ฉันไม่ได้เปิดอ่านมันหรอก อ่านผ่าน ๆ แค่ตอนมันเด้งขึ้นหน้าจอเท่านั้น เพราะอิต้นไม้ข้าง ๆ มันเหมือนกำลังจับผิดฉันอยู่
ฉันจึงรีบไปส่งมันที่คอนโดก่อน แล้วหาที่จอดรถเงียบ ๆ เปิดไลน์อ่าน แค่ไลน์มาไม่กี่คำมือไม้แม่งสั่นไปหมดแล้ว เป็นห่วงกูเหรอ? ถ้าคิดแบบนี้มันจะเป็นการเข้าข้างตัวเองไหมวะ เออช่างเถอะ กูจบเอกมโนศาสตร์มา
LINE | KAI
[KAI: มันอันตรายนะป้า]
[BAIMAI: ชิน]
[KAI: ชินกับใบสั่งที่ส่งไปที่บ้าน?]
[BAIMAI: ชินกับน้ำหนักตีน -_-]
[KAI: อยากลองโดนตีนป้าสักครั้ง ^^]
ไอบ้า พิลึกคน
[BAIMAI: ตลก]
[KAI: ตลก แล้วหัวเราะรึยัง? ไม่สิป้าน่ะ..ควรยิ้มให้ได้ก่อน ^^]
[BAIMAI: จะไลน์มากวนประสาททำไม -_-]
[KAI: ไม่ได้กวน อย่าขับรถเร็ว ผมเป็นห่วงคนอื่นๆที่ใช้ถนนร่วมกับป้า โอเค๊]
[BAIMAI: ถ้ายังสำส่อนกับแอร์ ก็ห่วงตัวเองก่อนเถอะ]
[KAI: สำส่อนอะไร? ป้าอย่าหึงผมสิ เพื่อนกัน]
[BAIMAI: ทำไมฉันต้องหึงแก?]
[KAI: เพราะผมหล่อ ^^]
อิดอกมั่นหน้า อืม... แต่หล่อจริง ๆ นะ
[BAIMAI: ไร้สาระ]
ปากด่า... แต่ใจพองยิ่งกว่านม ไคล์เป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ ที่เขาทำเหมือนเป็นห่วง บ่อยมาก! บ่อยจนฉันแม่งคิดไปเองว่าเขามีใจ
เพราะหลังจากวันนั้น วันที่ฉันได้ตุ๊กตาควายจากเขา เขาก็ชอบซื้อของให้ ทั้งวันเกิด ทั้งวันที่ฉันไม่สบาย แต่นั่นแหละ มิวายเป็นตุ๊กตาควายคละไซส์กัน จนตอนนี้มันตั้งเรียงเต็มห้องนอนฉันหมดแล้ว
แต่ความประทับใจวันรับปริญญา ไม่ได้มีแค่นั้นนะเว้ย! หลังจากที่ได้เซอร์ไพรส์จิ้งจกผูกโบว์ไม่นาน แม่กับเจ๊ปลายฟ้าก็มา ฉันจึงรีบทำตัวปกติและชักสีหน้าใส่แม่แทน แต่แม่ไม่ได้สนใจฉันน่ะสิ มองแต่ควายที่ฉันอุ้มอยู่
“แถวนี้มีควายตัวใหญ่ด้วย” แซว แต่ทำไมต้องเน้นคำว่า ‘ควาย’ ด้วยวะ อิคนซื้อให้มันคิดอะไรอยู่ จะว่าแถวนี้มีขายก็ไม่น่าใช่ เพราะคนอื่นก็มีใครอุ้มควายสักคน
มีแต่กูคนเดียว!
“คนซื้อให้ไม่ค่อยปกติ”
“ก็เห็นเหมาะกับป้าดี หน้านิ่ง ๆ เคี้ยวเอื้อง ๆ” แม่กับเจ๊ปลายฟ้าเอามือปิดปากหัวเราะลั่น ส่วนฉันน่ะเหรอ เหอะ โยนตุ๊กตาควายส่งคืน
“เอาคืนไป เด็กปากหมา”
“ใบไม้! ปากคอเราะร้ายนะเรา ไคล์อุตส่าห์มาแสดงความยินดียังไปว่าเขาอีก” ตลอดเลยแม่ฉัน คนอื่นอะไรก็ดีไปซะทุกอย่าง ฉันล่ะเบื่อจริง ๆ
“ใครใช้ให้แม่กับเจ๊มาช้าล่ะ หนูจะเข้าห้องประชุมแล้วนะ”
“สั่งดอกไม้ให้ลูกอยู่นี่ไง” แล้วแม่ก็ยื่นช่อดอกไม้ใหญ่โตมาให้ฉัน ก่อนที่จะเอื้อมมือมาหยิกแก้มฉันด้วย ส่วนเจ๊ปลายฟ้านางซื้อสร้อยทองคำขาวให้ เป็นจี้รูปตัว K ที่ย่อมาจากชื่อจริงฉัน กัณณ์รลิน วรพงศ์กุล
แล้วไง... สุดท้ายฉันก็ต้องรอพ่อต่อ รอ...จนถึงเวลาที่เขาประกาศเรียกคณะอื่นไปถ่ายรูป พ่อฉันถึงมา
ฉันยืนมองพ่อที่ใส่สูทวิ่งหอบมานิ่ง ๆ งานน่ะไว้ทีหลังไม่ได้รึไง ฉันรับปริญญาทั้งที เรียนก็เรียนให้แล้ว ยังช้าอืดอาดอีก ฉันไม่อยากบ่นพ่อหรอกนะ มันบาป แต่พ่อฉันเหมือนท่านเรียงลำดับเวลาไม่เป็น แม่ต้องคอยทำตารางให้ ว่าเวลาไหนควรทำอะไรก่อน
“ยินดีด้วยนะใบไม้ ของขวัญลูกอยู่ที่ลานจอดรถนะ” พ่อยื่นกุญแจรถสีดำให้ฉัน พร้อมกับปาดเหงื่อไปด้วย
“ขอบคุณค่ะ อะไรคะ? รถเหรอ?”
“ใช่แล้ว Porsche 911 GT3 RS” ฉันรับกุญแจรถมาดู ฉันจำได้ว่าราคารถเวรนี่มันเริ่มต้น ยี่สิบสองล้าน แต่ดันนั่งได้สองคน พ่อเอาอะไรคิดวะ! ไอ้เร็วน่ะมันเร็วอยู่หรอกแต่กูเสียดายเงินมาก
“เวอร์ตลอด” แม่บ่นอุบอิบและเบะปากใส่พ่อ แต่พ่อฉันแคร์ที่ไหน ยิ้มอย่างเดียว
“ที่ช้า พ่อไม่ได้ประชุมเหรอคะ? เอารถมาให้หนู”
“ใช่แล้วลูกสาว ขอบคุณนะ สำหรับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ลูกสาวพ่อเก่งที่สุด” พ่อกอดฉันและหอมหัวฉันฟอดใหญ่ จนฉันถูกเรียกไปถ่ายรูปหมู่และเข้าหอประชุม
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนไคล์ เขาเป็นคนในครอบครัวฉันเลย ขนาดต้นไม้ไม่อยู่ ไคล์ยังอยู่รอฉัน เขารอจนฉันออกจากหอประชุม และนั่งรอฉันคนเดียว!
เพราะฉันออกมา ฉันก็ไม่เห็นครอบครัวฉันแล้ว มันเกือบสี่ชั่วโมงเลยนะ ที่เขานั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์เฝ้าดอกไม้เฝ้าควายให้
แถมเขายังรอฉันถ่ายรูปกับอาจารย์ต่ออีกชั่วโมง เออ... รวม ๆ แล้วห้าชั่วโมง!
ตอนนั้นฉันรู้สึกดีกับไคล์จริง ๆ อีกอย่าง ถึงฉันจะโง่เรื่องนี้แต่ฉันสงสัยมาก มันไม่มีเหตุผลอะไร ที่เขาต้องรอฉัน แฟนก็ไม่ ญาติก็ไม่ มันเลยทำฉันมโนไปต่าง ๆ นา ๆ
มโนถึงขั้นคิดว่า เขาชอบฉัน!
“เหนื่อยไหมป้า”
“เหนื่อย หิวว่ะ” ยื่นแซนวิซให้ฉัน แล้วดึงใบปริญญาในมือไปถือให้
“กินนี่ก่อนนะ เดี๋ยวค่อยพาไปหาอะไรอร่อย ๆ กิน” แซนวิซน้ำส้มครบไม่มีขาด ฉันเดินไปกินไปเดินตัวปลิวมาก จนเรามาถึงรถสปอร์ตของขวัญฉัน ที่ฉันให้ไคล์เป็นคนขับคนแรก
แล้วสิ่งหนึ่งที่ฉันสัมผัสได้ สัมผัสที่ทำฉันใจเต้นเร็วยิ่งกว่าแรงม้ารถก็คือ... ตัวเขาหอมมาก! เขาเอื้อมมือไปปรับแอร์ให้ฉัน คือแม่งเอ้ย หอมจริง ๆ
ยิ่งนั่งในรถสปอร์ตแคบ ๆ ฉันยิ่งได้กลิ่นชัด ตอนนั้นฉันอยากกินเด็กจริง ๆ นะ มือเขาก็ขาว มีเส้นเลือดปูดนิด ๆ จมูกก็โด่งตาชั้นเดียว แต่มันมีเสน่ห์ฉิบหาย แถมขับรถไม่เร็วมาก อย่ายิ้มได้ไหม ยิ้มที ใจกูจะละลาย
บ้าเอ้ย!
ไม่ไหวว่ะ กว่าฉันจะดึงสติออกมาจากไคล์ได้ก็นานโข... คือฉันถูกสั่งให้เรียนโรงเรียนประจำ ถูกสั่งให้เดินตามรอยพ่อมาทุกอย่าง จนไม่เคยรู้ ว่าตัวเองชอบอะไร หรือต้องการอะไรจริง ๆ มันเป็นครั้งแรก ครั้งแรกที่ฉันรู้สึกชอบและอยากได้อะไรสักอย่าง แต่มันไม่ใช่สิ่งของ หรือคณะที่ฉันอยากเรียนน่ะสิ
ฉันกำลังอยากได้ผู้ชายคนนี้
หลังจากนั้นฉันก็คลั่งไคล์หนักมาก คลั่งแบบมโนว่าเขาคือผัวตัวเอง ฉันนอนกอดตุ๊กตาควายเขาทุกวัน ใส่สร้อยที่เจ๊ปลายฟ้าให้ หนำซ้ำกูยังจินตนาการว่าจี้ K นั่นคือชื่อ KAI หนักไหมล่ะ
เฮ้อ! จนถึงปัจจุบันนี่แหละ ที่ความคลั่งฉันลดน้อยลง อาจเป็นเพราะฉันแก่ หรือเพราะไคล์เขาคั่วแอร์ทุกไฟลท์ก็ไม่รู้ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันหยุดชอบเขานะ ฉันมันพวกหน้าด้านหน้าทน อีกอย่างไคล์ก็ชอบทักมา ทักมาให้ท่าให้ฉันมโนต่อเหมือนวันนี้
ฉันเก็บโทรศัพท์แล้วขับรถกลับทันที แต่ไลน์เขานี่สิ อยู่ ๆ ก็เด้งขึ้นมาอีก
‘ตึ้ง’
LINE | KAI
[KAI: คิดถึงนะ]
เชี่ย! ฉันรีบตบไฟเลี้ยวจอดรถอีกรอบ และอ่านข้อความเขาที่โชว์บนหน้าจอวนรอบที่ล้าน ฉันไม่กล้าเปิดอ่านจริงจังเลย คือ... ไม่รู้ตัวเองควรตอบยังไง หน้าร้อนผ่าวไปหมดแล้ว มือก็สั่นด้วย! โอ้ย... กูไม่มีสติเลยมึง
จนประมาณห้านาทีได้
‘ตึ้ง’
LINE | KAI
[KAI: ส่งผิด]
อิดอกเอ้ย!
ฉันขยับตัวซ้ายทีขวาทีบนโซฟา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งวางหมาดๆ ขึ้นมากดโทรหาพี่เชนอีกครั้งแต่โทรเท่าไหร่พี่เชนก็ไม่รับ แถมสายหลังๆยังปิดเครื่องอีกต่างหากเขาขับรถอยู่ ติดประชุม หรือยุ่ง? ทำไมไม่บอกฉันบ้าง นี่จะมืดค่ำแล้วนะฉันเป็นห่วง และท้องฉันก็แก่มากด้วย ทำไมพี่เชนกล้าทิ้งฉันไว้แบบนี้ตุบๆฉันคลำท้องป่องๆที่โดนลูกถีบทันที ตอนนี้ฉันลุกขึ้นแทบจะไม่ไหวแล้ว อยู่ๆก็เริ่มหน่วงไปทั่วเชิงกราน ปวดมากๆอยู่เป็นระยะๆ"โอ๊ะ โอ้ยยยย...ปวดท้อง พี่เชน พี่เชนอยู่ไหน!"ใจเย็นๆลูก ทำไมต้องปวดวันที่พ่อไม่อยู่ด้วย!"พี่เชนนนนนน"ฉันไม่รู้จะทำยังไง จะเอื้อมหยิบโทรศัพท์กดโทรอีกครั้งก็ไม่ได้ ได้แต่ร้องเรียกกระวนกระวายบนโซฟาร้องจนน้ำตาไหลอาบแก้มร้องจนตัวเองเหนื่อย และนอนซมเม็ดเหงื่อที่เกาะไปตามใบหน้าไม่ไหวแล้ว...ตายแน่ๆ ฉันตายแน่ๆ เจ้าแฝดไม่ใจเย็นช่วยฉันเลยกริ่ง~ กริ่ง กริ่ง~เสียงกริ่งที่ดังขึ้นหน้าประตู ทำร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของฉันฟื้นกลับมา ฉันลืมตาที่ปรืออยู่เบิกกว้าง และเมื่อหันขวับมองไปที่ประตูก็เห็นเงาร่างโตของใครยืนอยู่ตรงนั้นพอดี"ช่วยด้วย ! ชะ..ช่วยด้วยค่ะ!"'ส่งพัสดุครับ!' รู้แล้วคุณบุรุษไ
เรื่องท้องไม่ท้อง..คงต้องเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้ฉันกับพี่เชนถูกดึงกลับไปนั่งร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่แล้ว และทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวว่าฉันควรมีลูกแฝด มีแข่งกับพี่เจแปนไปเลย"ไม่ไหวครับๆ คนเดียวก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่?^^" พี่เชนตอบยิ้มๆแล้วตักนู่นตักนี่ให้ฉันกิน"ไม่ไหว? เออๆเดี๋ยวยกโซลให้ไปเลี้ยงหนึ่งวัน คงไม่อยากมีลูกไปเลย" พี่กัปตันพูดนิ่งๆ..แต่ชวนทุกคนขำกลิ้งทั้งโต๊ะ แต่มีคนทำหน้าไม่พอใจคือหลานชายตัวแสบ ที่นั่งมองหน้าพ่อและเคาะช้อนพลาสติกลงจาน แกร้กๆ~โวยวายเสียงแจ๋นลั่นร้าน"แอ๊ แอ้~!""เอาเข้าไปๆ จะทำสงครามกับพ่ออีกแล้วโซล^^""แสบจริงๆหลานลุง แสบเหมือนใคร^^" พี่ฮาวายจิ้มแก้มโซลจนแก้มป่องๆยุบลง บอกเลยใครๆก็หมั่นเขี้ยวเจ้าแสบจนพี่เจแปนก้มลงถามลูก.."แสบเหมือนพ่อใช่ไหมโซล?^^""แอ้~~^^" เห็นมั้ย..โซลตอบแม่ทันที น่ารักน่าตี จนถูกพ่อกับแม่รุมหอมแก้มหอมหัวหลังจากกินข้าวงานเลี้ยงเล็กๆง่ายๆ..เราก็แยกย้ายกันกลับ พ่อแม่พี่เชนนอนโรงแรมที่สนามบินกลับกันพรุ่งนี้เช้า ส่วนฉันกับสามีกลับคอนโดนอน และแน่นอนมีฉลองกันเล็กๆในห้อง..ก็คือการปั๊มลูก เราจัดกันทันทีที่มาถึง กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวจนหมดแรง..."จ
เปิดออกมาก็เห็นลูกโป่งอัดแก๊สสีชมพู ผูกกับกระถางต้นไม้มุมระเบียง และบนผนังมีริบบิ้นหลากสีติดเป็นลูกศรชี้ลงไปข้างล่าง...ฉันจึงรีบเดินไปเกาะราวระเบียงชะเง้อมองตาม สอดส่องสายตาลงไปตามลูกศรบนผนัง..จนเห็นคนคุ้นเคยคนนึงยืนอยู่ข้างล่าง ข้างๆสระว่ายน้ำส่วนกลางของคอนโด ก่อนเขาจะเงยขึ้นเมื่อเห็นฉันยืนอยู่..และป้องปากตะโกนว่า"กลับมาแล้วค้าบบบบบบ!!^[]^"ฉันยิ้มทั้งน้ำตา..ที่เริ่มคลอออกมาสองข้าง อยากจะตะโกนกลับแต่กลัวห้องอื่นรำคาญ จึงตัดสินใจเดินกลับเข้าห้องไปหยิบโทรศัพท์ ออกมาโทรหาพี่เชนแทนฉันยกโทรศัพท์แนบหนูก้มมองคนข้างล่างยิ้มแป้น ...ห้องฉันอยู่ชั้นห้า ถึงจะเห็นหน้าเขาไม่ค่อยชัด แต่ฉันเห็นรอยยิ้มกว้างๆเขาชัดแจ๋วCalling P'Chain"ฮัลโหล..กลับมาแล้วเหรอคะ?^^" พี่เชนยิ้มแล้วโบกมือให้ฉัน ก่อนจะพูดตอบกลับมาว่า(กลับมาแล้ว..ไม่ไปไหนแล้ว ทนไม่ไหว..คิดถึงใจจะขาด)บ้าๆฉันเขินนะ หยุดเขินไม่ได้เลย>\\พี่เชนอ่ะ แล้วนี่ให้ไทเปใส่เวลส์เจ้าสาวทำไมคะ...แค่กลับมาเอง^^" ฉันทำถาม ถึงจะรู้ลึกๆว่า..เขาน่าจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน(อ้าวไม่เซอร์ไพรส์เหรอ? เฮ้อ..นี่พี่เซอร์ไพรส์ไม่เก่งใช่ไหม?)ฉันยิ้มมองคนล่างตัดเพ้
"ข้ามขั้นเลยเหรอ^^?""ข้ามเลยค่ะ ถ้าเทกันอีกอย่างน้อยไทเปก็ต้องได้อะไรบ้าง ว่าไงคะ..กล้าเทกันไหมคะ^^"พี่เชนดึงจมูกฉันทีนึงแล้วอมยิ้ม"หมั่นเขี้ยวจริงๆไม่กล้าครับ งั้นพรุ่งนี้ไปอำเภอกันเลยนะ^^"ฉันพยักหน้าหงึกๆแล้วกอดคอพี่เชนทันที ก่อนที่จะดันโน๊ตบุ๊คเขาไปห่างๆ..แล้วเอนตัวนอนราบลงโซฟา ไม่ต้องเดาว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าวไม่ต้องกินแล้ว..ให้พี่เชนบริหารลิ้น บริหารนิ้ว บริหารเอวก่อนอิ่มกันจุกๆฉันกับพี่เชนก็ปรึกษาหารือกันเรื่องวีซ่า โดยพี่เชนให้ความเห็นว่า เราจดทะเบียนสมรสก่อนค่อยขอวีซ่ากัน และพี่เชนจะสปอนเซอร์ค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างเพราะฉันมันคงว่างงานไม่มีอาชีพจากนั้นหลังเรียนจบ..เราจะกลับมาจัดงานแต่งเล็กๆกันที่ประเทศไทย เพราะพี่เชนเขาไม่อยากทำงานที่อเมริกาและอยู่ที่นั่น เขาคิดถึงส้มตำปูปลาร้าร้านหน้าปากซอยที่เขากินประจำ พูดถึงก็ทำหน้าเศร้า..ทำหน้าตาน่าสงสารใส่ฉัน-_-หลังจากบริหารช่วงล่างกันทั้งคืน เช้าวันต่อมาฉันกับพี่เชนก็ไปจดทะเบียนสมรสกัน เราจดไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จ ได้ทะเบียนมาฉันก็เช็คและแปลเอกสาร เพื่อเตรียมยื่นวีซ่าขอติดตามสามี อุ๊ย..สามี สามี เขินจัง..สามีภรรยาถูกต้องตามกฏหมายด้วยนะ"อ
สองเต้าหยุดชะงัก พร้อมกับฉันที่ค่อยๆเบิกตากว้างแล้วหันไปมองเจ้าของคำหวาน"พี่เชน...0//0""พี่รักไทเป พี่รู้แล้วว่าพี่รักไทเปจริงๆ" ได้ยินอีกครั้งน้ำตาฉันก็หยดเพาะลงแก้มขาว ก่อนฉันจะจ้องเขาน้ำตา..และค่อยๆก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากคู่สวยนั่น มันเป็นจุมพิตที่เนิ่นนาน นานจนวงแขนกว้างสวมกอดฉัน และดันจนเราแนบชิดกัน"รักแล้วยังไงคะ..รักแล้วจะแช่ของพี่เชนไว้แบบนี้เหรอ?.." ฉันถอนจูบประคองแก้มเขาถามเบาๆ และจ้องตาเป็นประกายของเขาไปด้วย ฉันไม่อยากร้องไห้เลย แต่ทำไมน้ำตาไหลก็ไม่รู้"ทำไม..แช่ไว้ไม่ได้เหรอ? คลอเคลียแบบนี้พี่ว่า..พี่คงได้เสียตัวอีก^^" ฉันปาดน้ำตาแล้วตีแขนพี่เชนดังเพียะ..จนเขารีบกระชับกอดและจับฉันลงไปนอนบนเตียงทันทีจากนั้นร่างใหญ่ก็ค่อยๆขยับถอดแก่นกายเปียกๆออกมา เขาขยับถูไถกับกลีบกุหลาบช้าๆจนมันผงาดขึ้นอีกครั้ง..."พะ..พี่เชน อื้ม~~ ไหวเหรอคะ?""พี่ตุนไว้เพียบ...แต่รอบนี้นานหน่อยนะ"และฉันก็เสียตัวอีกรอบ ไม่สิพี่เชนเสียตัวต่างหาก ไอ้เค้กช็อคโกแล็ตกับข้าวเหล้าไวน์ พี่เชนไม่ได้กินไม่ได้แตะหรอก เรามีอะไรกันจนสลบเหมือบกันทั้งคู่ รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เช้าตรู่อิ่มจนจุกกันไปเลยเช้า..ฉันนอนคว่ำ
"ฉันขอเวลาคิด ถึงฉันอยากกลับไปแค่ไหน เธอต้องเข้าใจฉันนะพิมดาว..ว่าฉันต้องเซฟตัวเองด้วย คนเคยเจ็บมา คนเคยถูกทิ้งมา..ฉันใช้เวลาไม่น้อยเลยนะกว่าจะยืนด้วยขาตัวเองได้"ฉันพูดทั้งน้ำตาและมองพิมดาวไปด้วย จนมือที่จับมือฉันค่อยๆคลาย..และแตะเบาๆ"โอเคๆฉันเข้าใจ แต่อย่าเผลอใจให้คนอื่นนะ ถ้าเรื่องนี้เธอดึงคนอื่นเข้ามา มันจะวุ่นวายไปใหญ่ ให้มันมีแค่เธอกับพี่เชนก็พอ ฉันเป็นกำลังใจให้เธอนะไทเป..ทุกๆเรื่องเลยสู้ๆ"ฉันพยักหน้าหงึกๆเหมือนเด็กสามขวบที่โดนโอ๋ จนพิมดาวลุกขึ้นมากอดและลูบหลังฉัน เธอลูบเบาๆแต่เหมือนฉันได้กำลังใจมหาศาล จนสักพัก..ฉันหยุดร้องไห้ ปาดน้ำหูน้ำตาที่ไหลเงยหน้าขึ้นมองเธอ"ฉันจะลองดู..แต่เธออย่าบอกเขาได้ไหม ว่าฉันรู้สึกยังไง""โถ่ไทเป..ไม่บอกพี่เชนก็รู้ กับพี่เชนเธอเคยห้ามใจตัวเองได้เหรอ? แววตาเธอมันฟ้องจะตาย " ฉันเงียบกริบเม้มปากนิดๆคิดตามคำพูดพิมดาวก็จริง..พิมดาวพูดถูก ฉันควบคุมไม่ได้เลย ยิ่งเจอเขาความต้องการฉันยิ่งมาก ฉันต้องการเขา อยากกอดเขา อยากทุกๆอย่าง และเมื่อวานฉันพยายามสุดๆที่จะไม่กระโจนใส่เขาคุยกับพิมดาวเสร็จฉันก็กลับคอนโดนอน ฉันไม่อยากไปไหนแล้วจริงๆ อยู่ๆก็อยากกลับห้องมา