@มหาวิทยาลัย
“พริก...”
“...”
“พริกแกง!”
เพียะ!
“เล่นบ้าอะไรน้ำหนาว เราตกใจหมด”
“ไม่ได้เล่นซะหน่อย เราเรียกพริกตั้งนานแล้วนะ แต่พริกไม่สนใจเราเลย” ร่างเล็กกว่าทำหน้ายู่ใส่ พลางลูบรอยแดงบนแขนตัวเองป้อยๆ
ไม่ใช่ความผิดเธอสักหน่อย เธอเรียกพริกแกงตั้งแต่เห็นหลังกันไกลๆ แต่ไม่ว่าจะเรียกกี่ครั้งอีกคนก็ไม่หันมามอง เหมือนกำลังสนใจอะไรสักอย่างถึงต้องเดินเข้ามาสะกิด แต่ไม่คิดว่าพริกแกงจะตกใจแรง จนหันกลับมาฟาดเต็มเหนี่ยว เล่นเอาซะแขนชาแน่ะ
“แหะๆ เราขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วนี่พริกมองอะไรอยู่เหรอ” น้ำหนาว บอกปัดอย่างไม่ถือสา ขยับมาใกล้แล้วเอ่ยถามต่อ เพราะอยากรู้ว่าอะไรทำให้คนระมัดระวังตัวอย่างพริกแกงเหม่อลอยได้ขนาดนี้
คิ้วเรียวบนใบหน้าขาวฉบับสาวเหนือย่นแทบชนกัน หลังจากชะเง้อมองจุดที่พริกแกงเคยให้ความสนใจด้วยความสงสัย
ต้นไม้ ถังขยะ และนักศึกษา
ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่นา? แล้วเพื่อนสาวคนสวยของเธอกำลังมองอะไรอยู่นะ หรือว่า...พริกแกงมีจิตสัมผัสเหรอ!?
“ก็...ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่คะ?”
“หนาวไม่เห็นเหรอ รถสีดำคันนั้นไง”
“สีดำ...คันไหนคะ?”
“นั่นไง อะ อ้าว หายไปไหนแล้ว เมื่อกี้ยังจอดอยู่ตรงนั้นอยู่เลย” ดวงตาเบิกโพลง พลางร้องยืนยันว่าตัวเองไม่ได้โกหก แต่น้ำหนาวกลับทำหน้างงงวยใส่ เป็นเชิงบอกว่า ‘ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่นา’
รถไฮเปอร์คาร์คันหรูสีดำด้าน ที่มีน้อยคนนักจะได้ครอบครองมัน มองเพียงรูปลักษณ์ก็รู้แล้วว่าราคาแพงยับ ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่พริกแกงใส่ใจ หากไม่ใช่เพราะรถคันนั้นขับตามเธอมาตั้งแต่ออกจากคอนโดฯ
ตอนแรกเธอคิดว่าแค่บังเอิญ อาจจะไปทางเดียวกันเท่านั้น แต่พอจอดแวะซื้อของกินรองท้อง รถคันนั้นกลับจอดตามอยู่ไม่ไกลกัน ด้วยเป็นรถที่ไม่ได้มีให้เห็นทั่วไปบนท้องถนน เธอจึงจำได้แม่นว่าเป็นคันเดียวกันแน่ๆ
ตลอดทางที่ขับรถมามหา’ลัยในอกก็พลันใจเต้นระรัว กลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าว่อกแว่กกดโทร. หาใคร ด้วยกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ จึงประคองสติพาตัวเองขับมาถึงลานจอดรถมหา’ลัยได้ในที่สุด
อย่างแรกที่เธอทำคือรีบเอาตัวไปอยู่ท่ามกลางฝูงชน แล้วลอบสังเกตดูว่ารถคันนั้นขับเข้ามาในมหา’ลัยหรือไม่ ทว่าชะเง้อคอมองอย่างไรก็ไม่เห็น แต่ก็ไม่อาจวางใจได้ จึงเดินย้อนกลับไปดูว่ารถคนนั้นจอดอยู่ด้านนอกหรือเปล่า
เพราะหากไม่ใช่รถของนักศึกษา บุคลากร หรือคนที่มีสติกเกอร์ของมหา’ลัยจะไม่สามารถเข้ามาได้ แล้วก็เจอจริงๆ ด้วย!
รถคันนั้นจอดสนิทอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่มีคนลงมา ไม่มีคนขึ้นไป ทำให้มั่นใจว่าตามเธอมาไม่ผิดแน่ แต่ที่สงสัยคือตามเธอทำไม? ในชีวิตของเธอ ไม่ได้มีคนรู้จักที่ใช้รถไฮเปอร์คาร์คันหรูแบบนี้ซะหน่อย
“ไหนคะ” เสียงใสของน้ำหนาว ช่วยเรียกสติของพริกแกง ที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดให้กลับมาโฟกัสปัจจุบัน ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ มองหน้าเพื่อนสนิทแล้วสั่นศีรษะปฏิเสธ
“ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก เราคงคิดมากไปเอง เข้าไปรอสองคนนั้นข้างในกันดีกว่าเนอะ” สุดท้ายก็ต้องชวนเปลี่ยนเรื่อง เพราะเพื่อนตัวเล็กยังแสดงท่าทีงุนงง พริกแกงก็เลยต้องลากแขนเพรียวให้เดินตามกันไปยังตึกคณะฯ ด้วยกัน
S-Class สถานศึกษาหลักสูตรนานาชาติที่ทุกคนต่างใฝ่ฝันอยากเข้ามาหาความรู้ ทว่าไม่ใช่ใครจะเข้ามาเรียนกันได้ง่ายๆ หากไม่ใช่ลูกท่านหลานเธอ ก็ต้องมีเงินถุงเงินถัง หรือไม่ก็มีคอนเนกชันกว้างไกล อย่างน้อยที่สุดต้องเป็นลูกหลานอาจารย์ในเครือฯ หรือต้องเรียนเก่งระดับหัวกะทิ เป็นอนาคตขององค์กรใหญ่ถึงจะมีสิทธิ์ ซึ่งสำหรับพริกแกงแล้ว
เธอติ๊กถูกครบทุกข้อ
@คณะบริหารฯ
สองเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานเกือบเดือน พากันนั่งลงที่โต๊ะหินอ่อนประจำกลุ่มใต้ตึกคณะ
น้ำหนาวต้องเดินทางกลับจังหวัดบ้านเกิดที่อยู่ทางภาคเหนือ ทั้งสองก็เลยชวนกันคุยสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อยเป็นการฆ่าเวลา อีกอย่างน้ำหนาวไปอยู่นู่นก็ติดต่อแทบไม่ได้ เลยมีเรื่องคุยกันพอให้หายคิดถึงเยอะแยะเต็มไปหมด
“ทำไมยังไม่มากันสักที จะถึงเวลาแล้วนะ” พริกแกงเริ่มบ่นอุบอิบหลังยกนาฬิกาเรือนหรูขึ้นดูเวลา
เหลือเวลาอีกไม่ถึงยี่สิบนาที ทางคณะฯ จะเริ่มประชุมชี้แจงรายละเอียดการฝึกงานแล้วด้วย เรื่องสำคัญมากขนาดนี้ แต่เพื่อนร่วมชะตากรรมอีกสองชีวิตกลับเงียบหาย โทร. หาก็พากันไม่รับสายอีก
ให้มันได้อย่างนี้ อยากหยิกให้แขนเขียว พากันเหลวไหลนัก!
“มาแล้วจ้า มาแล้ว~” ข้าวฟ่าง ทักเสียงใสมาแต่ไกล ก่อนจะวิ่งถลาหน้าแป้นแล้นมาหย่อนสะโพกนั่งลงที่ประจำของตัวเอง
ผิดกับเพื่อนชายคนเดียวของแก๊งอย่าง แผ่นดิน ที่กำลังทำหน้าตาบึ้งบอกบุญไม่รับ กระแทกตัวลงนั่งตามเงียบๆ ไม่พูดไม่จา ไม่ทักทายใคร แม้กระทั่งเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมอย่างพริกแกง
“ทรงนี้ ทะเลาะอะไรกันอีกล่ะ? ไม่สิๆ ต้องถามว่ารอบนี้เรื่องไหนดี” พริกแกงกลั้วหัวเราะถามอย่างรู้ทัน แผ่นดินหน้าบูดเป็นตูดแบบนี้ คงมีอยู่เรื่องเดียวที่ทำให้คนหล่อของกลุ่มตกอยู่ในสภาพนี้
ข้าวฟ่างกับแผ่นดิน สองคนนี้ตกลงเป็นแฟนกันหลังจากเธอคบกับพี่แทนไทได้ไม่นาน ท่ามกลางความมึนงงของเพื่อนคนอื่นว่า เรื่องราวมันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?
ทุกคนต่างรู้ดีว่าสองคนนี้เหมือนคู่ผัวเมีย ที่เข้ากันไม่ได้มาตั้งแต่สมัยยังเพื่อนกันด้วยซ้ำ เถียงกันทุกเรื่อง เห็นไม่ตรงกันทุกเหตุการณ์ ทว่ากลับคบกันมาได้นานเกือบปี
แม้ว่าแผ่นดินจะชอบขัดใจข้าวฟ่างไปบ้าง จนทำให้ความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่น ถึงขั้นตีกันโดยไม่เลือกสถานที่ไปสักหน่อย แต่ถ้าแฟนสาวอยากได้อะไร เขาก็พร้อมหามาให้โดยไม่มีข้อแม้
เรียกหลงใหลไม่ลืมหูลืมตาเลยก็ว่าได้
“เชอะ/เหอะ” ราวกับถูกจี้จุด ต่างฝ่ายต่างสะบัดหน้าไปคนละทิศละทาง จนเพื่อนๆ ได้แต่มองอย่างเอือมระอา
“จะไม่บอก? ก็ได้~ ตามใจนะ ไปเคลียร์กันเองเลยค่ะ ปะ น้ำหนาวเราไปกันเถอะ” พริกแกงว่าแล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน ไม่ลืมหันไปคว้าแขนคนที่นั่งเขี่ยจอสมาร์ตโฟนฟังเพื่อนเถียงกันเงียบๆ ให้ลุกขึ้นตาม
“ยัยข้าวจะทิ้งฉัน...”
“ฮะ? /คะ?” แผ่นดินโพล่งขึ้นมาเสียงเศร้า ทำเอาสองคนที่กำลังจะลุกหนีรีบนั่งลงอีกครั้ง ดวงตาของทั้งสองเบิกกว้างด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
แม้ว่าสองคนนี้มีความเห็นไม่ตรงกันบ่อยครั้ง หรือเถียงกันทุกเรื่องก็จริง แต่พอผ่านไปไม่ถึงวันก็ดีกันตลอด ไม่เคยมีสักครั้งที่จะหนักหน่วงถึงขั้นเลิกรากันสักที
“อย่ามองฉันแบบนั้นสิยะ แผ่นดินมันเวอร์ ทิ้งบ้าทิ้งบออะไรล่ะ”
“หรือไม่จริง?”
“ก็ไม่จริงน่ะสิ แค่ไม่ไปฝึกงานบริษัทพ่อนาย ไม่ได้หมายความว่าจะเลิก สติค่ะ!”
“สรุป...ทั้งคู่ทะเลาะกัน เพราะเรื่องฝึกงานเนี่ยนะคะ?”
“ใช่/ใช่” คู่รักที่ตบตีกันอยู่ตอบพร้อมเพรียงเสียงดังฟังชัด
“เฮ้อ...อยากจะบ้า ฟังนะ! เรายังไม่รู้รายละเอียดเรื่องการฝึกงานด้วยซ้ำ ยังไม่รู้เลยว่าจะไปที่เดียวกันได้มั้ย หรือเลือกที่ฝึกเองได้หรือเปล่า แล้วมานั่งทะเลาะกันเนี่ยนะ!” พริกแกงถอนหายใจยาวให้กับความไร้สาระของทั้งคู่ โดยมีน้ำหนาวนั่งพยักหน้าเห็นด้วย
“...เออว่ะ ลืมสนิทเลย”
แผ่นดินเฉลย นั่นก็ทำเอาพริกแกงกุมขมับ พลางกลอกตามองบน นึกอยากจะลุกไปตบตีเพื่อนตัวโย่งให้หัวโยก
พอเป็นเรื่องของข้าวฟ่าง คนฉลาดแบบแผ่นดินก็กลับกลายเป็นคนไร้หัวคิดไปเลยแฮะ เรื่องสำคัญแบบนี้ยังลืมได้ลง
“จบสักที! กินอะไรกันดี ข้าวอยากกินอะไร เดี๋ยวดินเลี้ยงเอง” หลังจากถูกพริกแกงเรียกสติไปตอนเช้า แผ่นดินคนที่เอาแต่ทำหน้าบึ้งตึงก็เหมือนจะกลายร่างเป็นอีกคน หนุ่มตัวสูงหันไปถามแฟนสาวอย่างเอาอกเอาใจ ขณะเดินออกจากห้องประชุม
ข้อสรุปเรื่องการฝึกงานของปีนี้ มีกฎเกณฑ์ใหม่ที่ระบุไว้ผู้หญิงและผู้ชายไม่สามารถไปฝึกงานที่เดียวกันได้ เพื่อป้องกันปัญหาหลายอย่างในอนาคต
แต่ข้อกำหนดพิเศษของปีนี้ คือบริษัทที่ทางมหา’ลัยจัดหามาให้ สามารถส่งนักศึกษาไปฝึกพร้อมกันได้มากสุดถึงสามคน แต่ให้โควตาจำนวนจำกัด ใครแจ้งความประสงค์ก่อนก็ได้โอกาสนั้นไป
แล้วแบบนี้สามสาวเพื่อนรักจะพลาดได้อย่างไร
“แหม พอรู้ว่างี่เง่าตีโพยตีพายไปก่อน ก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยนะจ๊ะ คุณ! แผ่น! ดิน!” หน้าสวยยื่นเข้าใกล้ใบหูเพื่อนตัวสูง ประโยคหลังเน้นย้ำทุกคำ ทั้งช้าและชัด พลางเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ให้กับความเปลี่ยนอารมณ์ไวของเพื่อนตัวโตใจบาง
“อย่ามาแซว”
“ไม่ได้แซว เขาเรียกล้อย่ะ ไอ้คู่รักหลากอารมณ์ ชิ!”
“เขาเรียกมีสีสันในชีวิตคู่ ใครมันจะไปเหมือนคู่เธอล่ะคร้าบคุณพริก มีอารมณ์เดียว ไม่รู้จะคลั่งรักอะไรกันนักกันหนา ไร้สีสันชะมัด ไม่เบื่อบ้างเหรอวะ?”
“โธ่เอ๊ย ถ้ามีสีสันแล้วเป็นแบบคู่แก ฉันขออยู่โหมดคลั่งรักแบบเดิมดีกว่า” พูดพร้อมเบะปากอย่างนึกหมั่นไส้
“พอๆ เลิกเถียงกันได้แล้วค่า คุณแฟนแอนด์คุณเพื่อน เดี๋ยวก็กลับมาเลือกบริษัทฝึกงานไม่ทันพอดี โตแล้วนะ ใช้ชีวิตแบบพอดีๆ บ้าง เพื่อนฉันนี่มีใครพอดีบ้างมั้ยเนี่ย?” สาวใต้ตาคมผิวขาวโพล่งบ่นขึ้นมาจนคนที่กำลังตีกันชะงักไป
“ไอ้บ้าแผ่นดินกับยัยพริกเอาแต่พูดๆๆ ไม่หยุด ส่วนน้ำหนาวก็เงียบจนคิดว่าเป็นใบ้ เฮ้อ ไม่ต้องมองค่ะ ก็พูดจริงอะ แล้วนี่สรุปจะกินอะไรกัน?” พอวีนเสร็จ ข้าวฟ่างก็กวาดสายตามองหน้าเพื่อนทีละคนอย่างขอคำตอบ อาจเพราะกำลังโมโหหิว ตอนนี้ก็เลยไม่ได้สนใจว่าคำพูดตัวเองจะทำร้ายความรู้สึกใคร ขอได้พูดตามใจตัวเองพอ
“อ่า โอเคๆ ไม่พูดมากแล้วก็ได้ แต่ว่าโทษทีนะ ฉันมีนัดกับพี่แทนไท ขอแยกตัววันหนึ่งน้า พลีส~”
“เบื่อพวกมีผัว”
แปะ
“โอ๊ย ตีทำไม เจ็บนะดิน!”
“พูดเหมือนตัวเองไม่มี เดี๋ยวคืนนี้จะโดน”
พริกแกงเลือกเมินคู่รักที่เตรียมก่อสมรภูมิรบตรงหน้า หันไปถามเพื่อนสาวอีกคนที่ยืนมองคนอื่นตาแป๋ว
“หนาวล่ะ ไปกินข้าวไหน?”
“หนาวว่าจะกินที่โรงอาหารนี่แหละ สะดวกดี อยากไปให้ทันเลือกเป็นคนแรกๆ ด้วย”
“ก็ดีนะ งั้นเราสามคนกินข้าวกันที่นี่แหละ”
เมื่อได้ข้อสรุปลงตัว ทั้งสามคนจึงแยกตัวเดินไปฝั่งโรงอาหาร ส่วนพริกแกงปลีกตัวมายืนรอแฟนหนุ่มรุ่นพี่ที่จุดนัดหมาย
รอสักพัก รถเบนซ์สีขาวสไตล์ผู้บริหารก็เลี้ยวเข้ามาจอดตรงหน้า ชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเรียบหรูคุ้นตา เดินอ้อมมาอีกฝั่งเพื่อทำหน้าที่เปิดประตูรถให้คนรัก บริการเธออย่างดีจนได้รอยยิ้มหวานกลับไปแทนคำขอบคุณ ไม่นานรถคันงามก็พุ่งทะยานไปตามพิกัดร้านอาหารที่เขาโทร. จองไว้ล่วงหน้า
- อีกด้าน -
นัยน์ตาคู่คมสีดำสนิทดูลุ่มลึกจับจ้องรถหรูคันผ่านกระจกติดฟิล์มดำชนิดพิเศษอย่างไม่ละสายตา มือหนายกโทรศัพท์กดต่อสายหาใครบางคน
“ออกไปแล้ว บอกคนของมึงจัดการได้เลย”
“เอาไงต่อดีครับนาย ตามไปมั้ยครับ” บอดี้การ์ดคนสนิทที่วันนี้รับหน้าที่พลขับถามขึ้น หลังเห็นผู้เป็นนายวางสายจากบุคคลปริศนาแล้วเอาแต่นิ่ง ไม่ยอมออกคำสั่งอะไรสักคำ ทั้งที่คนที่ตามมาตั้งแต่เช้า กำลังจะกลืนหายไปกับรถมากมายบนท้องถนน
“กลับ”
“ครับ? ไม่ตามคุณหนูไปแล้วเหรอครับ”
“ไม่ต้อง”
“ครับ”
ร่างสูงข้างคนขับไม่สนใจคนทำหน้ามึนงง เขาหลุบสายตามองสมุดบันทึกเล่มหนาในมือนิ่ง ปากหยักเหยียดยิ้ม เมื่อนึกถึงใบหน้าจอมดื้อรั้นของผู้ที่เคยเป็นเจ้าของมัน
“แล้วเจอกันนะ ตัวเล็ก”
- 10 ปีต่อมา -“เฮียขา ~”“ว่าไงครับคนสวย” ร่างสูงย่อตัวนั่งยองบนส้นเท้า กางแขนรอรับร่างลูกสาวคนสวยที่วิ่งยิ้มแป้นผมปลิวมาแต่ไกล ด้านหลังเด็กสาวผมเปียมีหนุ่มน้อยผิวขาวจัดตัดผมสีน้ำตาลธรรมชาติ ดวงตาคม รับกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่ทำเพียงยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้พูดอะไรหลังจากลูกสาวคนแรกคลอดได้ไม่ทันครบปี พริกแกงก็ตั้งท้องลูกชายอีกคน คราแรกยูนิกซ์ค้านหัวชนฝา เพราะไม่อยากเห็นแม่ของลูกต้องทรมานอีก แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเมียรักอยู่ดีทว่ารอบนี้มีการปรึกษาหมออย่างละเอียด และโชคดีที่เจ้าลูกชายเป็นเด็กดีตั้งแต่อยู่ในท้อง ไม่มีใครแพ้ท้องอาเจียนจนเป็นลมล้มพับเหมือนตอนท้องลูกสาว มีเพียงภรรยาที่ติดกลิ่นสามี ต้องตามติดแจไปไหนไปกัน ซึ่งเขาชอบมากที่เป็นอย่างนั้น ส่วนตอนคลอดเจ้าหนูก็คลอดง่ายดายต่างจากยัยแสบลิบลับฮันนี่ พรรณิกา เรเลอร์ตัน เด็กสาวแก้มป่องกับผิวขาวอมชมพูที่ใครเห็นก็อยากฟัด สีผมและนัยน์ตาดำสนิทเหมือนผู้เป็นพ่อ ตากลมโตฉายแววความดื้อรั้นมาตั้งแต่ยังไม่ทันครบขวบดี ปากนิดจมูกหน่อยดูจิ้มลิ้ม เป็นเด็กสดใสร่าเริง ไม่กลัวคน ไม่ยอมใคร แสบเหมือนแม่ แต่ติดความกวนนิด ๆ เหมือนพ่อ เป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญ
“ฮะ...เฮีย ฮึก”“คนดีเป็นอะไรครับ?” เสียงร้องเบา ๆ ทว่าเจ็บปวดจากคนตัวเล็ก ปลุกคนที่กำลังหลับใหล ให้ดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจสุดขีดหมอคินกำชับนักกำชับหนา ช่วงนี้ให้ดูแลพริกแกงอย่างใกล้ชิด แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคืนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่มีสัญญาณเตือนอะไรอย่างที่ไอ้หมอบอกไว้ ดีที่เขาพยายามตื่นตัวและเตรียมความพร้อมตลอดเวลา“นะ...หนูเจ็บ”“อดทนหน่อยนะครับ” เสียงสั่นเทาเอ่ยปลอบทั้งภรรยาตัวเล็กและตัวเอง เขาพยายามตั้งสติห้ามมือไม้ไม่ให้สั่น แม้จะเตรียมตัวตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่เอาเข้าจริง เขากลับตื่นเต้นจนแทบทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นชุดนอนเมียรักเปียกชุ่มไปด้วยน้ำคร่ำ อกด้านซ้ายยิ่งสั่นระรัวเหมือนจะหลุดออกจากอกยูนิกซ์จำคำเตือนของไอ้หมอได้ขึ้นใจ เมื่อไหร่ที่พริกแกงมีอาการน้ำเดิน นั่นหมายความว่า มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เจ้าตัวน้อยจะออกมาลืมตาดูโลกภายในสิบสองชั่วโมง ถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาจะได้เจอหน้าคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่ยังไม่เคยเจอกันสักครั้งว่าที่คุณพ่อทั้งตื่นเต้น ดีใจ และตกใจแต่ก็ไม่ลืมช้อนอุ้มภรรยาขึ้น กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องด้วยความระมัดระวัง โดยมี
“ค่อย ๆ ลุกนะคะคุณยู มาค่ะดิฉันช่วย”“ปล่อยครับ ผมลุกเองได้ ทำไมกูมาอยู่ที่นี่ได้วะ แล้วเมียกูไปไหน ไอ้เจฟ!” เอ่ยปฏิเสธคนที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยพยุง เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นมาถูกเนื้อต้องตัว แม้จะเป็นพยาบาลก็ตาม ก่อนประโยคหลังจะหันมาถามคนสนิท แต่คนที่ยืนอมยิ้มในความหวงตัวของเจ้านายกลับไม่ทันตอบ เสียงระคายหูของคนมาใหม่ ก็ทำให้คนที่เพิ่งพยุงตัวเองลุกพิงหัวเตียงได้ตวัดตามองไม่พอใจ“ตื่นมาก็ร้องหาเมียเลยนะมึง”ทำไมนอกจากหน้าไอ้เจฟ ตื่นมาคนที่เจอต้องเป็นมัน! คนที่เขาไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดตอนนี้ด้วย! โชคดีที่โผล่มาแค่ตัวเดียว ถ้าอีกคนมาด้วย มันคงหัวเราะเยาะเขาจนเสียงแหบหรือไม่ก็คอแตกตายไปแล้วมั้ง“มึงมาทำไมไอ้เจย์”“มาดูคนกระจอก” ตอบเสียงนิ่ง พลางปัดหน้าจอดูงานทำเป็นไม่ใส่ใจ แตกต่างจากความเป็นจริงพอเขารู้ข่าวว่าน้องชายถูกหามส่งโรงพยาบาลก็รีบมาดู แต่สภาพน่าอดสูของมัน กลับทำเขาอดยิ้มเยาะในความน่าสมเพชไม่ได้เกิดมาตากแดดตากลม อดหลับอดนอนลากยาวติดต่อกันแค่ไหนไอ้ยูก็ไม่เคยป่วย แต่วันนี้มันกลับโดนเสียบสายน้ำเกลือเพราะแพ้ท้องแทนเมีย ผู้ชายห่าอะไรแพ้ท้องหนักไม่พอ ยังเหม็นกลิ่นตัวเองหนักถึงขนาดเป็น
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่าตัวเล็ก” เสียงทุ้มเอ่ยถามภรรยาด้วยความห่วงใยเขายืนหวีผมให้เมียรักเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำก่อนนอนทุกวัน ทว่าวันนี้กลับสังเกตเห็นใบหน้าหวานที่สะท้อนผ่านกระจกมีสีหน้าเศร้าหมองเหมือนคนคิดไม่ตก ทำให้อย่างยูนิกซ์อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้เขาชอบเห็นใบหน้าสวย ๆ ของภรรยาประดับไปด้วยรอยยิ้มมากกว่า ไม่ชอบใบหน้าอมทุกข์อย่างเช่นตอนนี้เลยสักนิดพริกแกงจับมือใหญ่ของสามีที่วางอยู่บนบ่า พลางบีบเบา ๆ สบสายตาคมผ่านกระจกบานใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะระบายลมหายใจหนัก หันมาเอ่ยกับคู่ชีวิตด้วยเสียงแผ่วเบาไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเก็บมาคิดหรือใส่ใจ“จู่ ๆ ช่วงนี้หนูก็คิดถึงข้าวฟ่างขึ้นมา ผ่านมาเป็นปีแล้ว ไม่รู้เธอจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างนะคะ”“หนูเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นเหรอ”“ก็มีบ้างค่ะ” หากไม่นับเรื่องแทนไท ข้าวฟ่างก็นับเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง เธอกับข้าวฟ่างคอยช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันมาตลอด แต่เพราะอีกคนพลาดที่มอบหัวใจให้คนผิด ไปรักผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เรื่องมันถึงต้องจบลงแบบนั้น แต่ถึงจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ เธอก็ไ
“ทำอะไรอยู่ครับ หืม?” คุณสามีที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน เดินเข้าไปสวมกอดภรรยา พร้อมกดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มนิ่มฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงนับวันเขายิ่งรู้สึกทั้งรักทั้งหลงยัยตัวเล็กมากขึ้นทุกวัน กลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ พอได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงคนในอ้อมแขน ได้สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนผมนุ่ม ก็ทำให้ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันหายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง“อ่านบันทึกค่ะ”“ไม่เบื่อเหรอ เฮียเห็นหนูอ่านแทบทุกวัน”“ไม่เบื่อค่ะ ก็มันเป็นจุดเริ่มต้นของเรานี่คะ” เสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน พริกแกงไม่เคยลืมเลือน เธอสามารถอ่านมันได้ซ้ำ ๆ ทุกวันไปตลอดชีวิต ทุกตัวอักษรคือเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ก่อนที่เราสองคนจะสมหวัง แล้วเธอจะเบื่อได้อย่างไรไม่มีทาง“แต่ตอนนี้หนูหยุดอ่าน แล้วมาช่วยเฮียก่อนได้มั้ยครับ?”“หือ ช่วยอะไรคะ”“อาบน้ำให้เฮียหน่อยค่ะคนดี”“...แต่หนูเพิ่งอาบไปเองนะ”“อาบแล้วก็อาบอีกได้ มาครับเมีย เฮียจะทำความสะอาดให้ทุกซอกทุกมุมเลย” แม้จะทำสีหน้าเหมือนไม่ยินยอมกับคำพูดสองแง่สองง่ามของสามี แต่เธอก็อ้าแขนออกกว้างให้เขาเข้ามาอุ้ม เรียกรอยยิ้มเอ็นดูได้ไ
“มันกวนตีนแบบนี้มานานแล้วน้องรัก เธอแค่ยังไม่เห็น!”“ถ้ามึงไม่หยุด ผมจะโทร. บอกเมียคุณนะ”“โอ๊ย ถ้าขึ้นมึงแล้ว ก็ไม่ต้องผม ๆ คุณ ๆ หรอกเพื่อนรัก” พี่เขยเอ่ยเย้า แต่พอเห็นน้องเขยในคราบเพื่อนสนิททำท่าขอโทรศัพท์จากการ์ดด้านล่าง ชานนท์ก็รีบรูดซิปปาก แล้วกลับไปนั่งเงียบ ๆ ข้างเจนิกซ์แต่โดยดี“น้องมึงแม่งชอบขู่”“กูก็โดน” พอได้ฟังเจนิกซ์ตอบก็ยิ่งต้องเงียบเสียงกว่าเดิมพี่มันยังไม่เว้น แล้วเพื่อนจะเหลืออะไรล่ะคร้าบ“กลับมาต่อนะครับ เหตุผลแค่นี้เองเหรอเนี่ยที่ทำให้เธอจำพี่ใจดีไม่ได้? งั้นพี่ช่วยตอบเพื่อนผมหน่อยสิว่าทำไม”“ที่ผิวคล้ำ เพราะช่วงนั้นบ้าเล่นเซิร์ฟครับ ครั้งแรกที่เราเจอกัน พี่ก็เพิ่งกลับจากแข่งเซิร์ฟ ส่วนทำไมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นถึงเป็นสีน้ำเงิน มันเป็นของแจกน่ะ พี่ได้มาตอนไปลงทะเบียนแข่งครับ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก แล้วปล่อยให้เข้าใจผิดตั้งนาน ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงชอบกวน...” ยูนิกซ์ลดไมค์ลงครู่หนึ่ง ก้มลงไปใกล้ใบหูสีแดงของว่าที่ภรรยา เขาพูดเสียงกระซิบทว่ายกไมค์ขึ้นจ่อปากไว้“พี่กวนเฉพาะคนสนิท แต่กับหนู...พี่อยากกวนทั้งตัวทั้งใจเลยครับที่รัก”หลังส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอเสร็จ แขกเหรื่อแล