LOGINมหาวิทยาลัย
“เรื่องที่บ้านจัดการเรียบร้อยยัง เงินพอไหม เอาของฉันก่อนได้นะ” ไอยาเพื่อนที่ค่อนข้างจะสนิทกันเอ่ยถามเบา ๆ ให้เราได้ยินกันสองคน
“เรียบร้อยแล้ว ขอบใจนะ ขอบใจมาก ๆ เลย”
“มีอะไรให้ขอบใจ ฉันพาแกเสียคนนะ”
“แต่ถ้าไม่ได้ไอยาฉันคงแย่กว่าตอนนี้”
“ไม่ใช่บุญคุณอะไรเลย”
“ยังไงก็ต้องขอบคุณ ขอบคุณนะ”
“ซื้อน้ำเลี้ยงหนึ่งแก้วก็พอ เคไหม”
“อื้ม ได้อยู่แล้ว”
ไอยาเคยรับงาน ตอนนี้ก็ยังรับอยู่ เรื่องนี้เพื่อนไม่เคยปิด ซ้ำยังเล่าให้ฟังด้วยว่าเจออะไรมาบ้าง และลงท้ายว่าถ้าไม่เดือดร้อนจริงอย่าไปทำ
“กระซิบอะไรกันสองคนคะ” เอลลี่เพื่อนสาวคนสวยที่ขยันหาแฟนเอ่ยถามหลังจากที่เงยหน้าจากการตอบแชต
“กำลังคุยกันว่าแฟนคนต่อไปของแกชื่ออะไร”
“คนนี้เรียนวิดวะจ้า นี่เขาลืมของจะให้ฉันเอาไปให้ พวกแกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
“นึกยังไงไปเคี้ยวเด็กวิศวะ ปกติไม่เห็นกิน”
“เจอกันที่ผับ กลับพร้อมกัน หลังจากฟื้นก็เลยรู้ว่าเรียนวิศวะ ก็ไม่ได้ชอบหรอก แต่เขาแซ่บดี ก็เลยกินต่อ”
“แหม แกกะเก็บทุกคณะทุกสาขาเลยหรือไง”
“ถ้าได้ก็ดี ไปนะ ไปกินข้าวที่โรงอาหารนั้นกัน เขาบอกว่าจะเลี้ยง”
“รวยจ้า”
“สืบแล้ว ได้อยู่”
“จ้า”
“พวกแกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ”
“ได้ดิ เอาจริงตั้งแต่เรียนมาก็แทบไปนับครั้งได้เลย”
“งั้นเดี๋ยวต่อไปเราไปกันบ่อย ๆ เนอะ เผื่อเจอผู้หล่อ”
“จะบ่อยสักแค่ไหนกัน อีกเดี๋ยวเราก็จบแล้ว”
“แกไปไหมบัว” เอลลี่หันมาถามเมื่อฉันเอาแต่เงียบ
“ฉันขี้เกียจเดิน”
“ไม่เดิน ฉันขับรถไป ไปนะ ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะแก”
“…”
“บัวจ๋า บัวบูชาคนสวย ช่วยไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ”
“ก็ได้”
“ขอบใจนะเพื่อนรัก เดี๋ยวฉันหาหนุ่มหล่อ ๆ ให้นะ”
“ไม่เอา ฉันไม่อยากมีแฟน”
“อีกแล้ว พูดแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันจนจะจบปี4 เมื่อไหร่แกจะมีแฟน”
“ถ้ามีแล้วต้องเหนื่อยกว่าเดิมขอไม่มีดีกว่า แค่ตอนนี้ชีวิตฉันก็ยุ่งมากแล้ว” มีแล้วช่วยอะไรไม่ได้ ซ้ำยังทำให้ปวดหัว
“ก็เดี๋ยวฉันมองหาคนที่รวยพร้อมดูแลแกไง”
“ความรักในรั้วมหาวิทยาลัย คนที่เป็นนักศึกษาเหมือนกันจะซัพพอร์ตอะไรเราได้ อย่างมากก็แค่สอนให้รู้จักความรักและความเสียใจ” ไอยาเป็นคนพูดและก็ดูเหมือนจะพูดความจริงซะด้วย
รักของวัยรุ่นก็มักจะเป็นการสอนให้รู้จักรัก รู้สึกมีความสุข แล้วจากนั้นเปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่ก็เลิกรากัน จบลงที่ความเสียใจ
“ก็นั่นไง คนเราต้องมีความรัก ต้องรู้จักความรักสิ เกิดมาทั้งทีก็ต้องมีรักดี ๆ สิ ถ้าคนนี้ไม่ดีก็แค่หาคนใหม่มาสานต่อ เดี๋ยวสักวันก็ต้องเจอรักที่ดี สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต” เอลลี่เอ่ย
“อย่างแกน่ะทำได้อยู่แล้ว แกสวย แกรวย มีแต่คนอยากเข้าหา โอกาสเลือกแกสูง แต่อย่างฉันจะได้เหรอวะ” ไอยาพูดอีกเช่นเคย และฉันก็เห็นด้วยกับไอยา เพราะอย่างฉันก็ใช่ว่าไขว่คว้าแล้วจะได้รักดี ๆ
รักดี ๆ มักมีให้คนที่พร้อมมากกว่า
“แต่แกมีฉันนี่ไง ฉันพร้อมจะหาคนดี ๆ ให้พวกแก”
“จ้า ๆ” ฉันขานรับให้เรื่องมันจบก่อนที่ไอยาจะพูดอะไรออกมาอีก ซึ่งสิ่งที่ไอยาจะพูดก็คงจะประมาณว่า ‘แกหาคนที่ใช่ของแกเถอะเพื่อน’
คนที่เกิดมาเพียบพร้อมนี่ดีจริง ๆ อย่างเอลลี่ที่เกิดมาบนกองเงินทองจะทำอะไรก็ง่ายไปหมด อยากได้อะไรก็ได้ อยากก่อเรื่องแค่ไหนก็มีคนคอยเคลียร์ให้ เงินหมดก็แค่ส่งข้อความไปขอ ไม่นานเงินก็เข้าบัญชี
โชคดีจริง ๆ ที่เธอเกิดมาในครอบครัวที่ดี
โรงอาหารคณะวิศวะ
“สองคนนี้เพื่อนของเอลลี่เอง คนนี้ไอยา คนนี้บัวบูชา” มาถึงโรงอาหารของคณะเอลลี่ก็แนะนำแฟนคนล่าสุดของเธอและกลุ่มเพื่อนให้รู้จักกัน
“บัวบูชาเหรอครับ” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของแฟนเอลลี่หันมาพูดกับฉัน
“ค่ะ”
“พี่มีแฟนหรือยังครับ”
“...” เรียกพี่ก็เพราะครั้งนี้เอลลี่กินเด็กรุ่นน้อง อายุน้อยกว่า 2 ปี ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เพื่อนฉันกินเด็ก
“ถ้าพี่ยังไม่มีแฟนสนใจให้ผมเอากลับไปบูชาที่ห้องได้เปล่าครับ”
“...” เด็กอ่อยเก่งด้วยสิ
“รับรองเลยว่าจะบูชาเช้าบูชาเย็นไม่ทำให้พี่ขาดแคลนครับ”
“พี่มีแฟนแล้วค่ะ” การโกหกว่ามีแฟนถือว่าเป็นการตัดจุดเริ่มต้นได้เป็นอย่างดี
“งั้นถ้าไปกับแฟนไม่ไหวทักหาผมได้เลยนะครับ”
“พี่ไม่ชอบคนที่เด็กกว่าค่ะ” ส่งยิ้มหวานให้รุ่นน้องอย่างมีมารยาท
ถ้าการบอกว่ามีแฟนแล้วมันไม่จบงั้นก็บอกว่าไม่ชอบคนที่เด็กกว่าซะก็สิ้นเรื่อง ไม่ว่าจะทำวิธีไหนผู้ชายที่เด็กกว่าก็ไม่มีทางโตกว่า
“ว้า ตัดความสัมพันธ์ที่ผมพยายามสร้างได้ใจร้ายมากครับ”
“แบบนี้มึงต้องตายแล้วรีบเกิดใหม่ จะได้รอคบกับพี่เขาว่ะ” เพื่อนอีกคนพูด
“ไม่ต้องตายแล้วเกิดใหม่หรอก กูเชื่อว่าตื๊อบ่อย ๆ เดี๋ยวพี่เขาก็ใจอ่อน กูก็หน้าตาดีขนาดนี้มีเหรอที่พี่บัวบูชาจะไม่สนใจ ใช่ไหมครับพี่บัวบูชา” เขาพูดอย่างมั่นหน้า
“...” ฉะนั้นกับบางคน คำที่เราปฏิเสธมันก็ไม่ช่วยอะไรเลย ไม่ช่วยให้เขาคิดได้ด้วย
เพราะงั้นฉันนิ่ง ไม่พูดไม่ยิ้ม ไม่ตอบโต้อะไรทั้งนั้นดีกว่า
“นั่นอาจารย์เซรีนกับอาจารย์ธีร์ทัศหรือเปล่าวะ สองคนนี้คบกันเหรอ กูเห็นกินข้าว ไปไหนด้วยกันบ่อยมาก” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มของแฟนเอลลี่เอ่ย ขณะที่ฉันตอบกลับข้อความพยาบาลพิเศษ
“ว้าว อาจารย์คนนี้หล่อมากเลยอะ เขาเป็นอาจารย์ภาคนี้เหรอ” น้ำเสียงที่ตื่นเต้นของเอลลี่ไม่ได้ทำให้ฉันหันไปใส่ใจคนที่ถูกพูดถึง เพราะว่าเอลลี่ก็ชมทุกคนหล่อเสมอ
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยครับที่รัก” ดูจากคำพูดก็น่าจะเป็นแฟนของเอลลี่
“เขาหล่อจริง ๆ นี่นา เป็นอาจารย์ทรงแบดมาก ผมก็สีเทา แกหันมาดูหน่อยบัว มาดูคนหล่อ”
“อืม หล่อ”
“เงยหน้ามาดูก่อนแก ยังไม่มองจะหล่ออะไร คนนี้ไม่ตอบขอไปทีนะคะเพื่อน” เอลลี่จับแขนฉันเขย่า พยายามคะยั้นคะยออย่างหนัก
“อืม ๆ” ฉันก็เลยเงยหน้าจากจอมือถือเพื่อมองคนที่เพื่อนบอกว่าหล่อ “ไหน”
“นั่นไง คนนั้น ผมสีเทาที่นั่งคู่กับอาจารย์ที่สวย ๆ อะ” ล็อคเป้าหมายว่าผมสีเทาก็จะหาง่ายขึ้น และมันก็ง่ายมากเมื่อสายตาปะทะกับคนที่คุ้นเคย
“...” ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่ เราไม่เคยเจอกันเลยคงเป็นเพราะเขาสอนอยู่คนละคณะกับที่ฉันเรียน คนเราเมื่อมีคนจ้องก็จะรู้สึกตัว คุณธีร์ก็คงจะเป็นอย่างนั้นเขาถึงได้หันมามอง
แล้วเราก็สบตากัน ฉันรีบหลบสายตาเพราะเขาบอกว่าข้างนอกเราคือคนไม่รู้จักกัน และฉันก็ไม่ควรรู้จักเขา
“เป็นไง หล่อใช่ปะ”
“อืม หล่อดี” ตอบแบบขอไปทีแล้วก็กินข้าวที่แฟนของเอลลี่เลี้ยง
“ไม่น่าถามแกเลย ลืมไปว่าแกไม่ได้สนใจว่าใครจะหล่อไม่หล่อ”
“ทำไมอะครับ พี่บัวเขาไม่สนใจผู้ชายเหรอ”
“บัวมันไม่อยากคบใครน่ะ มันบอกว่าตอนนี้มันยังไม่พร้อม” ไอยาตอบแล้วก็ยิ้ม
“งั้นพี่ไอยาสนใจคบหรือเปล่าครับ”
“พี่มีผัวแล้วค่ะ ผัวพี่ขี้หวงมาก และคงไม่เลิกกันง่าย ๆ” ไอยาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เสียดายจังเลยครับ”
“ค่ะ พี่ก็เสียดายน้อง เสียดายที่เรารู้จักกันช้าไปเนอะ”
“ครับ”
แล้วเมื่อกี้ทำไมฉันไม่ตอบให้ชัดเจนแบบนี้นะ ดูจบง่ายอะ ไม่เหมือนของฉันที่พูดกวนไม่จบไม่สิ้น
“เย็นนี้เราไปดื่มกันดีไหมครับ ฉลองที่เราได้มารู้จักกัน” แฟนเอลลี่พูด
“ฉลองที่เป็นแฟนกันมากกว่าไหม” ไอยาแย้ง
“ครับ” ดูท่าแฟนของเอลลี่จะเห่อเพื่อนของฉันมาก
“ได้สิ ไป ๆ พวกแกไปนะ ฉลองที่ฉันมีแฟน” หน้าเอลลี่ระรื่นมาก ทำเหมือนไม่เคยมีแฟนทั้งที่นางมีแฟนมาหลายคนแล้ว จะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น หรือตื่นเต้นเพราะคนนี้เด็กกว่าเหรอ
“ฉันไปไม่ได้” ฉันรีบบอกก่อนที่เพื่อนจะคะยั้นคะยอมากกว่านี้
“อีกแล้วเหรอแก”
“อืม ขอโทษนะ”
“ทำไมพี่บัวไม่ไปครับ”
“ไม่สะดวกค่ะ” ขณะที่พี่ชายฝาแฝดนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันจะกล้าไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ยังไง ถ้ามีเวลาไปเที่ยวไม่สู้เอาเวลาไปเคลียร์งานส่งอาจารย์ให้หมดจากนั้นก็เตรียมวางแผนหาทำอะไรที่ได้เงินมาเป็นค่ารักษาของรวินท์ดีกว่า
“บัวไม่สะดวกเดี๋ยวฉันไปเอง” ไอยาหันมายิ้มให้ฉันเพราะเอลลี่เริ่มตัดพ้อที่เพื่อนไม่ไปยินดีกับเธอ
ถ้าหากว่าฉันมีเงินมากพอและไม่มีเรื่องทุกข์ใจฉันก็คงจะเลือกทำตามความต้องการของเพื่อน ก็แค่ไปเที่ยวกับเพื่อนเองนี่
แต่ว่าฉันในตอนนี้จะเลือกเพื่อนได้ยังไง
ไม่เป็นไรหรอก โอกาสหน้ายังมี จากที่เป็นเพื่อนกันมา 4 ปีเอลลี่ไม่คบใครเกิน 3 เดือน เดี๋ยวไม่นานก็คงพาพวกฉันไปแนะนำให้รู้จักกับแฟนใหม่อีก
แต่ถ้าแซ่บพอก็อาจจะมัดใจเอลลี่ได้ ตรงนี้ก็คงต้องดูที่ลีลาของหนุ่มรุ่นน้องคนนี้แล้ว
“แกคิดอะไรอยู่บัว ทำไมมองผัวฉันแล้วยิ้ม” เอลลี่ถามเมื่อฉันมองเธอสลับกับแฟนของเธอ
“ขอให้แกมีความสุข”
“ขอบใจจ้า ฉันมีความสุขแน่ ๆ” เอลลี่น่าจะรู้ว่าฉันคิดอะไร เธอถึงได้แก้มแดงแล้วก็ยิ้มไม่หุบอยู่อย่างนั้น
เพื่อนฉันคิดเรื่องใต้สะดืออีกแล้ว
หลังจากที่เราต่างอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่เสร็จเรียบร้อย ฉันก็มีหน้าที่นอนข้างคุณธีร์ ถ้าไม่นอนกับเขาจะกลายเป็นว่าฉันทำตัวไม่ดีเดี๋ยวได้โดนต่อว่าอีก ไม่มีใครชอบถูกดุด่า ฉันเองก็ไม่ชอบ“ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน ไม่ใช่ว่าแอบไปรับงานกับคนอื่น” แต่ก็เหมือนจะหนีไม่พ้นอยู่ดี คุณธีร์เหมือนจะพูดแดกดันฉันอีกแล้ว“เปล่านะคะ หนูทำขนมแล้วก็กับข้าวขายอย่างเดียวค่ะ”“งั้นทำไมถึงเปลี่ยนไป” คุณธีร์จับมือฉันขึ้นมาลูบเล่น“เปลี่ยนยังไงคะ”“เหมือนจะเก่งขึ้น ไปทำอะไรมา”“นี่พี่ธีร์กำลังชมว่าหนูเก่งเหรอคะ” ด้วยความลืมตัวฉันพลิกตัวเข้าหาคุณธีร์“อะไร ยิ้มอะไรขนาดนั้น”“ก็พี่ธีร์บอกว่าหนูเก่ง”“ก็ดีกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อย”“ก็ถือว่าหนูพัฒนาขึ้นถูกไหมคะ”“ครับ” คุณธีร์ดึงฉันนอนแนบอกแกร่งของเขา เขาหอมที่หัวแล้วเอ่ย “ตอบได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมหนูถึงเป็นงาน”“หนูกลัวพี่ธีร์เบื่อที่หนูทำไม่ดีก็เลยพยายามศึกษาจากคลิปทางอินเตอร์เน็ตค่ะ”“หึ เด็กน้อย”“หนูขอโทษนะคะที่พูดไม่ดี”“มีครั้งหน้าอีกไหม”“ไม่มีค่ะ ต่อไปหนูจะวางตัวเองให้ดีกว่านี้ค่ะ”“ถ้ามีครั้งหน้า?”“หนูให้พี่ธีร์ทำโทษค่ะ”“ทำโทษน่ะได้
สิ้นประโยคนั้นเขาก็ประกบจูบที่ปากฉันอย่างรุนแรง เป็นสัมผัสที่ฉันไม่เคยพบเจอ เขาอุ้มฉันขึ้น พาฉันเดินมาที่ห้องนอน โยนฉันลงใส่ที่นอนอย่างแรง ไม่ทันได้รู้สึกเจ็บเขาก็ตามมาคร่อมฉัน จูบฉัน กระชากเสื้อผ้าฉันออกจากร่างกายจากนั้นก็สอดใส่ กระแทกเข้ามาแบบที่ฉันยังไม่มีอารมณ์ร่วมซึ่งมันเจ็บมาก เจ็บจนฉันน้ำตาไหล เจ็บจนอดทนไม่ไหว“พี่ธีร์คะหนูขอโทษ” เอ่ยขอโทษขณะที่มือจับหน้าท้องเขาเพื่อไม่ให้เขากระแทกเข้ามาแต่ก็ไม่เป็นผล มีเหรอที่ฉันจะห้ามเขาได้“วันนี้เธอรับบทของเล่นที่พูดไม่ได้ อย่าให้พี่ได้ยินเสียงเธอ ถ้าเธอทนได้รอบนี้พี่จะจ่ายให้หนัก ๆ เลย แต่ถ้าเธอทนไม่ได้พี่จะให้เธอได้สมใจเธอ”“อะไรคะ”“ก็อยากเอาคนอื่นไม่ใช่เหรอ พอดีเลยเพื่อนพี่มันพร้อมมาก เรียกมาตอนนี้คงจะสนุกน่าดู เธออยากลองเปิดประสบการณ์ใหม่ไหมล่ะ พี่เต็มใจสอนเธอเลยนะ”“ไม่นะคะพี่ธีร์ หนูขอโทษค่ะ หนูผิดไปแล้ว” ฉันรีบยกมือไหว้ ฉันมันลูกไก่ในกำมือ เขาจะทำอะไรฉันก็ได้ทั้งนั้นก่อนหน้านี้ไม่น่าปากดีใส่เขาเลย“เธอผิดอะไร” คุณธีร์ปัดมือฉันออก จากนั้นเขาก็จับมือฉัน สอดประสาน กดไว้ที่เตียงนอน สายตาจ้องมองฉันด้วยความกดดัน“ผิดที่หนูอวดดีค่ะ”“ห
เรียนเสร็จแล้วฉันก็รีบมาที่ร้านกาแฟที่เคยทำอยู่ เปลี่ยนชุดแล้วฉันเข้าประจำตำแหน่ง คุณธีร์เขาส่งข้อความมาว่าช่วงนี้ติดธุระไม่ได้เข้ามาให้ฉันดูแลตัวเองฉันก็เลยถือโอกาสมาทำงานซะเลย“มาแล้วเหรอบัว”“ค่ะพี่หว่าหวา”“พี่นึกว่าบัวจะไม่มาซะแล้ว”“ขอโทษนะคะ บัวเคลียร์เรื่องทางบ้านค่ะ ตอนนี้เหมือนจะเรียบร้อยแล้ว”“มีอะไรก็บอกพี่นะ พี่ยินดีช่วย”“ขอบคุณค่ะพี่”เจ้าของร้านนี้ชื่อหว่าหวา เป็นรุ่นพี่ที่จบไปสามปีแล้ว เราเคยรู้จักกันจากการเป็นสายรหัส พี่เขาเห็นว่าฉันหางานก็เลยรับฉันเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ เธอท่าทางดูแรง แต่ที่จริงเป็นคนที่ใจดีมาก ๆ“เออนี่ แซนวิชที่บัวเคยทำมาน่ะลูกค้าชอบมาก เขาติดใจถามพี่ว่าไม่ขายแล้วเหรอ บัวอยากทำมาขายที่ร้านไหม พี่ไม่คิดเงิน”“ได้เหรอคะ”“ได้สิ ลูกค้าชอบขนาดนี้ต้องมีมาขายนะ”“ได้ค่ะ บัวจะทำมาส่งนะคะ”“จ้า”“ขอบคุณนะคะพี่”“ขอบคุณอะไร พี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย”“ช่วยสิคะ ถ้าพี่ไม่ช่วยบัวจะได้ทำงานนี้ได้ยังไง”“เอาน่า ช่วย ๆ กัน แล้วรวินท์เป็นยังไงบ้าง”“เรื่อย ๆ ค่ะ”“สู้นะ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้น”“ค่ะ”พี่หว่าหวาเธอรู้เรื่องฝาแฝดของฉัน รู้เรื่องราวในชีวิตของฉันค่อนข้างมาก
มหาวิทยาลัย “เรื่องที่บ้านจัดการเรียบร้อยยัง เงินพอไหม เอาของฉันก่อนได้นะ” ไอยาเพื่อนที่ค่อนข้างจะสนิทกันเอ่ยถามเบา ๆ ให้เราได้ยินกันสองคน“เรียบร้อยแล้ว ขอบใจนะ ขอบใจมาก ๆ เลย”“มีอะไรให้ขอบใจ ฉันพาแกเสียคนนะ”“แต่ถ้าไม่ได้ไอยาฉันคงแย่กว่าตอนนี้”“ไม่ใช่บุญคุณอะไรเลย”“ยังไงก็ต้องขอบคุณ ขอบคุณนะ”“ซื้อน้ำเลี้ยงหนึ่งแก้วก็พอ เคไหม”“อื้ม ได้อยู่แล้ว”ไอยาเคยรับงาน ตอนนี้ก็ยังรับอยู่ เรื่องนี้เพื่อนไม่เคยปิด ซ้ำยังเล่าให้ฟังด้วยว่าเจออะไรมาบ้าง และลงท้ายว่าถ้าไม่เดือดร้อนจริงอย่าไปทำ“กระซิบอะไรกันสองคนคะ” เอลลี่เพื่อนสาวคนสวยที่ขยันหาแฟนเอ่ยถามหลังจากที่เงยหน้าจากการตอบแชต“กำลังคุยกันว่าแฟนคนต่อไปของแกชื่ออะไร”“คนนี้เรียนวิดวะจ้า นี่เขาลืมของจะให้ฉันเอาไปให้ พวกแกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”“นึกยังไงไปเคี้ยวเด็กวิศวะ ปกติไม่เห็นกิน”“เจอกันที่ผับ กลับพร้อมกัน หลังจากฟื้นก็เลยรู้ว่าเรียนวิศวะ ก็ไม่ได้ชอบหรอก แต่เขาแซ่บดี ก็เลยกินต่อ”“แหม แกกะเก็บทุกคณะทุกสาขาเลยหรือไง”“ถ้าได้ก็ดี ไปนะ ไปกินข้าวที่โรงอาหารนั้นกัน เขาบอกว่าจะเลี้ยง”“รวยจ้า”“สืบแล้ว ได้อยู่”“จ้า”“พวกแกไปเป็นเพื่อนฉัน
“ตัวมีกลิ่นยา” คือคำเอ่ยทักเมื่อฉันเดินเข้ามาในห้องแล้วเจอคุณธีร์นั่งอยู่โซฟา เขานั่งอยู่ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามานานหรือยัง แต่ว่าฉันมาถึงเร็วกว่าที่บอกเขาไว้แน่นอน“หนูไปโรงพยาบาลมาค่ะ” จมูกเขาดีขนาดนี้เลยเหรอ“เป็นอะไร”“ไปเยี่ยมญาติค่ะ” ญาติเพียงคนเดียวของฉันฉันน่ะอยากเล่าความทุกข์ใจให้ใครสักคนฟัง แต่มันก็คงไม่มีใครมารับฟังฉันขนาดนั้นใครหน้าไหนจะมาใส่ใจชีวิตของคนที่ไม่ได้สำคัญต่อตัวเอง“ไปอาบน้ำ พี่ไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาล”“ค่ะ” ในเมื่อเขาไม่ชอบ ฉันก็ต้องรีบ เขาถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ อะไรที่เขาไม่ชอบฉันไม่ควรทำฉันต้องทำให้เขาพอใจเพราะว่าถ้าพูดให้ถูกตอนนี้ก็เหมือนว่าฉันจะเป็นหนี้เขาหนึ่งชั่วโมงต่อมากิจกรรมระหว่างเราจบลง คุณธีร์นอนอยู่บนเตียงหลังจากที่เขาสอนให้ฉันคร่อมขย่มดุ้นเขา ฉันทำไม่เป็นและเหมือนจะไม่ค่อยถูกใจคุณธีร์สักเท่าไหร่ต้องพยายามศึกษาให้มากกว่านี้ ถ้าเกิดเขาเบื่อขึ้นมาฉันคงไม่มีปัญญาจะหาเงินมาใช้หนี้ในเร็ววัน เงินที่เขาให้มาไม่ใช่น้อย ๆฉะนั้นฉันควรหาทางออก หาวิธีให้เขาไม่เบื่อ“พี่ธีร์คะ” ฉันเรียกในตอนที่นอนหนุนแขนของคุณธีร์ เขาบอกให้ฉันเรียกพี่เราจะได้สนิทกันมากขึ้น ทว่าฉันไ
“รวมต้นรวมดอกมาแล้วค่ะ ต่อไปนี้หมดหนี้กันแล้วนะคะ” ฉันวางเงินก้อนให้คุณนายสา เจ้าหนี้ที่ปล่อยเงินกู้ในหมู่บ้าน“ไม่คิดว่าเธอจะหาเงินมาคืนได้ไวขนาดนี้” คุณนายสาพูดพลางหยิบเงินไปใส่เครื่องนับเงิน “ไม่น่าลำบากไปยืมคนอื่นมาคืนฉัน ยอมมาอยู่บ้านหลังเดียวกันก็จบแล้ว เสี่ยหันเขายินดีต้อนรับ ให้มากกว่านี้ก็ยังได้”“ไม่เป็นไรค่ะ บัวลานะคะ” ยกมือไหว้แล้วก็รีบเดินออกจากบ้าน ไม่คิดจะอยากอยู่ที่นี่นานเพราะรู้สึกอันตราย“หนูบัว” แต่ก็ไม่ทันได้ก้าวขาออกจากประตูบ้านเสียงของชายที่อายุ 60 กว่าก็ดังมาจากทางด้านหลังฉัน“สวัสดีค่ะเสี่ยหัน” ฉันหันมาเผชิญหน้าแล้วก็ยิ้มรับอย่างมีมารยาทแม้ว่าจะไม่อยากมีมารยาทก็ตาม“หนูจะย้ายเข้าบ้านเมื่อไหร่จ๊ะ”“เรื่องนั้นไม่จำเป็นแล้วค่ะ”“หมายความว่าหนูจะเทียวไปเทียวมาเหรอ แบบนั้นไม่ดีนะหนู เสี่ยไม่ปลื้ม”“หนูใช้หนี้ของเสี่ยหมดแล้วค่ะ ที่ผ่านมาขอบคุณมากที่ช่วยหนูนะคะ ลาค่ะ” ยกมือไหว้สวย ๆ แล้วก็รีบหันหลังเดินออกจากประตูบ้านของเสี่ยหันอย่างเร็วเดินออกมาได้ไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงของเสี่ยหันโวยวายลั่นบ้านหึ ฉันยอมเป็นผู้หญิงขายตัว แต่ไม่คิดจะเป็นเมียน้อยของเสี่ยหันชายที่อายุแ







