มินิคูเปอร์สีจังเกิลกรีนคันเล็ก หักเลี้ยวเข้าจอดเทียบทางเข้า Tiara Grand Hotel โรงแรมหรูระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังติดอันดับต้นๆ ของประเทศ ตัวอาคารออกแบบสไตล์กรีก-โรมันถูกประดับตกแต่งด้วยแมกไม้นานาชนิดสร้างความร่มรื่น ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติโดยไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงต่างจังหวัด
พริกแกง นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหา’ลัยเอกชนชื่อดัง เจ้าของร่างบางสัดส่วนชวนฝัน พร้อมด้วยใบหน้ารูปไข่สวยหวานผสานความเซ็กซี่แต่งเติมด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ดวงตากลมโตสุกใส ขนตางอนยาวเรียงแพสวย จมูกเชิดรั้นรับริมฝีปากอวบอิ่ม ผิวขาวเนียนอมชมพูสุขภาพดีช่วยดึงดูดสายตาผู้ชายมองตามจนเหลียวหลัง ส่วนผู้หญิงด้วยกันยังต้องมองด้วยความอิจฉา
เจ้าของใบหน้าสวยเชิดหลังตรงดุจนางพญา เท้าเรียวเยื้องย่างมาบนรองเท้าส้นแหลมสีดำแบรนด์ดังด้วยความมั่นใจ สะกดทุกสายตาที่จ้องมอง
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ คุณพริก”
“สวัสดีค่ะ” เรียวปากอิ่มยกยิ้มตอบอย่างไม่ถือตัวเช่นทุกครั้ง
สองเท้าบางก้าวไปเบื้องหน้า สายตาสาดส่องมองหาใครบางคน ก่อนตากลมจะทอประกาย มุมปากยกยิ้มอ่อนเมื่อสายตาปะทะเข้ากับแผ่นหลังของคนตัวเล็กกว่าแสนคุ้นตา ยืนอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
“พี่ใยไหมคะ”
“คะ? สวัสดีค่ะ คุณพริก” คนถูกทักแม้จะตกใจเล็กน้อยแต่ยังคงเอ่ยเสียงนิ่ม ริมฝีปากสีหวานยกยิ้มจนเห็นตาสระอิ พลางก้มศีรษะเล็กน้อยแสดงความอ่อนน้อมแม้อีกฝ่ายจะอายุน้อยกว่าก็ตาม
“เชิญทางนี้ค่ะ”
ใยไหม สาวหวานร่างเล็ก เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มกับกิริยาท่าทางเรียบร้อย ทว่ากลับทำงานเก่งแตกต่างจากบุคลิกภายนอกจนหลายคนยอมรับในฝีมือ
เธอทำงานที่นี่มาตั้งแต่ผู้บริหารคนเก่า ปัจจุบันเป็นเลขาประธานหนุ่ม ที่เพิ่งเข้ามาบริหารงานแทนบิดาหลังเรียนจบเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
ถ้าสงสัยว่าทำไมใยไหมรวมถึงพนักงานคนอื่นถึงเคารพยำเกรงและให้ความสำคัญกับเด็กสาวที่ยืนเคียงกัน คำตอบไม่ใช่ว่าเธอเป็นลูกค้าคนสำคัญ หรือเป็นลูกหลานผู้ทรงอิทธิพลคนไหน แต่เพราะว่าพริกแกงเป็นแฟนสาวสุดที่รักของแทนไทต่างหาก
แทนไทกับพริกแกงคบหาดูใจกัน ในช่วงที่ฝ่ายชายกำลังจะเรียนจบ ส่วนหญิงสาวกำลังจะขึ้นชั้นปีที่ 3 และการคุกเข่าขอสาวสุดฮอตที่ไม่เคยชายตาแลผู้ชายคนไหนเป็นแฟนในวันรับปริญญา ก็ทำเอาเป็นที่ฮือฮาไปทั่วทั้งมหา’ลัยอยู่นานเกือบเดือน
วันที่แทนไทเข้ามาบริหารงานวันแรก เขาพาพริกแกงมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักในฐานะคนรัก ทั้งยังไม่ลืมกำชับให้ปฏิบัติต่อคนตัวเล็กเช่นเดียวกับตนและครอบครัว เพราะอีกไม่นานเธอคนนี้จะเข้ามาเป็นเจ้านายอีกคน
ติ๊ง~
สัญญาณเตือนดังขึ้น ก่อนประตูลิฟต์เปิดออก เมื่อเดินทางมาถึงชั้นบนสุด เลขาสาวเดินนำคนรักเจ้านายมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ที่ถูกปิดสนิท
“คุณแทนรออยู่ในห้องค่ะ คุณพริ..”
“หยุดเลยค่ะ!” พริกแกงขัดขึ้นเสียงเข้ม ทำคนแก่กว่าตกใจ รีบก้มหน้าหลบสายตาที่มองมาตาไม่กะพริบ
“มะ...มีอะไรเหรอคะ” เอ่ยถามเจ้านายอีกคนเสียงตะกุกตะกัก ดวงหน้าหวานเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้ใจของใยไหมหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม ด้วยกลัวว่าตนเผลอไปทำอะไรขัดใจเธอคนนี้เข้าจนถูกว่าเสียงเข้ม
ขืนเจ้านายหนุ่มรู้ว่าเธอทำคนรักเขาไม่พอใจ เธอต้องโดนดุแน่ หรือซ้ำร้ายไปกว่านั้น อาจถูกไล่ออกเลยก็ได้
ทุกคนต่างรู้ดีว่าคุณแทนไทรักคุณพริกแกงมากแค่ไหน
“พริกบอกพี่กี่ครั้งแล้วคะ เวลาอยู่กันสองคนให้เรียกพริกได้เลย ไม่ต้องเรียกคุณหรอกค่ะ มันดูห่างเหินเป็นทางการเกินไป พริกไม่ชอบเลย คราวหน้าไม่อนุญาตให้ลืมแล้วนะคะ”
“ขะ...ขอโทษค่ะ คุณพริก อุ้ย! ขอโทษค่ะน้องพริก” เลขาสาวยิ้มเจื่อนหลุบมองสองมือนุ่มของเด็กสาวรุ่นน้อง ที่กอบกุมมือเธอเอาไว้หลวมๆ
ใยไหมลืมไปเสียสนิท คุณพริกแกงเวลาทำหน้านิ่งจะดูเย่อหยิ่งเข้าถึงยาก พลอยทำให้คนรอบกายประหม่า ทั้งที่ความจริงเป็นเด็กสาวน่ารักคนหนึ่ง ที่ไม่ชอบให้ใครปฏิบัติต่อเธออย่างแบ่งแยกชนชั้น
“รอบหน้าพี่ไม่กล้าลืมแล้วค่ะ น้องพริกเข้าไปได้เลยนะคะ บอสรอตั้งแต่เช้าแล้ว เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำกับขนมมาให้ค่ะ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พี่แทนคะ พริกเข้าไปนะคะ” เสียงใสเจื้อยแจ้วอย่างมีมารยาท ทว่ากลับไร้เสียงตอบรับจากคนในห้อง
พริกแกงเคาะประตูห้องทำงานของแฟนหนุ่มอีกครั้ง เว้นจังหวะไปครู่หนึ่งรอสัญญาณตอบกลับ แต่ทุกอย่างยังคงเงียบเหมือนเดิม มือเล็กจึงตัดสินใจขยับลูกบิดประตูเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าไม่ได้ล็อกจึงถือวิสาสะผลักประตูเดินเข้าไป แต่ต้องแปลกใจหนักกว่าเดิม
มีเพียงความว่างเปล่า ไร้เงาเจ้าของห้อง
“หายไปไหนล่ะเนี่ย? ไหนพี่ไหมบอกรออยู่ไง” คนตัวเล็กทำแก้มป่อง บ่นพึมพำกับตัวเอง พลางกวาดสายตามองทั่วทุกมุมห้องที่ไร้วี่แววคุณแฟนที่นัดกันเสียดิบดี
“พี่ทะ...”
หมับ! ฟอด~
“คิดถึงมากเลย หอมจัง แฟนใครครับเนี่ย”
“ว้าย~ นี่แน่ะ เล่นอะไรคะ พริกตกใจหมด” แก้มขาวเจือสีแดงระเรื่อ ฟาดมือเล็กบนแขนแกร่งที่โอบกอดเอวคอดจากด้านหลังอย่างไม่แรงนัก โทษฐานทำให้ตกใจจนหัวใจเกือบหยุดเต้น แถมยังแอบขโมยหอมแก้มกันฟอดใหญ่อย่างไม่ทันตั้งตัวอีก
เล่นอะไรก็ไม่รู้ บ้าจริง
“เซอร์ไพรส์ไงครับ”
“ไม่ต้องมายิ้มเลย ระวังเถอะ โดนพริกเซอร์ไพรส์บ้างพี่จะหนาว”
“ยังไงเหรอครับ?” คนตัวเล็กในอ้อมแขนหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับคนขี้แกล้ง สองแขนยกขึ้นคล้องลำคอหนาตรงหน้า ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้น เอียงหน้ากดจมูกหอมแก้มซ้ายขวาของอีกคนด้วยความไวแสงแล้วผละออก
พริกแกงช้อนดวงตาคู่หวานขึ้นมองแฟนหนุ่มแล้วฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยถามคนชะงักค้างเสียงใส
“เซอร์ไพรส์มั้ยคะ?”
“มากครับ แต่...พี่อยากได้มากกว่านี้ครับคนสวย” ตอบกลับเสียงทุ้ม มองคนยิ้มกว้างด้วยแววตาหลงใหลใคร่รัก
แม้ภายนอกพริกแกงจะดูเป็นผู้หญิงแรงๆ ทว่าความจริงแล้วกลับเป็นคนหวงเนื้อหวงตัวกว่าที่คิด มีไม่บ่อยนักที่เธอจะรุกถึงเนื้อถึงตัวเขาก่อนแบบนี้
แทนไทกล้าพูดได้เต็มปาก เธอเป็นผู้หญิงที่เขายกขึ้นหิ้ง เป็นคนที่เขาอยากใช้ชีวิตด้วยกัน เธอเป็นว่าที่ภรรยาและแม่ของลูกในอนาคต
“พี่แทนไม่เอาค่ะ พริกล้อเล่น” เธอเอ่ยบอกเสียงร้อนรน เมื่อเห็นรอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากหยัก ทำให้เริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมาหน่อยๆ อกด้านซ้ายเริ่มสั่นไหวผิดจังหวะ เท้าเล็กเริ่มถอยหนีตามสัญชาตญาณ แม้ปากจะยิ้ม แต่บางสิ่งบางอย่างที่คนรักร้องขอมาตลอด เธอยังไม่สามารถยกมันให้เขาได้ในตอนนี้
แต่มีหรือที่แทนไทจะยอมปล่อยลูกกวางน้อยขี้อ้อนหลุดมือ
“มาให้พี่ทำโทษซะดีๆ”
“ไม่เอาค่ะ อย่าค่ะพี่แทน อย่าแกล้งพริก ฮ่าฮ่า มันจักจี้นะคะ ฮ่าฮ่า” แทนไทรั้งร่างเล็กเข้ามากอดหอม พลางเม้มริมฝีปากไล่กดจมูกโด่งไล้ไปตามกรอบหน้า สลับกับแตะสัมผัสแก้มนุ่มนิ่มสีอมชมพู ก่อนกดจูบลงที่ซอกคอหอม แสดงความเป็นเจ้าของเน้นๆ ด้วยความมันเขี้ยว
ตอหนวดโกนใหม่ครูดไปตามผิวเนียนสร้างความจักจี้ จนแฟนตัวเล็กขนลุกต้องย่นคอหนีเป็นพัลวัน เสียงใสหัวเราะคิกคักดังไปทั่วห้อง บ่งบอกว่ากำลังมีความสุขมากแค่ไหน
มีความสุขมากจนไม่เคยคิดถึงวันที่ต้องจากกัน
หลายเดือนต่อมา
“อยากได้อะไรเพิ่มมั้ยครับ” แทนไทเอ่ยถามแฟนตัวเล็กด้วยความรู้สึกผิด เพราะมีชนักติดหลังอยู่
เขาตั้งใจพาพริกแกงมาช็อปปิงเป็นการไถ่โทษ แต่เธอกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบ ทั้งที่ยังไม่ได้อะไรกลับไปแม้แต่ชิ้นเดียว
“พี่ขอโทษนะครับ วันครบรอบของเราแท้ๆ แต่พี่กลับไม่มีเวลาให้น้องพริกเลย”
วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งปีที่เขากับเธอตกลงเป็นแฟนกัน ทว่าเขาดันติดงานกะทันหัน ต้องไปเข้าร่วมประชุมด่วนเกือบทั้งวัน เพิ่งปลีกตัวออกมาได้หลังเลยเวลานัดหมายมาเกือบห้าชั่วโมง
หากเป็นแฟนคนอื่นคงงอนหรือไม่ก็ด่าคนบ้างานจนหน้าหงาย แต่พริกแกงกลับทำเพียงเงียบและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด
เราคบกันมาหนึ่งปี ช่วงแรกที่ยังไม่เข้ามารับช่วงต่อจากที่บ้าน เราสองคนก็เหมือนคู่รักทั่วไป มีเวลาให้กัน คอยดูแลเทกแคร์กันไม่ห่าง ทว่าตั้งแต่เข้ามารับงานต่อจากพ่อเต็มตัว เขาก็แทบไม่มีเวลาให้เธอเหมือนช่วงที่คบกันใหม่ๆ พริกแกงดูเหมือนจะเข้าใจมาตลอด แต่ช่วงหลังมานี้มันเงียบเกินไปจนเขานึกหวั่นใจ
พริกแกงที่เดินเงียบๆ มานานหยุดฝีเท้าลง ช้อนดวงตากลมขึ้นมองคนตัวสูงพร้อมยกยิ้มบางเบา ก่อนจะเอ่ยประโยคเดิมๆ ที่จำไม่ได้แล้วว่าใช้มันบอกอีกฝ่ายมากี่ครั้ง
มันนับไม่ถ้วน
“พี่จะขอโทษพริกทำไมคะ ไม่ต้องคิดมากหรอก พริกเข้าใจ”
“แต่พี่...” ปากเธอยิ้มและคอยพร่ำบอกเสมอว่าเข้าใจ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับสั่นไหว เหมือนพยายามเก็บซ่อนอะไรบางอย่าง ไม่มีใครสามารถคาดเดาความคิดของผู้อื่นได้ แทนไทก็เช่นกัน
เธออาจแค่พูดให้เขาสบายใจก็ได้ นั่นคือสิ่งที่เขากลัวที่สุด
กลัวทำเธอหลุดมือไป
“ไม่แต่ค่ะ ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วนะ” คนตัวเล็กแสร้งทำเสียงเข้ม กะพริบตาครั้งหนึ่ง ดวงตาที่ฉายแววความเคลือบแคลงใจ ก็เปลี่ยนเป็นดวงตารักใคร่ เธอเดินไปกอดแขนกำยำของคนข้างกาย พลางเอนศีรษะซบไหล่กว้างอย่างที่ชอบทำ ก่อนพูดต่อ
“แค่พี่รักพริกแบบที่พูด ซื่อสัตย์กับพริกเหมือนที่เราเคยสัญญากัน แค่มีพี่ในชีวิตทุกวัน พริกก็พอใจและมีความสุขมากๆ แล้วค่ะ เรื่องอื่นช่างมันเถอะ เนอะ”
“ครับ พริกทั้งสวยแถมน่ารักแบบนี้ พี่จะหนีไปไหนรอด หลงจะตายอยู่แล้วครับคนสวย”
“ก็ขอให้เป็นแบบนี้ตลอดไปนะคะ” พูดจบเธอก็ฉีกยิ้มร่าจนตาหยี แสดงความออดอ้อนให้เขาหลงใหล มุมปากหยักยกรอยยิ้มกว้าง ยกมือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเอ็นดู
ถ้าเขาทิ้งเธอ คงมีแต่คนตราหน้าเขาว่า ไอ้โง่ ผู้หญิงแบบพริกแกงไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ สวย รวย เก่ง และที่สำคัญคือไม่
งี่เง่า แม้จะมีบางอย่างที่เธอยังให้เขาไม่ได้ แต่หากคิดในมุมนักธุรกิจแล้วมันคุ้มค่าที่จะรอ
หนุ่มสาวจูงมือหยอกเย้ากันตามประสาคู่รัก พากันเข้าร้านโน้นออกร้านนี้อย่างมีความสุข โดยไม่รู้เลยว่า กำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครอีกคน
“นายครับ” คนถูกเรียกยกมือเป็นสัญญาณ ทำให้คนที่กำลังจะเอ่ยถามหยุดคำพูดลง เจฟโค้งคำนับผู้เป็นนายก่อนพาตัวเองออกมายืนรอคำสั่งห่างๆ อย่างรู้งาน
ร่างสูงของคนที่เท้าเพิ่งเหยียบแผ่นดินไทย กำลังยืนจับตามองคนทั้งคู่ ตั้งแต่ที่พวกเขาพากันย่างเท้าเข้ามาในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เมื่อสองชั่วโมงก่อน
ไม่อยากเชื่อสายตาว่า คนตรงหน้าจะเป็นเด็กสาวตัวน้อยที่เขาเคยเจอในอดีต ตัวจริงของเธอต่างจากในรูปมาก มากเสียจนจำแทบไม่ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป
รอยยิ้มสดใสที่มักมอบให้คนรอบข้างเสมอ ไม่ว่าจะรู้จักคนคนนั้นหรือไม่ก็ตาม
ทว่าหากมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้ง เธอคงจำเขาไม่ได้แล้ว เรื่องระหว่างเรามันผ่านมานานจนเลือนรางในความทรงจำ ซึ่งหากกลายเป็นอย่างนั้นมันก็ดี ดีต่อเธอ ดีต่อเขา และดีต่อเรื่องที่เขากำลังจะลงมือทำหลังจากนี้
แว่นตาสีดำแบรนด์หรูถูกดึงออก เผยให้เห็นนัยน์ตาเรียบนิ่งยากจะคาดเดาแฝงด้วยความขุ่นมัว จับจ้องแผ่นหลังบางที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ จนลับตา
เขามีสิทธิ์ได้แค่มอง
ก่อนหน้านี้ ไม่เคยอยากครอบครอง เพียงอยากยืนมองเธอใช้ชีวิตที่ดีและมีความสุขเท่านั้น
ทว่าตอนนี้มันไม่ใช่!
เขาโยนความคิดสวยหรูออกจากสมองไปจนหมด ยอมปล่อยเธอไปแล้วเป็นอย่างไร? ไม่กลับไปสร้างความวุ่นวายให้เธอแล้วอย่างไร? หากเธอต้องเป็นของไอ้เหี้ยนั่น
ก็อย่ามีมันเลย!
อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด ดีกว่าต้องมานั่งเสียใจอย่างที่ผ่านมา แล้วปล่อยให้เวลาพรากเราจนกลายเป็นคนแปลกหน้ากันอย่างช้าๆ ไปตลอดกาล
พอกันที!
“หมดเวลาของมึงแล้ว...ไอ้แทนไท”
- 10 ปีต่อมา -“เฮียขา ~”“ว่าไงครับคนสวย” ร่างสูงย่อตัวนั่งยองบนส้นเท้า กางแขนรอรับร่างลูกสาวคนสวยที่วิ่งยิ้มแป้นผมปลิวมาแต่ไกล ด้านหลังเด็กสาวผมเปียมีหนุ่มน้อยผิวขาวจัดตัดผมสีน้ำตาลธรรมชาติ ดวงตาคม รับกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่ทำเพียงยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้พูดอะไรหลังจากลูกสาวคนแรกคลอดได้ไม่ทันครบปี พริกแกงก็ตั้งท้องลูกชายอีกคน คราแรกยูนิกซ์ค้านหัวชนฝา เพราะไม่อยากเห็นแม่ของลูกต้องทรมานอีก แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเมียรักอยู่ดีทว่ารอบนี้มีการปรึกษาหมออย่างละเอียด และโชคดีที่เจ้าลูกชายเป็นเด็กดีตั้งแต่อยู่ในท้อง ไม่มีใครแพ้ท้องอาเจียนจนเป็นลมล้มพับเหมือนตอนท้องลูกสาว มีเพียงภรรยาที่ติดกลิ่นสามี ต้องตามติดแจไปไหนไปกัน ซึ่งเขาชอบมากที่เป็นอย่างนั้น ส่วนตอนคลอดเจ้าหนูก็คลอดง่ายดายต่างจากยัยแสบลิบลับฮันนี่ พรรณิกา เรเลอร์ตัน เด็กสาวแก้มป่องกับผิวขาวอมชมพูที่ใครเห็นก็อยากฟัด สีผมและนัยน์ตาดำสนิทเหมือนผู้เป็นพ่อ ตากลมโตฉายแววความดื้อรั้นมาตั้งแต่ยังไม่ทันครบขวบดี ปากนิดจมูกหน่อยดูจิ้มลิ้ม เป็นเด็กสดใสร่าเริง ไม่กลัวคน ไม่ยอมใคร แสบเหมือนแม่ แต่ติดความกวนนิด ๆ เหมือนพ่อ เป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญ
“ฮะ...เฮีย ฮึก”“คนดีเป็นอะไรครับ?” เสียงร้องเบา ๆ ทว่าเจ็บปวดจากคนตัวเล็ก ปลุกคนที่กำลังหลับใหล ให้ดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจสุดขีดหมอคินกำชับนักกำชับหนา ช่วงนี้ให้ดูแลพริกแกงอย่างใกล้ชิด แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคืนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่มีสัญญาณเตือนอะไรอย่างที่ไอ้หมอบอกไว้ ดีที่เขาพยายามตื่นตัวและเตรียมความพร้อมตลอดเวลา“นะ...หนูเจ็บ”“อดทนหน่อยนะครับ” เสียงสั่นเทาเอ่ยปลอบทั้งภรรยาตัวเล็กและตัวเอง เขาพยายามตั้งสติห้ามมือไม้ไม่ให้สั่น แม้จะเตรียมตัวตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่เอาเข้าจริง เขากลับตื่นเต้นจนแทบทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นชุดนอนเมียรักเปียกชุ่มไปด้วยน้ำคร่ำ อกด้านซ้ายยิ่งสั่นระรัวเหมือนจะหลุดออกจากอกยูนิกซ์จำคำเตือนของไอ้หมอได้ขึ้นใจ เมื่อไหร่ที่พริกแกงมีอาการน้ำเดิน นั่นหมายความว่า มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เจ้าตัวน้อยจะออกมาลืมตาดูโลกภายในสิบสองชั่วโมง ถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาจะได้เจอหน้าคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่ยังไม่เคยเจอกันสักครั้งว่าที่คุณพ่อทั้งตื่นเต้น ดีใจ และตกใจแต่ก็ไม่ลืมช้อนอุ้มภรรยาขึ้น กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องด้วยความระมัดระวัง โดยมี
“ค่อย ๆ ลุกนะคะคุณยู มาค่ะดิฉันช่วย”“ปล่อยครับ ผมลุกเองได้ ทำไมกูมาอยู่ที่นี่ได้วะ แล้วเมียกูไปไหน ไอ้เจฟ!” เอ่ยปฏิเสธคนที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยพยุง เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นมาถูกเนื้อต้องตัว แม้จะเป็นพยาบาลก็ตาม ก่อนประโยคหลังจะหันมาถามคนสนิท แต่คนที่ยืนอมยิ้มในความหวงตัวของเจ้านายกลับไม่ทันตอบ เสียงระคายหูของคนมาใหม่ ก็ทำให้คนที่เพิ่งพยุงตัวเองลุกพิงหัวเตียงได้ตวัดตามองไม่พอใจ“ตื่นมาก็ร้องหาเมียเลยนะมึง”ทำไมนอกจากหน้าไอ้เจฟ ตื่นมาคนที่เจอต้องเป็นมัน! คนที่เขาไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดตอนนี้ด้วย! โชคดีที่โผล่มาแค่ตัวเดียว ถ้าอีกคนมาด้วย มันคงหัวเราะเยาะเขาจนเสียงแหบหรือไม่ก็คอแตกตายไปแล้วมั้ง“มึงมาทำไมไอ้เจย์”“มาดูคนกระจอก” ตอบเสียงนิ่ง พลางปัดหน้าจอดูงานทำเป็นไม่ใส่ใจ แตกต่างจากความเป็นจริงพอเขารู้ข่าวว่าน้องชายถูกหามส่งโรงพยาบาลก็รีบมาดู แต่สภาพน่าอดสูของมัน กลับทำเขาอดยิ้มเยาะในความน่าสมเพชไม่ได้เกิดมาตากแดดตากลม อดหลับอดนอนลากยาวติดต่อกันแค่ไหนไอ้ยูก็ไม่เคยป่วย แต่วันนี้มันกลับโดนเสียบสายน้ำเกลือเพราะแพ้ท้องแทนเมีย ผู้ชายห่าอะไรแพ้ท้องหนักไม่พอ ยังเหม็นกลิ่นตัวเองหนักถึงขนาดเป็น
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่าตัวเล็ก” เสียงทุ้มเอ่ยถามภรรยาด้วยความห่วงใยเขายืนหวีผมให้เมียรักเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำก่อนนอนทุกวัน ทว่าวันนี้กลับสังเกตเห็นใบหน้าหวานที่สะท้อนผ่านกระจกมีสีหน้าเศร้าหมองเหมือนคนคิดไม่ตก ทำให้อย่างยูนิกซ์อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้เขาชอบเห็นใบหน้าสวย ๆ ของภรรยาประดับไปด้วยรอยยิ้มมากกว่า ไม่ชอบใบหน้าอมทุกข์อย่างเช่นตอนนี้เลยสักนิดพริกแกงจับมือใหญ่ของสามีที่วางอยู่บนบ่า พลางบีบเบา ๆ สบสายตาคมผ่านกระจกบานใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะระบายลมหายใจหนัก หันมาเอ่ยกับคู่ชีวิตด้วยเสียงแผ่วเบาไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเก็บมาคิดหรือใส่ใจ“จู่ ๆ ช่วงนี้หนูก็คิดถึงข้าวฟ่างขึ้นมา ผ่านมาเป็นปีแล้ว ไม่รู้เธอจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างนะคะ”“หนูเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นเหรอ”“ก็มีบ้างค่ะ” หากไม่นับเรื่องแทนไท ข้าวฟ่างก็นับเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง เธอกับข้าวฟ่างคอยช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันมาตลอด แต่เพราะอีกคนพลาดที่มอบหัวใจให้คนผิด ไปรักผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เรื่องมันถึงต้องจบลงแบบนั้น แต่ถึงจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ เธอก็ไ
“ทำอะไรอยู่ครับ หืม?” คุณสามีที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน เดินเข้าไปสวมกอดภรรยา พร้อมกดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มนิ่มฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงนับวันเขายิ่งรู้สึกทั้งรักทั้งหลงยัยตัวเล็กมากขึ้นทุกวัน กลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ พอได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงคนในอ้อมแขน ได้สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนผมนุ่ม ก็ทำให้ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันหายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง“อ่านบันทึกค่ะ”“ไม่เบื่อเหรอ เฮียเห็นหนูอ่านแทบทุกวัน”“ไม่เบื่อค่ะ ก็มันเป็นจุดเริ่มต้นของเรานี่คะ” เสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน พริกแกงไม่เคยลืมเลือน เธอสามารถอ่านมันได้ซ้ำ ๆ ทุกวันไปตลอดชีวิต ทุกตัวอักษรคือเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ก่อนที่เราสองคนจะสมหวัง แล้วเธอจะเบื่อได้อย่างไรไม่มีทาง“แต่ตอนนี้หนูหยุดอ่าน แล้วมาช่วยเฮียก่อนได้มั้ยครับ?”“หือ ช่วยอะไรคะ”“อาบน้ำให้เฮียหน่อยค่ะคนดี”“...แต่หนูเพิ่งอาบไปเองนะ”“อาบแล้วก็อาบอีกได้ มาครับเมีย เฮียจะทำความสะอาดให้ทุกซอกทุกมุมเลย” แม้จะทำสีหน้าเหมือนไม่ยินยอมกับคำพูดสองแง่สองง่ามของสามี แต่เธอก็อ้าแขนออกกว้างให้เขาเข้ามาอุ้ม เรียกรอยยิ้มเอ็นดูได้ไ
“มันกวนตีนแบบนี้มานานแล้วน้องรัก เธอแค่ยังไม่เห็น!”“ถ้ามึงไม่หยุด ผมจะโทร. บอกเมียคุณนะ”“โอ๊ย ถ้าขึ้นมึงแล้ว ก็ไม่ต้องผม ๆ คุณ ๆ หรอกเพื่อนรัก” พี่เขยเอ่ยเย้า แต่พอเห็นน้องเขยในคราบเพื่อนสนิททำท่าขอโทรศัพท์จากการ์ดด้านล่าง ชานนท์ก็รีบรูดซิปปาก แล้วกลับไปนั่งเงียบ ๆ ข้างเจนิกซ์แต่โดยดี“น้องมึงแม่งชอบขู่”“กูก็โดน” พอได้ฟังเจนิกซ์ตอบก็ยิ่งต้องเงียบเสียงกว่าเดิมพี่มันยังไม่เว้น แล้วเพื่อนจะเหลืออะไรล่ะคร้าบ“กลับมาต่อนะครับ เหตุผลแค่นี้เองเหรอเนี่ยที่ทำให้เธอจำพี่ใจดีไม่ได้? งั้นพี่ช่วยตอบเพื่อนผมหน่อยสิว่าทำไม”“ที่ผิวคล้ำ เพราะช่วงนั้นบ้าเล่นเซิร์ฟครับ ครั้งแรกที่เราเจอกัน พี่ก็เพิ่งกลับจากแข่งเซิร์ฟ ส่วนทำไมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นถึงเป็นสีน้ำเงิน มันเป็นของแจกน่ะ พี่ได้มาตอนไปลงทะเบียนแข่งครับ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก แล้วปล่อยให้เข้าใจผิดตั้งนาน ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงชอบกวน...” ยูนิกซ์ลดไมค์ลงครู่หนึ่ง ก้มลงไปใกล้ใบหูสีแดงของว่าที่ภรรยา เขาพูดเสียงกระซิบทว่ายกไมค์ขึ้นจ่อปากไว้“พี่กวนเฉพาะคนสนิท แต่กับหนู...พี่อยากกวนทั้งตัวทั้งใจเลยครับที่รัก”หลังส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอเสร็จ แขกเหรื่อแล