ดลลดา ฤทธาภิวัฒน์ สาวน้อยผู้ใสซื่อ บริสุทธิ์ผุดผ่อง เจ้าของเรือนร่างอันงดงามดุจนาฬิกาทราย จะทำเช่นไร เมื่อต้องเข้าไปฝึกงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการของเทพบุตรซาตานอย่าง ชวนนท์ อัครเดช-ไพศาล เจ้านายหนุ่มรูปงาม ผู้ที่ใคร ๆ ต่างก็กล่าวขานกันว่า เขานั้นเป็นคนไม่มีหัวใจ แต่สาวน้อยก็ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ โดยไม่รู้ว่าหัวใจแกร่งของเจ้านายหนุ่ม ก็มักกระตุกอยู่บ่อย ๆ และเรียกร้องหาร่างบาง หวังจะเข้าไปคลุกเคล้าฝากรักอยู่ตลอดเวลา เมื่อกามเทพตัวน้อยได้แผลงศรให้ ศศิวิมล วิริยะเจริญ กับ ชลาทิศ อัครเดชไพศาล ต้องตกหลุมรักซึ่งกันและกัน แถมยังกลั่นแกล้งให้ต้องแยกจากในคราเดียวกัน โดยที่ยังไม่มีโอกาสสานความสัมพันธ์นานถึง 5 ปี เวลาที่ต้องห่างเหินกันจะทำให้ความรู้สึกของคนทั้งคู่เปลี่ยนไป หรือยิ่งโหยหาซึ่งกันและกัน และเมื่อต้องกลับมาพบเจอกันอีกครั้ง ชายหนุ่มจะสามารถทำให้หญิงสาวเชื่อในอานุภาพของความรักที่เขามีต่อเธอได้หรือไม่ ราเชนทร์ ราฟ อันโตนิโอ นักธุรกิจเจ้าของบริษัทออกแบบจิวเวอรี่ ที่มีสาขาเกือบทั่วโลก ได้พบกับนางแบบสาวสวยอย่าง ชัชรินทร์ อัครเดชไพศาล น้องสาวคนสุดท้องของชวนนท์ ด้วยความสวยของหล่อน ทำให้เขาหลงใหลได้ไม่ยาก
Lihat lebih banyakร่างบอบบางในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ยืนตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายอยู่ด้านหน้าตึกสูง 25 ชั้น ของบริษัท อัครเดชไพศาล(กรุ๊ป) จำกัด (มหาชน) นางสาวดลลดา ฤทธาภิวัฒน์ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อยู่ 3 ครั้ง ก่อนจะก้าวขาเรียวสวย ภายใต้กระโปรงสีดำ จีบรอบตัว ยาวแค่เข่า เข้าไปด้านใน สาวน้อยตรงไปจุดที่มีป้ายบอกว่าเป็นประชาสัมพันธ์ทันที
“ขอโทษนะคะ ดิฉันมาจากมหาวิทยาลัย... ขอเข้าพบฝ่ายบุคคลค่ะ”
ดลลดา แจ้งให้พนักงานสาวสวยให้ทราบว่าเธอมาจากไหน และต้องการพบใคร
“ไม่ทราบว่าต้องการพบด้วยเรื่องอะไรคะ”
ประชาสัมพันธ์สาวสวยถาม
“คือว่า ดิฉันถูกส่งตัวมาจากมหาวิทยาลัย เรื่องที่บริษัท อัครเดชไพศาล(กรุ๊ป) จำกัด ได้ตอบรับการรับนักศึกษาเข้าฝึกงานค่ะ และดิฉันก็เป็นนักศึกษาคนนั้นค่ะ”
“อ๋อ รอสักครู่นะคะ”
ดลลดา รออยู่สักพัก พนักงานสาวก็บอกทางให้เดินไปห้องฝ่ายบุคคล
“ขอบคุณค่ะ”
สาวน้อยกล่าวขอบคุณพนักงานสาวเบาๆ
ดลลดา เดินไปตามทางที่พนักงานสาวบอก ตลอดทางเดิน สาวน้อยมองสำรวจไปทั่ว ตึกอัครเดชไพศาลนี้กว้างใหญ่นัก ภายในปูพรมมีลวดลายสวยงาม เน้นสีน้ำตาลปนดำตลอดทางเดิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฐานะทางการเงินของเจ้าของนั้นมั่นคงขนาดไหน ความสะอาดก็เป็นเลิศแม่บ้านคงเช็ดถูทั้งวันแน่ เงาวับจนแทบจะส่องกระจกได้อยู่แล้ว เดินสำรวจโน่นนี่จนเพลิน พอหันหน้ามาอีกทีก็พบห้องหนึ่ง ที่มีป้ายบอกว่าเป็นห้องฝ่ายบุคคล สาวน้อยยกมือเคาะประตูอยู่ 3 ครั้ง และก็ผลักเข้าไปพบหญิงอายุประมาณ 40 ปี ใส่แว่นตาหนาเตอะ มองมาที่หล่อน และมีพนักงานหญิงนั่งทำงานอีก 4 คน
“นั่งสิ”
หญิงวัย 40 บอก
“ชื่ออะไร”
พอดลลดานั่งลงปุ๊บ น้ำเสียงเข้มงวดก็เอ่ยถาม
“ดลลดา ฤทธาภิวัฒน์ ค่ะ”
“อืม… ต้องการฝึกงานด้านเลขานุการรึ”
“ค่ะ”
เมื่อสาวน้อยตอบไปแล้ว สายตาภายใต้แว่นตาอันหนาเตอะ ก็มองจ้องมาที่ใบหน้าหวานนิ่งอยู่พักนึง
“ถ้าจะถามว่าเธอสามารถทนต่อสภาวะความกดดันได้ดีแค่ไหน เธอคงตอบไม่ได้เพราะยังไม่เคยผ่านงาน เอาเป็นว่าตลอดเวลา 3 เดือน ที่เธอต้องทำงานที่นี่ ฉันขอให้เธอพยายามอดทนต่อความกดดันที่เกิดขึ้น งานเลขานุการขึ้นตรงกับเจ้านายใหญ่โดยตรง และคนที่แบกภาระอันหนักอึ้ง มีความรับผิดชอบสูง และเป็นเจ้านาย ก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์บ่อย ฉันหวังว่าเธอคงทนให้ได้จนครบ 3 เดือน แล้วกันนะ”
“ค่ะ” ถึงแม้ ดลลดาจะไม่ค่อยเข้าใจกับคำเตือนนั้น แต่สาวน้อยก็รับคำ
“ฉัน พิจิตรา ยินดีต้อนรับเธอร่วมงานกับเรา เดี๋ยวเธอขึ้นไปชั้น 25 พบกับคุณ อรอนงค์ เขาเป็นเลขาฯ ของคุณชวนนท์ เธอจะต้องเรียนรู้งานจากคุณอรอนงค์ ขอให้โชคดี”
ดลลดาเพิ่งจะรู้ว่าบุคคลที่นั่งคุยและเตือนเธอนั้นชื่อ พิจิตรา แล้วสาวน้อยก็ขึ้นไปชั้น 25 ตามที่คุณพิจิตราบอก
ชั้นที่ 25 นี้ มีเพียงโต๊ะทำงานซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของเลขานุการเพียงตัวเดียว และมีห้องซึ่งน่าจะเป็นห้องผู้บริหารอีก 3 ห้อง เท่านั้น
“น้องที่มาฝึกงานกับพี่ใช่ไหมคะ ดีใจจังเลยค่ะที่พี่จะมีเพื่อนแล้ว ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็เถอะ”
อรอนงค์ ส่งยิ้มต้อนรับอย่างยินดีมาให้สาวน้อย ดลลดายิ้มตอบ เริ่มรู้สึกคลายกังวลไปมาก เมื่อได้คุยกับอรอนงค์
“เดี๋ยวน้องรอสักครู่นะคะ พอดีว่าพี่ป่วยเลยหยุดงานไป 2 วัน โต๊ะของน้องก็เลยยังไม่มีใครยกมาให้ เดี๋ยวพี่จะให้ยามยกขึ้นมาให้นะคะ”
อรอนงค์บอก และเมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัย 2 คน ยกโต๊ะขึ้นมาให้พร้อมเก้าอี้เรียบร้อย อรอนงค์ก็ให้ ดลลดานั่งทำงานที่โต๊ะตัวนั้น ทั้งบอกอีกว่า วันนี้คงไม่ค่อยมีงานอะไรมาก เพราะเจ้านายไม่อยู่ ทั้งสองเลยได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น
ดลลดาพอใจในอัธยาศัยไมตรีของอรอนงค์ ที่เป็นคนร่าเริงและคุยสนุก พอได้เวลาเที่ยงอรอนงค์ก็พาดลลดาลงไปทานอาหารในโรงอาหารที่จัดไว้ให้สำหรับพนักงาน และทราบอีกว่า อาหารกลางวันมีไว้บริการแก่พนักงานทุกคนฟรี ถือเป็นสวัสดิการแก่พนักงาน
“ดีจังเลยนะคะ อิ่มจังตังค์อยู่ครบ” ดลลดาบอก ส่งยิ้มหวานให้อรอนงค์
“พวกเราโชคดีที่ได้ทำงานที่นี่จ้ะ เงินเดือนที่ได้รับก็มากพอสมควร แถมได้กินข้าวฟรีอีกด้วย เอาไว้ถ้าดรีมจบการศึกษาแล้ว ก็เข้ามาทำงานที่นี่ได้นะ เพราะดรีมได้เข้ามาฝึกงานที่นี่แล้ว”
“ดีเลยค่ะ เอ... แต่ว่าไม่รู้ว่าดรีมจะผ่านการทดลองงานรึเปล่าน่ะสิคะ”
“อย่าเพิ่งกังวลเลย เพิ่งเข้ามาวันแรก แต่พรุ่งนี้เจ้านายกลับมา ดรีมกับพี่คงหัวฟูไม่ได้มีโอกาสมานั่งคุยกันสนุกแบบนี้หรอก”
“ค่ะ ดรีมจะตั้งใจทำงาน ช่วยพี่อรให้ดีที่สุดค่ะ”
“จ้ะ”
เช้าวันที่สองของการทำงาน วันนี้ดลลดามาถึงที่ทำงานสาย เพราะรถติดซึ่งเป็นปัญหาโลกแตกของกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร เท้าบางๆ ในรองเท้าหุ้มส้น วิ่งเข้าบริษัท ตรงไปที่ลิฟต์ซึ่งประตูกำลังจะปิดพอดี
“เดี๋ยวค่ะ รอด้วยค่ะ ขอไปด้วยคน”
เสียงใสๆ บอกผู้ที่อยู่ในลิฟต์ พร้อมกับมือบางที่ยื่นเข้าไปในลิฟต์ เมื่อเห็นว่าประตูจะปิดแล้ว และคนที่อยู่ในลิฟต์ก่อนแล้วคงจะไม่ได้ยินเสียงเธอ ทำให้ข้อมือบาง โดนประตูหนีบก่อนที่ประตูจะดีดตัวออกจากกันเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง
“โอ๊ย!” ดลลดาอุทาน เมื่อรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ
ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ข้อมือข้างเดิมก็ถูกมือใหญ่กระชากเข้าไปในลิฟต์ ด้วยความตกใจ ทำให้สาวน้อยเงยหน้าขึ้นมองคนที่ฉุดข้อมือตน ด้วยความฉุนกึก
ริมฝีปากหยักลึกยิ้มพราย เมื่อคิดว่าจะมอบสร้อยเส้นนี้ให้ภรรยาสุดที่รักเอาไว้ใส่เล่น ส่วนเครื่องเพชรที่เขามอบให้หล่อนก่อนหน้านั้น ค่อยเก็บเอาไว้ใส่เฉพาะเวลาออกงาน เมื่อคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็กำสร้อยเส้นนั้นเอาไว้ในมือ และเดินออกมาจากห้องนอนด้วยกางเกงตัวเดียว เปลือยอกกว้างกำยำทรมานใจสาว ดวงตาคมกริบหรี่ลง พร้อมกับส่งประกายวาววาม เมื่อเห็นร่างบางของดลลดาอยู่ในชุดเสื้อนอนตัวยาวตัวเดียว ความยาวของมันปิดลงมาแค่ต้นขาขาวอวบ ชายหนุ่มค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปใกล้ร่างบางโดยไม่ให้หญิงสาวรู้ตัว แล้วอ้อมแขนแข็งแรงก็สอดเข้าไปรวบเอวบางเอาไว้ “อุ๊ย! พี่ฌอห์น ตกใจหมดเลยค่ะ” ดลลดาบอก และเบี่ยงหน้าหนีจมูกและปากร้อนๆ ที่ซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอหอมกรุ่น “ดรีมทำอะไรอยู่จ๊ะ” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบถามที่ข้างใบหูหอมกรุ่น “ดรีมกำลังทำข้าวต้มกุ้งค่ะ พี่ฌอห์นหิวหรือยังคะ” เสียงหวานๆ ถาม แต่มือบางก็ยังหยิบจับโน่นนี่ไม่หยุดหย่อน ชวนนท์ไม่ตอบ มือใหญ่ยกขึ้นแบมือให้หญิงสาวดูสิ่งของที่อยู่ในมือ ดวงตากลมโตของหญิงสาวหลุบลงมองสร้อยเส้นเล็ก น่ารักๆ ในมือใหญ
ชวนนท์หัวเราะชอบใจ ถ้าได้เจอหลานชายคนนี้ คงต้องตบรางวัลให้อย่างงามเสียแล้ว “แล้วพี่ฌอห์นจะไปฮันนีมูนเมื่อไหร่ครับ” “ก็คงเร็วๆ นี้ล่ะ เพราะช่วงนี้งานที่บริษัทไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่ ถ้าไง ก็ฝากนายเลี้ยงหลานด้วยก็แล้วกันนะ” ชวนนท์ถือโอกาสฝากฝังลูกๆ ซะเลย “แล้วจะไปที่ไหนกันเหรอครับ ถ้ามีโอกาสผมจะได้พาหนูจันทร์ไปบ้าง” “เกาะส่วนตัว ไว้แกค่อยไปหลังจากฉันกลับมาแล้วกันนะ แต่ฉันขอบอกก่อนเลยว่า บรรยากาศสุดยอด ธรรมชาติ น้ำทะเลสีคราม ท้องฟ้ากว้างใหญ่ มีฝูงนกนางนวลบินถลาเล่นลม เสียงคลื่นซัดสาด และทำสำคัญมีแค่เราสองคน” ชลาทิศหัวเราะลั่น กับคำพรรณนาของพี่ชาย จนเขาอยากไปร่ำๆ เสียแล้ว “อย่างนี้กลับมา คงมีหลานผมติดท้องมาอีกแน่นอนเลย” “อ้าว... ก็ต้องอย่างงั้นอยู่แล้ว ไม่งั้นจะไปทำไมล่ะ” ชวนนท์บอก และเสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงของสองพี่น้องก็ดังแข่งกันเป็นระยะๆ ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี “ราม ระวังหน่อยนะลูก มันอันตราย” ชัชรินทร์พาร่างอวบของตัวเอง ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ 5 เดือน เดือนอุ้ยอ้ายมาบอกอย่
ดลลดาส่งยิ้มเพลียๆ ให้คนรัก ก่อนจะหันไปรับร่างลูกน้อยที่นางพยาบาลจัดการทำความสะอาด และห่อด้วยผ้าขนหนูส่งมาให้ ดวงตาคู่สวยมีหยาดน้ำตาคลอเบ้า ก่อนจะไหลออกมาเป็นทางด้วยความปลื้มปิติ ลูกของเธอหน้าเหมือนพ่อเดี๊ยะ จะเหมือนเธอก็คงเป็นแค่ริมฝีปากที่อิ่มเต็มน่ารักเท่านั้น “จะให้น้องมีชื่อว่าอะไรดีคะ” นางพยาบาลสาวถามยิ้มๆ “ชวดลค่ะ ลูกที่เกิดจากมนตราแห่งความรักระหว่างพ่อกับแม่ พ่อชื่อชวนนท์ แม่ชื่อดลลดา ฉะนั้นลูกของเราต้องชื่อชวดลค่ะ” ดลลดาเป็นฝ่ายบอกพยาบาล และชวนนท์ก็เห็นด้วย ดลลดาส่งลูกน้อยให้ชวนนท์ได้อุ้มบ้าง คุณพ่อมือใหม่ดูจะเก้ๆ กังๆ ไปบ้าง แต่ก็สามารถอุ้มลูกได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มจรดปลายจมูกโด่งกับแก้มของลูกน้อยอย่างรักใคร่ จริงอย่างที่ดลลดาบอก ลูกคนนี้เกิดขึ้นจากมนตราแห่งรักของเขาและหล่อนแท้ๆ และชวนนท์ก็ตั้งใจแล้วว่า จะต้องใช้มนตราแห่งรักให้กำเนิดลูกๆ ตามมาอีกหลายๆ คน “ปี้โดม เอาก๋องเดียมาเดี๋ยนี้นะ” เสียงเล็กใส ของหนูน้อยวัย 2 ขวบ ครึ่ง มีนามว่าชญานิศ หรือน้องเดียร์ดังลั่นบ้าน “อันนี้ของพี่ ไม
4 เดือนต่อมา ณ สนามบินสุวรรณภูมิ “เดินทางโดยปลอดภัยนะลูก” คุณชิดกมลอวยพรบุตรสาวและบุตรเขย ที่กำลังจะย้ายสำมโมครัวไปอยู่ไกลถึงอิตาลี เพราะหน้าที่การงานของราฟ ทำให้ไม่สามารถสร้างครอบครัวที่นี่ได้ กว่าที่ทุกคนจะเกลี้ยกล่อมชัชรินทร์ได้ก็กินเวลานานหลายเดือน กำหนดการเดิมของราฟ ที่ว่าเมื่อแต่งงานเสร็จก็จะพาชัชรินทร์บินกลับอิตาลีทันที เป็นอันต้องยืดเยื้อมานานถึง 4 เดือน แต่ชายหนุ่มก็ต้องเบาใจ เมื่อชัชรินทร์ยินยอมย้ายไปอยู่อิตาลีโดยดี ไม่งั้นเขาเองคงต้องลำบากย้ายบ้านย้ายที่ทำงานมาอยู่ที่เมืองไทยเป็นแน่ “ค่ะแม่ แล้วเชอรี่จะมาเยี่ยมแม่บ่อยๆ นะคะ” ชัชรินทร์บอก ก่อนจะหันไปหาพี่ชายทั้งสอง และพี่สะใภ้ทั้งสองที่ตั้งครรภ์หมดแล้ว ต่างกันที่ระยะครรภ์เท่านั้น เหลือแต่หญิงสาวที่กำลังสงสัยว่าตัวเองตั้งครรภ์เพราะประจำเดือนขาดไป 1 เดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ตรวจให้แน่ใจ “พี่ฌอห์นคะ พี่ชาร์ลคะ เชอรี่ฝากคุณแม่ด้วยนะคะ” ใบหน้างามไม่แจ่มใสนัก ดวงตาคู่สวยของชัชรินทร์มีน้ำตาคลอเบ้าตา แต่ไม่ได้ไหลออกมา “ไม่ต้องห่วงทางนี้นะเชอรี่ เราน่ะ
“พี่ชาร์ล รูดซิปให้หนูจันทร์หน่อยสิคะ หนูจันทร์รูดเองไม่ถึง” ชลาทิศยิ้มบางๆ มือใหญ่ค่อยๆ รูดซิปลงจนสุดสาย และรั้งชุดเจ้าสาวแสนสวยลงช้าๆ ดวงตาคมกริบกวาดตามองไล่ไปตามเรือนร่างอรชรอวบอิ่มของหล่อน นานแล้วที่เขาไม่ได้แตะต้องเรือนร่างนี้ เพราะคิดว่าบาดแผลผ่าตัดของหญิงสาวยังไม่หายดี “หนูจันทร์” เสียงทุ้มที่เรียกชื่อหญิงสาวเริ่มสั่นพร่า มือใหญ่พลิกร่างบางที่ยืนหันหลังให้หันหน้าเข้าหาเขา “พี่ชาร์ล หนูจันทร์จะอาบน้ำ” เสียงหวานใสบอก แต่เบายิ่งนัก ราวกับคนพูดไม่มั่นใจ “ขอพี่ชื่นใจหน่อยได้ไหมคนดี พี่คิดถึงหนูจันทร์เหลือเกิน” ชลาทิศบอกกระเส่า มือใหญ่ปลดตะขอบราเซียสีขาวออก ทรวงอกอวบอิ่มดีดตัวออกมาทันทีที่ได้รับอิสระ ดวงตาคมกริบเพ่งมองความงดงามตรงหน้าอย่างหลงใหล แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยแผลผ่าตัดขนาดไม่ใหญ่นักบนทรวงอกด้านซ้าย ชลาทิศยกมือขึ้นลูบไล้ไปตามรอยนั้นเบาๆ อย่างทะนุถนอมยิ่งยวด ก่อนจะจรดริมฝีปากร้อนๆ ลงไปเบาๆ หลายครั้งติดๆ กัน “ไม่เจ็บแล้วนะคนดี หายแล้วนะ” คำพูดปลอบโยนที่แสนอ่อน
เจ้าบ่าวทั้งสามต่างก็ไม่รอช้า เมื่อได้โอกาส รวบเอวบางของเจ้าสาวเข้าหา และกดจุมพิตดูดดื่มลงกับเรียวปากนุ่มของเจ้าสาวทันที ทั้ง 3 คู่ 6 คน ในเวลานี้บอกได้คำเดียวว่า กำลังมองเห็นทุกสิ่งสรรพรอบกายเป็นสีชมพูไปหมดแล้ว ความสุขที่ต้องรอคอย ต้องแลกกับความทุกข์แสนสาหัส กว่าจะได้มาซึ่งวันนี้ วันที่ทุกคนมีความสุขโดยพร้อมเพรียงกัน ศศิวิมลยังคงอยู่ในชุดเจ้าสาวแสนสวย นั่งอยู่บนสตูตัวเล็กหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวมองเข้าไปในกระจกเงา เห็นผู้หญิงสาวสวยในชุดเจ้าสาวดูคล้ายกับเป็นเจ้าหญิงน้อยๆ ใบหน้าอิ่มเอิบมีความสุขล้ำ ที่ส่งออกมาให้เห็นผ่านแววตาที่เป็นประกายเจิดจรัส ในที่สุดศศิวิมลก็มีวันนี้ วันที่จะได้เริ่มต้นใช้ชีวิตคู่กับคนรัก วันที่เปลี่ยนนามสกุลจากวิริยะเจริญ มาเป็นอัครเดช-ไพศาล และเป็นวันที่ต้องเปลี่ยนคำนำหน้าจากนางสาวกลายเป็นนาง แม้ว่าเจ้าหน้าที่ทางอำเภอจะบอกว่าไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ถ้าไม่อยากเปลี่ยน แต่ศศิวิมลอยากเปลี่ยน เธออยากรับรู้ถึงการมีคู่ครองให้ครบทุกอณูความรู้สึก ในเมื่อรักกันและยินดีจะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ทำไมจะต้องปิดกั้นตัวเองอี
Komen