LOGIN(6 ปีก่อน)
ณ คอนโดชั้นบนสุดใจกลางเมือง
ห้องพักส่วนตัวของรัชทายาทลำดับที่ 1 เจ้าชายอีวาน
ติ้ง!
ประตูลิฟต์เลื่อนเปิดกว้างออก ก่อนที่หญิงสาวคนหนึ่งจะก้าวเดินออกมาพร้อมกล่องของขวัญใบโต ในมืออีกข้างถือถุงกระดาษใบสีขาว ซึ่งภายในนั้นคือเค้กวันเกิดก้อนพิเศษที่ทำด้วยตัวเอง
หญิงสาวเพียงคนเดียวที่สามารถเข้าออกที่พักส่วนพระองค์ของเจ้าชายอีวานได้โดยไม่ต้องรอรับคำอนุญาตในฐานะคนรักของเจ้าชาย เธอเดินทางกลับมาจากการไปทำงานต่างประเทศตั้งแต่เมื่อวาน แต่ก็แอบเก็บตัวเงียบเพื่อรอการเซอร์ไพรส์วันเกิดของแฟนหนุ่มโดยเฉพาะ
เราทั้งคู่คบกันมาตั้งแต่อายุ 16 ปี แต่มาเปิดเผยสถานะคู่รักเมื่อตอนที่เราอายุ 20 ปีด้วยกันทั้งคู่ ตัวเธอเองก็เป็นทั้งบุตรสาวคนโตของตระกูลข้าราชการระดับสูงของประเทศ และยังเป็นหนึ่งในทีมนักวิจัยที่อายุน้อยที่สุดของรัฐบาล เรียกได้ว่าทั้งฐานะและการศึกษาไม่มีข้อไหนที่ไม่เหมาะสม
ความรัก 7 ปีที่คบกันไม่เคยมีปัญหาทำให้ต้องไม่สบายใจหรือหวาดระแวง แม้อีกฝ่ายจะมีสถานะที่สูงกว่า เขาก็ไม่เคยทำให้รู้สึกเสียใจ เรียกได้ว่าเป็นรักแรก รักเดียวที่ดีมาโดยตลอด
แล้ววันนี้ยังเป็นทั้งวันเกิดของอีวาน วันครบรอบ 7 ปีของเรา ถึงจะแกล้งบอกไปว่าวันเกิดปีนี้ติดงาน และจะกลับมาอีกทีก็คือหลังวันเกิดของเขา แต่ความจริงแล้วทั้งหมดเป็นแผนของฉันเอง
“คุณหนูคาริสม่า...” เสียงเรียกแผ่วเบาของผู้ดูแลดังขึ้นเมื่อเห็นฉันเกิดตรงเข้ามา
“สวัสดีค่ะทุกคน ของฝากจากโปแลนด์ค่ะ” ร่างบางเดินยิ้มกว้างเข้ามาทักทาย ถุงกระดาษใบเล็กถูกยื่นไปตรงหน้าพวกเขา
“....” แต่แทนที่จะรับของไว้เช่นทุกครั้ง พวกเขากับดูแปลกไป รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร. ออกหาใครบางคน
“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ ทำไมดูหน้าซีด ๆ หรือว่าไม่สบายให้คาริสม่าช่วยมั้ยคะ” ฉันรีบหาที่วางของในมือ
“มะ ไม่ใช่ครับ คือเจ้าชายไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ” ผู้ดูแลอีกคนรีบอธิบาย แค่พูดออกมาก็รู้แล้วว่ากำลังโกหก
“ถ้าไม่อยู่ แล้วพวกพี่มาทำอะไรที่นี่คะ” เขาอยู่ที่นี่อย่างเช่นทุกครั้งนั่นแหละ ก่อนหน้านี้ฉันพึ่งโทร. หาเขาเอง แต่สิ่งที่ผู้ดูแลกำลังโกหกมันยิ่งทำให้เกิดความสงสัย
“ตอนแรกเจ้าชายอยู่ครับ แต่พึ่งออกไปเมื่อสักครู่นี้เอง” ตอนนี้กลายเป็นว่าทั้งสองคนกำลังพยายามช่วยกันพูดให้ฉันเชื่อ
“อ๋อ...” ฉันพยักหน้าเหมือนกับว่าจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด แต่สองเท้าก็ก้าวเดินตรงไปทางประตูอย่างไม่ลังเล
“เดี๋ยวครับคุณหนู คุณหนูคาริสม่าครับ!” เสียงเรียกชื่อดังขึ้นอย่างผิดปกติ ทำให้ฉันหยุดเดินแล้วหันกลับไปจ้องหน้าพวกเขา
“ที่พี่พูดเสียงดังขนาดนี้ เพราะอยากให้คนในห้องรู้ตัว หรือได้ยินอะไรเหรอคะ”
“....” ทั้งสองคนหยุดชะงักทันทีเมื่ออีกฝ่ายรู้ทัน เธอขึ้นชื่อเรื่องการจับผิดมานาน คนจะอยู่เหนือกว่าเธอได้จะต้องเป็นคนที่รู้นิสัยของเธอดีที่สุด...นั่นคือคนในห้อง
“ในห้องมีมากกว่าหนึ่งคน...”
“....”
“....” ไร้ซึ่งคำตอบ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงถี่จนแทบจะระเบิดออกมา
“คุณหนูครับ...เจ้าชายสั่งเอาไว้ว่าห้ามให้ใครรบกวน” เป็นคำสั่งแรกในรอบ 7 ปี ที่เขาเอามันมาใช้กับฉัน
“งั้นเหรอคะ...รบกวนฝากของนี่ไว้ให้เขาแล้วกันค่ะ เดี๋ยวคาริสม่าโทร. หาเขาเองก็ได้” ฉันส่งของในมือให้พวกเขาถือไว้ แม้จะเก็บความรู้สึกทางสีหน้าได้เก่ง แต่มือที่กำลังสั่นนั้น...ไม่สามารถปกปิดมันได้เลย
เมื่อของทั้งหมดถูกพวกเขารับไปแล้ว จึงไม่มีสิ่งของมาทำให้ต้องกวนใจต่อการเคลื่อนไหว
พึ่บ!
ร่างบางเบี่ยงตัวหลบแล้ววิ่งมุ่งตรงไปทางประตู ทั้งสองที่กำลังใช้ความคิดทำให้เผลอละความสนใจจากเธอ มือที่ถือของอยู่รีบวางมันลงกับพื้นแล้ววิ่งตามไปทันที
ติ้ด!
คีย์การ์ดแตะลง พร้อมกับมือเล็กที่ดึงประตูเปิดออก
“คุณหนูครับ!” เสียงเรียกตามหลังที่มาพร้อมกับมือคว้าเข้าที่ต้นแขน
หมับ!
ฉันก้มมองมือที่จับต้นแขนแล้วเงยหน้ามองพวกเขาทั้งคู่ และเหมือนจะรู้ตัว ทำให้ต้องรีบปล่อยมือออกจากตัวฉันทันที
“ขอโทษครับ” แม้จะเป็นเพียงคนรัก แต่กฎที่ถูกกำหนดว่าห้ามแตะต้องตัวเธอนั้น อีวานนำมันมาใช้กับผู้ดูแลของเขา
“....”
“คุณหนูครับ เชื่อสิ่งที่เจ้าชายสั่งเถอะนะครับ”
“ฉันให้เวลาในการไปเรียกเจ้าชายและผู้หญิงคนนั้นออกมา” ดวงตามองไปยังกระเป๋าถือใบหรูที่วางทิ้งอยู่บนโซฟา ภายในใจเจ็บจนแทบจะพูดอะไรไม่ออก มือเล็กกำแน่นและสั่น แม้ว่าจะพยายามระงับความโกรธไว้ยังไงก็ดูจะไม่เป็นผลเอาซะเลย
“คุณหนูครับ...” พวกเขาไม่สามารถทำตามคำสั่งของเธอได้ เพราะเจ้านายของทุกคนคือ เจ้าชายอีวาน
“อีวาน...” เสียงเล็กพึมพำมองเลยไปยังด้านหลังของทั้งสอง
ดวงตากลมสั่นไหวเมื่อสบสายตากับผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องนอน ร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำ ต้นคอมองเห็นรอยแดงได้อย่างชัดเจน สายตาไล่มองมาหยุดที่รอยสักตรงไหปลาร้าของเขา อีกฝ่ายเองก็ดูจะอยู่ในอาการตกใจไม่ต่างไปจากฉัน
“ว้าว...” ตอนนี้พูดอะไรไม่ออก น้ำตาก็ไม่ไหล เหมือนว่าความรู้สึกในใจมันเจ็บจนระบายออกมาเป็นทั้งคำพูด และน้ำตาไม่ได้แล้ว
“ไหนบอกว่าจะกลับ...” ผู้ดูแลเดินหลบออกจากห้อง เมื่ออีวานเดินตรงมาหาฉัน
“เราโกหกไง ฮาฮา...มันขำสุด ๆ ไปเลยละ” สายตาพยายามมองเข้าไปในห้องนอน
“....”
“จะไม่ถามว่ามันคืออะไร แต่จะถามว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกใช่มั้ย” ริมฝีปากบางพยายามยิ้ม แม้ในใจจะพังยับเยินไม่เหลือชิ้นดี
“ไม่ใช่...” เขาพูดเพียงเท่านั้น แล้วก็เงียบไป
“พูดต่อสิ...เราจะเชื่อ เพราะที่ผ่านมาก็เชื่อทุกอย่างที่อีวานโกหก...” ความรู้สึกของฉันมันบอกว่าไม่ใช่ครั้งแรก แต่มันถูกจับได้ครั้งแรกต่างหากล่ะ
หญิงสาวในชุดคลุมท้องยืนมองรถยนต์คันหรูที่กำลังวิ่งเรียงแถวกันเข้ามายังคฤหาสน์ส่วนตัวของรัชทายาทลำดับที่หนึ่ง ทันทีที่รถจอดนิ่งสนิท ประตูก็ถูกเปิดออกเด็กหญิงตัวเล็กในวัยเข้าใกล้สามขวบก้าวเท้าลงจากรถด้วยตัวเอง เธอโบกมือไปมาเป็นการปฏิเสธความช่วยเหลือของเหล่าผู้ดูแล อีวานที่ลงมาจากอีกฝั่งเดินมาหยุดรอลูกสาว“ให้ช่วยมั้ยครับ” เพราะรออยู่นาน แต่ดูขาสั้น ๆ นั่นจะไม่มีทีท่าแตะพื้นได้ง่าย“ไม่ คุณพ่ออย่าจับนะ หนูโกรธ” ริมฝีปากเล็กเม้มแน่น แก้มทั้งสองป่องกลมน่าบีบ ดูจากอาการแล้วจะทำให้ลูกงอนมาสินะ“ทะเลาะอะไรกัน” ฉันเดินเข้ามาพวกเขาทั้งคู่ และเป็นจังหวะที่ลูกสาวตัวเล็กลงจากรถได้สำเร็จพอดี“ฮึบ!” เสียงโดดลงจากรถนี่ ดูเหนื่อยเอาเรื่องเลย“อาซาเลียครับ ให้พ่ออธิบายก่อนนะ” อีวานพยายามจะอุ้มลูกสาวขึ้นมา แต่เธอวิ่งหนีเข้ามาหยุดตรงหน้าฉัน ดวงตาที่ถอดแบบพ่อมาเป๊ะ และสีผมที่ได้ของฉันทำให้เธอเป็นขวัญใจของผู้ดูแล“พ่อทำอะไรมาคะ อาซาเลียถึงโกรธ” ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุแบบนี้ เธอเกิดมาเพื่อจัดการอีวานจริง ๆ“คุณพ่อจับมือผู้หญิงอีกแล้ว” คิ้วเล็กขมวดเข้าหากัน“คุณพ่อไปจับที่ไหนมา”“ที่งานวันนี้” ทั้งสองเดิน
(เจ้านายคะ น้องคาร่ามาแล้วค่ะ)เสียงเลขาดังขึ้นจากโทรศัพท์บนโต๊ะทำงาน เขามีหน้าที่เพียงรับรู้เท่านั้น เพราะตลอดระยะเวลาหนึ่งปี เธอมาที่นี่เกือบทุกวัน แต่ไม่ได้พบเขาเป็นการส่วนตัว เธอมาเพื่อ...กริ๊ก!ประตูห้องทำงานเปิดออก พร้อมกับหญิงสาวเจ้าของใบหน้าน่ารักที่เดินตรงมาหยุดยืนตรงหน้าเขา โฮชิอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืน เขาเซ็นเอกสารในมือโดยที่ไม่คิดจะมองคนที่เข้ามา“หนึ่งปีแล้วนะ ไม่เห็นข่าวจะหายไปเลย” เธอมาเพื่อบ่นเขา เรื่องข่าวลือที่ระหว่างเราทั้งคู่“นักข่าวยังตามอีกเหรอ”“ตามเป็นปลิงเลย ไม่เบื่อกันบ้างหรือไง หนูจะไปเที่ยวกับเพื่อนผู้ชายก็ไม่ได้”ปึก!แฟ้มในมือปิดกระทบกันทันทีที่ได้ยินเธอพูด“....” นัยน์ตาดุจ้องมองใบหน้าเด็กสาวที่อายุห่างกับเขาสิบเอ็ดปี“พี่คาริสม่าก็คลอดลูกแล้วนะ ตอนนี้หลานของหนูกำลังหัดเดินแล้ว นักข่าวก็ยังไม่เลิกตาม” คาร่าบ่นต่อไม่หยุด เธอไม่สนใจสายตาของความไม่พอใจเลยสักนิด“....”“แล้วไหนพี่บอกว่าจะมีแฟนไง เปิดตัวสิ หนูจะไปหาแฟนมั่ง”“ถ้ามีแฟนตอนนี้ ก็โดนกล่าวหาว่านอกใจสิ”“งั้นเหรอ...หรือให้หนูมีแฟน”“ก็โดนหาว่านอกใจอยู่ดี”“เออ ก็จริง” คาร่ากอดอก ทำหน้าบึ้งตึง เธอพ
วันต่อมาณ ห้องพักโรงพยาบาล“ขออนุญาตเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ” เสียงหวานของพยาบาลดังขึ้น“เปลี่ยนเสื้อผ้าเหรอคะ” ดวงตากลมไล่มองทีละคน พยาบาลเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีวาน...ผู้หญิงล้วนเลย“ใช่ค่ะ” เพราะเขาเพิ่งตื่นขึ้นมา นี่น่าจะเป็นการเปลี่ยนชุดครั้งแรกในรอบหลายวันเลย“ให้เธอเปลี่ยนให้ได้มั้ยครับ” อีวานถามขึ้น เหมือนอ่านสีหน้าของฉันออก“ได้ค่ะ” พยาบาลจัดการวางของทุกอย่างเอาไว้ แล้วพากันออกจากห้องไปทันที ฉันมองตามพวกเขาจนกระทั่งประตูปิดลง แล้วหันกลับมาที่อีวาน“หวงเหรอครับ” ทันทีที่เราสบตากัน เขาก็เอ่ยปากถามทันที“ใช่” คำตอบอย่างตรงไปตรงมาไม่มีการอ้อมค้อมอีกต่อไป ทำเอาคนป่วยแอบอมยิ้มพึงพอใจในคำตอบครืด!ร่างบางลุกขึ้นไปดึงผ้าม่านจากข้างหัวเตียงวนรอบคลุมทั้งเตียง แล้วมีเพียงเราสองคนที่อยู่ข้างใน ก่อนจะปรับเตียงให้เขาอยู่ในท่านั่ง“หวงขนาดที่ว่าต้องปิดม่าน”“ก็เดี๋ยวคนอื่นเข้ามาตอนแก้ผ้าจะทำยังไงล่ะ” มือเล็กจัดการถอดเสื้อเขาออก สายตาจับจ้องไปยังร่างกายของคนตรงหน้า ไล่มาจนถึงผ้าพันแผลบริเวณช่วงเอว“แน่ใจนะ” อีวานที่ดูจะไม่อยากเชื่อ“ทำไม ฉันจะหวงสามีตัวเอง มันมีอะไรที่น่าสงสัยมากเหรอ” ฉันแกะผ้าขนหนูผ
สองวันต่อมาณ บ้านตระกูลทริกซี่“เจ้าชายอีวานฟื้นหรือยัง” คาร่าด้วยความอยากรู้“ไม่เกินวันสองวันนี้หรอก”อีวานยังไม่ฟื้นได้สติ แต่ทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ปกติ นั่นก็ทำให้ฉันสบายใจขึ้นมาบ้าง ส่วนตัวเองในตอนนี้ก็กลับมาจัดการตัวเองที่บ้าน เพราะออกจากโรงพยาบาลพร้อมแม่ ก็เลยมาที่นี่ซะเลย“พี่ได้นอนมั่งหรือเปล่า” คาร่าเดินไปเปิดโทรทัศน์ ในขณะที่ตัวเองกำลังมัดผม เป็นคนที่ต้องเปิดอะไรดูระหว่างทำอย่างอื่นด้วยตลอดไม่เคยเปลี่ยน“นอน แต่ก็นอนไม่ค่อยหลับเท่าไร” ฉันกำลังเช็กของในกระเป๋าอีกรอบก่อนไปโรงพยาบาล“เดี๋ยวถ้ากลับมาจากทำกิจกรรมมหา’ลัย หนูเข้าไปหาพี่ที่โรงพยาบาลได้มั้ย”“ได้สิ”“พวกเขาจะไม่โยนหนูทิ้งใช่มั้ย”“ไม่มีใครเขาทำแบบนั้นหรอก พี่ไปก่อน...อะไรน่ะ” มือยกขึ้นเตรียมโบกลาคาร่า แต่มันกลับค้างกลางอากาศ สายตาจ้องมองยังไปภาพในโทรทัศน์ผู้ชายที่ฉันรู้จักดีกำลังถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์ ซึ่งมันควรจะเป็นเรื่องระหว่างฉันกับเขา แต่ภาพที่ฉายบนหน้าจอ กลับเป็นภาพของพี่โฮชิและคาร่า ทั้งสองเหมือนกำลังยืนคุยกันอยู่ริมถนนในเวลากลางคืน(ความจริงผมกับเจ้าหญิงคาริสม่าไม่ได้มีสัมพันธ์อย่างที่ข่าวออกนะครับ อย่างภาพที่
ณ ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลประจำเมืองอาร์เมียตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าดังขึ้นรอบตัวด้วยความวุ่นวาย หมอหลายคนถูกเรียกตัวมาแล้วพากันเข้าไปในห้อง ร่างบางนั่งเหม่อลอย เธอไม่สนใจว่าใครจะมาหรือไป เพราะในตอนนี้มีแต่ภาพของเขาที่วนเวียนอยู่ในหัว“คาริสม่า” เสียงเรียกชื่อของควีนนาเดียก็ไม่สามารถทำให้เธอกลับมามีสติได้“....” เพราะฉัน...ถ้าฉันไม่เข้าไปในที่ที่คนเยอะแบบนั้นก็คงไม่มีเรื่องแบบนี้“คาริสม่า ได้ยินปู่หรือเปล่า” อีกครั้งที่เธอถูกเรียกซ้ำ แต่ก็ไร้เสียงตอบกลับแหมะ แหมะน้ำตาที่แห้งไปแล้วกลับมาไหลอีกครั้ง หัวใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา มือเย็นเฉียบกำแน่น เล็บจิกเข้ากลางฝ่ามือจนเป็นแผล สายตาที่ถูกบดบังด้วยม่านน้ำตาจ้องมองมือและเสื้อผ้าตัวเองเลือดของอีวานที่ติดอยู่เต็มตัว เขาเสียเลือดมาก จุดแทงโดนส่วนสำคัญ และเส้นเลือด มีดถูกดึงออกทันทีที่แทงหนึ่งครั้ง ซึ่งนั่นมันคือเรื่องอันตรายถึงชีวิต“ฮึก...ฮือ!”มือเล็กยกขึ้นปิดใบหน้า ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาเป็นสาย ความรู้สึกจุกแน่นในอก และกล่าวโทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมาตลอดตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นลุงคนนั้นทำเหมือนหายใจไม่ออก เพราะใช้เป็นตัวล่อให้ฉันสงสารและเข้าไ
คนตัวสูงหันกลับไปมองตามเสียงเรียกก็พบกับเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งยืนอยู่ เพียงเห็นใบหน้าของเธอ ภาพของคาริสม่าก็ซ้อนทับเข้ามา มือเล็กกอดถุงกระดาษไว้แน่น“เธอเป็นใคร”พึ่บ! เธอยื่นถุงในมือมาตรงหน้าทันทีเมื่อได้ยินคำถาม“เอานาฬิกาของคุณคืนไป พี่สาวหนูไม่ต้องการ”“...” พี่สาวเหรอ? น้องของคาริสม่า“คุณคือต้นเหตุที่ทำให้วันนี้พี่คาริสม่าเกือบโดนทำร้าย”“อะไรนะ...” หมายความว่ายังไง“เอาไปสิ คุณเป็นคนแพ้ ก็อยู่ส่วนของคนแพ้”“....” เด็กนี่....“อย่ามายุ่งกับพี่คาริสม่าอีก ภาพที่คุณตั้งใจปล่อยมันไม่ได้ผลหรอก เขาทั้งสองคนรักกันมาก ไม่มีทางเลิกกัน”“....” นัยน์ตาคมมองเด็กสาวตรงหน้าที่พูดมากไม่หยุด คนพี่ก็พูดเก่งนะ แต่ไม่ทำให้รู้สึกน่ารำคาญเท่าเด็กนี่“แพ้ก็ต้องอยู่ในส่วนของคนแพ้นะ อย่าต้องให้เด็กสอน”“....” เอาแต่พูดว่าเขาแพ้ เขาแพ้ รู้เรื่องราวความเป็นจริงมากแค่ไหนหมับ!ข้อมือเล็กถูกคว้า แล้วกระชากเข้าหาตัว“ว้าย!” เธอใช้มือข้างหนึ่งดันตัวเขาไว้ ดวงตาช้อนขึ้นสบสายตา“ใครแพ้”“คะ คุณนั่นแหละ”“ใคร” แรงบีบข้อมือทำให้เธอรู้สึกเจ็บ แต่ก็ยังพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด“พี่นั่นแหละ! พี่ปล่อยข่าวพวก







