5.แม่ศรีเรือนตัวจริง
•5• ลุกขึ้นวิ่งเตรียมอาบน้ำแต่งตัว ด้วยความเร็วสูงราวกับเข้าค่ายทางโรงเรียน เพราะเสียงของใครอีกคน เคาะประตูก่อกวนอย่างไม่เลิกรา ทั้งที่เมื่อคืนก็มาปลุกคนอื่น เพื่อแหกตานั่งดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเขา ตั้งนานหลายชั่วโมงเลย ยังมีหน้าพูดจาข่มขู่ฉันอีกด้วย หากคิดถ่วงเวลาจะหักเงินเดือน ซึ่งที่เขาให้นั้นมันก็น้อยอยู่แล้ว ยังคิดแกล้งกันดูตาบ้านี่เถอะ แม้อยากโวยวายแต่ก็ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว หากเผลอทำเขาสติหลุด จนเผลออยากฆ่าฉันขึ้นมาจะทำอย่างไรได้ล่ะ พ่อก็ยังไม่รู้ว่าฉันตกระกำลำบาก อยู่แห่งหนไหน ชีวิตนี้ใครจะมาช่วยฉันกัน ประเด็นที่สำคัญอยู่ต่างประเทศอีกด้วย ไร้คนให้พึ่งพาอาศัย ไม่รู้จะได้เจอคุณคนนั้นที่ประเทศนี้ไหม? เฮ้อ~ "เมื่อคืนนอนไม่อิ่มเหรอ หลับอย่างกับคนซ้อมตาย ลืมไปแล้วมั้งว่าต้องทำงานใช้หนี้ ไม่ได้มาพักกินเที่ยวอยู่ฟรีหรอกนะครับคุณ ไปชงกาแฟมาให้หน่อยครับ ทำอาหารด้วยนะวันนี้อยู่บ้าน เสร็จแล้วไปล้างรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน ช่วงมืดมีคุยธุรกิจข้างนอกด้วย ทุกอย่างต้องเสร็จก่อนสองทุ่ม!" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันโวยวายลั่น หลังจากยืนกอดอกพิงกำแพง ซึ่งเขายืนรอเธออยู่เป็นนานสองนานแล้ว พูดจบก็หมุนตัวเดินตรงเข้าสู่ห้องหนังสือ ปิดประตูเสียงดังลั่นอย่างอารมณ์เสียซะงั้น! "เป็นอะไรของเขาประจำเดือนไม่มาหรือเปล่า ขี้หงุดหงิดง่ายชะมัดเลยหึ~ จะทนอยู่กับเขาได้กี่เดือนสถานการณ์แบบนี้ ไม่กล้าคาดหวังเป็นปีหรอก เกิดเผลอทำให้เขารู้สึกโกรธจัด เขาจะจับฉันโยนให้ฉลามกินไหมเนี่ย!" ทรายกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา กลัวคนภายในห้องได้ยินเข้าจะลงโทษได้น่ะ เข้าห้องครัวชงกาแฟเป็นงานอันดับแรก เนื่องจากคิดว่ามันง่าย แต่ทว่าขมวดคิ้วเรียงสวยชนกัน แหงนหน้าขึ้นมองขวดโหลสองใบ ยืนคิดอยู่นานก่อนจะหลับตาชี้นิ้วทาย เลือกเปิดมาตักชงใส่แก้วกาแฟ ก่อนหน้านี้เปิดฝาขวดโหลเอามาทดลองดมแล้ว ก็ไม่รู้อันไหนเกลืออันไหนน้ำตาลกันแน่! บ้านก็ใหญ่โตคนใช้ไม่มีสักคนเดียวเฮ้อ~ ช่วงอยู่กับไอ้คนเลวนั่น! ฉันก็จ้างแม่บ้านข้างนอกให้มาทำอาหาร เคยเข้าครัวเองเสียที่ไหนกัน ถึงคนอื่นคิดว่าฉันแต่งงานแล้วสบาย ไม่ต้องไปตรากตรำทำงานนอกบ้าน ใครจะรู้เป็นฉันคนนี้เองแหละ ที่คอยหาเงินเพื่อส่งมอบจุนเจือทั้งครอบครัว เลี้ยงแม้กระทั่งไอ้สามีเฮงซวe! วันดีคืนดีก็พามาขัดดอกกับคนอื่นอีกหึ~ ปกติหนีรอด กรงเล็บเหล่าสัตว์ร้ายนั้นได้ตลอด คงมีเพียงเขาแหละมั้ง ที่ทำให้รู้สึกไม่น่าหนักใจอย่างที่ผ่านมา ถึงแม้จะพูดไม่เข้าหูเลยสักครั้งเดียว เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น อีกคนจึงขานตอบรับ จับเอกสารบนโต๊ะซ้อนกันอย่างว่องไว ชำเลืองมองเล็กน้อยก่อนจะเซ็นเอกสารต่อ ราวกับไม่สนใจ เพราะรู้ว่าใครเป็นคนเข้าห้องมา "เข้ามาเลย!" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน ฉันจึงเดินเชื่องช้าวางแก้วกาแฟลงให้แก่เขา รีบเดินออกไปทำอาหารเพราะกลัวเวลาไม่พอ ส่วนอีกคนแอบมองกาแฟร้อน กระตุกยิ้มเล็กน้อย เอื้อมมือสอดนิ้วเกี่ยวหูแก้วหยิบมากระดกดื่ม อารมณ์ช่วงแรกเขานั้นยังพอสุนทรีย์ เพราะฟังเพลงกำลังเพลินอยู่ ต้องรีบหันหน้าย้ายมาข้างมุมโต๊ะ เพื่อคายกาแฟทิ้งลงบนพื้นแทบไม่ทัน พยายามกลั้วคอด้วยน้ำเปล่า ภายในโพรงปากพร้อมบ้วนอยู่เช่นนั้น รสชาติกาแฟไม่ได้ขมปี๋ปกติหรอกนะ มันเค็มมากต่างหากล่ะ! กัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิด ซึ่งสมองที่ถูกกระตุ้นราวกับไฟช็อต บังคับร่างกายให้ลุกขึ้นยืน วิ่งตรงไปยังห้องครัว แต่ก็ต้องขมวดคิ้วดกหนาชนกัน ภาพตรงหน้ามันช่างโมโหหนักกว่าเดิมอีก! ก้าวเท้าเดินตัวปลิวหมุนเตาแก๊สปิดลง หากช้ากว่านี้บ้านเขาคงระเบิดแล้ว เธอหยิบขวดเหล้า คงคิดว่าเป็นน้ำมันมะกอก มาปรุงอาหารไฟลุกโชนจนกระทะไหม้ ลามไปเผาตู้เก็บของด้านบนศีรษะ "ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย!" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันโวยวายลั่น เธอยืนนิ่งสีหน้าหวาดหวั่นเป็นลมสลบไป ไม่ได้ตอบอะไรเขาเลย จึงรีบช้อนร่างกายคนไร้สติไปพักที่ห้องนอน กดโทรศัพท์ให้ลูกน้องคนสนิท พาแพทย์ประจำตระกูลมารักษาอาการเธอด่วน! เขานั่งแสดงสีหน้าเคร่งเครียดบนโซฟาหรูหรา "ให้ผมไปสืบให้ไหมครับบอส?" โซ่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เมื่อสังเกตจับความผิดปกติของเจ้านาย ถึงเขาจะเป็นคนนิ่งสงบมาตลอด เรื่องผู้หญิงก็ไม่เคยหวั่นไหวกับใครง่ายๆ ซึ่งหน้าตาคิดหนักขนาดนี้ อย่างกับขาดทุนทางธุรกิจเป็นหลักพันล้าน ย่อมสัมผัสได้เพราะทำงานด้วยกันนานหลายปี แถมยังเป็นดั่งเพื่อนสนิทเลยก็ว่าได้ "ไม่ต้องสืบหรอกมึงไปแจ้งแก๊งบีเวอร์ ขอเลื่อนเวลานัดเจรจาช้าหน่อยเข้าใจไหม?" ไคโรกดเสียงต่ำสั่งงานอย่างหงุดหงิดใจ พยายามปกปิดลูกน้องคนสนิท ไม่ให้ล่วงรู้อาการกังวลของเขาได้ "ครับ!" โซ่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เดินจากไปด้วยความเร็วเพราะเป็นงานด่วน! "คงไม่ใช่หรอกมั้ง?" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนจะไปทำงานต่อ "ฮื่อๆ จะออกไปได้อย่างไรกัน ใครก็ได้ช่วยด้วย!" ตะโกนเสียงดังอย่างลืมตัวติดอยู่ในภวังค์ฝันร้าย "คุณครับ!" เสียงเรียกทำให้เธอเบิกตากว้างอย่างตกใจ หมอเขาพยายามเขย่าแขนปลุกเธอขึ้นมา เมื่อเห็นพฤติกรรมผิดปกติ ของคนนอนป่วยบนเตียง ฉันมองรอบตัวอย่างละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้อยู่ภายในห้องนอนสินะ ก่อนหน้านี้จำได้ว่าทำอาหารอยู่หน้าเตานี่นา! หลังจากนั้นก็ไร้สติจนลืมว่าเกิดอะไรขึ้นมา ซึ่งเธอย่อมรู้อาการตนเองดี มันเป็นปมติดอยู่ภายในใจดวงนี้โดยเสมอมา รักษาอาการกับจิตแพทย์นานมากแล้ว แต่เพราะอะไรถึงกลับมาเป็นอีกได้เนี่ย! คงไม่ได้เผาบ้านเขาหรอกใช่ไหมนะเฮ้อ~ "เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะหมอ?" ทรายกล่าวถามด้วยซุ่มเสียงไพเราะเสนาะหู เอ่ยเรียกเขาแบบนั้น เพราะเห็นเครื่องสเต็ตโทสโคป (Stethoscope) ไว้สำหรับฟังเสียงหัวใจเต้น มันยังแขวนอยู่บนลำคอเขาน่ะ ถึงแม้จะใส่ชุดธรรมดาคงรีบร้อนมาตรวจแน่นอน "คุณมีอดีตที่ฝังใจหรือเปล่าครับ ผมเองไม่ใช่หมอเฉพาะทาง แต่อาการคุณค่อนข้างมีปฏิกิริยาตอบสนอง อย่างรุนแรงมากพอสมควรถึงขั้นหมดสติ" "ร่างกายไม่เป็นอะไรแล้วนะ จัดยาคลายเครียดลดอาการวิตกกังวล ให้เรียบร้อยแล้วครับพักไม่นานก็หาย แต่ขอแนะนำอย่าเข้าใกล้ไฟอีกนะ กลัวจะเป็นแทรกซ้อนอย่างอื่นได้ แนะนำพบหมอเฉพาะทางตรวจสอบอีกรอบ เพื่อความปลอดภัยนะครับ!" หมอน้ำกล่าวออกมาด้วยเสียงเคร่งขรึมพร้อมแนะนำ "ขอบคุณมากค่ะหมอ!" ทรายกล่าวด้วยซุ่มเสียงไพเราะเสนาะหูพร้อมยกมือไหว้ หมอคนนั้นออกไปได้ไม่นาน ใครบางคนก็เดินเข้ามายืนใกล้ๆ ข้างเตียงนอนเบะปากพูดใส่หน้าทันที เอือมระอาพฤติกรรมเจ้าหนี้อย่างเขาเหลือเกิน "ไม่ได้เรื่องสักอย่าง! หักค่าเสียหายหนึ่งล้านให้มันจบกันไปหึ~ นอนพักเลยตอนดึกต้องไปคุยธุรกิจกับผม ส่วนงานที่เหลืออื่นๆ ค่อยทำวันพรุ่งนี้ทำงานบ้านไม่เป็นก็ไม่บอก จะเผาบ้านคนอื่นแล้วรู้ไหม หลงเสน่ห์ผมจนอยากอยู่ใช้หนี้นานขึ้นเหรอ?" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันโวยวายจนดังลั่น "จะขอกลับไปเอาเงินที่พ่อมาชดใช้ คุณก็ไม่ยอมเองคนอะไรหลงตัวเองเป็นบ้า! หน้าตาหล่อแต่ปากร้ายใครชอบก็เชิญเลยค่ะ! ฉันขอลาคนหนึ่ง~" ทรายกระแทกเสียงใส่อีกฝ่าย หลับตาลงหันหลังให้อย่างไม่พอใจ เพราะเขาชอบพูดจาไม่ดีใส่ตลอด ก็ยังดีเขาเลือกหักค่าเสียหายแค่หนึ่งล้าน ซึ่งมันน้อยกว่าราคาจริงของมูลค่าเครื่องใช้นั่นอีก กว่าจะใช้หนี้เขาหมดคงได้ขึ้นคานจริงแหละ อายุแค่เพียง 28ปีเหลือเวลาหาผู้ชายใหม่ยาก คงต้องไปฝากไข่เอาไว้กับแพทย์ก่อน ค่อยหาน้ำเชื้อผู้ชายภายหลัง! "แค่นี้ก็ต้องน้อยใจผู้หญิงน่าเบื่อชะมัด เอานี่บังเอิญหยิบติดมือมาด้วย อมมันเล่นละกันผมไปแล้วพักผ่อนซะ" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันโวยวายจนดังลั่น วางของบนโต๊ะหัวนอนเดินออกจากห้องไปทันที แอบกระตุกยิ้มมุมปาก ฉันพยายามใช้หูฟังอย่างตั้งใจ แต่เหมือนเสียงฝีเท้าเขาจะไม่อยู่แล้วนะ ลืมตาขึ้นหันหน้ามองสิ่งของบนโต๊ะหัวเตียง พบลูกอมบ๊วยหวานเป็นโหลแก้วใหญ่ "ให้อภัยคุณแล้วกัน!" ทรายกน้ำเสียงแผ่วเบากล่าว อมยิ้มหวานอย่างมีความสุขแกะกินทันที เกลือกกลิ้งบนเตียงราวกับเป็นเด็กน้อย เพราะสิ่งที่เขาเอามาวางไว้เป็นของโปรดนี่นา! คนหน้าประตูแอบดูอยู่ห่างๆ เดินหนีออกไปจากหน้าห้องอย่างรวดเร็ว ด้วยเสียงฝีเท้าที่เบาสงัดดุจมือสังหาร เขาทำเช่นนั้นเป็นเพราะแค่เพียงไม่อยากให้เธอ รู้สึกแย่จากการกินยาที่หมอจ่ายมาให้- ตอนพิเศษ - เข้าสู่ปีที่ 5 หลังจากแต่งงานกันพวกเราทั้งคู่ มีบุตรกันแล้วห้าคน ฉันเฝ้ารอคนที่หกอยู่ไม่รู้จะมาตอนไหน โคล่าและแคนดี้ชอบมาอวดประจำ ทำให้ต้องขยันผลิตลูกตามเลยทีนี้ แต่กลัวสุดตรงประสิทธิภาพรังไข่มากกว่า อายุยิ่งเลยเลขสามมาไกลโพ้นฉันกังวลจริงๆ มัวเสียเวลาตีกับพี่ไคโรเกือบ 7ปีเต็ม คนที่หกวันนี้ต้องเข้าแล้วแหละ ตอนนี้ฉันสวมชุดแม่บ้านสุดเซ็กซี่เพื่อยั่วยวนพี่เขาโดยเฉพาะ เนื่องจากลูกหลับกันหมดแล้วเวลาสะดวกช่างหาได้ยากยิ่งกว่าอะไรดี สองขาเรียวเล็กย่างก้าว เข้ามาสู่หน้าห้องออกกำลังกายด้วยความเร็ว เป้าหมายชอบมาออกกำลังกาย หลังจากเล่นกับลูกและจัดการเอกสารจนเรียบร้อย ฉันค่อยๆ เอื้อมมือแตะลูกบิดประตูหมุนเปิดเข้าไป พร้อมกดลงกลอนเพื่อไม่ให้ใครมาก่อกวน ส่วนพวกเด็กน้อยมีพี่เลี้ยงคอยนอนเป็นเพื่อน ทุกสิ่งอย่างเป็นใจไปหมดเหลือแค่คนเท่านั้น กวาดสายมองหาคุณพ่อสุดหล่อ เขายังคงนอนบนม้านั่งยกน้ำหนักซึ่งมีคานให้วางบาร์เบลได้ เขาชอบเล่นท่าทางฉบับ Bench Press ท่าทางนี้จะเป็นการออกแรงในส่วนของ กล้ามเนื้อหน้าอกซึ่งจะเป็นมัดหลักและส่วนของมัดรองหรือมัดที่ใช้สนับสนุน จะเป็นส่วนของกล้ามเนื้อหัวไหล่และตร
40.ขอแต่งงานอย่างจริงใจ •40• ศิลาพอยืนทรงตัวได้แล้ว เขาก็เอื้อมฝ่ามือหนามาจับฝ่ามือเล็ก ไปกอบกุมลูบละไล้เบาๆ ราวกับคิดถึงกันมากเสียอย่างนั้น ก่อนจะพูดคล้ายเป็นห่วงใยอีกด้วย ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ สถานการณ์บีบบังคับกันเช่นนี้ ฉันก็ไม่รู้จะเอาตัวรอดอย่างไรดีเหมือนกันนะเนี่ย เฮ้อ~ "คุณเป็นอย่างไรบ้างเหรอครับ ผมด่ากราดไล่ลูกน้องออกตามหาคุณไปทั่วเมืองเลยนะ สุดท้ายมารู้ข่าวทีหลังว่าคุณแม่ผม.. เขาแอบลักพาตัวคุณไปเองผมขอโทษด้วย พวกเรายังคบกันอยู่เหมือนเดิมใช่ไหมครับ" ศิลากล่าวถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมพร้อมฉีกยิ้มกว้าง เนื่องจากเห็นเธอปลอดภัยดีแล้ว อยากไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลไอ้ไคโรก็กันท่าไม่ให้เจอ แต่ก็ไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีแต่ทวงคำตอบคนสวยตรงหน้า เพราะใจรู้สึกชอบเธอมากจนไม่อยากให้เธอไปเป็นของใครทั้งนั้น "ขอโทษด้วยนะคะฉันมีคนรักอยู่แล้ว จริงๆ ตอนนั้นฉันเคยคิดจะเปิดใจให้คุณอยู่ค่ะ แต่ตอนนี้ฉันกำลังจะแต่งงานแล้วค่ะ" ทรายกล่าวด้วยซุ่มเสียงไพเราะเสนาะหู รีบก้มลงมองพื้นถนนหัวคิ้วผูกชนกันทันที แกล้งโกหกเพื่อรักษาน้ำใจ รู้ว่าไม่สมควรทำอย่างนี้มันไม่ดี แต่หากพูดว่าฉันหลอกใช้เขาคงจะได้มีเรื่องขุ่นเ
39.ฟังแค่เสียงหัวใจ •39• วันที่เธอโดนยาสลบผมได้แอบทำการ ให้เธอลงนามเซ็นสัญญาหย่าขาดกับไอ้สามีเวรนั่น แต่เปลี่ยนมาเซ็นสัญญาใหม่กับผมแทนครับ เพราะรู้ว่าเธอกำลังจากผมไปแล้วจริงๆ มีเพียงแค่ปล่อยมือแยกห่างกันช่วงหนึ่ง แต่รั้งเธอด้วยฐานะตามเอกสารเพียงแค่แผ่นเดียว โดยที่เธอเองยังไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เหตุผลแค่ไม่อยากให้เธอ.. ต้องมาเจอกับภัยอันตรายอยากปกป้องคุ้มครองให้เธอมีชีวิตรอดได้อย่างอิสระและมีความสุข ทำอะไรมาตั้งมากขนาดนั้น แต่ก็ไม่อยากจะอธิบายหรือพูดให้เธอฟัง แกล้งแสดงเป็นคนใจร้ายเหมือนเย็นชาแต่ก็ยังควบคุมอารมณ์หึงหวงไม่ไหว ช่วงหลังสิ่งที่กังวลจิตใจสุด จนไม่มีสมาธิตั้งใจทำงานได้อย่างสงบ คือเธอกำลังจากผมไปเพราะพ่อเธอขะมักเขม้นทำธุรกิจหามรุ่งหามค่ำทุกวัน แต่ยิ่งเก็บสะสมเงินมากเท่าไหร่ กลับยังไม่พอจะรวบรวมมันให้ครบ จำนวนตั้งหนึ่งหมื่นล้านผมตั้งดอกเบี้ยสูง เพียงแค่อยากยืดเวลาให้อยู่กับเธอได้นาน แต่กลายเป็นทำให้เธอต้องมารู้สึกผิดหวัง หมดความเชื่อใจคนอย่างผมอีก พ่อทรายถึงขั้นกู้ยืมเงินจากแก๊งสิงโตเพื่อซื้ออิสระลูกคืนกลับไปดังเดิม คุณดนัยปรารถนาอยากช่วยทรายจริงๆ ตอนนั้นผมแค่อยากรู้สายสัม
38.สับสนไปชั่วขณะ •38• เขาทำหน้างอคอหักอย่างไม่พอใจ เพราะโดนผู้เป็นแม่กล่าวตักเตือน เนื่องจากความโมโหร้ายจากเขา มันช่างน่ากลัวมากจริงๆ "แม่ครับผมสืบมาแล้วถึงได้กล้าลงมือ แม้จะยั้งมือไม่ค่อยอยู่ก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นก็คำนวณผลได้ผลเสียอยู่แล้ว ยอมรับว่าใจเย็นได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องของเธอผมควบคุมไม่ได้" น้ำเสียงดุดันกล่าวแย้งแม่ตัวเองทันควัน "อย่ามาทำพูดดีไปหน่อย ลูกค้าประจำที่แลกเงินบ่อยชื่ออะไรนะ น้องของตาบิลลี่น่ะ" คันศรกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง "ชื่อบูเก้ครับ" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันพร้อมถอนหายใจแรง เพราะรู้ตัวว่าแม่จะต้องบ่นเรื่องนี้แน่นอน "นั่นแหละ! หึงเมียจนต้องไปยิงขาเขาเลยน่ะ แม่จึงไปเจรจากับตาบิลลี่เอง เพราะรู้ว่าลูกคงไม่มีทางขอโทษอยู่แล้ว ซึ่งแม่เองก็แค่เจรจาเพื่อรักษาลูกค้าคนนี้เอาไว้ แต่ไม่ได้ขอโทษว่าเราทำผิดอะไร แค่บอกฐานะของทรายให้คนพวกนั้นรู้อย่างชัดเจน จะได้ไม่ต้องมีเรื่องค้างคาใจกันอีก" คันศรกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบปรายหางตามอง "ครับ! ผมรู้ความผิดนี้แล้วคุณหญิงคันศร ฟังผมเล่าต่อดีกว่านะครับจะออกไปไกลแล้ว" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันให้แม่ฟัง ส
37.เจอของที่หายไป •37• หลังโทรไปหาทางบ้านทุกคน ล้วนเตรียมตัวจะมาเยี่ยมเยียนเธอกัน เพราะยามนี้ทราย ได้คล้ายดั่งคนภายในครอบครัวไปแล้ว เธอหลับเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง ก็ลืมตาตื่นเอ่ยปากขึ้นมา "ขอน้ำหน่อยค่ะ" เสียงแหบแห้งกล่าวผมจึงรีบไปเทน้ำเปล่า รินใส่แก้วเพื่อให้เธอดื่มกินประมาณหกแก้วได้ ราวกับตัวเองเป็นต้นไม้อยู่ในพื้นที่แห้งแล้ง กำลังขาดน้ำมากมายเสียอย่างนั้นแหละ "พอหรือยังครับดื่มอีกไหม" น้ำเสียงดุดันกล่าวถาม เธอส่ายศีรษะเงียบอยู่นานเหมือนมีบางสิ่ง ที่ยังอยากจะรู้แต่ไม่กล้าถามออกมาตรงๆ อาจจะเพราะความทรงจำยังไม่กลับมาน่ะสิ สุดท้ายเธอก็อ้าปากได้สักที "สองคนนั้นในนิทานเป็นอย่างไรคะ ตอนจบหนูหลับไปไม่ทันได้ฟังเลย เขาได้กลับมาเจอกันอีกครั้งไหมคะ" ซุ่มเสียงไพเราะเสนาะหูกล่าวถาม "ใช่บทสรุปคือพวกเขาได้เจอกันครับ" น้ำเสียงดุดันกล่าวพร้อมฉีกยิ้มกว้างมาให้ "ใครเป็นคนไปหากันก่อนเหรอคะ" ซุ่มเสียงไพเราะเสนาะหูกล่าวถามอย่างสงสัย "แน่นอนว่าเป็นสาวน้อยคนนั้นเอง เธอได้รักษาสัญญาที่เคยพูดเอาไว้น่ะสิ" น้ำเสียงดุดันกล่าวตอบ "มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ เหตุใดพี่ผู้ชายเขาถึงไม่ตามหาเธอก่อนล่ะคะ" ซุ่มเสียงไพ
36.ย้อนวัยเด็ก •36• หลังจากมาเยี่ยมคุณพ่อซึ่งบวชเป็นพระ ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มอายุวัย 19ปี กำลังเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยตามถนนเล็กๆ แต่ทว่าเห็นควันไฟออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง ด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากเกิน จึงรีบวิ่งไปยังสถานที่เป็นจุดเกิดเหตุ เจอกับไอ้คนลงมือจัดการ ซึ่งมีกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น "เฮ้ยทำอะไรกันอยู่วะ" โหวกเหวกโวยวายเสียงดังลั่น จนคนพวกนั้นเตรียมขับรถยนต์หนีหายไป เป็นเพราะคงกลัวความผิดที่ตนเองก่อน่ะสิ ผมวิ่งจ้ำอ้าวมาแต่ไกลจากจุดที่ตะโกน ยืนชะเง้อชะแง้ส่องภายในบ้านหลังนี้ทันที กำลังจะล้วงลงกระเป๋ากางเกง เพื่อเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์หาสถานีตำรวจ เนื่องจากมาประเทศนี้แค่เพียงไม่กี่ครั้ง จึงไม่รู้ว่าสถานีดับเพลิงใช้เบอร์อะไร แต่ก็ได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ ทำให้หยุดชะงักตั้งใจฟัง "กรี๊ด~ ใครก็ได้ช่วยหนูด้วยค่ะ มีใครอยู่ข้างนอกไหมคะ มีคนติดอยู่ข้างในได้ยินไหมคะ" เสียงกรีดร้องลั่นบ้านราวกับตกใจกลัวมาก เพราะเวลาตอนนี้มันมืดค่ำแล้ว บังเอิญบ้านเดี่ยวหลังนี้ มันตั้งตระหง่านอยู่แค่เพียงหลังเดียวเท่านั้น ทำให้ผมต้องรู้สึกร้อนใจหนักจนต้องตัดสินใจ ปีนรั้วเข้าไปภายในบ