LOGINวาดฝ่ามือขนาบนาบลงไปบนบานกระจก จากภายนอกมองเข้าไปจะเห็นชัด แต่ภายในจะไม่สามารถมองเห็นได้ว่าอีกฝั่งเกิดอะไรขึ้น เปรมเอาแต่ส่ายหัว เขากระซิบกระซาบในลำคอไม่เคยคาดคิดเลยสักนิด ว่าเหตุการณ์พรรณนี้จะเกิดขึ้น ถ้ารู้จากทีมงานก่อนว่าเป็นพีเขาจะไม่ทำเลย แต่นี่อะไร! มาถึงพีก็แน่นิ่งหมดลมหายใจไปแล้ว!
.
รอยเลือดยังคงเจิ่งนองพื้น รอยลากยังปรากฏให้เห็น กระบวนการของหมอช่างรุนแรงเหลือเกิน อุปกรณ์ของแกแต่ละอย่างเข้าขั้นวิปริตวิตถารจนมิอาจพรรณนาออกมาได้ เลือดคือสิ่งเดียวที่พวกเขาต้องการ มันคงจะถูกสูบออกจากร่างพีแบบทุกหยดหยาด ดูได้จากถังไม้ที่เรียงรายอยู่ในห้องถัดไป คล้ายกับโรงเก็บบรั่นดีที่มีเลือดอัดอยู่เต็มเปี่ยม ถังแต่ละใบเรียงรายซ้อนกันเป็นตับขาดก็แค่จุกก็อกสำหรับเปิดปิดเท่านั้น ไม่งั้นก็คงจะเอาแก้วมารองแล้วก็เปิดดื่มกินได้
.
“หมอเสียใจด้วยนะคุณเปรม แต่ก็อยากให้คุณรู้ไว้อย่างว่าเขาช่างเป็นคนที่พิเศษ ตัวอย่างคนนี้มีความแตกต่างจากตัวอย่างคนอื่น ๆ ในหลายมิติ นั่นย่อมเท่ากับว่าเราได้วัตถุดิบชั้นดีมาไว้ในการครอบครองแล้ว"
"เป็น LGBT คนอื่นลองโดนรีดเลือดอย่างมากก็แค่เสียสติ หรือไม่ก็วิกลจริตแบบที่ถูกขังไว้ด้านนอก แต่กับตัวอย่างคนนี้เจ้าหล่อนถึงกับเสียชีวิตไปเลย ทั้งที่กรรมวิธีของเราก็ใช้แบบเดียวกันหมด ตอกย้ำว่าเลือดของเธอเป็นของมีค่า เธอไม่ได้ตายเปล่าและเราจะสดุดีเธอด้วยฐานันดรสูงสุดหลังจากที่ทุกอย่างสงบลงแล้ว หมอขอให้คำสัตย์แก่คุณ”
.
“ควยเถอะหมอ!”
.
เป็นคำสบถที่โคตรจะขัดแย้งกับลุคเรียบร้อยของใบหน้า สำหรับเปรมคำพูดของหมอเป็นแค่เสียงที่น่ารำคาญ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าไม่ได้ช่วยให้พีฟื้นขึ้นมาได้ จากฝ่ามือแบนราบเปรมเลยเปลี่ยนเป็นขยุมแล้วก็ทุบโครมลงไป!
.
“ปึ้ง!!!”
กระจกสั่นเทิ้มกระเพื่อมเป็นพยับ
.
“หมอเห็นผู้หญิงอีกคนที่อยู่ข้างศพไหม?!”
.
“คนนั้นน่ะเหรอ.. อืม.. รายงานเบื้องต้นแจ้งว่าเธอไม่ยอมออกห่างจากร่างตัวอย่างเลย จวบจนป่านนี้ก็เกือบ 2 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว ตามรายงานยังบอกอีกว่าเธอเข้ามาในนี้โดยพลการ โดยทิ้งช่วงห่างจากตอนที่เรารีดเลือดหยดแรกราว 30 นาที กว่าเธอจะมาถึงร่างตัวอย่างก็สิ้นลมหายใจไปแล้ว น่าสงสารเธอเหมือนกัน เธอร้องไห้เหมือนใจจะขาดหมอก็เลยปล่อยเธอไปก่อน แต่ถ้าคุณเปรมอยากจะให้เอาตัวออกมาก็..”
.
“ไม่ครับ! ไม่ต้อง! ปล่อยเธอเถอะ เธอเองก็เป็นเพื่อนผม เผิน ๆ จะเป็นมากกว่าเพื่อนด้วยซ้ำ”
เปรมพูดเสียงสั่นเขาไม่อยากมองเข้าไปในตู้กระจกอีกแล้ว ภาพของแพรวที่กอดศพพีกรีดร้องเป็นอะไรที่สุดแสนจะสะเทือนใจ
.
ผิวพรรณเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของเพื่อน เสื้อผ้าหน้าผมเลอะเกรอะกรังมีแต่ความโศกเศร้ากึ่งอิดหนาระอาใจ เปรมทำอะไรลงไป หน่วยงานของเขากับความก้าวหน้าทางการแพทย์ ถ้าดีจริงทำไมถึงต้องพรากชีวิตเพื่อนไปด้วย หรือเปรมจำเป็นจะต้องเสียสละแบบที่หมอบอก ถ้าไม่ใช่พีแต่เป็นพ่อแม่ของเขาล่ะเขาจะรับได้ไหม อีกไม่นาน LGBT ในประเทศนี้คงจะสูญพันธุ์ เลยได้แต่หวังว่าเลือดที่ได้จากพีไปนั้นคงจะเพียงพอ เขาไม่อยากทำให้ใครต้องมีสภาพเหมือนแพรวในตอนนี้อีก
.
พอดีกันกับการมาถึงของมิวท์ เธอเดินเข้ามายังตู้กระจกในมุมอับสายตา นายแพทย์เจ้าของโครงการพยายามจะทักขึ้น ทว่าก็โดนมิวท์ในลุคคุณหนูผายมือขับไล่ เธออยากให้หมอหลบไปก่อนเนื่องจากมีบางสิ่งที่ต้องคุยกับเปรมแบบเป็นการส่วนตัว
.
“ครับ.. ได้ครับคุณหนูมิวท์ สักพักเดี๋ยวหมอเข้ามาใหม่”
.
“ค่ะ , ขอบคุณที่เข้าใจนะคะ”
มิวท์ตอบแบบไม่มองหน้า แต่ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับชายที่ยืนหลบตาอยู่ข้างกัน
.
ภาพของแพรวกับศพพียังคงหลอนจิต แม้จะไม่ได้ยินเสียงเล็ดลอดเข้ามาแต่ท่วงท่าการแผดร้องแบบเจียนจะขาดใจเช่นนั้น ใครเห็นก็ต้องเจ็บ ภายในกายมิวท์ร้อนรนวนวกหัวใจเธอเหมือนกำลังห่อเหี่ยวเล็กฟีบ ผ่านสีหน้าที่ขาวซีดว่างเปล่า เธอเห็นเปรมก้มลงเช็ดน้ำตาแค่นั้นก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร มันสายเกินไปซะแล้ว ความจริงก็คือสังขารเบื้องหน้าคือภาพสุดท้ายที่เธอจะได้รับจากเพื่อน
.
“มิวค์!?”
.
“ค่ะ.. มิวค์เอง!”
“มิวท์ขอเข้าไปข้างในได้ไหมคะพี่เปรม”
.
“จะดีเหรอ? มองจากตรงนี้ก็เห็น พี่ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องสภาพจิตใจของแพรว”
.
“ไม่สำคัญหรอกค่ะข้างในเป็นห้องปลอดเชื้อ มิวท์จะเข้าไปด้วยหน้าสด ๆ นี่แหละ พี่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แรกแบบพวกเรา สายสัมพันธ์ของผองเพื่อนไม่มีสิ่งใดตัดขาดหรอกค่ะพี่!”
.
สิ้นคำสั่งเสียดังกล่าวผู้บริหารสาวก็จัดแจงย้ายตัวเองไปยังประตูกระจกที่อยู่ข้าง ๆ เธอออกคำสั่งให้ทีมแพทย์ที่อยู่อีกฝั่งเปิดประตูให้ และไม่นาน 3 เพื่อนซี้ พี , แพรว , มิวท์ ก็อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง
.
ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้งมองข้างนอกว่าเศร้าแล้วข้างในนั้นเศร้ากว่า กลิ่นคาวเลือดเหม็นคละคลุ้ง กลิ่นยาก็มิถดถอย เสียงโหยหวนเพรียงร้องค่อย ๆ แผ่วเบาลง หลังจากที่แพรวมองเห็นการเข้ามาของมิวท์เพื่อนผู้ทำระยำกับเธอ เธอหยุดร้องและมองหน้าเพื่อนอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่ต่อมาจะเป็นตัวมิวท์เองที่โผตัวลงมาสวมกอด
.
“หมับ!!!"
.
“ปล่อย!”
แพรวขึ้นเสียงใส่ เบามากแต่มีน้ำหนักของความโกรธอยู่
.
“ไม่.. มิวท์เป็นห่วงแพรวมากนะ มิวท์รู้ว่าแพรวเจ็บปวดและมิวท์ก็เสียใจ พีไม่ควร~ พีไม่~ เขาไม่ควรเป็นแบบนี้.. ฮือ.. อ.. อ.. อ.. ถ้ามิวท์มาเร็วกว่านี้สักนิดนึงล่ะก็.. ฮือ.. อ.. อ.. อ~!”
กลายเป็นมิวท์ที่ปล่อยโฮออกมาเอง อาจเป็นเพราะบรรยากาศที่ต่างกันลิบลับระหว่างภายนอกกับภายใน ศพเพื่อนอยู่ใกล้แค่เอื้อมจึงยากที่จะฝืนใจเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้ มันเจ็บเหมือนตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำซะเอง
.
และเมื่อเห็นดังนั้นแพรวก็ไม่มีกะจิตกะใจจะโกรธแค้นอะไรอีก เธอลืมความหลังไปชั่วขณะ แล้วก็จริงอย่างที่มิวท์บอกว่าสายสัมพันธ์นั้นตัดกันไม่ขาดจริง ๆ พวกเขาสามคนกอดกันกลมร้องไห้ไม่มีใครโทษใคร แล้วก็ไม่มีใครกลัวด้วยว่าตัวเองจะเป็นเหยื่อรายต่อไปรึเปล่า
.
“เธอไม่กลัวฉันติดเชื้อหรอ?"
แพรวถามมิวท์ด้วยสำเนียงเรียบเฉย โดยมีเพื่อนผู้คุ้นเคยโอบกอดเข้ามาจากทางด้านหลัง
.
“ไม่.. ไม่กลัว.. มิว์คิดถึงแพรวจะตาย.. ฮือ.. ฮือ.. อ.. อ.. อ.. มิวท์ขอโทษ มิวท์ขอโทษนะแพรว.. ว.. ว.. ฮือ.. อ.. อ.. อ~!”
.
จะขอโทษเรื่องอะไรก็ไม่รู้ล่ะแต่ฟังดูแล้วเหมือนเป็นการระบายทุกสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมา เหมือนมิวท์นั้นจะรู้ตัวอยู่กลาย ๆ ว่าตัวเองอาจจะไม่มีโอกาสเจอเพื่อนอีกแล้ว เธอติดเชื้อนั่นคือความจริงประการแรก แล้วเธอก็อยู่รอดมาได้ด้วยการมีเซ็กส์กับผู้ชายที่เพื่อนรักที่สุด ฟังแบบนี้ก็น่าจะร้องไห้อยู่หรอก นี่ยังไม่รวมกรณีที่เชื้อโควิดนั้นแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วอีกนะ พีน่ะตายไปแล้วคงไม่เป็นไรแต่ถ้ากอดกันหนนี้แล้วลากแพรวให้ติดเชื้อไปด้วย มิวท์เองก็คงหมดที่ยืนในสังคมไปเลย
.
.
ความอลวนหม่นเศร้าอันเต็มไปด้วยช่องโหว่จบลงด้วยเหตุอันใดมิอาจล่วงรู้ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเปรมที่สั่งคนเข้ามาแยก เพราะรู้ตัวอีกทีภาพเหตุการณ์ก็ตัดมาที่อีก 3 วันให้หลัง ณ ศาลาพักศพหน้าเมรุของวัดแห่งหนึ่ง บรรยากาศของงานฌาปนกิจมีแต่ความเงียบเหงา บนเมรุเผาไม่มีแม้แต่พระสงฆ์สักรูปเดียว จะมีก็แต่พ่อของพี , สัปเหร่อ , แล้วก็แพรว ที่อยู่เป็นเพื่อนผู้วายน์ชนในวาระสุดท้าย
.
แพรวในชุดดำได้แต่ถอนใจ คนตายได้ไปสบายมีแต่คนเป็นนี่แหละที่ต้องแบกรับอะไรต่อมิอะไรเอาไว้บนบ่า เธอทอดสายตาลงไปด้านล่างเห็นเจ้าหน้าที่ในชุด PPE จำนวนมากยืนแสตนบายด์รออยู่ พวกเขาได้รับมอบหมายให้เข้ามาทำการดัดแปลงเมรุเผาศพให้มีกำลังความร้อนที่สูงขึ้น ชาวบ้านในละแวกและบรรดากรรมการวัดจะได้เกิดความสบายใจ เพราะไม่มีใครอยากยุ่งกับคนที่เกี่ยวข้องกับเชื้อโควิดนัก
.
“เฮ้อ.. โลกช่างไม่น่าอยู่เอาซะเลยพีเอ๊ย มึงอยู่ฝั่งโน้นว่าง ๆ ก็คิดถึงกูบ้างนะเพื่อน”
แพรวอฐิษฐานขณะวางดอกไม้จันทน์ลงบนโลง
.
สัปเหร่อตรงเข้ามาจัดระเบียบศพตามประเพณี มีการรับเงินรับทองจากพ่อของพีเล็กน้อย และก่อนที่จะเข็นโรงเข้าเตาเผาพ่อก็ได้หันมาถามแพรวขึ้น
.
“แล้วเพื่อนอีกคนไม่มาเหรอลูก คนที่รวย ๆ สวย ๆ น่ะชื่ออะไรนะ?"
.
หึ..แพรวรีบส่ายหัวในทันที
.
“ไม่มาหรอกค่ะพ่อ ก็แค่พวกดีแต่พูดคนหนึ่ง”
“จัดการเลยค่ะลุงสัปเหร่อ พีควรไปสู่ภพภูมิที่ดีได้แล้วให้มันอยู่ในที่ ๆ มีแต่คนดี ๆ เขาอยู่กันเถอะค่ะ”
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ