขาใช้หลังเท้าแหวกเขี่ยผู้คนที่นอนเกะกะขวางทางอยู่บนพื้นออก และบางจังหวะก็ถึงกับเตะวิทยุสื่อสารออกจากมือของเจ้าพวกนั้น เพื่อไม่ให้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากหน่วยเสริมได้.“เงียบไปเลยเจ้าพวก AP ชั่ว! ตอนนี้หอดูดาวแห่งนี้ได้ถูกฉันยึดครองไว้หมดแล้วโว่ย!".“เปรี๊ยง!”รวบรวมพลังกระทืบวิทยุวอร์คกี้ทอล์คกี้จนแตกเป็นเสี่ยง ต่อด้วยการหวดหลังเท้าเตะเข้าที่ปลายคางจนศัตรูสะบัดคอพับ!.โหดจริงอย่างจริงจังขนาดอยู่ตัวคนเดียวยังเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ จินตนาการไม่ออกเลยว่าหลังจากผลักบานประตูหอดูดาวแห่งนี้ออกไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับแคลนของแพรวบ้าง เหมือนเขาจะล็อคเป้าเอาไว้แล้ว ความหอบเหนื่อยที่ไม่ทราบสาเหตุเองก็เหมือนจะค่อย ๆ หายไปทีละนิดทีละน้อย และเมื่อกำลังวังชาฟื้นกลับมาครบ เขาคนเดิมก็น่าจะพร้อมต่อการออกไปเผชิญกับโลกภายนอกโดยทันที.“วู้ววว!”“เอาล่ะ.. ไปกันเลยดีกว่า”"ฮึบ!".“แอ๊ดดด!”เสียงประตูเหล็กแง้มเปิดออกแสงสว่างของแดดเช้าแลบผ่านเข้ามาแยงตา ก่อนที่สักพักต่อมา Riot โดรนจำนวน 3 ลำจะบินโฉบขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้า ในท่วงท่าฉ
“นี่พูดจริงเหรอครับน้องแพรว เมื่อวานเรายังต้านพวก AP ได้อยู่เลย น้องเจรจากับพวกเขาได้นี่ พี่ว่ายังเร็วไปนะที่เราจะหนี!”ถ้อยคำขลาดเขลาจากชายในแคลนตะเบ็งออกมาต่อหน้าทุกคน ณ ตอนนี้สมาชิกทั้งหมดได้แพ็คกระเป๋าและมายืนกระจายตัวอยู่เต็มสถานีชั้นล่างแล้ว ผนังโล้นโล่งเตียนทั้งสี่ด้าน ปราดสายตาดูทีเดียวก็เห็นกันหมดว่าที่นี่โคตรจะไม่ปลอดภัย และพร้อมจะถล่มลงมาได้ตลอดเวลา.แพรวจึงโพล่งคำขึ้น.“หึ.. พี่นี่สมกับเป็นนักเต้นระบำโป๊จริง ๆ นะ! แต่ก็แล้วแต่พี่เถอะ! พี่จะไม่ไปก็ได้ใครอยากอยู่ต่อก็เชิญตามสบาย นี่คือแผนของหนู ๆ ให้เสรีภาพแก่ทุกคน เพราะหนูเองก็การันตีไม่ได้เหมือนกันว่าสิ่งที่คิดมันจะถูกต้องทั้งหมด ก็แค่ใช้การบันทึกสถิติกับชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้ดู สุดแต่ใครจะไขว่คว้าเห็นควรยังไงงานนี้ไม่บังคับ”.สาวเจ้ายังคงย้ำชัดในจุดยืนเธอประทับเป้ขึ้นบนบ่าเรียบร้อย ไม้หน้าสามคู่ใจก็พร้อมกระชับขึ้นมือ เดินออกไปแค่ไม่กี่ก้าวโลกภายนอกอันเต็มไปด้วยเชื้อโรคก็อ้าแขนรอรับเธออยู่ก่อนแล้ว ภารโรงหนุ่มที่เพิ่งปฏิสนธิกับนักเต้นระบำโป๊ไปเมื่อวานก็เลยขอเอ่ยคำขึ้นบ้าง.“ถ้างั้นพวกเราขออยู่ที่นี่ต่อล่ะกันน้องแพรว เ
ตัดภาพมาที่ฟากฝั่งของแพรว แม้โซนที่พักตรงนี้จะถูกกันไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับหัวหน้าแคลน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็แค่กำแพงผุ ๆ พัง ๆ กับลังกระดาษที่เอามากั้นเป็นฉากกันลมเท่านั้น มองขึ้นไปข้างบนจะเห็นหลังคาที่เหลืออยู่แค่ครึ่งเดียว ช่องปูนเพดานแตกแหว่งเว้ามองเห็นหมู่ดาว ฟากฟ้า และอวกาศสุดสวย แพรวยังคงต้องนอนบนหนังสือพิมพ์อยู่เลย และสิ่งเดียวที่ดูดีที่สุดสำหรับโซนพักอาศัยของเธอก็คงจะหนีไม่พ้นโต๊ะญี่ปุ่นขาพับตัวเล็กกระทัดรัด ที่มีไว้สำหรับใช้เขียนและวางแผนอะไรต่อมิอะไรหลาย ๆ อย่าง.โต๊ะถูกกางออกที่ข้างหนังสือพิมพ์ปูนอน แพรวหย่อนตัวลงพลางเอี้ยวตัวไปหยิบเอากระเป๋าเป้ออกมาเช็คของ ในนั้นมีแผนที่ , เข็มทิศ , เครื่องคิดเลข , แล้วก็สมุดจดบันทึก เธอเททุกอย่างออกมากองรวมกัน ดูท่าราตรีนี้คงอีกยาวนานครั้นจะมีความง่วงแทรกซึมอยู่บ้าง แต่บรรยากาศแบบนี้แหละในตอนที่สมาชิกทุกคนหลับใหล และอุดมไปด้วยดวงดาวมากมายทอประกายเป็นเพื่อน ช่างเหมาะเหลือเกินสำหรับการทำฌานสมาธิ โพธิปัญญาคงโพยพุ่ง แล้วเส้นทางการเดินทางต่าง ๆ ก็คงจะพร้อม.“อาจจะ 2 - 3 วันข้างหน้า ตราบใดที่อาคารสถานีรถไฟฟ้านี่ยังทนการกัดกินของเชื้อ
“ว๊ายยย! , กรี๊ดดด! , บัดสีบัดเถลิง!”.หน้าแดงแปร๊ดสลับกับการยกมือขึ้นมาปิดป้องเลี่ยงสายตาหันไปทางอื่น ไม่คิดไม่ฝันว่าแพรวจะให้มาเห็นอะไรแบบนี้ กิจกรรมเริงสวาทระหว่างชาย Vs ชายยังคงดำเนินต่อไปต่อเนื่อง สองคนในห้องคอนโทรลกำลังร่วมรักกันอย่างเมามันส์ ชนิดที่แม้จะรู้ตัวว่ามีเด็ก ม.ต้น มองอยู่ แต่พวกเขาก็หยุดกล้ามเนื้อก้นกบของกันและกันไว้ไม่ได้.เสียงครางเปลี่ยนเป็นคำราม จากหน้าสู่หลังท่อนเอ็นแห่งการสืบพันธุ์ระดมยัดใส่รูทวารราวกับโหยหากันมาตลอดชีวิต เจนิสทำใจไม่ได้เธอทนเห็นของพรรค์นี้ต่อไปไม่ไหว เลยได้แต่ขอร้องวิงวอนต่อแพรวผู้เป็นหัวหน้าแคลน ว่าได้โปรดนำเธอออกจากพื้นที่ตรงนี้ที เธอไม่อยากเห็นมัน แม้ยุคสมัยนี้เสรีภาพเรื่องรสนิยมทางเพศจะเปิดกว้างมากแล้วก็ตาม.“ตับ! , ตับ! , ตับ! , ตับ! , ตับ! , ตับ! ,ตับ! , ตับ! , ตับ!”.“กรี๊ดดด! อีกแล้วอ่ะพี่! พี่ ๆ เขาเร่งอีกแล้ว! พี่แพรวคะหนูขอร้องล่ะ! พาหนูขึ้นไปคุยกันต่อข้างบนก็ได้ หนูยินดีจะรับฟังพี่ทุกอย่างเลย จะไม่เถียงไม่ตอบโต้อวดดีอะไรอีกแล้ว หนูเข้าใจแล้วค่ะว่าพี่อยากจะให้หนูเห็นของจริงแบบสมจริงแจ่มชัด”“อือ~ แต่แบบนี้มันน่ากลัว.. นี่นา~! ,
ภาพในหัวคิดถึงแต่ตัวเอง บุคลิกแบบนี้ท่าทางห้าวเป้งยอมหักไม่ยอมงอ แพรวแทบจะเห็นเจนิสเป็นตัวของเธอเองเมื่อตอนเป็นเด็ก ตานิดจมูกหน่อยผมสั้นประบ่าแววตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว แถมยังรักเพื่อนพ้องเอามาก ๆ โกรธไม่ลงบอกตรง ๆ เจนิสยังเด็กและคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าอย่างเธอ ก็จำเป็นเหลือเกินที่จะต้องสอนให้น้องเข้าใจในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แพรวเตะกระป๋องก๊าซตกระเบียงอาคารไปหน้าตาเฉย! .“แกร๊งงง!”.สร้างความมึนงงให้แก่ทุกคนโดยรอบ ก่อนที่เธอจะตะเบ็งเสียงเป็นคำสั่งออกมา.“แยกย้ายกันไปนอนได้แล้ว.. ยกเว้นเธอเจนิส! ตามฉันมา! ถ้าไม่แสดงตัวอย่างให้เห็นเธอก็จะเถียงฉันอยู่แบบนี้ไม่จบไม่สิ้น ไม่เชื่อฉันก็ได้! แต่จงเชื่อสายตาตัวเองโอเค๊?!”.คนที่เครียดกับกลายเป็นเพื่อน ๆ พวกหล่อนเป่าปากพรูไม่สบายใจ กลุ่มเพื่อนสาววัยใสต่างสืบเท้าถอยห่างออกมา พลางจ้องมองเจนิสกับแพรวที่กำลังเดินลับตาออกไปด้วยความเป็นห่วง.“แกว่าพี่เค้าจะพาเจนิสไปไหนวะ?”.“ไม่รู้ดิ.. ข้างล่างมั้ง? หวังว่าคงไม่โดนจับไปอีกนะ ถนนข้างนอกไม่น่าไว้ใจเลยแต่เราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”.เป็นประโยคกระซิบที่เคลือบความกังวลไว้สูงมาก เหลือกันอยู่แค่นี้แค่ 4 ชีวิ
ประจันหน้ากับกลุ่มผู้ใหญ่นับสิบชีวิต เด็กสาวมัธยมมีเพียงเพื่อนหญิงที่เหลืออยู่หยิบมือเดียวคอยเป็นแบ็คให้ หมดทางเลือกท้ายที่สุดก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เธอรีบออกปากขอโทษแพรวโดยพลัน พลางก้มหัวลงกดต่ำขออภัยที่ต่อว่าแพรวออกไปเมื่อครู่.“หนูขอโทษค่ะพี่ที่พูดไม่ดี หนูก็แค่โกรธที่ต้องมาเสียเพื่อน""ถึงมันจะเป็นกระเทยที่นิสัยแย่ แต่มันก็ช่วยพวกเราไว้หลายต่อหลายครั้ง""ไม่น่าบ้าผู้ชายเล๊ย! มึงไม่น่าเป็นติ่งเกาหลีเล๊ย! ไม่น่า ๆ ๆ !”ขบกรามแน่นพอ ๆ กับกำหมัด ผ้าพันแผลบนหัวชักจะมีเลือดซึมออกมา บางทีอาจจะเป็นเพราะความดันโลหิตที่พลุ่งพล่านเวลาที่เครียด.“เธอชื่ออะไร?”แพรวถามด้วยท่ายืนจังก้ากอดอก แววตาดุดันจริงจังสมกับที่เป็นหัวหน้าแคลน.“ชื่อ “เจนิส” อายุ 15 ค่ะ ส่วนนี่ก็..”.“ไม่! ไม่ต้อง! ฉันขี้เกียจจำ! เอาเป็นว่าทั้งกลุ่ม 3 - 4 คนที่เหลือมีเธอเป็นแกนนำ""ฉันจะจำความเป็นเด็ก ม. ต้น ของพวกเธอเอาไว้ อยากติดต่อเมื่อไหร่ฉันจะคุยผ่านเธอ""ให้เธอไปกระจายข้อมูลกันเอาเองโอเค๊! เข้าใจตรงกันนะ “เจนิส” ”.ตัดจบบทสนทนาแบบเผด็จการโคตร ๆ อาศัยว่าหาที่หลบภัยตรงนี้เจอเป็นคนแรก บวกกับการคอยเจ้ากี้เจ้าการสั่งการ