พระอาทิตย์อัสดงดิ่งตัวลงกดต่ำ ความมืดเริ่มเข้าปกคลุมทุกหัวระแหง แสงไฟจากเครื่องปั่นทยอยสว่างขึ้นเป็นหย่อม ๆ ตามแต่ว่าใครจะพอมีกำลังทรัพย์ นาทีนี้ลืมไปได้เลยเรื่องการผลิตและจ่ายไฟ กฟภ. , กฟน. , กฟผ. ล้วนแต่ล่มสลายไปหมดแล้วตั้งแต่ปีก่อน เหมือนประเทศชาติกำลังเดินถอยหลัง บ้านเมืองไม่ต่างจากยุคบางระจันเมื่อครั้งยังไม่มีอะไรใช้นอกจากไฟในคบเพลิง กับปืนผาหน้าไม้ที่ทำกันเองพอเอาไว้ป้องกันชีวิต
.
และช่วงเวลานี่แหละคือเวลาของการออกล่า พลบค่ำย่ำตะวันคือนาทีอันทรงค่าให้พวกมันลงมือ แพรวเริ่มมองหาที่กำบังบนสถานนีร้างที่เธอใช้พักอาศัย ระหว่างนั้นก็มองหาทางหนีที่ไล่เอาไว้ด้วยเผื่อเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น
.
“ฮู้ววว! อย่าผ่านมาทางนี้เลยขอร้องล่ะ"
"แต่ถ้าซวยผ่านมาจริงก็ขออย่าให้โดนจับกันเยอะ ยังไงซะฉันก็ไม่เคยเห็นด้วยกับวิธีนี้ มันไม่ถูกต้อง!”
พูดเองเออเองตามสไตล์หญิงสาวที่อยู่คนเดียวมาจนชิน ในมือแพรวมีเพียงไม้หน้าสามที่ตรงปลายยึดแน่นไปด้วยดอกตะปู แผ่นหลังมีกระเป๋าเป้ อาหารพร้อม เสื้อผ้าพร้อม เสบียงเพียบ เพลี่ยงพล้ำเสียท่าขึ้นมาพร้อมหนีได้ตลอดเวลาไม่มีอะไรต้องห่วง
.
จากทีแรกที่บอกว่าสถานีรถไฟร้างน่าจะอยู่คุ้มกะลาหัวไปได้ถึง 3 เดือน อาจจะไม่เสมอไปซะแล้ว เพราะยังมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้เฉกเช่นเรื่องที่กำลังจะเกิดนี้อยู่อีก
.
จุดที่แพรวซุ่มอยู่นับว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญชั้นเลิศ เพราะเป็นที่สูงที่สามารถมองเห็นถนนผุ ๆ พัง ๆ ด้านล่างได้อย่างชัดเจน แถมยังมีแท่นปูนแบร์ริเออร์กันตกกั้นยาวไปตลอดทั้งแนว ทำให้คนข้างล่างมองขึ้นมาไม่เห็นมีทั้งความได้เปรียบและปลอดภัย และพอทิ้งเวลาไปสักพักก็เริ่มมีผู้อยู่รอดคนอื่น ๆ ทยอยเข้ามาใช้แอเรียตรงนี้เป็นที่หลบภัยเช่นกัน ตอกย้ำว่าแพรวไม่ได้คิดผิด มีผู้คนมากมายที่คิดเหมือนกับเธออยู่
.
“มากันรึยังพี่?”
เสียงเด็กหญิงไร้ชื่อคนหนึ่งถามขึ้น เธอซุ่มอยู่ติดกับแพรวและแพรวเองก็ไม่รู้จักเธอมาก่อน
.
“ยัง! แต่ใกล้แล้วพี่ว่าพี่ได้ยินเสียง!”
กระชับอาวุธในมือแน่น พูดกันทางนี้แต่แววตานั้นจ้องเขม็งลงไปยังพื้นถนนด้านล่าง
.
“พวกน้องมีกันกี่คน เพิ่งขึ้นมาบนนี้ครั้งแรกใช่ไหม?”
.
“ใช่พี่!"
"มีประมาณ 10 คน รุ่นราวคราวเดียวกันหมด"
"เด็กมัธยมเหมือนหนูนี่แหละ อยู่ได้ใช่ไหมคะ?”
.
“ชู่ววว~! ไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกัน พวกมันมาแล้ว!”
.
แพรวตัดบทด้วยการจุ๊ปาก บุคลิกเธอกลายเป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ แต่อาจจะเพราะเป็นคนเจอสถานที่ตรงนี้เป็นคนแรก จึงทำให้เธอกลายเป็นเจ้าของแคลนด์ไปโดยปริยาย
.
เสียงเครื่องยนต์โฟว์วิลไดรฟ์ก้องคำรามมาตามซอกตึก กลุ่มรถหุ้มเกราะ 4 - 5 คันทะยานออกมาจากซอยนั้นซอยนี้วิงสวนกันไปมาฉวัดเฉวียน ไฟสปอร์ตไลท์ติดเพิ่มพิเศษบนหลังคาส่ายส่องไปทั่ว มันย้อมท้องฟ้าที่มืดมัวให้สว่างโพลงจนเกือบจะกลายเป็นภาพสะท้อนแสง
.
“บรื๊นนนนน! , บรื๊นนนนน! , บรื๊นนนนน!”
.
“เอี๊ยดดดดด!!!”
.
ซวยสุดขั้วเมื่อรถทุกคันดันมาหยุดอยู่ตรงตึกในละแวก ห่างจากสถานนีที่แพรวซุ่มดูอยู่เพียงแค่ 50 เมตร แต่ก็วางใจได้อย่างเพราะพวกเธออยู่บนที่สูงดูจากพวกเจ้าหน้าที่ ๆ เปิดประตูลงมา พวกเขาคงยังไม่มีใครจับสัญญาณตรงนี้ได้ คงยังไม่รู้ว่ามีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ซ่อนตัวอยู่บนนี้
.
“พี่คะ..?”
.
“ชู่ววววว! เงียบก่อนอย่าเพิ่งพูดอะไรมันยังไม่เห็นเรา
"แล้วเราก็ไม่ใช่เป้าหมายด้วย พวกมันต้องการแค่ LGBT ถ้าเราไม่ใช่กระเทยก็ไม่มีปัญหา!”
แพรวพยายามกระซิบ เธอแทบจะกดหัวเด็กมัธยมคนเดิมลงเพื่อให้เธอเงียบและหุบปาก
.
รถหุ้มเกราะขับเคลื่อนสี่ล้อสีสันเด่นชัดลายพรางเขียวเข้ม ทว่าสติกเกอร์ตรงกลางนี่สิที่โดดเด่นยิ่งกว่าสิ่งใด มันคือสัญลักษณ์ของบริษัท AP มิผิดเพี้ยน เพิ่มเติมความขลังด้านข้างด้วยสติกเกอร์สัญลักษณ์ของหน่วยสืบสวนโรคเชิงรุกของเปรมตรงบานประตู แค่นี้แพรวก็รู้แล้วว่าพวกมันมาทำอะไร
.
โปรดลืมไปได้เลยถึงเรื่องทฤษฎียาคุมกำเนิดเมื่อปีก่อน นั่นใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว เหล่า LGBT ต่างรู้ทันและยอมที่จะหลบซ่อนมากกว่าจะออกมาซื้อยาคุมแล้วโดนจับ เปรมและทีมงานจึงได้เปลี่ยนแผนใหม่มาตั้งแต่ช่วงต้นปี พวกเขาใช้ทฤษฎีเหยื่อล่อเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนแปลงใหม่ให้แอ็ดวานซ์ขึ้น จน LGBT หน้าไหนก็อดใจไม่อยู่ มีอันต้องออกจากที่ซ่อนและยอมถวายตัวกลายเป็นหนูทดลองให้รีดเลือดในท้ายที่สุด
.
“กึก!”
ประตูรถทุกด้านแทบจะเปิดออกพร้อมกัน
.
ก๊าซสีแดงฉานรุ่นพิเศษพุ่งออกมาจากภายในห้องโดยสาร ว่ากันว่าโดนเข้าหน่อยเดียวก็ป้องกันการติดเชื้อไปได้มากกว่าหนึ่งอาทิตย์ มิหนำซ้ำการโพยพุ่งออกมาแบบนั้นยิ่งทำให้กลุ่มคนที่ทยอยก้าวเท้าออกมา ดูเด่นเป็นสง่าออร่าทะลักล้นเข้าไปอีก
.
“พรึบ! , พรึบ! , พรึบ! , พรึบ! , พรึบ!"
สะบัดชายเสื้อผายมือออกสุดไหล่
.
กลุ่มก๊าซลอยฟุ้งก่อนจะเริ่มจางลงและปรากฏให้เห็นเป็นรูปลักษณ์ของกลุ่มผู้ชายหน้าตาดีหลากหลายสไตล์ที่ดูดีระดับเทพเจ้า มีทั้งตี๋เกาหลี , หนุ่มหล่อมาดเซอร์ , หนุ่มเซอร์อบอุ่น , หนุ่มสายฝ. , หนุ่มหน้าแขก , หนุ่มหน้าไทย , หนุ่มลูกครึ่ง , มีหมดทุกรูปแบบ แม้แต่หนุ่มมาดอาเสี่ยพุงพุ้ยแต่รวยโคตรก็ยังมี มิหนำซ้ำแต่ละคนยังหุ่นดีโคตร ๆ กล้ามเป็นกล้ามอกเป็นอก ก้าวเดินแต่ละก้าวสาว ๆ เห็นยังต้องใจสั่น แล้วกับ LGBT ที่ไวกับเรื่องพวกนี้โคตร ๆ ล่ะมันจะไปเหลืออะไร
.
ปืนยิงยาสลบในมือก็ไม่กลัว ปืนสตั๊นท์กันท์ ปืนแหยิงตาข่าย พวก LGBT ก็ไม่สน เพียงชั่วอึดใจหลังกลุ่มชายงามปรากฏตัวถนนก็แทบจะไม่ว่าง กระเทยต่างอาละวาดวิ่งกรูออกมาจากที่ซ่อนราวกับซอมบี้ที่กินผู้ชายเป็นอาหาร เรียกได้ว่ากลยุทธ์ของเปรมกับทีมงานนั้นเอาอยู่แทบจะทั้งหมด เขาทำงานง่ายขึ้นเยอะในระยะหลัง เปรียบเปรยไปก็ไม่ต่างจากชาวประมงที่เอาอวนลากปลาเอาผู้ชายมาล่อหน่อยเดียว LGBT ก็วิ่งขึ้นเรือกันโครม ๆ จนแทบจะไม่ต้องออกแรงทำอะไรเลย
.
“จิ้ว! , จิ้ว! , จิ้ว! , จิ้ว!”
ดอกแล้วดอกเล่าไล่ยิงยาสลบใส่
.
LGBT ร่วงกราวเป็นทิวแถว ไม่ตายก็เหมือนตายเพราะสุดท้ายก็ต้องโดนอุ้มขึ้นรถไปเข้าห้องแล็บ ก่อนจะถูกจับรีดเลือดจนเป็นบ้าเพื่อจะเอาก๊าซมาอัดกระป๋องขายแบบเดียวกับที่พีเคยโดนอยู่ดี
.
แพรวจึงเกลียดสิ่งที่เห็นเป็นที่สุด เธอเจ็บช้ำน้ำใจมากเพราะ LGBT บางรายก็ยอมไปกับเปรมโดยสมัครใจ พวกนี้เดินออกจากที่ซ่อนแล้วตรงเข้าไปเกาะแขนผู้ชายยอมให้เขาทำทุกอย่าง ขายทั้งศักดิ์ศรีขายทั้งวิญญาณน่าละอายสุด ๆ
.
“สารเลวโคตร ๆ วิธีแบบนี้ก็ใช้ได้แต่พวกจัญไรหื่นกามเท่านั้นแหละ"
"ดีนะที่เราเป็นผู้หญิงพวกเราไม่มีทางตกหลุมพลางง่าย ๆ แบบนี้หรอก.. จริงไหมน้อง?”
“น้องคะ..?”
“อ่าว..?”
.
หันมาอีกทีแพรวก็ไม่เห็นเด็กคนเดิมอีกแล้ว กระทั่งเธอลองชะโงกหน้าพ้นขอบแบร์ริเออร์ออกไปถึงได้เห็นแม่หนูวิ่งกระจ็อก ๆ เข้าไปรวมอยู่ในกลุ่ม LGBT ที่โดนล่อด้วย ก็เลยรีบป้องปากตะโกนถามลงไป
.
“ทำบ้าอะไรของเธอน่ะ!? อย่าเข้าไปนะอยากตายรึไงน้อง!?”
.
เด็กน้อยตะโกนสวนขึ้นมาทันที
.
“หนูต้องไปช่วยเพื่อนค่ะพี่ มีเพื่อนหนูโดนล่ออยู่! หนูทิ้งเขาไม่ได้!”
.
แค่นี้แหละ! เป็นเสียงตะโกนที่อู้อี้จนฟังไม่ชัดด้วยซ้ำ แต่แพรวกลับรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวประโยคเมื่อครู่ทำให้เธอถึงกับตกอยู่ในภวังค์ รอบตัวเหมือนกลายเป็นภาพสโลโมชั่นพลันให้คิดถึงเพื่อนเก่าอย่างมิวท์กับพี ช่วยเพื่อนงั้นเหรอ? เธอเองก็เคยช่วยแถมยังเป็นเพื่อน LGBT เหมือนกันอีกต่างหาก แพรวเริ่มเห็นภาพตัวเองซ้อนทับอยู่บนเรือนร่างของเด็กมัธยมคนนั้น รู้ตัวอีกทีร่างบางก็วิ่งลงบนไดมาสู่พื้นถนนด้านล่างพร้อมกับไม้หน้าสามหัวตะปูซะแล้ว
เขาคนดังกล่าวผละตัวออกมาจากแผงคอนโทรลพร้อม ๆ กับจอมอนิเตอร์ที่ค่อย ๆ ดับแสงลง เขาใช้หลังเท้าแหวกเขี่ยผู้คนที่นอนเกะกะขวางทางอยู่บนพื้นออก และบางจังหวะก็ถึงกับเตะวิทยุสื่อสารออกจากมือของเจ้าพวกนั้น เพื่อไม่ให้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากหน่วยเสริมได้.“เงียบไปเลยเจ้าพวก AP ชั่ว! ตอนนี้หอดูดาวแห่งนี้ได้ถูกฉันยึดครองไว้หมดแล้วโว่ย!".“เปรี๊ยง!”รวบรวมพลังกระทืบวิทยุวอร์คกี้ทอล์คกี้จนแตกเป็นเสี่ยง ต่อด้วยการหวดหลังเท้าเตะเข้าที่ปลายคางจนศัตรูสะบัดคอพับ!.โหดจริงอย่างจริงจังขนาดอยู่ตัวคนเดียวยังเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ จินตนาการไม่ออกเลยว่าหลังจากผลักบานประตูหอดูดาวแห่งนี้ออกไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับแคลนของแพรวบ้าง เหมือนเขาจะล็อคเป้าเอาไว้แล้ว ความหอบเหนื่อยที่ไม่ทราบสาเหตุเองก็เหมือนจะค่อย ๆ หายไปทีละนิดทีละน้อย และเมื่อกำลังวังชาฟื้นกลับมาครบ เขาคนเดิมก็น่าจะพร้อมต่อการออกไปเผชิญกับโลกภายนอกโดยทันที.“วู้ววว!”“เอาล่ะ.. ไปกันเลยดีกว่า”"ฮึบ!".“แอ๊ดดด!”เสียงประตูเหล็กแง้มเปิดออกแสงสว่างของแดดเช้าแลบผ่านเข้ามาแยงตา ก่อนที่สักพักต่อมา Riot โดรนจำนวน 3 ลำจะบินโฉบขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้า ในท่วงท่าฉ
“นี่พูดจริงเหรอครับน้องแพรว เมื่อวานเรายังต้านพวก AP ได้อยู่เลย น้องเจรจากับพวกเขาได้นี่ พี่ว่ายังเร็วไปนะที่เราจะหนี!”ถ้อยคำขลาดเขลาจากชายในแคลนตะเบ็งออกมาต่อหน้าทุกคน ณ ตอนนี้สมาชิกทั้งหมดได้แพ็คกระเป๋าและมายืนกระจายตัวอยู่เต็มสถานีชั้นล่างแล้ว ผนังโล้นโล่งเตียนทั้งสี่ด้าน ปราดสายตาดูทีเดียวก็เห็นกันหมดว่าที่นี่โคตรจะไม่ปลอดภัย และพร้อมจะถล่มลงมาได้ตลอดเวลา.แพรวจึงโพล่งคำขึ้น.“หึ.. พี่นี่สมกับเป็นนักเต้นระบำโป๊จริง ๆ นะ! แต่ก็แล้วแต่พี่เถอะ! พี่จะไม่ไปก็ได้ใครอยากอยู่ต่อก็เชิญตามสบาย นี่คือแผนของหนู ๆ ให้เสรีภาพแก่ทุกคน เพราะหนูเองก็การันตีไม่ได้เหมือนกันว่าสิ่งที่คิดมันจะถูกต้องทั้งหมด ก็แค่ใช้การบันทึกสถิติกับชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้ดู สุดแต่ใครจะไขว่คว้าเห็นควรยังไงงานนี้ไม่บังคับ”.สาวเจ้ายังคงย้ำชัดในจุดยืนเธอประทับเป้ขึ้นบนบ่าเรียบร้อย ไม้หน้าสามคู่ใจก็พร้อมกระชับขึ้นมือ เดินออกไปแค่ไม่กี่ก้าวโลกภายนอกอันเต็มไปด้วยเชื้อโรคก็อ้าแขนรอรับเธออยู่ก่อนแล้ว ภารโรงหนุ่มที่เพิ่งปฏิสนธิกับนักเต้นระบำโป๊ไปเมื่อวานก็เลยขอเอ่ยคำขึ้นบ้าง.“ถ้างั้นพวกเราขออยู่ที่นี่ต่อล่ะกันน้องแพรว เ
ตัดภาพมาที่ฟากฝั่งของแพรว แม้โซนที่พักตรงนี้จะถูกกันไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับหัวหน้าแคลน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็แค่กำแพงผุ ๆ พัง ๆ กับลังกระดาษที่เอามากั้นเป็นฉากกันลมเท่านั้น มองขึ้นไปข้างบนจะเห็นหลังคาที่เหลืออยู่แค่ครึ่งเดียว ช่องปูนเพดานแตกแหว่งเว้ามองเห็นหมู่ดาว ฟากฟ้า และอวกาศสุดสวย แพรวยังคงต้องนอนบนหนังสือพิมพ์อยู่เลย และสิ่งเดียวที่ดูดีที่สุดสำหรับโซนพักอาศัยของเธอก็คงจะหนีไม่พ้นโต๊ะญี่ปุ่นขาพับตัวเล็กกระทัดรัด ที่มีไว้สำหรับใช้เขียนและวางแผนอะไรต่อมิอะไรหลาย ๆ อย่าง.โต๊ะถูกกางออกที่ข้างหนังสือพิมพ์ปูนอน แพรวหย่อนตัวลงพลางเอี้ยวตัวไปหยิบเอากระเป๋าเป้ออกมาเช็คของ ในนั้นมีแผนที่ , เข็มทิศ , เครื่องคิดเลข , แล้วก็สมุดจดบันทึก เธอเททุกอย่างออกมากองรวมกัน ดูท่าราตรีนี้คงอีกยาวนานครั้นจะมีความง่วงแทรกซึมอยู่บ้าง แต่บรรยากาศแบบนี้แหละในตอนที่สมาชิกทุกคนหลับใหล และอุดมไปด้วยดวงดาวมากมายทอประกายเป็นเพื่อน ช่างเหมาะเหลือเกินสำหรับการทำฌานสมาธิ โพธิปัญญาคงโพยพุ่ง แล้วเส้นทางการเดินทางต่าง ๆ ก็คงจะพร้อม.“อาจจะ 2 - 3 วันข้างหน้า ตราบใดที่อาคารสถานีรถไฟฟ้านี่ยังทนการกัดกินของเชื้อ
“ว๊ายยย! , กรี๊ดดด! , บัดสีบัดเถลิง!”.หน้าแดงแปร๊ดสลับกับการยกมือขึ้นมาปิดป้องเลี่ยงสายตาหันไปทางอื่น ไม่คิดไม่ฝันว่าแพรวจะให้มาเห็นอะไรแบบนี้ กิจกรรมเริงสวาทระหว่างชาย Vs ชายยังคงดำเนินต่อไปต่อเนื่อง สองคนในห้องคอนโทรลกำลังร่วมรักกันอย่างเมามันส์ ชนิดที่แม้จะรู้ตัวว่ามีเด็ก ม.ต้น มองอยู่ แต่พวกเขาก็หยุดกล้ามเนื้อก้นกบของกันและกันไว้ไม่ได้.เสียงครางเปลี่ยนเป็นคำราม จากหน้าสู่หลังท่อนเอ็นแห่งการสืบพันธุ์ระดมยัดใส่รูทวารราวกับโหยหากันมาตลอดชีวิต เจนิสทำใจไม่ได้เธอทนเห็นของพรรค์นี้ต่อไปไม่ไหว เลยได้แต่ขอร้องวิงวอนต่อแพรวผู้เป็นหัวหน้าแคลน ว่าได้โปรดนำเธอออกจากพื้นที่ตรงนี้ที เธอไม่อยากเห็นมัน แม้ยุคสมัยนี้เสรีภาพเรื่องรสนิยมทางเพศจะเปิดกว้างมากแล้วก็ตาม.“ตับ! , ตับ! , ตับ! , ตับ! , ตับ! , ตับ! ,ตับ! , ตับ! , ตับ!”.“กรี๊ดดด! อีกแล้วอ่ะพี่! พี่ ๆ เขาเร่งอีกแล้ว! พี่แพรวคะหนูขอร้องล่ะ! พาหนูขึ้นไปคุยกันต่อข้างบนก็ได้ หนูยินดีจะรับฟังพี่ทุกอย่างเลย จะไม่เถียงไม่ตอบโต้อวดดีอะไรอีกแล้ว หนูเข้าใจแล้วค่ะว่าพี่อยากจะให้หนูเห็นของจริงแบบสมจริงแจ่มชัด”“อือ~ แต่แบบนี้มันน่ากลัว.. นี่นา~! ,
ภาพในหัวคิดถึงแต่ตัวเอง บุคลิกแบบนี้ท่าทางห้าวเป้งยอมหักไม่ยอมงอ แพรวแทบจะเห็นเจนิสเป็นตัวของเธอเองเมื่อตอนเป็นเด็ก ตานิดจมูกหน่อยผมสั้นประบ่าแววตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว แถมยังรักเพื่อนพ้องเอามาก ๆ โกรธไม่ลงบอกตรง ๆ เจนิสยังเด็กและคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าอย่างเธอ ก็จำเป็นเหลือเกินที่จะต้องสอนให้น้องเข้าใจในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แพรวเตะกระป๋องก๊าซตกระเบียงอาคารไปหน้าตาเฉย! .“แกร๊งงง!”.สร้างความมึนงงให้แก่ทุกคนโดยรอบ ก่อนที่เธอจะตะเบ็งเสียงเป็นคำสั่งออกมา.“แยกย้ายกันไปนอนได้แล้ว.. ยกเว้นเธอเจนิส! ตามฉันมา! ถ้าไม่แสดงตัวอย่างให้เห็นเธอก็จะเถียงฉันอยู่แบบนี้ไม่จบไม่สิ้น ไม่เชื่อฉันก็ได้! แต่จงเชื่อสายตาตัวเองโอเค๊?!”.คนที่เครียดกับกลายเป็นเพื่อน ๆ พวกหล่อนเป่าปากพรูไม่สบายใจ กลุ่มเพื่อนสาววัยใสต่างสืบเท้าถอยห่างออกมา พลางจ้องมองเจนิสกับแพรวที่กำลังเดินลับตาออกไปด้วยความเป็นห่วง.“แกว่าพี่เค้าจะพาเจนิสไปไหนวะ?”.“ไม่รู้ดิ.. ข้างล่างมั้ง? หวังว่าคงไม่โดนจับไปอีกนะ ถนนข้างนอกไม่น่าไว้ใจเลยแต่เราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”.เป็นประโยคกระซิบที่เคลือบความกังวลไว้สูงมาก เหลือกันอยู่แค่นี้แค่ 4 ชีวิ
ประจันหน้ากับกลุ่มผู้ใหญ่นับสิบชีวิต เด็กสาวมัธยมมีเพียงเพื่อนหญิงที่เหลืออยู่หยิบมือเดียวคอยเป็นแบ็คให้ หมดทางเลือกท้ายที่สุดก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เธอรีบออกปากขอโทษแพรวโดยพลัน พลางก้มหัวลงกดต่ำขออภัยที่ต่อว่าแพรวออกไปเมื่อครู่.“หนูขอโทษค่ะพี่ที่พูดไม่ดี หนูก็แค่โกรธที่ต้องมาเสียเพื่อน""ถึงมันจะเป็นกระเทยที่นิสัยแย่ แต่มันก็ช่วยพวกเราไว้หลายต่อหลายครั้ง""ไม่น่าบ้าผู้ชายเล๊ย! มึงไม่น่าเป็นติ่งเกาหลีเล๊ย! ไม่น่า ๆ ๆ !”ขบกรามแน่นพอ ๆ กับกำหมัด ผ้าพันแผลบนหัวชักจะมีเลือดซึมออกมา บางทีอาจจะเป็นเพราะความดันโลหิตที่พลุ่งพล่านเวลาที่เครียด.“เธอชื่ออะไร?”แพรวถามด้วยท่ายืนจังก้ากอดอก แววตาดุดันจริงจังสมกับที่เป็นหัวหน้าแคลน.“ชื่อ “เจนิส” อายุ 15 ค่ะ ส่วนนี่ก็..”.“ไม่! ไม่ต้อง! ฉันขี้เกียจจำ! เอาเป็นว่าทั้งกลุ่ม 3 - 4 คนที่เหลือมีเธอเป็นแกนนำ""ฉันจะจำความเป็นเด็ก ม. ต้น ของพวกเธอเอาไว้ อยากติดต่อเมื่อไหร่ฉันจะคุยผ่านเธอ""ให้เธอไปกระจายข้อมูลกันเอาเองโอเค๊! เข้าใจตรงกันนะ “เจนิส” ”.ตัดจบบทสนทนาแบบเผด็จการโคตร ๆ อาศัยว่าหาที่หลบภัยตรงนี้เจอเป็นคนแรก บวกกับการคอยเจ้ากี้เจ้าการสั่งการ