LOGINเพราะความเมาเป็นเหตุ ทำให้ภพธรเผลอไปคว้ากอหญ้าหลานสาวของแม่บ้านเข้าห้องนอนกลางดึกในคืนหนึ่ง เมื่อตื่นขึ้นมาเขาจึงพบว่าได้ข่มเหงเด็กสาวจนย่อยยับ ทว่าชายหนุ่มนั้นมีคู่หมั้นคู่หมายที่เหมาะสมอยู่ก่อนแล้ว คุณนายงามตาผู้เป็นมารดาจึงหาทางออกโดยการส่งกอหญ้าเข้าไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ เพื่อหวังให้เด็กสาวอยู่ห่างจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวน กอหญ้าไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งเขาและครอบครัวได้ทำอะไรไว้กับหล่อน ไม่เคยลืมค่ำคืนที่ร่างกายต้องแปดเปื้อนคาวราคี สาวน้อยอ่อนต่อโลกจึงได้แต่เก็บงำความช้ำชอกครั้งนั้นเอาไว้ในส่วนลึกของใจ เมื่อวันเวลาผ่านไปจึงได้รู้ว่า แม้หล่อนเป็นเพียงหญ้าต้นเล็กๆ แต่ก็ใช่ว่าใครหน้าไหนคิดจะเหยียบย่ำก็ทำได้ ทุกการกระทำในชีวิตคือบทเรียน ทุกบทเรียนมีราคา เป็นหนี้ต้องชดใช้ ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องจ่ายให้หล่อน ชนิดที่เรียกว่า ทบต้น ทบดอก...
View Moreบทนำ
“หญ้าเอ๊ย หญ้า มาหาแม่ใหญ่หน่อยเร็ว”
เสียงของแม่ใหญ่เรียกหาหลานสาวตัวน้อยนามว่ากอหญ้า เด็กสาววัยสิบเจ็ดปีเศษซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก
“มาแล้วจ้า” เด็กสาวที่ยังอยู่ในชุดนักเรียนเพราะเพิ่งกลับมาถึงบ้านหยกๆ เดินแกมวิ่งเข้าไปหาแม่ใหญ่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสสมวัย
นางเรียมเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้หลานสาวตัวบางที่นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามภายในห้องครัว
“มาช่วยแม่ใหญ่ทำกับข้าวก่อน เสร็จแล้วค่อยกลับไป ทำการบ้าน พอดีว่าวันนี้คุณหนึ่งเพิ่งกลับลงมาจากดอย คุณนายเลยสั่งให้แม่ใหญ่เตรียมทำกับข้าวเอาไว้รอ”
กอหญ้ายิ้มหวานพานคิดถึงลูกชายคนเดียวของคุณนายงามตา ภพธรหรือคุณหนึ่ง เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเศรษฐีนีม่ายในจังหวัดตาก อาชีพหลักนั้นคือค้าขาย นับตั้งแต่อัญมณีมูลค่าสูงไปจนถึงของฝากนักท่องเที่ยวมูลค่าหลักสิบ มีชื่อเสียงเก่าแก่มาเนิ่นนาน เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น กระทั่งมาถึงรุ่นของคุณนายงามตาซึ่งมีลูกชายเพียงคนเดียว ภพธรจึงเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาผลักดันและดูแลธุรกิจให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้น
นอกจากจะมีหน้าร้านหลายแห่งภายในจังหวัดแล้ว เขายังเปิดตลาดออนไลน์ควบคู่กันไปอีกด้วย ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาเป็นเงินทุนหมุนเวียนอย่างมหาศาล เรียกได้ว่าเวลานี้คงไม่มีใครเนื้อหอมเกินหน้าเกินตาลูกชายของคุณนายงามตาอีกแล้ว
ทว่า...คุณนายเองก็มีคนที่หมายตาเอาไว้ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแล้วเช่นเดียวกัน และแน่นอนว่าต้องมีฐานะหน้าตาทัดเทียม เพื่อช่วยส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป
ภพธรเองก็ไม่เคยทำให้คุณนายผิดหวัง เขาได้ดั่งใจเสมอ เสียอยู่อย่างเดียว ยังไม่ยอมใจอ่อนแต่งงานมีหลานให้ท่านเสียที
ปีนี้ภพธรอายุยี่สิบแปดปีเข้าไปแล้ว แต่เขายังคงสนุกสนานกับงาน พอมีเวลาว่างก็มักจะออกไปเที่ยวกับกลุ่มแก๊งเพื่อนๆ ของเขา บ้างก็ขับโฟร์วีลคู่ใจไป บ้างก็มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่มีอยู่สองสามรุ่นจอดอยู่ในโรงจอดรถ หายไปครั้งละนานๆ กลับมาทีบางครั้งก็แทบจำไม่ได้ แต่เขาไม่ได้ไปเที่ยวสนุกสนานเพียงอย่างเดียว ทว่าไปช่วยเหลือด้วย นำสิ่งของเอาไปให้เด็กๆ ชาวเขาชาวดอย หรือแม้แต่บนพื้นราบที่ยังขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค ชายหนุ่มและเพื่อนๆ ทำเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ภพธรขับรถขึ้นเขาไปตั้งแคมป์กับเพื่อนๆ บนดอยได้เกือบสิบวันแล้ว ขนเอาข้าวของเครื่องใช้ของกินไปเต็มคันรถ เพิ่งจะกลับมาก็วันนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่เคยเสียงานเสียการเลยสักครั้งเดียว เพราะถึงตัวไม่อยู่ แต่ยังสั่งการลงมาเป็นระยะ...
สำหรับเรื่องผู้หญิง ก็แทบจะไม่มีให้เห็น นานๆ ครั้งจะได้ยินเข้าหูแว่วๆ สักที เรียกว่าเขาเป็นคนหน้าตาดีที่ยังไม่มีแฟน ก็ไม่รู้ว่าเป็นพวกนิยมชมชอบเพศเดียวกันหรือไม่ แต่สำหรับกอหญ้าเรื่องรสนิยมคือเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจอะไร ความรักไม่ว่าจะเพศไหนคือสิ่งสวยงามเสมอ แต่คุณนายงามตานี่สิ จะรับได้แค่ไหนกัน
“คราวนี้มากันกี่คนจ๊ะ มีสาวๆ มาด้วยหรือเปล่า”
กอหญ้าเอ่ยถามอย่างนึกสนใจ เพราะเมื่อราวๆ สามเดือนก่อน ภพธรพาเพื่อนทั้งหญิงและชายมาพักที่บ้าน เพื่อนสาวๆ ของเขาคนหนึ่งเรื่องมากอย่างที่สุด ใช้กอหญ้าจนหัวหมุน ประสาทแทบเสียไปคราวหนึ่งแล้ว ก็ไม่รู้ว่าคนที่สำรวยสำอางแบบนั้นหลงมาคบหากับกลุ่มของภพธรที่โคตรลุยได้อย่างไรกัน
“ไม่รู้สิ แม่ใหญ่ยังไม่เจอหน้าพวกคุณๆ เขาเลย ไม่ได้ยินเสียงรถ น่าจะยังมาไม่ถึงนะ”
สาวน้อยนิ่งเงียบไปอึดใจ ก่อนจะชะเง้อออกไปข้างนอกเพราะได้ยินเสียงรถกระบะขับเข้ามาดังกระหึ่ม จึงผุดลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปยังหน้าต่างห้องครัว
พูดยังไม่ทันขาดคำพวกเขาก็มากันพอดี
กระบะโฟร์วีลนับสิบคันขับเคลื่อนเข้ามาจอดภายในบริเวณลานกว้างที่หน้าบ้าน แต่ละคันจัดว่าสวยเด็ดแต่เวลาเดียวกันก็มอมแมมได้ใจ พวกเขาทยอยก้าวลงมาจากในรถ มีทั้งหญิงและชายปะปนกัน ส่งเสียงคุยกันดังเจี๊ยวจ๊าว ท่าทางสนุกสนานไม่น้อย
กอหญ้าถอยออกมานั่งที่เดิม พลางถอนหายใจฟู่ ทำให้นางเรียมต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างนึกแปลกใจ
“เป็นอะไรฮึ”
สาวน้อยยิ้มเมื่อยๆ ให้แม่ใหญ่
“มากันเยอะเลยแม่ใหญ่ งานนี้เราสองคนรับศึกหนักอีกตามเคย แล้วพี่เอี้ยงกับพี่เนตรล่ะ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ คนเยอะแยะขนาดนี้เราจะทำทันกันไหม” สาวน้อยเปรยด้วยความกังวล พี่เอี้ยงกับพี่เนตรเป็นลูกมือของแม่ใหญ่ แต่ถูกดึงตัวออกไปขายของหน้าร้านในตัวเมืองได้สักอาทิตย์หนึ่งแล้ว เพราะพนักงานลาออกไปสองคน ทำให้ต้องหาคนไปทำแทนก่อนรับคนใหม่
“ก็จนกว่าร้านจะมีพนักงานใหม่มานั่นแหละ เอ้า รีบๆ ทำเข้า เดี๋ยวไม่ทันขึ้นมาจริงๆ จะถูกคุณนายเอ็ดเอาได้”
จากนั้นสองยายหลานก็เร่งมือทำอาหารคาวหวานรวมไปถึงกับแกล้มให้กับหนุ่มสาวด้านนอกกันมือระวิง
แต่สิ่งอื่นใดสาวน้อยจำต้องรีบหาน้ำหาท่าออกไปต้อนรับคนเหล่านั้นเป็นการด่วน พอดีกับที่น้าแสงภรรยาของน้าช่วงซึ่งเป็นคนงานดูแลสวนด้วยกันทั้งคู่เดินเข้ามาด้วยท่าทีเร่งร้อน
หญิงสาวเลื่อนมือขึ้นโอบกอดรอบลำตัวหนาของสามี เผยอรับปากจุมพิตอ่อนหวานของเขาอย่างเต็มใจ นานแล้วที่หล่อนและเขาไม่ได้ทำอะไรกันท่ามกลางแสงเดือนและแสงจันทร์สว่างจ้า ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง แล้วหันไปปิดตะเกียงโซลาร์เซลล์ ใช้ความสว่างของดวงดาวนำทางแทน ลมหายใจพร่าลง เมื่อร่างกำยำของสามีเปลือยเปล่าท่ามกลางหมู่ดาวที่เกลื่อนฟ้า ขณะที่หล่อนเองก็ไม่ได้น้อยหน้าเขาสักนิด เพราะถูกเขาเปลื้องออกเช่นเดียวกัน ร่างใหญ่ทาบทับลงมาบนร่างนุ่ม มือแกร่งลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างขาวผ่อง ริมฝีปากบดจูบดูดดื่ม ก่อนเคลื่อนต่ำลงไปช้า ๆ แล้วครอบครองยอดทรวงเคร่งครัด “อืม…” เสียงหวานครางแผ่ว สองมือกอดรัดรอบศีรษะ ใบหน้างามสะบัดเริดยามเขาฉกปลายลิ้นลงบนผิวกายเนียนนุ่ม “คุณหนึ่ง” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนที่ครางชื่อเขาออกมา แล้วผลักท่อนขาอวบอิ่มแยกจากกัน กอหญ้าสูดลมหายใจยาวแล้วผ่อนออกมาหนักหน่วงหอบพร่า มือที่กดศีรษะของเขาเอาไว้เปลี่ยนเป็นขยุ้มกองผ้าข้างกายแทน เมื่อเปิดเปลือกตา จึงพบว่าหมู่ดาวที่เกลื่อนฟ้าช่างงดงามเกินบรรยาย เช่นเดียวกับความรู้สึกซาบซ่านที่พลุ่งพล
พิเศษใส่ใจอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ภพธรรู้สึกเหมือนกับตายทั้งเป็น แต่ทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมาเขาจะพบกับใบหน้าของมารดาที่ยิ้มให้เสมอ เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เขาต่อสู้กับความเจ็บปวดเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป... เมื่อกอหญ้ากลับมา เขาก็ได้รู้อีกว่าเขายังมีสัญญาที่ให้ไว้กับหล่อนและต้องทำให้สำเร็จ เด็กสาวที่ครั้งหนึ่งเขาเผลอไผลย่ำยี นับจากนั้นเขาเฝ้าดูแลหล่อนอยู่ไกลๆ วันเวลาที่ผ่านไปทำให้เขาเกิดความผูกพันกับหล่อนทีละน้อย จนในที่สุดก็รู้ตัวว่าหัวใจของเขาไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเจอกอหญ้า ยิ่งตอกย้ำให้เขารู้ว่ามีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อใคร น้ำเสียงที่ไล่ไปตามตัวอักษรบนหนังสือหลายต่อหลายเล่ม ตามเข้าไปอยู่ในฝันของเขาทุกคืนวัน กำลังใจที่จะหายจากอาการที่เป็นอยู่มีเพิ่มขึ้น จนในที่สุด ดวงตาของเขาก็เริ่มจะเห็นรางๆ ในตอนนั้นเขาดีใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่นานความดีใจถูกบดบังอีกครั้ง เขายอมปล่อยให้หญิงสาวไปตามทางที่หล่อนตั้งใจเอาไว้แต่แรก ทว่าในค่ำคืนนั้นก่อนจากลา หล่อนทำให้เขาต้องจดจำอย่างไม่มีวันลืม เรือนร่างแน่งน้อยที่เคลื่อนไหวบนร่างของเขา
พระอาทิตย์มีขึ้นและลง พระจันทร์ส่องแสงในกลางคืน แล้วลาลับในยามเช้า เช่นเดียวกับชีวิตของผู้คน ที่มีหลับมีตื่น ดำเนินต่อและจากไปในเวลาสมควร... เช่นเดียวกับชีวิตครอบครัวของภพธร เมื่อสิ้นมารดาที่รักยิ่ง จึงทุ่มเทความรักทั้งหมดให้กับภรรยาและลูกๆ เขาตระหนักชัดว่าชีวิตนี้แสนสั้น จึงไม่ยอมให้อะไรมาพรากความสุขของคนที่รักไปง่ายๆ กิจการที่อยู่ตัวดีแล้ว ทำให้เขาหันมาทุ่มเทเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น เพราะในเวลานี้ ทั้งเขาและภรรยาต่างไม่เหลือใครให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ จึงหันมายึดเหนี่ยวดวงใจของกันและกัน มอบความรัก ความอบอุ่นให้กับลูกๆ อย่างเสมอภาคเท่าเทียม ทุกวันหยุดเขาจะพาเด็กๆ ออกไปท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน บางครั้งก็พาบินลัดฟ้า เปิดโลกทัศน์ที่กว้างใหญ่กว่าให้พวกเขารู้ว่าชีวิตของคนเราไม่ได้มีแค่ที่บ้าน แต่ยังมีอะไรอีกมากที่ไม่รู้จัก ไม่เคยพบเจอ ร่างสูงเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างภรรยา หญิงสาวยิ้มหวานพร้อมกับยกแก้วน้ำส่งให้สามี “เหนื่อยไหมคะ” เอ่ยถามพลางลูบบ่าของเขาเบาๆ เพื่อบรรเทาความอ่อนล้า “ไม่เหนื่อย” ตอบพลางวาดวงแขนขึ้นโอบไหล่ภรรยา
บทส่งท้ายตั้งแต่มีเด็กเพิ่มมาหนึ่งคน บ้านที่เคยกว้างก็ดูแคบลง ที่เคยเงียบเหงาก็กลับมาครื้นเครง ทุกอย่างดูสดใสขึ้นทันตา ทุกๆ เช้า กอหญ้าจะต้องพาลูกสาววัยหนึ่งขวบไปให้คุณย่าของแกอุ้มเล่นที่ระเบียงบ้าน ตั้งแต่มีหลานสาวทำให้อาการป่วยของคุณนายงามตาทุเลาลง สุขภาพกายและสุขภาพใจดีขึ้นมาก ทั้งกอหญ้าและ ภพธรต่างยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น “พอน้องพายได้สักสามขวบ เรามีหลานให้คุณย่าอีกสักคนเนอะ” ภพธรบอกกับภรรยาขณะพาแม่หนู ดาราพายออกมาทำบุญให้กับคุณทวดเรียมที่วัดใกล้บ้าน คนตัวบางค้อนสามีก่อนยิ้มให้ ขณะหยุดยืนที่ทางเดินริมแม่น้ำ “ถ้าแม่ใหญ่ยังอยู่ก็คงจะดีนะคะ” หญิงสาวเปรยถึงนางเรียม ชายหนุ่มก้มมองสีหน้าของภรรยา อึดใจต่อมาจึงค่อยยิ้มได้ เพราะดวงหน้างามของกอหญ้าไม่เศร้าหมองอีกต่อไปยามคิดถึงนางเรียม หล่อนทำใจได้แล้วจริงๆ “ใช่ น้องพายคงจะติดคุณทวดเรียมน่าดู” ชายหนุ่มเปรยออกมาอย่างมั่นใจ จากนั้นจึงพาภรรยาและลูกสาวกลับบ้าน ทุกวันที่ผ่านไปยังคงราบรื่น ดาราพายโตวันโตคืน และเป็นเด็กที่สดใสร่าเริงเพราะความรักที่ทุกคนมอบให้ จนกระทั่งอายุได้สาม