หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...
สองวันก่อนแซนด์ได้รับการติดต่อกลับจากจีน่า หลังจากหายเงียบไปหลายวัน ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายหรือเลขานุการ หล่อนนัดหมายให้เธอมาพบที่เดอะเพกาซัสตอนบ่ายโมงตรง
เมื่อมาถึงเจ้าตัวก็พาเดินทัวร์รอบบริษัท แนะนำว่าชั้นไหนเป็นที่ตั้งของฝ่ายใดบ้าง เพื่อให้เธอคุ้นเคยกับการต้องประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ แทนผู้เป็นเจ้านาย ก่อนจะพาเดินต่อมาจนถึงเคาน์เตอร์ความสูงประมาณหน้าอก ซึ่งเป็นโต๊ะทำงานประจำตำแหน่งเลขานุการ
“คุณหนึ่งเม็ดทรายสามารถใช้โต๊ะทำงานนี้ได้ตามสบายเลยนะคะ ฉันเตรียมอุปกรณ์สำคัญทั้งหมดไว้ให้แล้ว”
“คุณจีน่าเรียกแซนด์เฉย ๆ ก็ได้ค่ะ” ได้ยินจีน่าเรียกชื่อจริงทุกประโยคจนรู้สึกเหนื่อยแทนเธอ แถมอีกฝ่ายยังอายุน้อยกว่าเธอด้วย
เลขานุการสาวรับคำด้วยรอยยิ้ม แล้วจึงเริ่มพูดต่อ “ปกติแล้วท่านประธานจะเข้าบริษัททุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ แล้วก็วันที่มีประชุมสำคัญ วันอังคารกับพฤหัสฯ จะเป็นวันที่ท่านเข้าไปโรงแรม ซึ่งตารางงานของท่านจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีถูกบันทึกไว้ในปฏิทินแล้ว คุณแซนด์แค่ต้องรายงานให้ท่านทราบทุกวันตอนแปดโมงครึ่ง”
“ค่ะ”
“คุณแซนด์ยังไม่มีครอบครัวใช่มั้ย ขอโทษที่ต้องถามนะคะ”
“ยังค่ะ ฉันยังโสด”
“ถือว่าเป็นเรื่องดีค่ะ เพราะการเป็นเลขาของท่านประธานต้องสแตนด์บายรอรับคำสั่งตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ต้องมีความเป็นมืออาชีพและตรงต่อเวลา ไม่ต้องกังวลว่าจะยากเกินไป แค่ทำด้วยความมั่นใจก็พอค่ะ”
หญิงสาวรับฟังด้วยความเข้าใจ ไม่ได้แสดงออกถึงความกังวลใด ๆ เพราะมั่นใจในตนเองว่ามีความเป็นมืออาชีพมากพอ อย่างน้อยการเป็นอาจารย์สอนนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เธอเคยทำตอนอยู่ประเทศอังกฤษก็ทำให้เธอสามารถยืดอกพูดได้เต็มปาก
“อ้อ ฉันลืมบอกไปว่าต้องเดินทางค่อนข้างบ่อยนะคะ ฐานผลิตหลักของบริษัทเราอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ส่วนโรงแรมมีสาขาประมาณห้าสิบสาขาทั่วโลก ถ้าคุณแซนด์สื่อสารภาษาที่สามได้แบบเนทีฟสปีกเกอร์ก็จะยิ่งดี”
“ฉันสื่อสารได้สี่ภาษาค่ะ” เธอเป็นคนที่ชอบเรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สามารถสื่อสารได้ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาอิตาเลียนที่มีคลื่นเป็นคนสอนตั้งแต่เด็ก ๆ
“เยี่ยมเลยค่ะ แบบนี้ฉันคงพักร้อนได้อย่างสบายใจแล้ว” จีน่ามีความกังวลในการส่งงานต่อให้กับคนอื่น ก่อนหน้านี้มีคนเข้ามาสัมภาษณ์งานหลายคน แต่ไม่มีใครผ่านเกณฑ์ของเธอเลย เธอตัดสินใจว่าจะทำงานนี้ต่อไปจนถึงวันคลอดเพราะเป็นห่วงเจ้านายตนเอง
กระทั่งเจอกับผู้หญิงที่เจ้านายเป็นคนเลือกเองกับมือ แล้วพอได้พูดคุยก็เริ่มมั่นใจว่าแซนด์จะรับหน้าที่ต่อจากเธออย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“แต่ถ้าคุณแซนด์ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับงานหรือท่านประธาน สามารถติดต่อมาหาฉันได้ตลอดเหมือนกันนะคะ”
“ไม่ทราบว่าฉันต้องมาเริ่มงานวันไหนเหรอคะ”
“เป็นวันจันทร์หน้าแล้วกันค่ะ เทรนงานจากฉันสักหนึ่งอาทิตย์แล้วค่อยเริ่มทำงานจริง”
“ค่ะ”
“ถ้างั้นเดี๋ยวเราไปกันต่อเลยนะคะ”
หญิงสาวพยักหน้าตอบเบา ๆ เพราะคิดว่าหล่อนคงจะพาเธอไปที่ทัวร์โรงแรมเดอะสฟิงซ์เหมือนเดิม จากนั้นก็ตามหล่อนลงมาที่รถยนต์สปอร์ตสองประตู แล้วอาศัยรถยนต์คันนั้นมายังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่โรงแรมอย่างที่คิดไว้
“อันนี้เป็นเอกสารสัญญาที่คุณไม่ได้เอากลับไปค่ะ” เมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์แล้ว จีน่าจึงกล่าวทำลายความเงียบพร้อมทั้งยื่นซองเอกสารที่หยิบติดมือไปให้แซนด์
“ขอบคุณค่ะ” วันนั้นเธอรีบจนลืมเอาสัญญาที่เซ็นเสร็จแล้วกลับมาอ่านทวนอีกรอบ คราวก่อนเธอยังอ่านไม่ครบทุกบรรทัดเลย แต่ก็ทำสัญญาและรับเงินมาแล้ว
หนี้จำนวนหนึ่งร้อยล้านถูกปิดยอดได้ด้วยฝีมือของแซนด์เพียงคนเดียว เธอมอบเงินจำนวนนั้นให้พี่ชายต่างแม่ไปคืนเจ้าหนี้ ทั้งยังกำชับเขาว่าไม่ให้กู้หนี้ยืมสินใครมาอีก
ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีกเธอจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามเวรตามกรรม เธอคงไม่มีปัญญาชดใช้ ลำพังสี่สิบล้านที่ยืมมาจากคืนก็เหลือบ่ากว่าแรงแล้ว
ติ๊ง~
ลิฟต์ที่โดยสารขึ้นมาค่อย ๆ เปิดกว้างที่ชั้นสี่สิบสองของคอนโดมิเนียม สิ่งแรกที่หญิงสาวเห็นเบื้องหน้าคือบันไดขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง เกิดความสงสัยว่าที่นี่คือที่ไหน และจีน่าพาเธอมาทำไม
“ที่นี่คือที่ไหนเหรอคะคุณจีน่า”
“เพนต์เฮาส์ของท่านประธานค่ะ”
เพนต์เฮาส์ของคลื่น…ถึงจะได้รับคำตอบแต่ก็ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของหล่อนอยู่ดี
จีน่าเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยของแซนด์ “แล้วก็เป็นที่พักของคุณแซนด์ด้วย”
“ที่พักของฉันเหรอคะ? หมายความว่ายังไง”
“อย่างที่ฉันบอกไปในตอนแรกว่าคุณต้องสแตนด์บายรอท่านประธานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะงั้นคุณจำเป็นต้องอาศัยในชายคาเดียวกันกับท่านค่ะ”
มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอ…แซนด์ถามตนเองในใจ
จริงอยู่ว่าการอยู่ใกล้กันมันสะดวกต่อการเรียกใช้งานแต่ถึงขั้นต้องมาอาศัยในบ้านเดียวกันมันก็แปลกเกินกว่าจะเข้าใจ
“คุณจีน่าก็เคยต้องอยู่ที่นี่เหรอคะ”
“เปล่าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอปฏิเสธได้มั้ยคะ”
“ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ก็จริง แต่ฉันอาศัยอยู่ที่คอนโดฯ นี้ค่ะ” บ้านของจีน่าอยู่ถัดลงไปประมาณสิบชั้น ซึ่งยังอยู่ในโซนไพรเวตที่ต้องใช้คีย์การ์ดพิเศษ ส่วนเพนต์เฮาส์ของคลื่นเป็นห้องเดียวที่มีคีย์การ์ดเฉพาะของตน เนื่องจากประตูบ้านก็คือประตูลิฟต์นั่นเอง
“แต่จะให้อาศัยอยู่บ้านเดียวกันมัน…”
“มันถูกระบุไว้ในเอกสารสัญญา คุณแซนด์ไม่ได้อ่านเหรอคะ”
ประโยคนั้นทำเอาร่างบางเผลอขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะนำเอกสารในซองออกมาอ่านอีกรอบ เธอพยายามกวาดสายตาไล่หาสัญญาข้อนี้อย่างรีบร้อน
“ข้อที่สิบแปดค่ะ” เธอรู้เพราะเป็นคนร่างสัญญานี้เองกับมือ
นอกเหนือจากข้อตกลงที่ต้องอาศัยอยู่ด้วยกันตลอดระยะสัญญา ยังมีอีกหลายข้อที่ทำให้แซนด์กัดฟันข่มความหงุดหงิด สัญญาฉบับนี้เอารัดเอาเปรียบเธอยิ่งกว่าฉบับแรกเสียอีก
หลายอาทิตย์ต่อมา...ปุ้ง!“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะคุณจีน่า” แซนด์ดึงพลุกระดาษพร้อมกับกล่าวอย่างสดใส ทำเอาจีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของคลื่นถึงกับสะดุ้งตกใจ“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแซนด์ แต่ขอบคุณนะคะ”นี่เป็นวันแรกของการกลับทำงานหลังจากที่หล่อนลาพักร้อนไปเกือบเก้าเดือน ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้านายหนุ่มที่ยอมให้คนรักตนเองทำอะไรเช่นนี้“วันนี้คุณจีน่ามาทำงาน แปลว่าฉันคงต้องลาออกแล้วล่ะค่ะ”“คุณแซนด์ทำงานต่อไปก็ได้นี่คะ ดิฉันว่าท่านประธานน่าจะอยากให้ทำแบบนั้น”“คุณคลื่นบอกว่าถ้าฉันอยากทำงานที่นี่ต่อก็จะไล่คุณจีน่าออก”จีน่าหันไปเลิกคิ้วมองผู้เป็นเจ้านายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงความสนใจกลับไปที่หญิงสาวอีกคน “ถ้างั้นเชิญคุณแซนด์เลยค่ะ”“คุณจีน่าจะออกเหรอคะ”“เชิญคุณแซนด์ไปลาออกกับเอชอาร์ตอนนี้เลยค่ะ ลูกดิฉันยังเล็ก”“ฮ่า ๆ” ประโยคนั้นทำเอาแซนด์ถึงหลุดหัวหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ ฉันทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีเท่าคุณจีน่าหรอก อีกอย่างฉันว่าจะกลับไปอังกฤษสักพักด้วย”พรึ่บ!“กลับไปทำไมครับ” คลื่นผุดลุกจากเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะเดินมาหาแฟนสาวของตนเอง “ตอบผมสิครับ”“พี่จะกล
เช้าวันต่อมา…หญิงสาวมีอาการเจ็ตแล็กจนเผลอหลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ ไม่อยากรบกวนแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับสบาย จึงพาตนเองมาล้างหน้าล้างตาแล้วถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงมาที่ห้องครัวเพราะมีใครบางคนเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเอาไว้ ทำให้แซนด์เดาว่าน่าจะมีคนตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน เธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกบ้าน“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”“อ๊ะ! คุณตา” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตน เป็นฟาบริโอที่เดินผ่านพุ่มไม้มาพร้อมกับกรรไกรตัดแต่งต้นไม้ “สวัสดีตอนเช้าค่ะ”“อืม เจ้าเด็กนั่นยังไม่ตื่นเรอะ”“ยังเลยค่ะ หนูนอนก่อนก็เลยตื่นก่อนค่ะ”“กินของไม่มีประโยชน์ตั้งแต่เช้า สุขภาพมันจะแย่เอา” ชายสูงวัยมองถ้วยบะหมี่บนโต๊ะเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเตือนแฟนสาวของหลานชายด้วยความหวังดี“หนูไม่แน่ใจว่าทำอะไรทานได้บ้างก็เลยคิดว่าบะหมี่น่าจะง่ายสุดค่ะ”“ที่นี่ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณตาจะไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”“ว่าจะเข้าไร่ไปเก็บองุ่นมาให้เจ้าคลื่นมันกินนั่นแหละ เด็กนั่นมันชอบ”“อ้อ หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ”
ครอบครัวของคลื่นอาศัยอยู่แทบชานเมืองเซียน่าในแคว้นทัสคานีของประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางจะสังเกตได้ว่าล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น ตัวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสไตล์อิตาลีการมาเยือนประเทศอิตาลีคราวนี้เป็นครั้งที่สองแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม แซนด์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคลื่นบอกครองขวัญไปแล้วหรือยังว่าตอนนี้เขากับเธอเป็นอะไรกันหญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งสิบกว่าปี ซึ่งท่านก็ออกอาการตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ“สวัสดีค่ะน้าครองขวัญ”“หนูแซนด์เหรอ…” ครองขวัญเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่บอกกล่าวเธอเลยว่าจะพาแซนด์มาด้วยกัน“ใช่ค่ะ”“โตเป็นสาวแล้วสวยเชียว” หญิงวัยห้าสิบปีคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้พบกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาโอบไหล่เด็กสาวรุ่นลูก “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะฮึ”“คลื่นยังไม่ได้บอกคุณน้าเหรอคะ”“เจ้าตัวดีมันบอกอะไรน้าที่ไหนกัน แถมยังจะยืนหน้ามึนอีก”“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วอ้อมรถยนต์มาหาแฟนสาวกับแม่ของตน แต่โน้มเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ให้ได้ยินกันสองคน “…ผมเอาลูกสะใภ้มาฝาก”“คล
“คนเก่งหันมายิ้มหน่อยครับ”“หือ…” เมื่อหันไปเห็นว่าแฟนหนุ่มถือสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มตามที่เขาต้องการ “ถ่ายสวยมั้ย”“นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ”ติ๊ง~K.Da : พี่หนึ่งกับพี่สองกำลังไปที่บ้านนะK.Da : แกยังอยู่ที่นั่นมั้ยคลื่นตอบข้อความของพี่สาวกลับไปแค่สั้น ๆ ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา“สวัสดีครับท่านทั้งสอง”“สวัสดีครับ”“กระผมชื่อโอลิวิเยร์ เป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ครับ”“คิมหันต์ครับ” คลื่นแนะนำตนเองกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส“อีกครู่หนึ่งจะมีคนนำของว่างและชามาเสิร์ฟนะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกระผมได้”“ขอบคุณครับ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ชายหนุ่มโคลงศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับมาหาแฟนสาวตนเองไม่นานสาวใช้ประจำปราสาทก็นำอาฟเตอร์นูนทีมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ ก่อนจะเดินออกไปยืนห่าง ๆ เพื่อให้สองชายหญิงดื่มด่ำกับบรรยากาศกันตามลำพังช่วงเย็นบริเวณสวนดังกล่าวถูกจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว พร้อมทั้งเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดน์นิงที่ส่งตรงมาจากเชฟมิชลินสตาร์เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คลื่นร่วมรับประทานอาหา
สองเดือนต่อมา…@ฝรั่งเศสคำขอร้องจากปากพี่สาวต่างแม่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของเธอ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังอยู่ในสถานะพูดคุยกันได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องเบื้องหน้าของเขาเป็นพิธีแต่งงานซึ่งจัดขึ้น ณ โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ในแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศส ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา แต่ลึก ๆ คลื่นก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในใจคราแรกคิดว่าตนเป็นสายเลือดคนเดียวที่มางาน แต่ที่ไหนได้กลับมีทั้งพี่ชายคนโตและคนรองมาด้วย คลื่นไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทาย ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่กล้าหันมาสบตาหลังพิธีจบลงอย่างเป็นทางการ ‘ดา ดลยา’ ผู้เป็นเจ้าสาวก็เดินมาหาน้องชายต่างแม่ของตน เพื่อชวนเขาไปร่วมถ่ายภาพด้วยกัน“คลื่นไปถ่ายรูปกับพี่สิ”“พี่ไปถ่ายเถอะ”“เร็ว ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก” ดลยาดึงแขนน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้ ในขณะที่แซนด์ก็ต้องลุกพร้อมกันเมื่อคลื่นดึงเธอไปด้วย “…แวงซ็องต์คะ นี่น้องชายคนเล็กของฉันค่ะ”“สวัสดีครับ” เจ้าบ่าวหันมาทักทายอย่างสุภาพ พลางยื่นมือไปตรงหน้าน้องชายของภรรยา“สวัสดีเช่นกันครับ” คลื่นโคลงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปเช็กแฮนด์ตาทมาร
“ลงมาจากโต๊ะครับ”แซนด์หย่อนปลายเท้าลงมายืนบนพื้น ก่อนจะหันหลังแล้วเอนกายไปด้านหน้า เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบบัตต์ปลั๊กอะลูมิเนียมที่มีกระดิ่งห้อยออกมาลิ้นชักโต๊ะทำงาน“เตรียมมาตรงนี้มาพร้อมแล้วเหรอครับ”“…ค่ะ” หลังจากวันนั้นที่คลื่นทำกับช่องทางด้านหลังเธอครั้งแรก เธอก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง“สมกับเป็นคนเก่งของผมจังนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้บั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบอย่างหลงใหล โดยใช้สองมือบีบไว้แน่น แล้วเริ่มตวัดปลายลิ้นเลียร่องตรงหน้าด้วยความนุ่มนวลเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเพอร์เฟกต์ได้เท่าแซนด์มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ชอบสีชมพู แต่กลับรู้สึกคลั่งไคล้เมื่อมันอยู่บนตัวเธอ มากไปกว่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจะดีมาก“คุณเลขาครับ”“ว่าไงคะ”“เรามีเวลาสักสิบห้านาทีมั้ย”“จะเสร็จทันก่อนสิบห้านาทีเหรอคะ”“น่าจะทันนะครับ”“ถ้าคิดว่าทันก็เอาเลยค่ะ” แซนด์ก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ต่างจากคนข้างหลัง อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เช้าจนป่านนี้บ่ายเข้าไปแล้ว แต่คลื่นก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้งเธอเสียที“แค่ถามตรงนี้ก็ไหลเยิ้มกว่าเดิมแล้วนะครับ ถ้าผมไม่สนอง คงไปร่านในห้องประชุมให้