LOGINภายในห้องมีเพียงความเงียบ อีวานเดินเข้ามาใกล้ ฉันถอยหลังออกห่าง สายตาที่มองเขาตอนนี้มันเปลี่ยนไป ความรู้สึกในใจถาโถมเข้าใส่ไม่ยั้ง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันสามารถตัดสินได้อย่างไม่ลังเลนั่นคือ...
“เราขอโทษ” อีวานที่พยายามจะเดินเข้ามาใกล้ แต่ฉันก็ถอยหลังหนี
“....” มือเล็กกำแน่น สิ่งที่อยากทำแต่ไม่สามารถทำได้ มันกำลังทำให้ฉันใกล้เป็นบ้าเข้าไปทุกที
“มันก็แค่เซ็กซ์ ยังไงเราก็รักแค่คาริสม่าคนเดียว” อีวานพูดด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“ขอบคุณ แต่แบบนี้อย่ารักเลย...เพราะเราก็จะไม่รัก” ประโยคสุดท้ายนั้นแผ่วเบาราวกับจะขาดใจ แต่คนฟังก็ยังได้ยินสิ่งที่ฉันพูด
“อย่าพูดแบบนี้สิ เรายังรักแค่คาริสม่าเหมือนเดิมนะ” อีวานตรงเข้ามาคว้าแขนฉันไว้เมื่อเห็นว่ายิ่งเข้ามาใกล้ ฉันก็ยิ่งถอยออกห่าง
“หยุด! หยุดพูดสักที จะอ้วก!” สองแขนพยายามสะบัดออกจากการถูกจับ แต่แรงที่น้อยกว่าย่อมต้องพ่ายแพ้
หมับ!
“ขอโทษ...เราขอโทษ” ร่างบางถูกดึงเข้าไปกอดไว้แน่น เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างใบหู เอ่ยคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ฮึก...ปล่อย” ฉันพยายามดิ้นและผลักเขาออก ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางสู้แรงเขาได้เลย
“ขอโทษ”
“ขอโทษแล้วยังไง! ฮือ ขอโทษ แล้วฉันจะต้องยอมรับสิ่งเลวร้ายต่ำทรามแบบนี้เหรอ!”
“....” แม้จะไม่มีเสียงตอบกลับ แต่เขาก็ยังกอดฉันไม่ยอมปล่อย
“ไหนบอกว่าจะทะนุถนอมเราไง ทำไมทำแบบนี้...ฮึก”
“ขอโทษ” มีแค่คำนี้คำเดียวที่เขาพูดมันออกมา ไม่มีคำแก้ตัว
“ทะนุถนอมร่างกาย แต่ไม่ถนอมใจเราเลย ฮือ” แขนทั้งสองข้างปล่อยทิ้งลงข้างลำตัว น้ำตาเอ่อไหลอาบแก้ม หัวใจที่แตกสลายไม่มีชิ้นดี
“....”
“ที่ผ่านมาเราเชื่อทุกอย่าง เชื่อทั้งหมดของอีวาน ฮึก...เชื่อทุกคำโกหก”
“เราไม่เคยโกหก”
“นี่แหละคือโกหก ถ้ารักจะไม่ทำแบบนี้ เพราะผู้ชายคู่กับเซ็กซ์เหรอ อีวานรักเรา ไม่ทำร้ายเราทางตรงถ้าเราไม่พร้อม...แต่ทำร้ายเราทางอ้อมแบบนี้ ฮือ!” ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยทำให้ต้องรู้สึกอึดอัด ไม่เคยเรียกร้องแบบนี้
“เพราะเรารักคาริสม่าแค่คนเดียว”
“หยุดโกหกสักทีเถอะ เจ้าชาย!”
“อย่าเรียกแบบนี้” ฉันไม่เคยเรียกเขาแบบนี้ แต่ต่อจากนี้ก็ไม่สามารถเรียกชื่อเขาได้เช่นกัน
“ทำไมคนซื่อสัตย์ต้องเป็นฝ่ายเจ็บ...เจ้าชาย” เสียงสะอื้นปะปนมากับคำถาม
“...คาริสม่า”
“กล้านอกใจ แต่ไม่กล้าบอกเลิก โคตรกระจอกเลยเจ้าชาย...ฮึก” ยิ่งฉันห่างเหินออกไป อ้อมกอดก็ยิ่งแน่นขึ้น อึดอัดจนหายใจไม่ออก
“เราไม่เคยนอกใจ ยังรักแค่คาริสม่าคนเดียว” อีวานซุกใบหน้าลงบนไหล่ เสียงของเขายังก้องอยู่ในหูทุกคำพูด
“ไม่นอกใจ แต่นอกกายน่ะเหรอ...”
“ไม่ว่ายังไงก็จะไม่เลิก ต่อจากนี้จะไม่มีเรื่องแบบนี้อีกแล้ว”
“เราเลิกกันเถอะ” น้ำเสียงหนักแน่นของฉันที่พูดสวนกลับไปทันทีที่เขาพูดจบ
“ไม่เลิก” เขาเองก็ตอบกลับทันทีอย่างไม่ลังเลเช่นกัน
“งั้นขอถามอะไรหน่อย...” สายตาของฉันมองตรงไปยังด้านหลัง ประตูห้องที่เปิดแง้มออกเล็กน้อย หญิงสาวที่อยู่หลังบานประตูมองมาที่ฉันกับเขา เธอแอบดูอยู่ตลอดโดยที่ไม่มีการออกมาแสดงตัว ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวอีวาน ก็รับรู้ว่าฉันคือใคร
“....” อ้อมกอดของเขายังแน่นเช่นเดิม หัวใจเต้นแรงถี่จนฉันสัมผัสถึงมันได้
“เราเคยนอกใจ หรือนอกกายเจ้าชายมั้ย”
“ไม่...”
“แล้วทำไมถึงตอบแทนความซื่อสัตย์ของเราแบบนี้...ฮือ!” เลิกกันแล้วเขามีคนใหม่ ยังไม่ทำให้ฉันทรมานเจียนตายกับสิ่งที่เขาทำแบบนี้
หลายอาทิตย์ต่อมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
“คาริสม่า เจ้าชายอีวานมาพบลูก ออกมาพบพระองค์หน่อย” เสียงเรียกของแม่ดังขึ้นทุกวันทั้งตอนเช้า เที่ยง บ่าย และเย็น เพราะเขามาหาฉันที่บ้านทุกวัน
“....” ดวงตาช้ำมองเพดานห้องนอน ไม่มีเสียงตอบกลับ
“คาริสม่า!” เสียงของแม่ตะโกนเข้ามาเป็นระยะ ส่วนฉันก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป เดี๋ยวเขาก็เลิกตามตื๊อไปเอง
ติ้ด! ติ้ด! ติ้ด!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สายตาเหม่อลอยหันมองไปยังหน้าจอที่แสดงชื่อบุคคลโทร. เข้า ‘วีนัส’ เพื่อนสาวคนสนิทที่ทำงานอยู่สถาบันวิจัยของรัฐบาลร่วมกันกับฉัน
ติ้ด!
“...อื้อ” เสียงตอบกลับอย่างคนไร้วิญญาณ
(หนังสือขออนุญาตส่งตัวเรียบร้อยแล้วนะ) ฉันทำเรื่องขอส่งตัวไปทำงานที่อเมริกาอย่างเงียบ ๆ มีเพียงฉันและวีนัสเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
“ขอบใจนะ”
(ฉันก็เลยทำเรื่องไปพร้อมแกเลย)
“ฮะ...” สิ่งที่วีนัสพูดทำให้ฉันเด้งตัวขึ้นนั่งด้วยความตกใจ
(ฉันมีเพื่อนแค่คนเดียวนะ ปล่อยให้แกไปอยู่คนเดียวที่นั่นไม่ได้หรอก)
“...ขอบใจนะ” เธอรู้เรื่องทั้งหมด และเก็บความลับได้อย่างดีเยี่ยม
(เป็นยังไงบ้าง ความรู้สึกตอนนี้น่ะ) ฉันชันเข่าขึ้นกอดแล้วซุกหน้าลง ปล่อยน้ำตาที่เอ่อล้นไหลออกมาอีกครั้ง
“ฮึก...ร้องไห้อยู่ในห้องตั้งแต่เกิดเรื่อง พยายามคิด ฮึก...ว่าฉันทำอะไรผิด ก็ยังไม่ได้คำตอบเลย” วีนัสคือผู้รับฟังเดียวของฉัน เธอไม่ได้เสนอความคิดเห็นหรือพูดปลอบใจ วีนัสแค่รับฟังสิ่งที่อยู่ในใจของฉันก็แค่นั้น ส่วนครอบครัวของฉัน....
ก่อนวันเดินทาง
“อะไรนะ แกจะไปทำงานที่อเมริกาเจ้าชายรู้เรื่องนี้หรือเปล่า!” แม่หันมาถามด้วยความตกใจที่ฉันมาแจ้งเรื่องเอาสุดท้ายของการอยู่ที่นี่
“....” ผลไม้ถูกจิ้มเข้าปาก ไม่มีคำตอบใดออกจากปาก
“คาริสม่า! กลับไปหาเจ้าชายเดี๋ยวนี้ คุณคะแจ้งไปที่เจ้าชายเดี๋ยวนี้เลย!”
ปึก! ครืด!
สิ้นเสียงของแม่ ฉันก็วางส้อมในมือกระแทกลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน ทำทีจะเดินออกจากโต๊ะอาหาร
“คาริสม่าหยุดเดี๋ยวนี้!”
“....” ร่างบางหมุนตัวออกพ้นเก้าอี้ แล้วเดินไปทางประตู
“ฉันสั่งให้แกหยุด!”
กึก! สองเท้าหยุดตามคำสั่ง แต่ไม่คิดจะหันกลับมาทางแม่ตัวเอง
“....”
“กลับไปคืนดีกับเจ้าชาย”
“....” ต่อให้เราจะเลิกกันด้วยเหตุผลร้ายแรงมากแค่ไหน แม่ก็ไม่สนใจ สิ่งเดียวที่แม่สนใจก็คือการที่ฉันจะต้องคบกับเขาเท่านั้น
“ต่อให้เขาทำแกเจ็บเสียใจมากแค่ไหน แกก็ต้องทน เขาเป็นรัชทายาท ยังไงตำแหน่งควีนก็ต้องเป็นแก คาริสม่า!”
“แม่เคยสนใจความรู้สึกของลูกสาวตัวเองบ้างมั้ย” ฉันหันกลับมาหาแม่ สายตาของเราทั้งคู่จ้องมองกัน
“สิ่งที่ลูกคนโตควรทำคือการสนใจครอบครัวเป็นหลัก ความรู้สึกอะไรพวกนั้นเดี๋ยวนานไปก็ลืมไปเองนั่นแหละ” ครอบครัวของฉันสนใจแค่อำนาจและเงินเท่านั้น
“....” ฉันควรชิน แต่ก็ไม่เคยชินสักที
“เขาก็แค่นอนกับผู้หญิงคนอื่น คนระดับเจ้าชายอีวาน ทุกอย่างในตัวเขา ผู้หญิงต่างอยากครอบครองทั้งนั้น แต่แกเป็นคนเดียวที่เขารัก ทิ้งทิฐิของตัวเองแล้วกลับไปหาเขา”
“แม่” ถ้าบอกว่าเก็บฉันมาเลี้ยงก็เชื่อนะ
“กลับไปคืนดีกับเขา ฉันต้องการทำธุรกิจในประเทศนี้อยู่ เดี๋ยวคนพวกนั้นมันจะไม่มีความเกรงกลัวฉันซะก่อน” บ้านของฉันก็แค่อยากมีอำนาจในประเทศนี้ โดยการที่บอกกับใครต่อใครว่าฉันเป็นคนรักของเจ้าชายอีวาน
“.... จะไม่มีการคืนดีอะไรทั้งนั้น แล้วหนูก็จะไม่กลับมาประเทศนี้อีก ไปบอกเขาด้วยว่า....” คำบอกต่อถูกถ่ายทอดออกจากปากของลูกสาวคนโตและแน่นอนว่าผู้เป็นแม่ไม่มีทางเอาไปบอกได้ เพราะอีกฝ่ายไม่ใช่ประชาชนทั่วไป นอกจาก...มันจะถูกบันทึกเสียงเอาไว้ด้วยตัวบุคคลที่สามารถติดต่อได้โดยตรงอย่างฉัน
วันต่อมา เวลา 23.30 น.
ณ บ้านพักส่วนพระองค์รัชทายาทลำดับที่ 1
(จะไม่มีการคืนดีอะไรทั้งนั้น แล้วหนูก็จะไม่กลับมาประเทศนี้อีก ไปบอกเขาด้วยว่าไปตายซะ ไอ้เจ้าชายอีวาน คิดว่าเหนือกว่าฉันมากก็ทำให้กลับมาสิ ห้ามใช้อำนาจ ทำให้ฉันยอมด้วยตัวเอง ถ้าทำไม่ได้ก็รอรับการ์ดเชิญงานแต่งของฉันได้เลย ฉันส่งมาแน่!)
“....” นิ้วเรียวกดเปิดคลิปเสียงวนฟังอีกครั้ง
(จะไม่มีการคืนดีอะไรทั้งนั้น แล้วหนูก็จะไม่กลับมาประเทศนี้อีก ไปบอกเขาด้วยว่าไปตายซะไอ้เจ้าชายอีวาน คิดว่าเหนือกว่าฉันมากก็ทำให้กลับมาสิ ห้ามใช้อำนาจ ทำให้ฉันยอมด้วยตัวเอง ถ้าทำไม่ได้ก็รอรับการ์ดเชิญงานแต่งของฉันได้เลย ฉันส่งมาแน่!)
มันถูกส่งมาจากคาริสม่าทันทีที่เธอออกจากประเทศนี้ สถานที่และประเทศที่คาริสม่าไปถูกปกปิดด้วยฝีมือของใครบางคน มันน่าแปลกที่สามารถหลุดรอดสายตาของเขาไปได้
“การ์ดเชิญงานแต่งเหรอ...มันต้องเป็นชื่อของเราสิ”
เสียงพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับเสียงของหญิงสาวดังซ้ำไปซ้ำมา ไม่เคยคิดว่าตัวตนของเธอจะใจแข็งได้ขนาดนี้ เพราะฉะนั้นจะทำให้กลับมาก็ต้องเอาให้อยู่ในทีเดียว
หญิงสาวในชุดคลุมท้องยืนมองรถยนต์คันหรูที่กำลังวิ่งเรียงแถวกันเข้ามายังคฤหาสน์ส่วนตัวของรัชทายาทลำดับที่หนึ่ง ทันทีที่รถจอดนิ่งสนิท ประตูก็ถูกเปิดออกเด็กหญิงตัวเล็กในวัยเข้าใกล้สามขวบก้าวเท้าลงจากรถด้วยตัวเอง เธอโบกมือไปมาเป็นการปฏิเสธความช่วยเหลือของเหล่าผู้ดูแล อีวานที่ลงมาจากอีกฝั่งเดินมาหยุดรอลูกสาว“ให้ช่วยมั้ยครับ” เพราะรออยู่นาน แต่ดูขาสั้น ๆ นั่นจะไม่มีทีท่าแตะพื้นได้ง่าย“ไม่ คุณพ่ออย่าจับนะ หนูโกรธ” ริมฝีปากเล็กเม้มแน่น แก้มทั้งสองป่องกลมน่าบีบ ดูจากอาการแล้วจะทำให้ลูกงอนมาสินะ“ทะเลาะอะไรกัน” ฉันเดินเข้ามาพวกเขาทั้งคู่ และเป็นจังหวะที่ลูกสาวตัวเล็กลงจากรถได้สำเร็จพอดี“ฮึบ!” เสียงโดดลงจากรถนี่ ดูเหนื่อยเอาเรื่องเลย“อาซาเลียครับ ให้พ่ออธิบายก่อนนะ” อีวานพยายามจะอุ้มลูกสาวขึ้นมา แต่เธอวิ่งหนีเข้ามาหยุดตรงหน้าฉัน ดวงตาที่ถอดแบบพ่อมาเป๊ะ และสีผมที่ได้ของฉันทำให้เธอเป็นขวัญใจของผู้ดูแล“พ่อทำอะไรมาคะ อาซาเลียถึงโกรธ” ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุแบบนี้ เธอเกิดมาเพื่อจัดการอีวานจริง ๆ“คุณพ่อจับมือผู้หญิงอีกแล้ว” คิ้วเล็กขมวดเข้าหากัน“คุณพ่อไปจับที่ไหนมา”“ที่งานวันนี้” ทั้งสองเดิน
(เจ้านายคะ น้องคาร่ามาแล้วค่ะ)เสียงเลขาดังขึ้นจากโทรศัพท์บนโต๊ะทำงาน เขามีหน้าที่เพียงรับรู้เท่านั้น เพราะตลอดระยะเวลาหนึ่งปี เธอมาที่นี่เกือบทุกวัน แต่ไม่ได้พบเขาเป็นการส่วนตัว เธอมาเพื่อ...กริ๊ก!ประตูห้องทำงานเปิดออก พร้อมกับหญิงสาวเจ้าของใบหน้าน่ารักที่เดินตรงมาหยุดยืนตรงหน้าเขา โฮชิอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืน เขาเซ็นเอกสารในมือโดยที่ไม่คิดจะมองคนที่เข้ามา“หนึ่งปีแล้วนะ ไม่เห็นข่าวจะหายไปเลย” เธอมาเพื่อบ่นเขา เรื่องข่าวลือที่ระหว่างเราทั้งคู่“นักข่าวยังตามอีกเหรอ”“ตามเป็นปลิงเลย ไม่เบื่อกันบ้างหรือไง หนูจะไปเที่ยวกับเพื่อนผู้ชายก็ไม่ได้”ปึก!แฟ้มในมือปิดกระทบกันทันทีที่ได้ยินเธอพูด“....” นัยน์ตาดุจ้องมองใบหน้าเด็กสาวที่อายุห่างกับเขาสิบเอ็ดปี“พี่คาริสม่าก็คลอดลูกแล้วนะ ตอนนี้หลานของหนูกำลังหัดเดินแล้ว นักข่าวก็ยังไม่เลิกตาม” คาร่าบ่นต่อไม่หยุด เธอไม่สนใจสายตาของความไม่พอใจเลยสักนิด“....”“แล้วไหนพี่บอกว่าจะมีแฟนไง เปิดตัวสิ หนูจะไปหาแฟนมั่ง”“ถ้ามีแฟนตอนนี้ ก็โดนกล่าวหาว่านอกใจสิ”“งั้นเหรอ...หรือให้หนูมีแฟน”“ก็โดนหาว่านอกใจอยู่ดี”“เออ ก็จริง” คาร่ากอดอก ทำหน้าบึ้งตึง เธอพ
วันต่อมาณ ห้องพักโรงพยาบาล“ขออนุญาตเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ” เสียงหวานของพยาบาลดังขึ้น“เปลี่ยนเสื้อผ้าเหรอคะ” ดวงตากลมไล่มองทีละคน พยาบาลเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีวาน...ผู้หญิงล้วนเลย“ใช่ค่ะ” เพราะเขาเพิ่งตื่นขึ้นมา นี่น่าจะเป็นการเปลี่ยนชุดครั้งแรกในรอบหลายวันเลย“ให้เธอเปลี่ยนให้ได้มั้ยครับ” อีวานถามขึ้น เหมือนอ่านสีหน้าของฉันออก“ได้ค่ะ” พยาบาลจัดการวางของทุกอย่างเอาไว้ แล้วพากันออกจากห้องไปทันที ฉันมองตามพวกเขาจนกระทั่งประตูปิดลง แล้วหันกลับมาที่อีวาน“หวงเหรอครับ” ทันทีที่เราสบตากัน เขาก็เอ่ยปากถามทันที“ใช่” คำตอบอย่างตรงไปตรงมาไม่มีการอ้อมค้อมอีกต่อไป ทำเอาคนป่วยแอบอมยิ้มพึงพอใจในคำตอบครืด!ร่างบางลุกขึ้นไปดึงผ้าม่านจากข้างหัวเตียงวนรอบคลุมทั้งเตียง แล้วมีเพียงเราสองคนที่อยู่ข้างใน ก่อนจะปรับเตียงให้เขาอยู่ในท่านั่ง“หวงขนาดที่ว่าต้องปิดม่าน”“ก็เดี๋ยวคนอื่นเข้ามาตอนแก้ผ้าจะทำยังไงล่ะ” มือเล็กจัดการถอดเสื้อเขาออก สายตาจับจ้องไปยังร่างกายของคนตรงหน้า ไล่มาจนถึงผ้าพันแผลบริเวณช่วงเอว“แน่ใจนะ” อีวานที่ดูจะไม่อยากเชื่อ“ทำไม ฉันจะหวงสามีตัวเอง มันมีอะไรที่น่าสงสัยมากเหรอ” ฉันแกะผ้าขนหนูผ
สองวันต่อมาณ บ้านตระกูลทริกซี่“เจ้าชายอีวานฟื้นหรือยัง” คาร่าด้วยความอยากรู้“ไม่เกินวันสองวันนี้หรอก”อีวานยังไม่ฟื้นได้สติ แต่ทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ปกติ นั่นก็ทำให้ฉันสบายใจขึ้นมาบ้าง ส่วนตัวเองในตอนนี้ก็กลับมาจัดการตัวเองที่บ้าน เพราะออกจากโรงพยาบาลพร้อมแม่ ก็เลยมาที่นี่ซะเลย“พี่ได้นอนมั่งหรือเปล่า” คาร่าเดินไปเปิดโทรทัศน์ ในขณะที่ตัวเองกำลังมัดผม เป็นคนที่ต้องเปิดอะไรดูระหว่างทำอย่างอื่นด้วยตลอดไม่เคยเปลี่ยน“นอน แต่ก็นอนไม่ค่อยหลับเท่าไร” ฉันกำลังเช็กของในกระเป๋าอีกรอบก่อนไปโรงพยาบาล“เดี๋ยวถ้ากลับมาจากทำกิจกรรมมหา’ลัย หนูเข้าไปหาพี่ที่โรงพยาบาลได้มั้ย”“ได้สิ”“พวกเขาจะไม่โยนหนูทิ้งใช่มั้ย”“ไม่มีใครเขาทำแบบนั้นหรอก พี่ไปก่อน...อะไรน่ะ” มือยกขึ้นเตรียมโบกลาคาร่า แต่มันกลับค้างกลางอากาศ สายตาจ้องมองยังไปภาพในโทรทัศน์ผู้ชายที่ฉันรู้จักดีกำลังถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์ ซึ่งมันควรจะเป็นเรื่องระหว่างฉันกับเขา แต่ภาพที่ฉายบนหน้าจอ กลับเป็นภาพของพี่โฮชิและคาร่า ทั้งสองเหมือนกำลังยืนคุยกันอยู่ริมถนนในเวลากลางคืน(ความจริงผมกับเจ้าหญิงคาริสม่าไม่ได้มีสัมพันธ์อย่างที่ข่าวออกนะครับ อย่างภาพที่
ณ ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลประจำเมืองอาร์เมียตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าดังขึ้นรอบตัวด้วยความวุ่นวาย หมอหลายคนถูกเรียกตัวมาแล้วพากันเข้าไปในห้อง ร่างบางนั่งเหม่อลอย เธอไม่สนใจว่าใครจะมาหรือไป เพราะในตอนนี้มีแต่ภาพของเขาที่วนเวียนอยู่ในหัว“คาริสม่า” เสียงเรียกชื่อของควีนนาเดียก็ไม่สามารถทำให้เธอกลับมามีสติได้“....” เพราะฉัน...ถ้าฉันไม่เข้าไปในที่ที่คนเยอะแบบนั้นก็คงไม่มีเรื่องแบบนี้“คาริสม่า ได้ยินปู่หรือเปล่า” อีกครั้งที่เธอถูกเรียกซ้ำ แต่ก็ไร้เสียงตอบกลับแหมะ แหมะน้ำตาที่แห้งไปแล้วกลับมาไหลอีกครั้ง หัวใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา มือเย็นเฉียบกำแน่น เล็บจิกเข้ากลางฝ่ามือจนเป็นแผล สายตาที่ถูกบดบังด้วยม่านน้ำตาจ้องมองมือและเสื้อผ้าตัวเองเลือดของอีวานที่ติดอยู่เต็มตัว เขาเสียเลือดมาก จุดแทงโดนส่วนสำคัญ และเส้นเลือด มีดถูกดึงออกทันทีที่แทงหนึ่งครั้ง ซึ่งนั่นมันคือเรื่องอันตรายถึงชีวิต“ฮึก...ฮือ!”มือเล็กยกขึ้นปิดใบหน้า ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาเป็นสาย ความรู้สึกจุกแน่นในอก และกล่าวโทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมาตลอดตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นลุงคนนั้นทำเหมือนหายใจไม่ออก เพราะใช้เป็นตัวล่อให้ฉันสงสารและเข้าไ
คนตัวสูงหันกลับไปมองตามเสียงเรียกก็พบกับเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งยืนอยู่ เพียงเห็นใบหน้าของเธอ ภาพของคาริสม่าก็ซ้อนทับเข้ามา มือเล็กกอดถุงกระดาษไว้แน่น“เธอเป็นใคร”พึ่บ! เธอยื่นถุงในมือมาตรงหน้าทันทีเมื่อได้ยินคำถาม“เอานาฬิกาของคุณคืนไป พี่สาวหนูไม่ต้องการ”“...” พี่สาวเหรอ? น้องของคาริสม่า“คุณคือต้นเหตุที่ทำให้วันนี้พี่คาริสม่าเกือบโดนทำร้าย”“อะไรนะ...” หมายความว่ายังไง“เอาไปสิ คุณเป็นคนแพ้ ก็อยู่ส่วนของคนแพ้”“....” เด็กนี่....“อย่ามายุ่งกับพี่คาริสม่าอีก ภาพที่คุณตั้งใจปล่อยมันไม่ได้ผลหรอก เขาทั้งสองคนรักกันมาก ไม่มีทางเลิกกัน”“....” นัยน์ตาคมมองเด็กสาวตรงหน้าที่พูดมากไม่หยุด คนพี่ก็พูดเก่งนะ แต่ไม่ทำให้รู้สึกน่ารำคาญเท่าเด็กนี่“แพ้ก็ต้องอยู่ในส่วนของคนแพ้นะ อย่าต้องให้เด็กสอน”“....” เอาแต่พูดว่าเขาแพ้ เขาแพ้ รู้เรื่องราวความเป็นจริงมากแค่ไหนหมับ!ข้อมือเล็กถูกคว้า แล้วกระชากเข้าหาตัว“ว้าย!” เธอใช้มือข้างหนึ่งดันตัวเขาไว้ ดวงตาช้อนขึ้นสบสายตา“ใครแพ้”“คะ คุณนั่นแหละ”“ใคร” แรงบีบข้อมือทำให้เธอรู้สึกเจ็บ แต่ก็ยังพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด“พี่นั่นแหละ! พี่ปล่อยข่าวพวก







