เรื่องราวของสาวน้อยที่มีคุณลุงสุดแซ่บเป็นของตัวเอง เขาทั้งเอาใจเก่ง และเอาอย่างอื่นเก่งจนพวกเธอหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
View Moreเสียงกริ่งโรงงานเลิกกะตอนบ่ายสามส่งเสียงดังไปทั่วโรงงาน บรรดาพนักงานสาว ๆ ต่างพากันเดินออกมาจากประตูเหล็กบานใหญ่ด้วยอริยาบถที่แตกต่างกัน บางคนก็แต่งหน้าทาปากจัดจ้าน บางคนก็เดินออกมาพร้อมแฟน บางคนก็หอบข้าวของพะรุงพะรังเตรียมจะกลับที่พัก
แต่ในหมู่สาวโรงงานเหล่านี้ กลับมีพนักงานสาวคนหนึ่งที่ดูจะหน้าตาสะสวย “เด่น” สะดุดตาตาใครหลายคน เธอมีชื่อว่า“ดาว”
ดาวเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ปีนี้เธออายุยี่สิบแล้ว เจ้าหล่อนเป็นคนร่างบาง ผิวออกสีแทนเนียนละเอียด รูปร่างสมสัดส่วนได้รูป หน้าอกหน้าใจของเธอเต็มมือ สะโพกกลมแน่น ทำให้ผู้ชายในโรงงานชอบมาหยอกมาแซวหมายจะจีบดาวไปทำเมียอยู่หลายคน แม้เธอไม่ได้สวยเหมือนกับแบบนางเอกละคร แต่กลับสวยแบบเย้ายวนมีเสน่ห์น่ารักน่าหยิก น่าจับ และน่า...เอา ในแบบที่ผู้ชายทุกคนเห็นแล้วเป็นต้องกลืนน้ำลายกันเลยทีเดียวเชียว
วันนี้หลังจากเลิกงานดาวก็แวะมาที่ร้านไส้กรอกอีสานริมรั้วโรงงาน ซึ่งเป็นร้านประจำของเธอ
เจ้าของร้านขายไส้กรอกมีชื่อว่า ลุงยอด แกอายุสี่สิบกว่าๆแล้ว แต่ยังดูดีไม่เหมือนกับคนมีอายุเท่าไหร่ คนแถวนี้ต่างเล่าลือกันทั่วทั้งซอยว่าว่าลุงยอดนั้นทั้งเสียงห้าว ไส้กรอกแน่น มือหนัก และลิ้นดี
“เหมือนเดิมมั้ยดาว?”
เสียงห้าวต่ำเอ่ยถามขณะกำลังใช้ที่คีบพลิกไส้กรอกบนเตาย่าง กลิ่นของไส้กรอกหอมฟุ้งไปทั่วทั้งซอย ดาวยิ้ม แล้วแกล้งเบะปาก
“วันนี้อยากเปลี่ยนรสค่ะลุง อยากลองอะไรแบบแน่น ๆ ใหม่ ๆ บ้าง”
“แน่น ๆ?”
ลุงยอดเลิกคิ้วพลางอมยิ้มมุมปาก
“ระวังจะกินไม่หมดนะ ของแน่นน่ะ”
ประโยคนั้นฟังดูธรรมดายิ่ง แต่สายตาที่ลุงยอดมองเธอกลับให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาเลยสักนิด
สายตาคู่นั้นมองสำรวจเธอจากเท้าขึ้นมาจนถึงสะโพกกลมกลึง แล้วเลื่อนผ่านเอวก่อนจะมองขึ้นมายังหน้าอกที่อวบใหญ่ภายใต้เสื้อยูนิฟอร์มโรงงานของดาว แล้วก็มาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ แม้ลุงยอดจะไม่ได้พูดต่อแต่ดวงตาของเขากลับพูดแทนทุกสิ่งทั้งหมดแล้ว
ดาวยืนเกาะเสาไฟข้าง ๆร้านไส้กรอก เจ้าหล่อนจงใจแอ่นหน้าอกและแอ่นสะโพกเล็กน้อย ริมฝีปากก็ยกยิ้มยั่วยวนอย่างไม่เกรงกลัว
“แล้วลุงแน่ใจเหรอ ว่าของลุงแน่นจริง?”
ลุงยอดพลิกไส้กรอกอีกครั้ง พร้อมกับหันมาตอบดาว
“แน่นจนลูกค้าบางคนเดินขาถ่างกลับบ้านเลยล่ะลูกเอ๊ย”
เขาพูดเนิบ ๆ แต่สีหน้าไม่ได้ล้อเล่นแม้แต่นิดเดียว ดาวที่ได้ยินอย่างนั้นก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอ ใบหน้าของเธอเริ่มร้อนวาบขึ้นมาเสียดื้อๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เลิกปากดี
“อืม ถ้างั้นวันนี้หนูขอห้าไม้ค่ะ เอ๊ะ หรือว่าเอาห้ายกดี?”
ลุงยอดเมื่อได้ฟังก็หัวเราะเสียงต่ำในลำคอ ก่อนจะยื่นไส้กรอกให้ดาว แล้วโน้มตัวมาใกล้เธอพร้อมกับกดเสียงของตนให้เบาลงคล้ายกระซิบ
“อย่าท้าให้ลุงเสียบห้ายกเชียวนะลูก เดี๋ยวได้สลบใต้โต๊ะหน้าร้านนี่ลุงไม่รู้ด้วยนา”
ดาวฟังจบก็ยืนนิ่งหัวใจเต้นโครมต้นขาเบียดกันแน่นโดยไม่รู้ตัว นี่มันอะไรทำไมแค่เสียงห้าว ๆ กับกลิ่นควันย่างถึงทำให้เธอ “แฉะ” ได้ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันเลย
ดาวรีบรับไส้กรอกมาก่อนจะรีบจ่ายเงินและเดินกลับห้องพักของตน ลุงยอดมองตามดาวไปก่อนจะยกยิ้มมุมปาก
วันต่อ ๆ มา ดาวก็ยังคงแวะที่ร้านไส้กรอกย่างของลุงยอดเหมือนเช่นที่ทำเป็นประจำ บางวันเธอก็ซื้อไปหลายไม้แต่บางวันก็แค่เพียงเดินผ่านพร้อมกับส่งสายตายั่วยวนให้ลุงยอด เธอหวังให้เขาทัก หวังให้เขาแซว หวังให้เขามองเธอเหมือนจะกลืนเธอลงไปทั้งตัวแบบวันแรก และแน่นอนลุงยอดไม่ได้ทำใหดาวผิดหวัง
“เอาขิงดองมั้ยลูก?”
วันนี้ดาวมาซื้อไส้กรอกสามไม้ ลุงยอดเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติเช่นทุกวัน แต่ดาวกลับยังยั่วไม่เลิก
“เอาสิคะ เอาเยอะๆเลย เอาพริกขี้หนูด้วย”
“พริกร้านลุงเผ็ดนะ หนูทนไหวมั้ย?”
“หนูทนได้หลายยกเลยค่ะ”
แต่ละประโยคคือคำหยอกล้อธรรมดาแต่พอรวมกับน้ำเสียง ท่าทาง และสายตาที่เย้ายวนของดาวมันกลับกลายเป็นแรงดึงดูดที่ชวนสั่นสะท้าน ลุงยอดมองดาวด้วยสายตาที่ล้ำลึกมากขึ้น
ลุงยอดไม่พูดอะไรมากแต่กลับเข้าใจทุกคำพูด เหมือนกับเขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร และรู้ว่าเธอต้องการอะไร รู้ถึงขนาดที่ว่าเธออยาก โดนเอา แค่ไหน
แล้ววันหนึ่งขณะที่ฝนตกพรำ ๆดาวยืนหลบฝนอยู่ใต้กันสาดร้านของลุงยอด ตัวของเธอเปียกชื้นเล็กน้อย เสื้อที่สวมใส่เดิมทีก็บางอยู่แล้ว ยิ่งถูกฝนจนเปียกยิ่งทำให้มองเห็นเสื้อในสีชมพูตัวจิ๋วได้อย่างชัดเจน
ลุงยอดยืนกอดอกอยู่ข้าง ๆกัน สายตาของเขาจับจ้องหน้าอกของดาวอย่างไม่ละสายตา
“เสื้อหนูเปียกหมดแล้วนะ”
เขาพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบผ้าขาวม้าที่วางอยู่มาคลุมให้ ดาวไม่ขยับหนีเธอปล่อยให้เขาเข้าใกล้โดยไม่ขัดขืน เข้าใกล้เสียจนได้กลิ่นกายกันและกัน
“ตอนนี้หนูอยากถอดเสื้อมากกว่า”
ลุงยอดนิ่งชะงัก สายตาคมเข้มจ้องหน้าดาวนิ่งแล้วพูดตอบเสียงแผ่ว ๆต่ำแบบที่ทำให้ดาวเกร็งไปทั้งตัว
“คืนนี้ อย่าเพิ่งกลับห้องได้มั้ย”
“แล้วจะให้หนูไปไหนล่ะลุง?”
“ไปหลังร้านกับลุง เดี๋ยวลุงจะสอนเสียบไส้กรอก อยากลองไหม?”
เสียงรถบัสจากในตัวอำเภอแล่นผ่านหน้าร้านข้าวโพดของลุงพลโดยมีฝ้ายยืนอยู่ตรงหน้าร้านมองไปที่รถบัสด้วยสายตาเหม่อลอย ในมือของเธอถือถุงใส่ของใช้ที่จำเป็นเพียงไม่กี่อย่างซึ่งเป็นของที่แม่เตรียมไว้ให้“จะไปจริง ๆ เหรอ?”เสียงทุ้มจากด้านหลังดังขึ้น ลุงพลเดินออกมาจากในร้านขายข้าวโพด วันนี้เขาสวมเสื้อกล้ามเปื้อนฝุ่น กางเกงผ้าธรรมดาเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้ดวงตาที่จ้องมองมายังฝ้ายนั้นออกจะเจือความเศร้าใจอยู่ไม่น้อยฝ้ายหันมายิ้มให้ลุงพล ก่อนจะเอ่ยตอบ“ก็ต้องไปเรียนต่อที่ในเมืองนี่คะ ลุงก็รู้”เมื่อได้ยินอย่างนั้นลุงพลก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบข้าวโพดฝักหนึ่งที่เหลืออยู่เพียงฝักเดียวในตะกร้ายื่นส่งให้กับฝ้าย“ฝักสุดท้ายของวันนี้ และอาจจะเป้นฝักสุดท้ายของฤดูกาลนี้ด้วย”“หนูอยากได้ฝักข้าวโพดในกางเกงลุงมากกว่า”ฝ้ายพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ แววตาฉายแววขี้เล่นก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่น“ไม่ขำเลยนะ”ลุงพลเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ มือใหญ่เอื้อมมาแตะปลายผมของเธอที่ถูกรวบไว้หลวม ๆ อย่างอ่อนโยน“ตั้งแต่วันแรกที่หนูเดินเข้ามาขอซื้อข้าวโพด ลุงก็ตกหลุมรักหนูแล้ว”“แล้วตอนนี้ ยังรักอยู่หรือเปล่า
กลิ่นน้ำมันเจียวกระเทียมลอยคลุ้งอยู่ในห้องครัวไม้หลังบ้าน ฝ้ายในชุดเสื้อยืดกับผ้าถุงสีชมพู กำลังยืนทำกับข้าวด้วยหน้าตาจริงจัง เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มหน้าผาก เธอยกมือขึ้นเช็ดหน้าผากพร้อมกับสบถออกมาเบาๆ“เห้อ ทำไมหมูมันติดกระทะแบบนี้ล่ะ?”เสียงบ่นดังขึ้น พร้อมกลิ่นไหม้อ่อน ๆ ที่ลอยโชยออกจากกระทะ เธอหยิบตะหลิวพยายามกลับหมู แต่หมูเจ้ากรรมกลับติดกระทะจนมันเริ่มจะไหม้ทั้งสองฝั่ง“ทำอะไรน่ะ?”เสียงลุงพลดังขึ้นจากประตูหลังบ้าน เขายืนพิงขอบประตู ชายวัยกลางคนวันนี้เสื้อกล้ามเก่า ๆ กับกางเกงผ้าขายาว สายตาที่มองฝ้ายทั้งขำทั้งเอ็นดู ฝ้ายที่เห็นว่าลุงพลหัวเราะตนก็ยู่ปากพร้อมเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์“หนูจะทำกับข้าวให้ลุงกินไงคะแต่ไม่สำเร็จสักที ดูสิไหม้หมดแล้ว”ลุงพลที่ได้ยินอย่างนั้นก็เดินเข้ามาหาสาวเจ้าพลางเอ่ยเสียงเข้ม“แบบนี้ต้องโดนทำโทษ”“ไม่เอานะ ลุงอย่าหาเรื่องแกล้งหนูเลยน้า”ฝ้ายถอยหลังหนีเล็กน้อย แต่กลับเหยียบผ้าขี้ริ้วจนลื่นล้มลงไปนั่งบนพื้นไม้พอดี“โอ๊ย!”“ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”ลุงพลรีบเดินเข้ามาประคอง ฝ้ายส่ายหน้ารัว ๆเพื่อบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่ไม่นานนักใบหน้าเธอก็ร้อนวาบเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตั
ลุงพลยืนมองไร่อ้อยที่เพิ่งถอนหญ้าเสร็จด้วยแววตาที่เหนื่อยล้า กลิ่นหญ้าเปียก สายลมอ่อน ๆ และแสงแดดยามบ่ายทำให้เหงื่อซึมทั่วแผ่นหลังเขาจนเปียกชุ่ม เขาเช็ดหน้าตนเองเบา ๆ ด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก แล้วก้มลงถอนหญ้าแถวสุดท้ายโดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้ฝ้ายแอบยืนมองดูเขาอยู่ตรงมุมร่มไม้ไม่ไกลนักเด็กสาวอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวเล็กกับกางเกงยีนส์ขาสั้นเช่นที่ชอบสวมเหมือนทุกวัน ริมฝีปากแดงเม้มแน่นน้อย ๆ ดวงตาจับจ้องแผ่นหลังของลุงแน่นิ่ง“ลุงทำงานไม่พักเลยนะ”“ก็ต้องรีบเก็บอ้อยก่อนฝนลง” เขาตอบเสียงนิ่งโดยไม่หันมา“เหนื่อยมั้ยคะ?”“ก็ ถ้ามีคนมาให้หอมหน่อยก็อาจจะหายเหนื่อยนะ”ฝ้ายยิ้มบางๆก่อนจะเดินเข้าไปใกล้และเอาผ้าขนหนูอีกผืนที่เธอพกมาด้วยช่วยเช็ดเหงื่อให้เขา“ลุงรู้มั้ย ว่าหนูชักจะหวงลุงขึ้นทุกวันแล้วนะ”ฝ้ายมีท่าทีแง่งอนอย่างเห็นได้ชัด ที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะวันนั้นลุงพลไปสนทนาพูดคุยกับแม่ค้าคนนั้น ลุงพลเองก็รู้ว่าฝ้ายหึงจึงเอ่ยปลอบประโลม“แต่ลุงก็เป็นของหนูอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ จะหึงหวงทำไมกัน”เขาหันมายิ้มมุมปาก พร้อมวางมือลงบนสะโพกเธอเบา ๆ ฝ้ายทำท่าทีปัดมือเขาออกและเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ“แต่ลุงก็ยังไปยิ้มให้แม่ค้
แสงแดดยามบ่ายที่แผดเผาร้อนแรงไม่ได้ทำให้ฝ้ายรู้สึกร้อนเท่าภายในใจ เมื่อเธอยืนมองจากมุมไกล เห็นลุงพลกำลังพูดคุยกับแม่ค้าคนใหม่ที่มาเช่าร้านข้าง ๆ ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะอายุราว ๆ สามสิบปี หน้าตาสะสวย ปากแดง ผิวขาว พูดจาหัวร่อต่อกระซิกกับลุงพลอย่างสนิทสนม“ยิ้มหน้าบานเชียวนะลุงพล”ฝ้ายเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ขณะที่ยืนหลบอยู่หลังต้นกล้วย ร่างกายของเธอร้อนผ่าว ดวงตาเริ่มขุ่นมัวด้วยความหึงหวงโดยไม่รู้ตัว เวลาผ่านไปพักใหญ่ เธอก็เดินกระแทกเท้าเข้าไปที่ร้านข้าวโพด เสียงรองเท้ากระแทกพื้นไม้ทำให้ลุงพลถึงกับต้องหันมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นฝ้ายจึงเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม“วันนี้มาสายนะฝ้าย”“เห็นลุงคุยเพลินๆอยู่กับแม่ค้าสวย ๆ เลยไม่กล้าเข้ามาค่ะ”ลุงพลชะงักสายตาที่เคยอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นความงุนงงปนหัวเราะ“หึงเหรอ?”“เปล่าสักหน่อย!”ฝ้ายยังคงทำปากแข็ง แต่ดวงตากลับแดงเรื่อเล็กน้อย ลุงพลมองเธออย่างรู้ทันเขารีบเดินเข้ามาใกล้ เธอ ก่อนจะก้มลงมากระซิบที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงต่ำพร่า“งั้นถ้าไม่ได้หึง… ก็แสดงว่าไม่หวง?”“ก็...”เธอยังไม่ทันพูดจบ ลุงพลก็คว้าเอวเธอเข้ามากอดแน่น มือใหญ่รวบสะโพกนุ่ม ๆ อย่างถนัดมือ“แต่ลุงหวงน
แสงแดดยามสายเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ใต้ต้นขนุนหน้าร้านข้าวโพด ลุงพลยืนคัดข้าวโพดใส่ตะกร้า โดยมีผ้าขนหนูพาดไหล่ ข้างกายมีขวดน้ำเย็นที่มีหยดน้ำเกาะวางอยู่ เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกจับจ้องด้วยสายตาซุกซนจากมุมรั้วบ้าน“ลุง วันนี้มีข้าวโพดเหลือเยอะมั้ยคะ?”เสียงใส ๆ ดังมาจากทางถนน ฝ้ายเดินมาพร้อมชุดเสื้อกล้ามรัดรูป กางเกงขาสั้นเหนือเข่าที่เอชอบใส่เป็นประจำ ลุงพลชะงักไปเล็กน้อย สายตาหยุดอยู่ที่ปลายขาเรียวขาวอย่างอดไมได้“จะเลิกยั่วลุงมั่งได้มั้ย ยัยตัวแสบ”“หนูแค่มาซื้อข้าวโพดนะคะ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”เธอเดินเข้ามาใกล้ แววตาฉายแววเจ้าเล่ห์ ในขณะที่มือก็ค่อยๆเลิกเสื้อกล้ามของตนเองขึ้นช้าๆ“วันนี้อากาศร้อน หนูเลยไม่ได้ใส่เสื้อซับในมาด้วย”ลุงพลเหลือบตามองอย่างระวัง มือหยุดคัดข้าวโพดโดยไม่รู้ตัว ฝ้ายเดินวนหลังแผงขายข้าวโพด ก่อนจะค่อยๆขยับเข้าไปแนบตัวเข้ากับแผ่นหลังเปื้อนเหงื่อของเขา กลิ่นสบู่ กลิ่นดิน กลิ่นเหงื่อของลุงพล ทำเอาหัวใจเธอเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ“หยุดเลย เดี๋ยวมีคนมาเห็น”“ลุงก็ปิดร้านไปสิ”เขาหันขวับมาอย่างเร็ว จับต้นแขนเธอแน่น สายตาเข้มขึ้น“หนูพูดแบบนี้ อย่าคิดว่าลุงจะใจดีเหม
สายลมยามเช้าพัดเอากลิ่นหญ้าชื้นโชยมาตามแถวข้าวโพด ฝ้ายเดินส่ายสะโพกน้อย ๆ มาตามแนวแปลงนาพร้อมกับร้องเพลงคลอเบา ๆ ในมือของหญิงสาวมีห่อข้าวต้มมัด วันนี้เธอใส่เสื้อยืดเอวลอย กับกางเกงผ้าร่มขาสั้นเหนือหัวเข่าที่ช่วยทำให้ต้นขาและสะโพกดูเด่นชัดกว่าทุกวัน“ลุง หนูเอาข้าวต้มมัดมาให้ค่ะ”เสียงหวาน ๆ ดังลอดเข้ามาในเพิงเก็บของลุงพลที่กำลังเช็ดเหงื่ออยู่เงยหน้าขึ้น ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเด็กสาวยืนยิ้มอยู่กลางแสงแดด“แต่งตัวแบบนี้มาหาแต่เช้าเลยเหรอ?”“ก็แดดร้อน ใส่ยาว ๆ เดี๋ยวไม่สบาย”ฝ้ายยิ้มพลางยื่นข้าวต้มมัดให้ ลุงพลรับมาแต่สายตากลับยังไม่หลุดจากหน้าท้องแบนราบกับผิวเนียนนวลใต้เสื้อยืดสั้นนั่นเลยแม้แต่น้อย“ระวังลุงจะกินหนูแทนข้าวนะ”“ก็อยากให้กินอยู่แล้วนี่นา…”ฝ้ายเอ่ยตอบโต้ด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ลุงชะงักไปวูบหนึ่ง ก่อนจะหรี่ตาเข้มขึ้น“หนูรู้ตัวมั้ย ว่ากำลังยั่วคนแก่อยู่ เดี๋ยวนี้ใจกล้าไม่เบาแล้วนะ”ฝ้ายวางข้ามต้มมัดลงบนแคร่ไม้ ก่อนจะเอ่ยกับลุงพล“ลุงรู้ตัวมั้ย ว่าหนูก็เริ่มติดใจลุงแล้วเหมือนกัน ถึงใจกล้ามาหาลุงแบบนี้ยังไงเล่า”เธอพูดจบก็เดินเข้าไปนั่งบนแคร่ไม้ในเพิง หยิบพัดกระดาษขึ้นมาพัดเบา ๆ แ
Comments