EP07
ตึก ตึก ตึก… เสียงฝีเท้าเล็กกระทบกับพื้นบันไดของชั้นสุดท้ายของดาดฟ้าบนตึกเรียนมิเกลเดินขึ้นมาอย่างเชื่องช้าพร้อมกับอยู่ในความคิดของตนเอง เธอยืนอยู่หน้าประตูก่อนจะเอื้อมมือไปบิดลูกประตูแต่ก็ปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อกมิเกลจึงเปิดเข้าไปข้างใน สายตาของเธอเหลือบมองเห็นแผ่นหลังบางของใครบางคนที่นั่งหันหลังหย่อนขาอยู่ผู้หญิงคนนั้นยังไม่รู้ตัวว่ามิเกลเปิดประตูเข้า ดวงตาไร้ความรู้สึกช่างใจแล้วมองอยู่สักพักว่าจะเดินเข้าไปดีมั้ยเพราะเธอเองอยากอยู่คนเดียวเงียบๆแต่มิเกลก็เลือกที่จะเดินเข้าไปแล้วปิดประตูลงเบาๆเธอเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างหลังมุกดาแล้วเอ่ยถามขึ้นมา “มานั่งอะไรตรงนี้” พอได้ยินเสียงเอ่ยทักสอดแทรกเสียงลมพัดแรงขึ้นมามุกดาก็หันกลับมามองมิเกลถอดหูฟังที่ชอบเสียบอยู่ตลอดเวลาออกแล้วเก็บไว้ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้คนที่อยู่ก่อน “มิเกลล่ะ มาที่นี้ทำไมหรอ” มุกดาทนความสงสัยไม่ได้จึงถามออกไปเธอนึกว่าตนเองรู้จักที่ตรงนี้แค่คนเดียวแต่กลับไม่รู้เลยว่าสถานที่ตรงนี้เป็นสถานที่ประจำของมิเกลเธอชอบมาที่นี้เพียงลำพังอยู่ประจำ “มันที่ประจำของฉัน” นํ้าเสียงเรียบนิ่งตอบแล้วหย่อนตัวนั่งลงห้อยขาข้างมุกดาแววตาที่เต็มไปด้วยความกลุ้มใจมองออกไปยังท้องฟ้ากว้างใหญ่ตรงหน้าปล่อยให้สายลมและความสงบบำบัดความรู้สึกฟุ้งซ่านของตนเองตอนนี้และท่าทางมิเกลก็ไม่ต่างอะไรจากคนข้างกายที่เหมือนจะมีปัญหาของตนเองเช่นกัน บรรยากาศระหว่างสองสาวเงียบสงบจนมุกดาชวนคุยทำลายความเงียบขึ้นมา “มิเกลชอบมานั่งตรงนี้หรอ” “อืม สบายใจดี” หญิงสาวขานรับในลำคอแล้วหางตาก็เหลือบมองเห็นมุกดาที่กำลังยกมือเช็ดคราบนํ้าตาบนแก้มใสออกมิเกลมองนิ่งไม่รู้จะปลอบใจยังไงเธอเองก็พึ่งสังเกตว่าคนข้างกายร้องไห้ “แต่นี้มันยังเช้าอยู่เลยนะ” “ความเงียบมันเหมาะสมที่สุดแล้ว… สำหรับการที่เราต้องการฟังเสียงตัวเอง” และมันก็ใช่… ตอนนี้เธอต้องการหาทางออกเรื่องค่าเทอมและเรื่องผู้ชายคนนั้นเลยต้องพาตัวเองมาที่นี้และใช้สมองคิดแต่ดูเหมือนยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิมจะหาทางติดต่อคนใหญ่โตแบบนั้นได้ยังไงหรือต้องลองหาเงินให้ครบทุกวิธีก่อน ? “ก็คงจะแบบนั้น พออยู่คนเดียวก็กล้าที่จะคิดเรื่องของตนเองมากขึ้น โฟกัสตัวเองมากขึ้น” เสียงของมุกดาสอดแทรกเข้ามาในห้วงความคิดของเธออีกครั้งมิเกลดึงสติตนเองกลับมาแล้วมองใบหน้าสวยหวานที่มีแผลตรงศีรษะและตอนนี้ข้อเท้าของเธอก็ได้แผลใหม่มาอีกแล้วจนอดที่จะสงสัยไม่ได้เลยถามออกไป “แผลที่หัวยังไม่หายได้แผลใหม่มาเพิ่มแล้วหรอ” “เผลอทำแก้วแตกแล้วเหยียบหน่ะ” มุกดาตอบทำให้มิเกลไม่ได้พูดอะไรกลับไปเธอปล่อยให้บรรยากาศตรงนี้กลับมาเงียบอีกครั้งก่อนจะหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบใหม่แล้วกดเพลงโปรดของตนเองพร้อมกับปิดเปลือกตาลงแล้วกลับมาอยู่ในห้วงความคิดของตนเองอีกครั้ง มุกดาที่เห็นแบบนั้นเธอเลยเลือกที่จะลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากบริเวณบนดาดฟ้าทันที มิเกลรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของคนตัวเล็กแต่ทว่าเธอกลับไม่ได้สนใจมันแล้วใช้สมองนึกถึงวิธีที่จะแก้ไขปัญหาของตนเองอยู่หากจ่ายค่าเทอมไม่ทันจะถูกไล่ออกแบบนั้นความฝันของเธอก็คงดับวูบการที่จะได้เป็นบุคลากรด้านการบินได้โลดแล่นอยู่บนท้องฟ้าและใช้ภาษาในการต้อนรับแขกมันจะดับลงแล้วจริงๆหรอความฝันในวัยเด็ก หรือว่าเธอต้องสู้ไม่ว่าจะยอมแลกด้วยอะไรก็ตาม… เวลาหลังเรียกเรียน… หลังจากที่มิเกลเรียนคลาสสุดท้ายของวันนี้เสร็จเธอก็เตรียมเก็บของใส่กระเป๋าใบโปรดของตนเองพร้อมกับเหลือบมองเวลาบนหน้าจอมือถือเครื่องเก่าด้วยความเร่งรีบเพราะหญิงสาวต้องการจะไปที่ร้านคาเฟ่ที่ตนเองทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่นั้นโดยมีรุ่นพี่คนสนิทเป็นผู้จัดการร้านเลยตั้งใจว่าจะเข้าไปคุยเรื่องนี้ดูหลังจากที่คิดมาทั้งวัน มิเกลใช้เวลาเดินทางมาที่ร้านคาเฟ่สำหรับกลุ่มพวกนักศึกษาและวัยมัธยมปลายไม่นาน สายตามองเข้าไปในร้านที่เป็นกระจกใสก็เห็นร่างของไหมมือเล็กจึงผลักประตูเข้าไปข้างไหนแล้วเดินตรงไปหาเธอทันที “อ้าว… วันนี้ไม่ใช่เวรเธอไม่ใช่หรอ ทำไมถึงมาที่ร้านล่ะ” พอเห็นร่างน้องสาวคนสนิทเดินเข้ามาไหมที่กำลังวุ่นวายอยู่หน้าเตาอบขนมปังก็ถามขึ้นโดยที่สายตาไม่ได้เหลือบมองมิเกลเลยแม้แต่น้อย “ฉันมีเรื่องอยากคุยกับพี่” “สำคัญไหมพอดีพี่ยุ่งๆ” “สำคัญ” “งั้นไปรอพี่ที่สวนหลังร้านนะ เดี๋ยวห้านาทีจะตามออกไป” ไหมก็ยังคงตอบเธอโดยที่ยังไม่มองหน้าเหมือนเดิมก่อนที่มิเกลจะยอมเดินออกไปยังทางประตูหลังร้านเพื่อรอไหมซึ่งหลังร้านก็ถูกจัดเป็นสวนเล็กๆสไตล์มินิมอลทั่วไป ร่างเล็กยืนกระชับสายกระเป๋าแน่นเพื่อรอไหมจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปห้านาทีไหมก็รีบผลักประตูหลังร้านออกมาทันที “พี่ขอโทษนะที่ให้รอนาน ช่วงนี้ลูกค้าเยอะหน่อย” “ไม่เป็นไรค่ะ” “แล้วเกลมีเรื่องอะไร” “ฉันขอเบิดเงินเดือนล่วงหน้าเดือนนี้ได้ไหม ฉันต้องใช้เงินจริงๆ” มิเกลไม่รอช้าเธอรีบเข้าประเด็นในทันทีซึ่งคำพูดนั้นมันก็ทำให้ไหมแสดงสีหน้างุนงงออกมาเล็กน้อย “เกลจะเอาไปทำอะไร” “เรื่องค่าเทอมค่ะ” “กี่บาท” “เกือบหนึ่งแสนได้…” เธอตอบด้วยสีหน้าหมดหวังทำให้ไหมที่ได้ยินแบบนั้นก็อดที่จะสงสารรุ่นน้องคนสนิทไม่ได้ “แล้วเบิกแค่เดือนเดียวมันจะพอหรอ” “ไม่… แต่เกลจะพยายาม” แน่นอนว่าเงินจากงานพาร์ทไทม์มันไม่กี่พันไม่มีทางพออยู่แล้วมิเกลแค่จะเอามารวมกับเงินเก็บตนเองที่เหลืออยู่เกือบสามหมื่นซึ่งแบบนั้นมันก็ไม่พออยู่ดี “ให้พี่ช่วยไหม” “ไม่เป็นไร ฉันรบกวนครอบครัวพี่เยอะแล้วแค่พี่ให้ฉันเบิกเงินเดือนเดือนนี้ก็พอ” มิเกลรีบปฏิเสธเพราะลำพังภาระของไหมก็มากพอแล้วค่าใช้จ่ายของเธอเองในแต่ละเดือนก็แทบจะไม่พอถึงแม้จะเป็นถึงผู้จัดการร้านก็เถอะไหมมีอีกห้าชีวิตที่ต้องดูแลเธอเป็นเสาหลักของครอบครัวไปแล้ว “งั้นพี่จะเบิกแล้วโอนเข้าไปในบัญชีเราแล้วกัน” ไหมถอนหายใจออกมาแล้วยอมทำตามสิ่งที่มิเกลต้องการเธอเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้นถึงจะคะยั้นคะยอยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือยังไงก็ไม่รับอยู่ดี “ขอบคุณนะคะ” “ไม่เป็นไรคนกันเองมีอะไรให้พี่ช่วยได้ตลอด” “ค่ะ” “กลับไปได้แล้ว พี่ก็จะเข้าร้านต่อ” ไหมยื่นมือมาตบบ่าเล็กแล้วยิ้มให้ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในร้านมิเกลมองตามจนสุดสายตาก็เลือกที่จะเดินออกมาทางหลังร้านแทน ในขณะที่เธอเดินกลับก็เหม่อลอยถึงจำนวนเงินที่เหลือทำยังไงถึงจะพอและในจังหวะนั้นเอง… ปี้ดดดด…!! “!!” เสียงแตรรถแลมโบว์สีดำดันทั้งคันบีบดังลั่นถนนพร้อมกับเบรกขวางทางเดินมิเกลจนเธอถอยหลังหลบแทบไม่ทัน มิเกลมองไปที่รถคันนั้นด้วยความโมโหเพราะแบบนี้มันจงใจแกล้งกันชัดๆคนตัวเล็กเลยเลือกที่จะเดินเข้าไปเคาะกระจกรถไม่นานเจ้าของรถก็เปิดประตูออกมาแล้วมองเธอ “พี่?” “ไง…” “จงใจใช่มั้ย” “ถ้าตอบว่าใช่” “ทำไปเพื่ออะไร” “อยากรู้ก็ขึ้นรถสิ” พูดจบฟีฟ่าก็โบ้ยหน้าไปที่รถคันหรูของตนเอง ชายหนุ่มยืนเอนกับกระโปรงรถพร้อมกับมือหนาที่ล้วงกระเป๋ากางเกงยูนิฟอร์มของคณะ “ฉันไม่ขึ้น” มิเกลตอบเสียงแข็งและพยายามจะเดินหนีแต่คำพูดนั้นก็ทำให้เท้าเล็กหยุดชะงัก “จะโดนไล่ออกอยู่แล้วยังอวดดี” “พี่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง” ใบหน้าไร้อารมณ์ที่เริ่มเกิดความฉุนเฉียวหันกลับไปจ้องมองใบหน้าหล่อที่กำลังยิ้มร้ายส่งมาให้เธอ “ก็บอกแล้วว่าอยากรู้ให้ขึ้นรถ” พอได้ยินคำพูดนั้นอีกรอบและความอยากรู้ร่างเล็กก็ไม่รอช้า ขาเรียวก้าวฉับๆไปที่รถแล้วสอดตัวเข้าไปนั่งข้างในอย่างจำใจ ฟีฟ่ามองตามด้วยความพอใจก่อนจะเดินอ้อมไปยังฝั่งของคนขับแล้วนั่งลงประจำที่ตามมาด้วยเสียงปิดประตูรถ “จะตอบฉันได้รึยัง เรื่องนี้มันเป็นฝีมือพี่ใช่ไหม?” ฟีฟ่าไม่ตอบเขาสตาร์ทรถและพูดคำคำนึงออกมา “ไปคุยกันที่คอนโดฉัน…” _____________ ยัยมิเกลพลาดอีกแล้ววววว หลงกลขึ้นรถไปกับฟีฟ่าจนได้ แล้วเนื้อจ่อปากเสือแบบนี้จะรอดไหม หุหุ อย่าลืมกดถูกใจและเพิ่มลงคลังนะคั้บบบ🔥🔥🔥 กำลังใจเล็กน้อยของนักเขียนตัวน้อย💓💓💓EP60 3 ปีต่อมาสามปีผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับโกหก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฟีฟ่าและมิเกลคบกันอย่างมีความสุขไม่ได้มีอุปสรรคหรือเรื่องราวอะไรมาขัดขวางความรักของพวกเขาทั้งสอง ฟีฟ่าเป็นคนที่ดีขึ้นมากและไม่มีเรื่องเจ้าชู้เลย ซึ่งมันเป็นเรื่องดีมากๆ สำหรับมิเกล วันนี้เป็นวันสำคัญของเธอที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ถึงแม้จะผ่านมายากลำบากแต่ก็ผ่านมาได้ ส่วนฟีฟ่านั้นเขาก็ได้ทำงานที่สายการบินของป๊าตนเอง “congratulations นะมิเกล เรียนจบไปพร้อมกันแล้ว” เสียงของมุกดาเอ่ยบอกเพื่อนสนิทของตนเอง ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังยืนถ่ายรูปด้วยกันหลังจากที่เพื่อนๆ คนอื่นและสายรหัสก็ต่างทยอยมาถ่ายด้วยแล้ว “congratulations เช่นกันนะ” มิเกลบอกคนข้างกายแล้วส่งยิ้มให้ วันนี้เธอสำเร็จการศึกษาซึ่งเป็นอีกหนึ่งวันที่มิเกลดีใจมากๆและมีความสุขมากที่สุด ถึงสามปีที่ผ่านมาจะไม่ได้ใช้ตังค์ตนเองก็เถอะ เพราะฟีฟ่าเป็นคนส่งเธอเรียน “เกลไปถ่ายรูปกับครอบครัวเราสิ ทุกคนเอาของขวัญมาเผื่อเกลด้วยนะ^^” มุกดาที่รู้ว่ามิเกลไม่ได้มีครอบครัวมาแสดงความยินดีเหมือนกับคนอื่นเอ่ยชวน มิเกลเลยละสายตาจากการมองหาใครบางคนมาที่มุกดา “อื้ม…ไปสิ” หญิงสาวข
EP59 เคลียร์“โอเคไหมคะ” ฟีฟ่าเอ่ยถามคนข้างกายแล้วยื่นมือไปลูบหัวปลอบใจคนตัวเล็กเบาๆ ในขณะที่เขาพาเธอมานั่งอยู่บนรถแล้วเพื่อจะเตรียมตัวกลับคอนโด “โอเคแล้วค่ะ” “พี่รู้ตัวคนที่ทำเรื่องนี้แล้วนะ” เขาบอกแล้วก็เริ่มสตาร์ทรถพร้อมกับเคลื่อนออกมาจากตัวคณะ ส่วนเรื่องข่าวพวกนั้นเขาก็บอกไทเกอร์หมดแล้วอีกไม่นานก็คงจะถูกลบออกหมด “ใครทำหรอคะ” “มิวนิค” “เธอคงชอบพี่อยู่” “ก็คงจะอย่างนั้น แต่หนูไม่ต้องกังวลนะ พี่รักหนูแค่คนเดียว” “ค่ะ” มิเกลพยักหน้าตอบแล้วฟีฟ่าก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดอ่านข้อความเพราะไลน์เขามีแจ้งเตือนข้อความใหม่เข้ามาจากไวท์ ‘ไอ้ธามอยากคุยด้วย มาเจอกันที่ร้านนุ๊ก xxx’ “พี่จะไปส่งหนูที่คอนโดก่อน แล้วพี่จะไปทำธุระต่อ หนูโอเคใช่มั้ย” ฟีฟ่าไม่ได้ตอบกลับไปเขาอ่านมันแล้วกดปิดหน้าจอมือถือเอาไว้ก่อนจะหันไปบอกแฟนสาว “โอเคค่ะ” “แล้วเดี๋ยวพี่จะรีบกลับมานะ” “….” มิเกลเพียงพยักหน้าตอบแล้วบทสนทนาบนรถก็เงียบ เธอเองก็เริ่มผล็อยหลับจากการเหนื่อยล้ากับเรื่องที่เจอไหนจะเรียนทั้งวันอีก ฟีฟ่าใช้เวลาขับรถไม่นานก็มาถึงคอนโดของตนเอง ชายหนุ่มอุ้มคนตัวเล็กออกมาจากรถและพาขึ้นไปส่งบนห้องให้มิเกลนอนบนเ
EP58 อีกด้าน…“ว่าแล้วทำไมทำตัวสนิทกับพี่ฟีฟ่า เพราะแบบนี้นี่เอง” “นั้นหน่ะสิ รอเสียบต่อจากมิว” “ไม่เจียมตัวเอาซะเลย” “เห็นในข่าวเขียนบอกเป็นเด็กกำพร้าด้วยนิ ไม่สมกับพี่ฟีฟ่าเลย” “จริงไม่มีหัวนอนปลายเท้า” มิเกลนั่งทนฟังบทสนทนาของเหล่านักศึกษาภายในเซคเดียวกันที่กำลังนินทาซุบซิบกันเรื่องของเธอทั้งวัน ว่างเป็นพูด ว่างเป็นเข้าดู ถึงแม้ว่ามิเกลไม่อยากจะได้ยินแต่บทสนทนาพวกนั้นก็เหมือนกับว่าคนพูดตั้งใจพูดให้เธอได้ยิน “เกล ถ้าไม่โอเครเราว่ากลับก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวเราส่งสรุปคลาสนี้ไปให้” มุกดาที่นั่งอยู่ข้างกายมิเกลเอ่ยบอก เธอเองก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันที่เพื่อนสนิทตนเองโดนว่าแบบนั้นทั้งที่ความจริงแล้วมุกดาไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น และเรื่องราวของชีวิตเธอมันก็ไม่ได้น่าดูถูก แต่คนพวกนี้ไม่ชอบที่มิเกลยุ่งกับฟีฟ่ามากกว่า และคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขามันมากกว่าพี่น้อง “ไม่เป็นไร อยากพูดอะไรไปก็พูดไปเถอะ” “คนพวกนี้ทำไมถึงได้ดูถูกคนอื่นขนาดนี้กันนะ ไหนจะเรื่องเกลกับพี่ฟีฟ่า ความจริงเป็นแบบไหนพวกนั้นยังไม่รู้แถมยังมาพูดจาเสียๆ หายๆ” “เดี๋ยวพอรู้ตัวคนทำทุกอย่างก็คงจะจบแล้ว” “เกลบอกเรื่อ
EP57 “ตอนนี้ฉันเชื่ออะไรไม่ได้หรอกว่าใครเป็นคนทำ แต่ฉันจะลากคอมันมาเอง” พูดจบเพียงเท่านั้นมิเกลก็หันหลังเดินออกมาจากห้อง ในเมื่อไม่มีใครยอมรับสารภาพ ทั้งธามและมิวนิคเป็นคนที่น่าสงสัยเธอก็จะจัดการเรื่องนี้เอง มิเกลเดินออกมาจากห้องก็สวนกับไวท์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล ไวท์เห็นเธอเดินออกมาแล้วเลยกลับเข้าไปหาธาม “น้องมาคุยเรื่องไรวะ” เขาถามแล้วหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม“มีคนปล่อยข่าวใส่ร้ายมิเกล” “ข่าว ข่าวอะไรวะ” “เรื่องการคบกัน” “แล้วทำไมน้องต้องมาหามึง” “มิเกลสงสัยว่ากูเป็นคนทำ” ธามพูดจบก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดเข้าไปอ่านตามข่าว ด้วยความที่เรื่องนี้กำลังดังในหมู่ของนักศึกษาของแอสตันอยู่แล้วเลยไม่ยากที่จะกดเข้าไปส่อง “ไหนวะ กูไม่เห็นรู้เรื่อง” ไวท์ถามธามจึงยื่นโทรศัพท์ให้ดู “แล้วแม่งใครเป็นคนทำ ไปรื้ออดีตเขามาพูดทำไม ใครจะคบกันมันก็เป็นเรื่องของคนสองคนไหมวะ ไหนจะเรื่องมือที่สามอีกเป็นความจริงรึเปล่าก็ไม่รู้” ไวท์อ่านแล้วก็ขมวดคิ้วยุ่ง “กูไม่รู้หรอกว่าเรื่องนั้นจะเป็นความจริงรึเปล่า แต่ที่รู้ตอนนี้กูรู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ” ธามนั่งครุ่นคิดไม่นานเขาก็พอจะเดาออกแล้วว่าใครเป็นคน
EP56 “ค่ะ” “พี่ชอบเกลแบบที่พูดง่ายแบบนี้มากเลยรู้มั้ย เหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด” ฟีฟ่าตอบออกมาแต่สายตาของเขายังคงมองอยู่บนท้องถนนตรงหน้า“ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไม่เชื่อฟังแล้ว” “อืม…ดีแล้วค่ะ” แล้วบทสนทนาระหว่างทั้งสองคนก็เงียบมาตลอดระหว่างอยู่บนรถจนกระทั่งฟีฟ่าขับกลับมาถึงคอนโด ชายหนุ่มเดินจูงมือมิเกลเข้าไปใต้ล็อบบี้และตรงดิ่งเข้าไปในลิฟต์ก่อนจะกดไปที่ชั้นห้องพักของตนเอง ไม่นานลิฟต์ก็เปิดออก ทั้งสองเลยเดินเข้ามาในห้อง “หนูรอพี่แป๊บนึงนะ เดี๋ยวพี่มา” พอเดินเข้ามาในห้องฟีฟ่าก็เดินหายเข้าไปในห้องนอน ส่วนมิเกลก็ยืนรออยู่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินหายเข้าไป ต่อจากนั้นไม่นานฟีฟ่าก็เดินออกมาพร้อมซองกระดาษในมือ“อะไรหรอคะ?” มิเกลมองกระดาษแผ่นนั้นและถามออกไปด้วยความสงสัย “สัญญาระหว่างเรา” ฟีฟ่าตอบแล้วก็หย่อนตัวนั่งลงข้างกายเธอพร้อมกับวางซองกระดาษสีขาวลง ข้อความบนกระดาษที่เป็นหัวข้อเขียนเอาไว้ว่า ‘สัญญาระหว่างหัวเมีย’ นี้มันเรื่องบ้าอะไร?“ทำไมต้องมีสัญญาด้วยละคะ” เธอมองมันและถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ คิดว่าฟีฟ่าพูดเล่นๆ แต่ที่ไหนได้เขาดัน
EP55ตกเย็นในวันเดียวกัน..“เป็นไงบ้างวะช่วงนี้กูเห็นซึมมาเป็นเดือน” ไวท์เอ่ยถามคนข้างกายคือธามในขณะที่เขากำลังเก็บของเข้ากระเป๋าเพื่อจะออกจากห้องหลังจากเรียนจบคลาสแล้ว “ดีขึ้นแล้ว” ธามตอบคำถามเพื่อนออกไปก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อจะเดินออกจากห้องไป“มึงจะกลับเลยหรอ” “อืม” “ธาม…กูไม่อยากให้มึงกับไอ้ฟีเป็นงี้เลยว่ะ” แต่พอได้ยินคำพูดของไวท์ร่างสูงก็หยุดยืนนิ่งแล้วหันกลับไปมอง “แบบนี้คือแบบไหน” “แบบที่พวกมึงสองคนไม่มองหน้ากัน ไม่คุยกัน ทั้งที่แต่ก่อนพวกมึงยังคุยกันอยู่บ้างแต่ตอนนี้ไม่เลยว่ะ” ไวท์พูดออกมาตามที่ตนเองรู้สึก วันไหนที่ฟีฟ่ามาเรียนก่อนธามที่เห็นนั่งอยู่ไวท์เขาก็แยกตัวออกมานั่งคนเดียวเงียบๆ ฟีฟ่าเองก็เช่นกันแต่จะต่างจากฟีฟ่าเพราะเขาค่อนข้างมีเพื่อนเยอะแต่วันไหนที่ธามมาก่อนและนั่งข้างไวท์ฟีฟ่าก็จะปลีกตัวออกมาเหมือนกัน “ปกติกูก็ไม่ชวนใครคุยอยู่แล้ว” “พวกมึงเก็บแบบนี้ก็แม่งโครตอึดอัด” “ทำตัวปกติดิ ไม่มีอะไรหรอก กูไม่ได้เป็นอะไร” “มึงแน่ใจว่ามึงไม่ได้เป็นอะไร สีหน้ามึงมันฟ้องว่ะธาม ที่กูบอกเรื่องการคบกันของมันและมิเกลเพราะกูไม่ได้อยากให้มึงเกลียดมันมากกว่าเดิมนะ กู