4.คนปากร้าย
•4• คำถามเมื่อสักครู่ทำให้อีกฝ่ายนิ่งเงียบเชียบ แต่ยังเลือกตอบกลับแสดงท่าทางเฉยเมย เสมือนหุ่นยนต์ไร้ซึ่งอารมณ์เสียอย่างนั้น อีตานี่เขาก็ขี้เก๊กชะมัด! คิดว่าตัวเองหล่อราวกับเทพบุตรผู้ใจดีมาก จนฉันต้องหลงเสน่ห์หรือยังไงกันเนี่ย ถึงแม้จะเป็นความจริงเรื่องใบหน้าหล่อคมเข้ม สามารถกระชากหัวใจสาวสวยมาขยี้เล่นได้ แต่ขอให้คิดว่าเว้นฉันเอาไว้สักคนเถอะค่ะ ใช้หนี้หมดเมื่อไหร่พร้อมบอกลาไร้ตั๋วกลับมาอีก ฉันสะดุ้งเฮือกหลุดจากสติอันเพ้อเจ้อ เพื่อตั้งใจฟังเขาพูดเกี่ยวกับใจความสำคัญ "เธอต้องทำงานใช้หนี้จนกว่าจะหมด ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะผมไม่ใช้งานคุณฟรีแน่ เงินเดือนเลขาเดือนละสามล้าน ทนทำไปสักหน่อยก็คืนยอดได้ครบแล้ว ผมให้มากกว่าลูกน้องคนอื่นอีกนะเนี่ย" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันพร้อมปรายหางตามอง หยิบกางเกงใส่จนเรียบร้อยเดินไปหยิบทิชชู ทำความสะอาดมือตนเองนั่งดูหน้าจอต่อราวกับไม่สนใจเธอสักนิด "จะบ้าเหรอสามสิบหกล้านต่อปี ต้องทำงานตั้งยี่สิบกว่าปีนะ คุณตั้งใจให้ฉันขึ้นคานเลยเหรอ? ไม่สู้ให้ฉันกลับไปช่วยพ่อvายอวัยวะ ยังได้มากกว่ารายปีคุณอีกนะ อย่างน้อยมีอิสระได้เริ่มต้นชีวิตใหม่!" ทรายกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดโวยวายพร้อมทุบโต๊ะ หลังจากหยิบโทรศัพท์กดเปิดเครื่องคิดเลขคำนวณยอดสุทธิ "เห็นผมใจดีกับคุณมากไปใช่ไหม? เก็บกระเป๋าแล้วเดินตามมา ไม่งั้นจะเอาไปฆ่าหมกป่าทิ้งเลย ปัญหาเยอะจริงรู้ฐานะตัวเองหรือเปล่า?" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันคิดข่มขู่ จนอีกคนหุบแขนเข้ามาแนบชิดลำตัว เกิดความหวาดกลัวเขาขึ้นมาอีกครั้ง รักษาชีวิตเป็นเรื่องสมควรทำแล้วค่ะตอนนี้! ฉันหยิบกระเป๋าสะพายไหล่ เตรียมยืนรอเขาตามคำสั่ง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นกะทันหันเขาขานตอบ ลูกบิดถูกหมุนด้วยฝ่ามือผู้มาใหม่ ใบหน้าหล่อเหลาแต่คงแอบกะล่อนไม่เบา ยิ้มแย้มตาแทบปิดมาให้ ก่อนจะทำหน้าตึงเครียดกับเจ้านาย "เข้ามาเลยกูเสร็จแล้ว!" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน โวยวายลั่นเพราะหงุดหงิดคนภายในห้องอยู่ชอบขัดใจเขาตลอดเวลา "งานที่สั่งอยู่ในซองนี้หมดแล้วครับบอส!" น้ำเสียงเคร่งขรึมกล่าวออกมา เขารับมาเปิดอ่านโดยละเอียดสักครู่หนึ่ง ก่อนกระตุกยิ้มมุมปาก ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอะไรกันแน่ "มาเฝ้าจอเลยกูเหนื่อยแล้ว! ลืมแนะนำเธอเป็นเลขาคนใหม่ ต้องอยู่ใช้หนี้อีกนานรู้จักกันไว้สิ หากมีงานอะไรก็มาส่งมอบให้เธอเข้าใจไหม?" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันเอื้อมมือตีไหล่ลูกน้องคนสนิท "ผมโซ่นะครับเป็นมือขวาบอสเอง! ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ ดีจริงคุณชื่ออะไรเหรอครับคนสวย?" กล่าวเสียงอ่อนเสียงหวานเมื่อเจอคนสวยเข้า ไอ้นี่เห็นผู้หญิงไม่ได้กระดี๊กระด๊าตลอด มันอายุเท่ากับผมจึงเหมือนเพื่อนสนิทกันมากกว่า แต่การทำงานมันถือว่าเคร่งครัดพอสมควรเลย ผมจึงแอบใจดีกับมันในบรรดาลูกน้องคนสนิทบ่อย มันคงจะลืมตัวไปแล้วมั้งครับเนี่ย หึ~ "ชื่อทราย! เลขาคนใหม่กูครับเบาหน่อยเถอะมึง!" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันโวยวายลั่น พร้อมเดินไปจูงมืออีกคนลากออกจากห้องทันที เมื่อรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมากะทันหัน ที่ลูกน้องเตรียมตัวพร้อมคอยแทะเล็ม จะรองาบเธอกินตลอดเวลา ซึ่งคนโดนโวยวายก็แอบอมยิ้มหวาน เพราะได้แกล้งเจ้านายสำเร็จสักครั้งในช่วงชีวิตนี้ รถยนต์สุดหรูขับออกมาได้ไม่นาน ก็หยุดจอดอยู่หน้าคฤหาสน์มันช่างมโหฬาร มีหลังใหญ่สุดอย่างอลังการอยู่ตรงกลาง อีกสองหลังด้านซ้ายและขวาเป็นฝั่งตรงข้ามกัน มันช่างเหมาะสำหรับเจ้าของกาสิโน เขาขับเลี้ยวพวงมาลัยจอดโซนบ้านฝั่งซ้าย ลงจากรถยนต์มายืนนิ่งงันรอเพียงไม่นาน พอเขากดกุญแจล็อกเดินนำเข้าบ้าน โดยมีฉันตามอยู่ด้านหลังไม่ห่าง พาขึ้นบันไดมายังบริเวณชั้นสอง "อยู่ห้องนี้ไปละกัน! มีอะไรจะเรียกอย่าพรวดพราดเดินซน ที่นี่คนเฝ้าด้านนอกเยอะหากคิดว่าเป็นโจร คงได้จบชีวิตอันน้อยนิดของเธอลงแน่! อย่าได้เฝ้าถึงอิสรภาพเลยนะ ผมจะฝังกระดูกคุณเป็นอย่างดีไม่ต้องกังวล หากคิดดื้อรั้นไม่สนใจที่ผมพูด เลือกเอาเองนะครับ! อย่างน้อยได้ประหยัดค่าอาหารค่าไฟลงบ้าง หึ~" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันเชิงข่มขู่ จนเธอได้แต่พยักหน้ารับเข้าใจอย่างเชื่อฟัง หล่อรวยแต่ขี้เหนียวให้ตายเถอะ! พอแยกย้ายเข้าห้องหลับพักผ่อนได้ไม่นาน ก็ต้องสะดุ้งตื่นประตูห้องถูกเคาะโครมคราม คิดจะก่อกวนกันหรือยังไงเนี่ย เขามันน่าโมโหจริงเลย! "มีอะไรของนาย?" ทรายกล่าวด้วยซุ่มเสียงไพเราะเสนาะหู ขมวดคิ้วเรียงสวยชนกัน แหงนหน้าขึ้นมองคนเจ้าปัญหาทันที กล้ามาขัดจังหวะการหลับใหลของฉัน "ผมนอนไม่หลับไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนหน่อย!" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน พร้อมแสดงหน้านิ่วคิ้วดกหนาขมวดชนกัน "มันก็ได้อยู่แต่โอทีล้านห้าต่อชั่วโมงนะ!" ทรายกล่าวด้วยซุ่มเสียงไพเราะเสนาะหูคิดต่อรอง ซึ่งอีกคนไม่ตอบอะไรกลับ แต่เลือกเอื้อมมือลากแขนเรียวเล็ก ให้มานั่งบนโซฟาหนังราคาแพง ภายในห้องนั่งเล่นก่อนจะเปิดปากพูดออกมา "หน้าเลือดไม่เบาเลยนะ!" ไคโรกล่าวค่อนแคะพอได้ยินเข้าควันแทบออกหู "ค่าจ้างรายเดือนมันน้อยเกินช่วยไม่ได้ค่ะ! ใครอยากจะทำงานจนแก่ชรากัน ไม่อยากจะขึ้นคาน เพราะต้องใช้หนี้คุณทั้งชีวิตหรอกค่ะ" ทรายกล่าวด้วยซุ่มเสียงไพเราะเสนาะหู ยกแก้วเหล้าดื่มเพราะหงุดหงิดเขา กวนคนอื่นไม่ให้นอนยังจะพูดจาน่ารำคาญอีก จะอดทนอยู่กับคนปากร้ายอย่างเขา ได้นานแค่ไหนกันเชียวนะ "อยู่กับผมลำบากใจกว่าไอ้เวรนั่นเหรอ อีกอย่างถ้าคุณขึ้นคานก็ดีจะตายไป หากถึงเวลานั้นแล้วจริงๆ จะได้รู้จักหัดเอาใจเจ้าหนี้อย่างผมบ้าง หึ~" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันแสดงหน้าตาเย็นชา ซึ่งฉันอ่านใจเขาไม่ออกเลยด้วยซ้ำ เขากำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ ถึงได้มาพูดจาไร้สาระตั้งมากมาย "เลิกพูดถึงไอ้คนพรรค์นั้นสักทีเถอะ หากยังพูดจิกกัดกันอีก จะกลับไปนอนแล้วนะคะ แม้จะเป็นลูกหนี้แต่คุณก็ไม่สมควร ทำให้ฉันอึดอัดใจหรือเปล่าคะ เพราะฉันก็ไม่ได้คิดหนีเลย ยินดีรับผิดชอบให้ทั้งหมด" ทรายเผลอกระแทกเสียงใส่อย่างลืมตัว เมื่อต้องพูดถึงตัวก่อปัญหาของเรื่องนี้ "ถามนิดหน่อยโมโหขนาดนี้เชียว ลืมว่าตัวเองเป็นเด็กขัดดอกอยู่หรือเปล่าเนี่ย เธอนี่มันไม่กลัวตายเลยนะ ด่าฉอดๆ ราวกับเป็นแม่ค้าปากตลาด" เขาเลิกคิ้วถามอย่างกวนอารมณ์เชิงข่มขู่ ฉันได้แต่สะดุ้งโหยงขนลุกซู่ทันที "ขอโทษค่ะแค่นึกถึงแล้วโมโห!" ทรายกล่าวด้วยซุ่มเสียงไพเราะเสนาะหู กระดกเหล้าดื่มต่อเขาแอบกระตุกยิ้มร้ายกาจ เมื่อการยั่วยุหลอกลวงเธอออกมานั่งพูดคุยได้สำเร็จตามเป้าหมายตนเอง นั่งดื่มไปสักพักใหญ่ สาวสวยใบหน้าเริ่มแดงก่ำ สายตาหยาดเยิ้มพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน ชวนชนแก้วราวกับนั่งระบายความอึดอัดใจ เขาก็แอบมอง ข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้รู้สึกอะไร แม้ว่าเสน่ห์เธอในยามนี้จะดึงดูดเขามากก็ตาม สั่งให้ออกมาดื่มเหล้าเป็นเพื่อน แค่ไม่อยากให้เธอรู้สึกอึดอัดราวกับถูกบังคับ จนสามารถสร้างเรื่องวุ่นวายภายในอนาคต ประมาณว่าผมอยากอยู่กันแบบสงบสุข "คุณรู้ไหมคะ? หน้าตาของคุณหล่อมากเลยนะคะ เสียดายตรงแค่ปากหมาเกินไปหน่อย! ถ้าพูดจาดีมากกว่านี้ ฉันอาจจะตกหลุมรักคุณสักวันหนึ่งก็ได้นะ แต่ก็พูดตลกให้ฟังอย่าไปคิดมากนะฮ่าๆ หากคุณขาดสติทำอะไรฉันขึ้นมา แบบไอ้สารเลวนั่นฉันคงร้องไห้แน่เลยค่ะ" ทรายใช้เสียงอู้อี้กล่าวเพ้อเจ้อ ซึ่งคนได้ฟังก็แอบอมยิ้มตาม เขาหันใบหน้าตั้งใจสบตาเธออย่างจงใจ ขยับตัวให้แผ่นหลังแนบชิดพิงผนังโซฟาหรู ยกมือข้างหนึ่งค้ำคางเอาไว้ เมื่อรู้สึกว่าเมื่อยเกินก่อนจะพูดให้เธอฟัง "อย่ากลัวเลยนะ ผมไม่ทำร้ายผู้หญิงหรอกครับ! เต็มที่ผมก็แค่ล่วงเกินเล็กน้อยเท่านั้นแหละ หึ~" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันให้คนไม่ได้สติฟัง แต่เหมือนการสื่อสารจะไม่เข้าหูเลย เมื่อคนด้านข้างสัปหงกโยกเยกทรงตัวไม่อยู่ ก่อนจะล้มลงเอาใบหน้าสวยแอบอิงแผงหน้าอกแกร่ง เนื่องจากเป็นช่วง อากาศหนาวเย็นจัดพอสมควร เธอสอดแขนเรียวโอบกอดคนตัวโตเอาไว้แน่น! เขาทำได้เพียงสงบสติอารมณ์ไม่ให้คิดฟุ้งซ่านอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนแกร่ง ก้าวเดินเอื้อมมือเปิดประตูห้อง วางเธอนอนบนเตียงและห่มผ้าให้เป็นอย่างดี ก่อนจะออกจากห้องเธอไป ส่วนอีกคนแอบอมยิ้มหวาน ก่อเกิดความรู้สึกดีๆ เมื่อไม่ถูกเขาเอาเปรียบเลยสักนิดเดียว ใครจะคิดว่าเขาจะเป็น สุภาพบุรุษขนาดนี้ได้กัน- ตอนพิเศษ - เข้าสู่ปีที่ 5 หลังจากแต่งงานกันพวกเราทั้งคู่ มีบุตรกันแล้วห้าคน ฉันเฝ้ารอคนที่หกอยู่ไม่รู้จะมาตอนไหน โคล่าและแคนดี้ชอบมาอวดประจำ ทำให้ต้องขยันผลิตลูกตามเลยทีนี้ แต่กลัวสุดตรงประสิทธิภาพรังไข่มากกว่า อายุยิ่งเลยเลขสามมาไกลโพ้นฉันกังวลจริงๆ มัวเสียเวลาตีกับพี่ไคโรเกือบ 7ปีเต็ม คนที่หกวันนี้ต้องเข้าแล้วแหละ ตอนนี้ฉันสวมชุดแม่บ้านสุดเซ็กซี่เพื่อยั่วยวนพี่เขาโดยเฉพาะ เนื่องจากลูกหลับกันหมดแล้วเวลาสะดวกช่างหาได้ยากยิ่งกว่าอะไรดี สองขาเรียวเล็กย่างก้าว เข้ามาสู่หน้าห้องออกกำลังกายด้วยความเร็ว เป้าหมายชอบมาออกกำลังกาย หลังจากเล่นกับลูกและจัดการเอกสารจนเรียบร้อย ฉันค่อยๆ เอื้อมมือแตะลูกบิดประตูหมุนเปิดเข้าไป พร้อมกดลงกลอนเพื่อไม่ให้ใครมาก่อกวน ส่วนพวกเด็กน้อยมีพี่เลี้ยงคอยนอนเป็นเพื่อน ทุกสิ่งอย่างเป็นใจไปหมดเหลือแค่คนเท่านั้น กวาดสายมองหาคุณพ่อสุดหล่อ เขายังคงนอนบนม้านั่งยกน้ำหนักซึ่งมีคานให้วางบาร์เบลได้ เขาชอบเล่นท่าทางฉบับ Bench Press ท่าทางนี้จะเป็นการออกแรงในส่วนของ กล้ามเนื้อหน้าอกซึ่งจะเป็นมัดหลักและส่วนของมัดรองหรือมัดที่ใช้สนับสนุน จะเป็นส่วนของกล้ามเนื้อหัวไหล่และตร
40.ขอแต่งงานอย่างจริงใจ •40• ศิลาพอยืนทรงตัวได้แล้ว เขาก็เอื้อมฝ่ามือหนามาจับฝ่ามือเล็ก ไปกอบกุมลูบละไล้เบาๆ ราวกับคิดถึงกันมากเสียอย่างนั้น ก่อนจะพูดคล้ายเป็นห่วงใยอีกด้วย ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ สถานการณ์บีบบังคับกันเช่นนี้ ฉันก็ไม่รู้จะเอาตัวรอดอย่างไรดีเหมือนกันนะเนี่ย เฮ้อ~ "คุณเป็นอย่างไรบ้างเหรอครับ ผมด่ากราดไล่ลูกน้องออกตามหาคุณไปทั่วเมืองเลยนะ สุดท้ายมารู้ข่าวทีหลังว่าคุณแม่ผม.. เขาแอบลักพาตัวคุณไปเองผมขอโทษด้วย พวกเรายังคบกันอยู่เหมือนเดิมใช่ไหมครับ" ศิลากล่าวถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมพร้อมฉีกยิ้มกว้าง เนื่องจากเห็นเธอปลอดภัยดีแล้ว อยากไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลไอ้ไคโรก็กันท่าไม่ให้เจอ แต่ก็ไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีแต่ทวงคำตอบคนสวยตรงหน้า เพราะใจรู้สึกชอบเธอมากจนไม่อยากให้เธอไปเป็นของใครทั้งนั้น "ขอโทษด้วยนะคะฉันมีคนรักอยู่แล้ว จริงๆ ตอนนั้นฉันเคยคิดจะเปิดใจให้คุณอยู่ค่ะ แต่ตอนนี้ฉันกำลังจะแต่งงานแล้วค่ะ" ทรายกล่าวด้วยซุ่มเสียงไพเราะเสนาะหู รีบก้มลงมองพื้นถนนหัวคิ้วผูกชนกันทันที แกล้งโกหกเพื่อรักษาน้ำใจ รู้ว่าไม่สมควรทำอย่างนี้มันไม่ดี แต่หากพูดว่าฉันหลอกใช้เขาคงจะได้มีเรื่องขุ่นเ
39.ฟังแค่เสียงหัวใจ •39• วันที่เธอโดนยาสลบผมได้แอบทำการ ให้เธอลงนามเซ็นสัญญาหย่าขาดกับไอ้สามีเวรนั่น แต่เปลี่ยนมาเซ็นสัญญาใหม่กับผมแทนครับ เพราะรู้ว่าเธอกำลังจากผมไปแล้วจริงๆ มีเพียงแค่ปล่อยมือแยกห่างกันช่วงหนึ่ง แต่รั้งเธอด้วยฐานะตามเอกสารเพียงแค่แผ่นเดียว โดยที่เธอเองยังไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เหตุผลแค่ไม่อยากให้เธอ.. ต้องมาเจอกับภัยอันตรายอยากปกป้องคุ้มครองให้เธอมีชีวิตรอดได้อย่างอิสระและมีความสุข ทำอะไรมาตั้งมากขนาดนั้น แต่ก็ไม่อยากจะอธิบายหรือพูดให้เธอฟัง แกล้งแสดงเป็นคนใจร้ายเหมือนเย็นชาแต่ก็ยังควบคุมอารมณ์หึงหวงไม่ไหว ช่วงหลังสิ่งที่กังวลจิตใจสุด จนไม่มีสมาธิตั้งใจทำงานได้อย่างสงบ คือเธอกำลังจากผมไปเพราะพ่อเธอขะมักเขม้นทำธุรกิจหามรุ่งหามค่ำทุกวัน แต่ยิ่งเก็บสะสมเงินมากเท่าไหร่ กลับยังไม่พอจะรวบรวมมันให้ครบ จำนวนตั้งหนึ่งหมื่นล้านผมตั้งดอกเบี้ยสูง เพียงแค่อยากยืดเวลาให้อยู่กับเธอได้นาน แต่กลายเป็นทำให้เธอต้องมารู้สึกผิดหวัง หมดความเชื่อใจคนอย่างผมอีก พ่อทรายถึงขั้นกู้ยืมเงินจากแก๊งสิงโตเพื่อซื้ออิสระลูกคืนกลับไปดังเดิม คุณดนัยปรารถนาอยากช่วยทรายจริงๆ ตอนนั้นผมแค่อยากรู้สายสัม
38.สับสนไปชั่วขณะ •38• เขาทำหน้างอคอหักอย่างไม่พอใจ เพราะโดนผู้เป็นแม่กล่าวตักเตือน เนื่องจากความโมโหร้ายจากเขา มันช่างน่ากลัวมากจริงๆ "แม่ครับผมสืบมาแล้วถึงได้กล้าลงมือ แม้จะยั้งมือไม่ค่อยอยู่ก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นก็คำนวณผลได้ผลเสียอยู่แล้ว ยอมรับว่าใจเย็นได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องของเธอผมควบคุมไม่ได้" น้ำเสียงดุดันกล่าวแย้งแม่ตัวเองทันควัน "อย่ามาทำพูดดีไปหน่อย ลูกค้าประจำที่แลกเงินบ่อยชื่ออะไรนะ น้องของตาบิลลี่น่ะ" คันศรกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง "ชื่อบูเก้ครับ" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันพร้อมถอนหายใจแรง เพราะรู้ตัวว่าแม่จะต้องบ่นเรื่องนี้แน่นอน "นั่นแหละ! หึงเมียจนต้องไปยิงขาเขาเลยน่ะ แม่จึงไปเจรจากับตาบิลลี่เอง เพราะรู้ว่าลูกคงไม่มีทางขอโทษอยู่แล้ว ซึ่งแม่เองก็แค่เจรจาเพื่อรักษาลูกค้าคนนี้เอาไว้ แต่ไม่ได้ขอโทษว่าเราทำผิดอะไร แค่บอกฐานะของทรายให้คนพวกนั้นรู้อย่างชัดเจน จะได้ไม่ต้องมีเรื่องค้างคาใจกันอีก" คันศรกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบปรายหางตามอง "ครับ! ผมรู้ความผิดนี้แล้วคุณหญิงคันศร ฟังผมเล่าต่อดีกว่านะครับจะออกไปไกลแล้ว" ไคโรกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันให้แม่ฟัง ส
37.เจอของที่หายไป •37• หลังโทรไปหาทางบ้านทุกคน ล้วนเตรียมตัวจะมาเยี่ยมเยียนเธอกัน เพราะยามนี้ทราย ได้คล้ายดั่งคนภายในครอบครัวไปแล้ว เธอหลับเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง ก็ลืมตาตื่นเอ่ยปากขึ้นมา "ขอน้ำหน่อยค่ะ" เสียงแหบแห้งกล่าวผมจึงรีบไปเทน้ำเปล่า รินใส่แก้วเพื่อให้เธอดื่มกินประมาณหกแก้วได้ ราวกับตัวเองเป็นต้นไม้อยู่ในพื้นที่แห้งแล้ง กำลังขาดน้ำมากมายเสียอย่างนั้นแหละ "พอหรือยังครับดื่มอีกไหม" น้ำเสียงดุดันกล่าวถาม เธอส่ายศีรษะเงียบอยู่นานเหมือนมีบางสิ่ง ที่ยังอยากจะรู้แต่ไม่กล้าถามออกมาตรงๆ อาจจะเพราะความทรงจำยังไม่กลับมาน่ะสิ สุดท้ายเธอก็อ้าปากได้สักที "สองคนนั้นในนิทานเป็นอย่างไรคะ ตอนจบหนูหลับไปไม่ทันได้ฟังเลย เขาได้กลับมาเจอกันอีกครั้งไหมคะ" ซุ่มเสียงไพเราะเสนาะหูกล่าวถาม "ใช่บทสรุปคือพวกเขาได้เจอกันครับ" น้ำเสียงดุดันกล่าวพร้อมฉีกยิ้มกว้างมาให้ "ใครเป็นคนไปหากันก่อนเหรอคะ" ซุ่มเสียงไพเราะเสนาะหูกล่าวถามอย่างสงสัย "แน่นอนว่าเป็นสาวน้อยคนนั้นเอง เธอได้รักษาสัญญาที่เคยพูดเอาไว้น่ะสิ" น้ำเสียงดุดันกล่าวตอบ "มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ เหตุใดพี่ผู้ชายเขาถึงไม่ตามหาเธอก่อนล่ะคะ" ซุ่มเสียงไพ
36.ย้อนวัยเด็ก •36• หลังจากมาเยี่ยมคุณพ่อซึ่งบวชเป็นพระ ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มอายุวัย 19ปี กำลังเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยตามถนนเล็กๆ แต่ทว่าเห็นควันไฟออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง ด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากเกิน จึงรีบวิ่งไปยังสถานที่เป็นจุดเกิดเหตุ เจอกับไอ้คนลงมือจัดการ ซึ่งมีกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น "เฮ้ยทำอะไรกันอยู่วะ" โหวกเหวกโวยวายเสียงดังลั่น จนคนพวกนั้นเตรียมขับรถยนต์หนีหายไป เป็นเพราะคงกลัวความผิดที่ตนเองก่อน่ะสิ ผมวิ่งจ้ำอ้าวมาแต่ไกลจากจุดที่ตะโกน ยืนชะเง้อชะแง้ส่องภายในบ้านหลังนี้ทันที กำลังจะล้วงลงกระเป๋ากางเกง เพื่อเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์หาสถานีตำรวจ เนื่องจากมาประเทศนี้แค่เพียงไม่กี่ครั้ง จึงไม่รู้ว่าสถานีดับเพลิงใช้เบอร์อะไร แต่ก็ได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ ทำให้หยุดชะงักตั้งใจฟัง "กรี๊ด~ ใครก็ได้ช่วยหนูด้วยค่ะ มีใครอยู่ข้างนอกไหมคะ มีคนติดอยู่ข้างในได้ยินไหมคะ" เสียงกรีดร้องลั่นบ้านราวกับตกใจกลัวมาก เพราะเวลาตอนนี้มันมืดค่ำแล้ว บังเอิญบ้านเดี่ยวหลังนี้ มันตั้งตระหง่านอยู่แค่เพียงหลังเดียวเท่านั้น ทำให้ผมต้องรู้สึกร้อนใจหนักจนต้องตัดสินใจ ปีนรั้วเข้าไปภายในบ