หลายวันต่อมา....
@ ห้างสรรพสินค้า
“ไหนบอกแค่มากินข้าว?”
ผมขืนแรงลากของ น้ำฟ้า คู่ขาคนใหม่หมาดๆ ที่เพิ่งพากันออกมาจากโรงแรมได้สักพักนี่เอง ก่อนจะพากันมาหาอะไรกินที่นี่ ความจริงผมไม่ค่อยได้พาใครมากินข้าวแบบนี้สักเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่ตัวเด็ดจริงๆ แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะหงุดหงิดแหละ เพราะมันนอกเหนือจากที่เธอขอ พาผมมาหยุดหน้าร้านเสื้อผ้าสุดหรูเฉย เรื่องเงินน่ะผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ที่เป็นปัญหาคือมันใช่หน้าที่ของผมเหรอ ที่จะต้องมานั่งเฝ้าเธอแบบนี้
“นะคะ แป๊บเดียวเองค่ะ” เสียงเล็กเอื้อนเอ่ยขึ้นอย่างออดอ้อนออเซาะ เกาะแขนผมพลางเอาหน้ามาซบ หึ! ผู้หญิงคนนี้ยังไม่รู้จักผมดีพอซินะ มารยาหญิงใช้ไม่ได้กับผมนะ บอกก่อน
“ปล่อย!” คำสั่งเสียงเข้มหลุดออกจากปากผมพร้อมๆ กับแขนผมก็หลุดจากการเกาะกุมเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าเธอยอมปล่อยตามคำสั่งนะ แต่ผมเองเนี่ยแหละที่สะบัดออกอย่างไม่ไยดี ก่อนจะสาวเท้าเดินแบบไม่ฟังใคร เด็ดแค่ไหนผมก็ไม่ได้ง้อนะ ไม่จำเป็นเลยสำหรับผม
“เดี๋ยวสิคะ รอฟ้าด้วย” เธอรีบเดินตามมาเกาะแขนผมเหมือนเดิม ก่อนฝีเท้าผมจะหยุดลงและตวัดตามองที่มือเธอ ถ้าทำให้ผมไม่พอใจขึ้นมาแล้วล่ะก็ อย่าหวังว่าจะได้ใกล้ผมอีก
“คุณวาโยขาาาา~ ฟ้าขอโทษก็ได้ค่ะ ไม่ก็ไม่สิคะ ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนี้เลยนี่คะ” แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวนะ เอ่ยบอกผมเสียงอ่อนเสียงหวานใส่จริตจะก้านเต็มที่ เหอะ! น่ารำคาญชะมัด
ผมเลือกที่จะเงียบและแกะมือเล็กออก เร่งฝีเท้าออกมาให้ห่างจากผู้หญิงน่ารำคาญคนนี้ให้เร็วที่สุด แต่ก็….
ปึกกก!
อ๊ะ!!!
ฝีเท้าผมต้องหยุดลงอีกจนได้ เพราะชนเข้ากับใครก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือผมโคตรจะหงุดหงิดเมื่อก้มมองเสื้อตัวเองและพบว่าเลอะคราบไอศกรีมของคนที่เดินมาชนผมเต็มไปหมด ผมเงยหน้าขึ้นกะจะต่อว่าคนตรงหน้าเต็มที่ แต่ก็ต้องชะงักไป
“นี่!!...”
“คุณ!!”
เพราะผู้หญิงซุ่มซ่ามคนนั้น ก็คือยัยเด็กต๊องนั่น เธอเองก็ดูตกใจไม่น้อยที่เจอผม เหมือนจะช็อกไปเลยด้วยซ้ำ อีกสองคนที่มากับหนูเฌอนั่นก็ด้วย คงจะช็อกพอกัน เพราะตอนนี้ไม่มีใครสนใจคราบไอศกรีมบนเสื้อผมเลยสักคน
“เหอะ! เธออีกแล้ว?” ผมเลื่อนมือขึ้นเท้าเอวตัวเองพลางสบถออกมาก่อนจะบ่นให้คนตัวเล็กตรงหน้า ผมจะหนียัยหนูเฌออะไรนี่ไม่พ้นเลยจริงเหรอวะ แล้วดูดิเนี่ย เจอทีไร เกิดเรื่องทุกที ให้มันได้อย่างงี้ดิ
“ว๊ายยย ทำไมเปื้อนแบบนี้ละคะ นี่เธอ!!...” เสียงแหลมของน้ำฟ้าที่ตามผมมาจนทันดังขึ้นพร้อมกับทำท่าจะเอาเรื่องหนูเฌอแต่ผมคว้าแขนเธอและออกแรงดึงกลับไปอยู่ด้านหลังซะก่อน ทำไมผมถึงไม่ชอบเลยเวลามีใครมาตะคอกยัยเด็กนี่ แล้วดูดิน่ะ...จะร้องไห้ไหมนั่น น้ำตาคลอเชียว ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยแท้ๆ
“จะไม่ขอโทษฉันหน่อยเหรอ”
“นะ...หนูขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ คือหนูไม่ได้ตั้งใจ” เธอเอ่ยขึ้นเสียงสั่นพลางเงยหน้าขึ้นมองผมนิดหนึ่งก่อนจะก้มหลบเหมือนเดิม
“แล้ว?” ผมเลิกคิ้วถามพลางชี้นิ้วไปที่คราบไอศกรีมบนเสื้อ ก่อนเธอจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจแล้วรีบเปิดกระเป๋าตัวเองหยิบผ้าเช็ดหน้าสีหวานขึ้นมา กุลีกุจอเข้ามาเช็ดรอยเปื้อนบนเสื้อผม ที่เกิดขึ้นจากความป้ำๆ เป๋อๆ ของเธอ
Chernarin Talk
หมับบบ
ปึกกก….ตุ๊บบบบ
แขนฉันถูกกระชากออกจากเสื้อคุณวาโยอย่างแรงด้วยฝีมือของผู้หญิงที่มากับเขา ก่อนเธอจะออกแรงผลักฉันจนเซถอยแบบไม่ทันตั้งตัว ข้อเท้าฉันพลิกและล้มลงนั่งกับพื้นทันที ท่ามกลางความตกใจของทุกคน ปังปอนด์พุ่งเข้ามาช่วยประคองฉัน ส่วนใยไหมทำท่าจะพุ่งไปเอาเรื่องผู้หญิงคนนั้น แต่…
“ทำบ้าอะไร ฮะ!!”
คุณวาโยกระชากแขนผู้หญิงคนนั้นกลับไปเผชิญหน้ากับเขาและตวาดใส่หน้าเธอเสียงลั่นก่อนที่ใยไหมจะไปถึงตัวผู้หญิงคนนั้นซะอีก แล้วคุณวาโยก็สะบัดแขนผู้หญิงคนนั้นอย่างแรงจนเธอเซถอยไปด้านหลัง ขายาวก้าวเข้ามาหาฉัน ย่อตัวลงนั่งยองย่อตรงหน้า ก่อนจะช้อนร่างฉันขึ้นแบบไม่พูดไม่จา ฉันตกใจผวาเข้าโอบรอบต้นคอเขาตามสัญชาตญาณ
ฉันมองเขาแบบไม่เข้าใจ ทั้งตกใจ ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น ผสมปนเปกันไปหมด เขาทำแบบนี้ทำไมกัน มาอุ้มฉันกลางห้างแถมยังต่อหน้าผู้หญิงของเขาอีก จังหวะนั้นเขาก็หันมามองหน้าพอดี เลยทำให้เราสบตากัน และนั่นทำให้ใจฉันเต้นผิดปกติทันที ก่อนจะพาสายตาตัวเองไปโฟกัสที่หัวไหล่เขาแทน อ้อมแขนเขากระชับขึ้นนิดหนึ่งก่อนจะพาฉันเดินผ่านผู้หญิงคนนั้นออกมา เธอมองตามเราสองคนด้วยอาการสั่นเป็นเจ้าเข้า กำหมัดแน่น สายตาเกรี้ยวกราดสุดๆ ถ้าคุณวาโยไม่อยู่ตรงนี้ มีหวังฉันตายคามือเธอแน่ๆ
เขาเดินออกมายังลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า หยุดฝีเท้าลงตรงข้างรถสปอร์ตคันหรูสีดำเงา ร่างฉันถูกวางลงให้ยืนบนพื้นอย่างบรรจง แต่พอเท้าซ้ายสัมผัสพื้นเท่านั้นแหละ มันรู้สึกจี๊ดขึ้นมาทันที ดีที่แขนของเขาข้างหนึ่งยังประคองร่างฉันไว้อยู่ เสียงปลดล็อกรถจากรีโมทในมือเขาดังขึ้นจากนั้นประตูรถก็ถูกเปิดออก พร้อมๆ กับร่างฉันที่ถูกดันให้นั่งลงบนเบาะหนังนุ่มทันที แต่ขาทั้งสองข้างยังอยู่นอกรถ
“เจ็บมากไหม” เขาถามขึ้นพลางนั่งยองๆ ลงตรงหน้าฉัน จับข้อเท้าข้างซ้ายฉันยกขึ้นมาเล็กน้อย ฉันตกใจกับการกระทำของเขาจนต้องรีบออกปากห้ามพร้อมกับดึงเท้าเข้าหาตัวทันที
“อย่าค่ะ! หนูไม่เป็นไร”
หลายวันต่อมา....@ ห้างสรรพสินค้า“ไหนบอกแค่มากินข้าว?”ผมขืนแรงลากของ น้ำฟ้า คู่ขาคนใหม่หมาดๆ ที่เพิ่งพากันออกมาจากโรงแรมได้สักพักนี่เอง ก่อนจะพากันมาหาอะไรกินที่นี่ ความจริงผมไม่ค่อยได้พาใครมากินข้าวแบบนี้สักเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่ตัวเด็ดจริงๆ แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะหงุดหงิดแหละ เพราะมันนอกเหนือจากที่เธอขอ พาผมมาหยุดหน้าร้านเสื้อผ้าสุดหรูเฉย เรื่องเงินน่ะผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ที่เป็นปัญหาคือมันใช่หน้าที่ของผมเหรอ ที่จะต้องมานั่งเฝ้าเธอแบบนี้“นะคะ แป๊บเดียวเองค่ะ” เสียงเล็กเอื้อนเอ่ยขึ้นอย่างออดอ้อนออเซาะ เกาะแขนผมพลางเอาหน้ามาซบ หึ! ผู้หญิงคนนี้ยังไม่รู้จักผมดีพอซินะ มารยาหญิงใช้ไม่ได้กับผมนะ บอกก่อน“ปล่อย!” คำสั่งเสียงเข้มหลุดออกจากปากผมพร้อมๆ กับแขนผมก็หลุดจากการเกาะกุมเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าเธอยอมปล่อยตามคำสั่งนะ แต่ผมเองเนี่ยแหละที่สะบัดออกอย่างไม่ไยดี ก่อนจะสาวเท้าเดินแบบไม่ฟังใคร เด็ดแค่ไหนผมก็ไม่ได้ง้อนะ ไม่จำเป็นเลยสำหรับผม“เดี๋ยวสิคะ รอฟ้าด้วย” เธอรีบเดินตามมาเกาะแขนผมเหมือนเดิม ก่อนฝีเท้า
สิ้นเสียงผม คนตัวเล็กก็รีบลุกไปตักข้าวแล้วกลับมานั่งที่เดิม แต่ไม่กล้าเงยหน้ามามองผม ยัยเด็กบ้านี่ทำให้ผมโมโหได้ตลอดเวลาเลยซินะ แต่ในทางกลับกัน เธอก็ทำให้ผมยิ้มได้ด้วย ตลกชะมัด ไอ้ท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ของเธอเรานั่งกินข้าวกันมาสักพัก โดยที่ยังมีคนแอบมองผมอยู่เป็นระยะ แล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า หึ! แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจและกินข้าวในจานตัวเองต่อ ปล่อยให้เธอทำอะไรที่อยากจะทำตามสบาย จะว่าไป ฝีมือยัยเด็กนี่ใช้ได้เลยแหละ อร่อยกว่าที่บ้านผมอีกนะเนี่ย เก่งใช้ได้ เห็นต๊องๆ แบบนี้ไม่คิดว่าจะทำกับข้าวแถมทำได้ดีมากซะด้วย“ชื่ออะไร” ผมหาเรื่องชวนเธอคุย เพราะดูเหมือนเธอจะเกร็งๆ และมันทำให้ผมกินข้าวไม่อร่อย“เฌอค่ะ เฌอนารีน” เธอตอบ ผมก็ได้แต่พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะกินข้าวต่อ“หือ นี่อะไร” ผมเอ่ยถามทันทีที่ตักน้ำพริกถ้วยเล็กบนโต๊ะอาหารเข้าปาก เพราะมันอร่อย...อร่อยมาก ผมไม่เคยชอบกินน้ำพริกแบบนี้เท่าไหร่ ส่วนมากมันจะเหม็นแล้วก็เผ็ด แต่สำหรับที่แม่ครัวตัวน้อยนี่ทำ มันทั้งหอมแล้วก็กลมกล่อม ไม่ได้เผ็ดโด่งเหมือนที่ผมเคยกิน“น้ำพริกอ่องค่ะ คุณชอบเหรอคะ” เสียงเล็กเอื้อนเอ่ยขึ้น แววตาวาววับเป็นประกาย ราวกับว่า
“ก็ถือซะว่าเป็นการไถ่โทษ เรื่องที่เธอหาคำตอบให้ฉันไม่ได้ก็แล้วกัน”“.....” ฉันอึ้งไปเลย แบบนี้ก็ได้เหรอ แล้วสรุปคือฉันผิดใช่ไหมเนี่ย ก็พอจะรู้มาบ้างนะ ว่าคุณเขาเป็นคนมึนๆ แต่ไม่คิดว่าจะมึนขนาดนี้“เอ้า! ยืนเอ๋ออยู่ได้ ฉันจะได้กินข้าวไหมวันเนี้ย”“อะ...อ๋อค่ะ” ฉันกุลีกุจอตักข้าวใส่จานแบบร้อนรน มือไม้สั่นไปหมด เม้มปากกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม นะ...นี่เขากำลังจะลดตัวลงมากินอาหารพื้นๆ ฝีมือฉันจริงๆ เหนือความคาดหมายไปมากเลยฉันถือจานข้าวไปบรรจงวางตรงหน้าเขา ก่อนจะถอยออกมาก้าวหนึ่ง เอามือไขว้หลัง ทอดสายตามองไปยังผู้มาเยือนแสนพิเศษ ดีนะที่มื้อนี้ฉันตั้งใจทำสุดฝีมือ อย่างน้อยมันก็น่าจะทำให้ฉันมีอะไรดีขึ้นมาบ้างในสายตาเขา แค่นี้ก็พอแล้ว…“ทำไมยืนค้ำหัวฉัน”เสียงทุ้มปลุกให้ฉันตื่นจากภวังค์ ก่อนจะก้าวขาถอยหลังไปอีกสามก้าวยาวๆ ทีนี้ก็ไม่ค้ำหัวเขาแล้ว“ยัง!”ยังอีกเหรอ นี่มันก็ไกลมากแล้วนะ คิ้วบางขมวดเป็นปมอย่างสงสัย แต่ก็ไม่กล้าถามออกไป ทำได้แค่ถอยหลังไปอีกสามก้าว“ยังอีก”ฮะ!! ยังอีก ฉันเอี้ยวตัวไปมองด้านหลังตัวเอง ก่อนจะหันกลับมามองคนตัวสูงที่นั่งมองฉันอยู่ที่โต๊ะอาหารโน่น คืออีกก้าวเดียวฉันจะออกไปอยู
วันต่อมา…@มหาวิทยาลัย Mฉันนั่งหมุนปากกาไปมา สายตาทอดมองไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมายพลางพ่นลมหายใจออกซ้ำไปซ้ำมา ในหัวฉันมีแต่เรื่องของเขาคนนั้นเต็มไปหมด คุณวาโย วรายุ เหมบดินทร์ ทายาทเจ้าของโชว์รูมรถนอกชื่อดังและยังเป็นเจ้าของสนามแข่งรถที่ใหญ่สุดในภาค หล่อ รวย เท่ เพอร์เฟกต์ทุกอย่าง ผู้ชายที่ฉันเฝ้ามองมาตลอดหกปี รู้จัก...หมามองเครื่องบินไหม นั่นแหละฉันว่าแต่...ทำไมเขาถึงปีนมาห้องฉันในสภาพแบบนั้นได้นะ เขากำลังจะทำอะไรกับสาวห้องข้างๆ ฉันยังงั้นเหรอ แล้วทำไมโลกมันกลมแบบนี้ล่ะ ฉันยังไม่พร้อมที่จะเจอเขาเลยสักนิด ความจริงไม่เคยพร้อมเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะได้เจอ ได้คุย แถมยังอยู่ใกล้ในระยะกระชั้นชิดอีก ฉันเกือบช็อกตาย แต่จะเจอทั้งที สวรรค์ก็ไม่เป็นใจหน่อยเนอะ ฉันทั้งมอมแมม แต่งตัวก็โสโครก สภาพแบบว่ายับเยิน น่าอายสุดๆ ครั้งแรกไม่มีความประทับใจสักนิด มิหนำซ้ำยังไปตบหน้าเขาอีก เขาต้องเกลียดฉันไปแล้วแน่ๆเฮ้ออออ“อีหนูเฌอ!!!!”“โว๊ะ!! ตายๆๆๆ หายใจหายคอหมด” ฉันสะดุ้งสุดตัว พร้อมอุทานออกมาเสียงดังลั่นเมื่อ ปังปอนด์ เพื่อนสาวในร่างชายของฉัน ตะโกนเรียกใส่แก้วหูจนเกือบแตก พลางเอามือทุ
“ตะลึงในความหล่อของฉันขนาดนั้นเลยเหรอสาวน้อย หึ!”ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยทันทีที่ได้ยินเสียงผม ใบหน้าหวานเห่อแดงขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ อะไรวะ นี่เธอกำลังเขินผมจริงๆ ระหว่างที่ผมกำลังพินิจพิจารณาเจ้าของห้องตัวน้อยอยู่ ฝ่ามือเล็กก็ฟาดมาบนใบหน้าผมแบบไม่ทันตั้งตัว เล่นซะสะดุ้งโหยงเลยเพียะ!โอ๊ะ!!“ยัยเด็กบ้า!! กล้าตบหน้าฉันเหรอ ฮะ!!!” ผมหลุดตะคอกผู้ประทุษร้ายตรงหน้าสุดเสียงด้วยความโมโหพลางเอามือลูบแก้มตัวเองป้อยๆ ไม่ถึงกับแรงมากก็แค่แสบๆ คันๆ แต่ที่ปี๊ดสุดคือไม่มีใครกล้าตบหน้าผมมาก่อนเลยนะ ยัยเด็กบ้านี่คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถ้าเป็นผู้ชายผมคงสวนหมัดกลับไปแหละ“มะ...ไม่ใช่ฝันงั้นเหรอ” เสียงเล็กเอื้อนเอ่ยอย่างเลื่อนลอย“ฝันบ้าบออะไรของเธอ ฮะ! แล้วทำไมไม่ตบหน้าตัวเองเล่า ยัยเด็กบ้า!!!” ผมตอกกลับเสียงดังลั่น คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินเธอพูดออกมาแบบนั้น ฝันงั้นเหรอ คิดว่าตัวเองฝันอยู่แล้วมาตบหน้าผมเนี่ยนะ น่าจับบีบคอให้ตายจริงๆ“นะ...หนู ขอโทษ! คะ...คุณเจ็บไหมคะ”ยัยตัวเล็กตรงหน้ายกมือไหว้ผงกๆ และถามผมด้วยความเป็นห่วง แต่นั่นไม่ได้ทำให้โทสะผมลดลงเลยสักนิดแค่แปลกใจเท่านั้นเองว่าเธอต้องห่วงคนแปลกหน้าที่เ
@SoSay Pubผัวะ!!โอ๊ยยย...“ของกู ไอ้สัส!!” ผมฟาดฝ่ามือลงกลางกระบาล ไอ้ยูตะ น้องชายตัวดีที่คลานตามกันมาเต็มแรงจนมันร้องลั่น เพราะมันทำเนียนล้วงมือเข้ามาในโหลคุกกี้สุดโปรดของผมโดยไม่ได้รับอนุญาต“ขี้หวงฉิบหาย” มันค้อนขวับพลางลูบหัวตัวเองป้อยๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบหลังผู้หญิงที่นั่งถัดไปในตอนที่ผมยกมะเหงกขึ้นกลางอากาศ“เมียจ๋า ไอ้เฮียแกล้งเค้า”“โธ่ๆๆ น่ารักตายห่าละ ไอ้สัส!!” อาการผมแสดงออกชัดเจนว่าหมั่นไส้ขั้นสุด บีบเสียงซะขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ขนาด มิณ เป็นเมียมันแท้ๆ ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นศีรษะไปมาด้วยความเอือมระอา“มึงก็รู้ว่ามันหวงขนาดไหน ไม่เคยได้แดกสักปี ยังจะอยากโดนด่า” นี่เป็นเสียงของ ไอ้หมอไวน์ นายแพทย์หนุ่มหล่อ เก่งรอบด้าน มากไปด้วยประสบการณ์และยังเป็นทายาทเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง ที่มีแต่นางพยาบาลแสนสวยพากันรุมล้อม ขนาดคนไข้สาวๆ ก็ยังแกล้งป่วยเพื่อมาหามันส่วนผมก็หันมาสนใจโหลคุกกี้ในอ้อมกอดต่อ ปกติผมไม่ได้ชอบกินขนมอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่คุกกี้เนี่ย ผมจะได้กินแค่ปีละสองครั้งเท่านั้นเอง วันเกิดแล้วก็วันวาเลนไทน์ มันถูกส่งมาเกือบห้าปีได้แล้วมั้ง แรกๆ ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่พอได้ลองชิมก